ปีใหม่ ณ อุทัยธานี ตอนที่ 1

สวัสดีทุกๆ คน น้ำหายไปนาน อย่าได้คิดว่าหายไปไหนนะคะ แบบว่ามันไม่ได้ไปไหน เป็นโรคขาดวิตามิน M คะ อิอิ แต่ว่าปีใหม่ที่ผ่านมาหม่อมแม่นั่นได้เอ่ยวาจาว่าอยากไปไหว้พระที่จังหวัดอุทัยคะ แม่บอกแค่ว่าแม่อยากไปวัดที่สวยๆ แล้วก็วัดที่อยู่บนเขาที่มีบันไดยาวๆ เวลาออกพรรษาเค้าจะตักบาตรกันตามบันไดนั้น ช่วยได้มากจิงๆ คะ หม่อมแม่ขา... คุณลูกก็ต้องมาหาข้อมูลสิคะ แต่เพื่อนๆ อย่าเพิ่งคิดว่าน้ำมีเวลาหาข้อมูลนานนะคะ แม่บอกก่อนปีใหม่ประมาณ 3 วันคะ เหอะๆๆ ไงคะ บ้านนี้เที่ยวไม่มีการวางแผนคะ อยากไปฉันก็จะไป บอกอีกด้วยนะคะว่าแม่อยากนอนที่อุทัยสักหนึ่งคืน เอาเข้าไปแล้วมันจะมีห้องมั้ยคะแม่ขา....

สรุปว่าน้ำใช้เวลาหาข้อมูลและจองห้องให้หม่อมแม่เป็นเวลาสองวันคะ ห้องเต็มซะส่วยใหญ่แต่พวกเราเลือกเดินทางวันที่ 2 กลับวันที่ 3 เลยพอมีห้องซุกหัวนอนคะ

พวกเราเริ่มออกเดินทางเช้า ไม่ใช่จิต้องเรียกว่าออกเดินทางสายวันที่ 2 คะ พ่อถามว่ายังไม่ออกกันอีกหรอ คิดว่ามันใกล้รึไง อุทัย เนี๊ย น้ำก็หันไปตอบอย่างมั่นใจว่ามันก็ใกล้กว่านครสวรรค์หล่ะน่า.. จะกลัวทำไม คือแบบว่ามีอยู่ช่วงนึงที่น้ำต้องกลายเป็นคนขับรถประจำตัวคุณพ่อผู้น่ารักขับรถให้ไปทำงานทุกวันหยุดเสาร์ - อาทิตย์ แต่อย่าคิดว่าไปนอนค้างนะคะ คุณพ่อนั้นให้เราขับไปแล้วขับหลับ ทำอย่างงี้อยู่เป็นเดือน ดังนั้น อุทัยธานี หรอ ชิวๆๆ เด็กๆๆ ไม่มีความกังวลใดๆ

บ้านน้ำอยู่มหาชัย จ.สมุทรสาครคะ เราใช้เส้นทางถนนเศรษฐกิจ 1 ทะลุสู่สาย 4 คะ แล้วก็เข้าปิ่นเกล้าเพื่อจะออกสู่บางบัวทองทางที่จะไปอยุธยาหน่ะ ขับมันตรง ตรง และก็ตรง อย่าได้แคร์สิ่งใด จนป้ายบอกทางให้เราเลี้ยวเค้า อยุธยาบางปะอิน เลี้ยวโลดคะ อย่าตรงไปนะ เลี้ยวแล้วเราก็จะเข้าสู่ถนนสายเอเชียคะ คราวนี้แหละมหกรรมขับรถขับจังหวัดแบบมือโปรก็ได้เกิดขึ้น

เราจะขับผ่าน อยุธยา สิงห์บุรี ชัยนาท จำได้เท่านี้อะ ก๊ากๆๆๆ ถ้าผ่านสิงห์บุรีก็จะมีรูปั้นปลาอยู่ตรงเกาะกลางถนน ผ่านชัยนาทก็จะมีน้องนกคะ แต่พอถึงชัยนาทต้องสังเกตป้ายที่ให้เลี้ยวซ้ายไปอำเภอมโนรมณ์นะคะ เลี้ยวโลดคะ แล้วก็ตรง ตรง ตรง อย่างเดียว

จุดหมายแรกของเราคือวัดจันทรารามหรือวัดท่าซุงคะ พอเราเลี้ยวเข้ามาที่อำเภอมโนรมณ์ เป็นอำเภอเล็กน่ารัก ขับมาเรื่อยจะสุดที่ท่าเรือข้ามฝากพอดีคะ เราต้องข้ามแพตรงนี้คะ



รถเยอะจังคะ กำลังจอดรอเพื่อจะลงแพข้ามฝากคะ การปล่อยลงแพของที่นี่จอดเป็นสองแถวอย่างที่เห็นนะคะ แล้วจะมีคนปล่อยลงแพข้างละ 6 คัน อย่าหวังจะขอเป็นคันที่ 7 นะคะ พี่เค้าไม่ให้คะ เพราะจอดเป็นคันแรกมาแล้ว แล้วลุงคันข้างๆ แกไม่ยอมให้เราไปแกจะขอเป็นกันที่ 7 พี่คนปล่อยรถบอกว่า "ไม่ได้" จบ !



ทางลงคะ เป็นไง ได้บรรยากาศสุดไปเลย เหอะๆๆ

พอลงมาที่แพเราก็ขอชักภาพแม่น้ำสักหน่อยไว้เตือนให้ระทึกตอนที่อยู่บนแพคะ



พอข้ามแพปลอดภัยไร้กังวล เราก็ขับรถกันต่อคะ ขับมาได้อีกประมาณ 3 - 4 กม ก็ถึงวัดแล้วคะ วัดที่นี่มีถนนผ่ากลางคะ จะเข้าฝั่งซ้าย ฝั่งขวาก็เลือกเอานะคะ เหอะๆๆ น้ำก็งงอยู่ในวัดตั้งนานหน่ะคะ เพราะไม่เคยเจอวัดถนนผ่ากลางเหมือนแยกเป็น 2 วัดมาก่อน

น้ำเลี้ยวขวาเข้าวัดคะ ที่คนเค้าเข้ากันไปเยอะๆ ฝั่งที่เค้าเอาไว้ให้อาหารปลากันหน่ะคะ เค้าไปไหว้ "หลวงพ่อฤษีลิงดำ" คะ



วิหารเป็นสีเงินนะคะ น้ำเสี่ยงเซียมซีได้เบอร์ 1 มีแต่โชคดี อิอิ

แล้วเราก็ขับรถต่อไปคะ ออกจากฝั่งขวาวนเข้าอีกฝั่งคะ แต่ว่าเข้าไปผิดที่คะ เลยได้สักการะที่นี่ก่อนคะ



ต้องขออภัยที่ภาพไม่ชัด แล้วก็จำชื่อไม่ได้ด้วย

แล้วก็วนรถกลับมาอีกรอบคะ เข้าผิดอีกรอบด้วย คือเราเข้าคนละทางกับชาวบ้านเค้าอีกตามเคย เลยได้เยี่ยมชมที่นี่ก่อนคะ



สวยคะ แต่รูปอาจเล็กไปหน่อย อย่าว่างั้นงี้เลยนะคะ ขอสวยก็อยากโชว์ เอาแบบเต็มๆ ไปสักรูปนะคะ



อย่างกับวิมานบนสวรรตเลยคะ พูดเหมือนเคยไป เหอะๆๆ



ด้านในวิหารคะ สวยเนอะ

พอขับรถต่อออกมาก็จะเจอพระใหญ่ปางยืนสูง 30 ศอก เท่ากับตึกห้าชั้นเลยคะ








เดินออกมาจากพระยืนก็ต่อด้วยวิหารอีกแห่งคะ พระพุทธชินราชสวยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก



แต่น้ำถ่ายออกมาได้ แย่มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

ลืมบอกไปนะคะ ว่าที่นี่เวลาเค้าไหว้พระนั้นไม่เหมือนกับวัดอื่นๆ ไม่ต้องธูปเทียนควันโขมง แต่จะเป็นชุดเทียนแพแล้วก็ดอกไม้เป็นพานพุ้ม สวยสุดยอด



พอสักการะเสร็จก็ข้ามไปอีกฝั่งตรงข้ามของวิหารนี้จะเป็นพระพุทธเจ้าปางอนาคตสักอย่างนี่แหละคะ จำชื่อท่านไม่ได้ เอาประวัติท่านมาอ่านก็จำได้ลางๆ แต่ว่าหลวงพ่อท่านเหมือนไปเข้าเฝ้าแล้วถามว่าอยากให้ปสร้างท่านให้ออกมาเป็นรูปลักษณ์แบบใด ท่านก็บอกให้หลวงพ่อสร้างแบบนี้คะ



น้ำชอบท่านมากเลยนะคะ แบบว่าเห็นปุ๊บ...สวยจัง ใช่เลย มือขวาถือจักร มือซ้ายถือพระขันท์ แต่ว่าไม่ได้อยู่ในท่าพร้อมรบ เอาไว้ข้างร่างกาย

แล้วพวกเราก็ขับรถต่อมาคะ ก็จะมากออกตรงวิหารสุดฮิต เหอะๆๆ ที่น้ำตั้งใจจะมาเห็นด้วยตาตั้งแต่หาข้อมูล แล้วหาวิหารไม่เจอ วีนแตกกับทุกคน เอิ๊กๆๆ... ต้องมีมันต้องมี อยู่ตรงไหน ที่นี่ไม่ใช่ นี่ก็ไม่ใช่ แล้วน้ำก็เจอคะ

แต่ก่อนที่จะเข้าไปด้านในขอแวะดื่มน้ำ แก้ร้อนก่อนนะคะ เพราะร้อนมาก จากที่ดำอยู่แล้ว เพิ่มระดับความดำเข้าไปอีก



อย่าคิดนะคะว่าทำไม มีแต่ชามะนาว ลืมถ่ายรูปแก้วอื่นมารึป่าว ขอตอบว่าป่าวคะ ซื้อแต่ชามะนาวกันทุกคน เลยมีแต่ชามะนาวให้ชมกัน ฮอตฮิต มากมายเลยขอมั่ง

เราเข้าไปด้านในวิหารกันคะ



ทางเข้าด้านหน้าคะ พยายามถ่ายตอนคนน้อยที่สุดแล้วนะคะ เหอะๆๆ ได้เท่านี้..



สิ่งแรกที่ได้เห็นหลังจากที่ก้าวแรกเดินเข้าไปถึงคะ แม่เจ้า...สวรรคชัดๆๆ (พูดเหมือนเคยไปอีกแล้ว )



พระบรมสารีริกธาตุคะ

แล้วเราก็หันหลังกลับไปอีกด้านตรงข้ามคะ



ไร้ซึ้งคำบรรยาย ขอเข้าใกล้อีกนิดนะคะ





สวยมากคะ สุดๆ จิง

วิหารนี้เค้ามีเวลาเปิด - ปิดนะคะ ตรวจสอบเวลากันดีๆ ถ้าน้ำจำไม่ผิด ช่วงเช้าจะปิดตอน 11 นาฬิกาแล้วเปิดอีกที่บ่าย 2 - 4 โมงเย็นคะ ไปผิดเวลาอดเข้าชมนะคะ แล้วจะหาว่านู๋น้ำไม่เตือนเน้อ...

น้ำก็สมใจหวังที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้คะ แล้วพวกเราก็ออกเดินทางมุ่งหน้าเข้าตัวเมืองอุทัยธานีกันคะ เราก็เลี้ยวซ้ายจากวัดเข้าตัวเมืองนะคะ เลี้ยวขวาต้องกลับไปแพอีกรอนนะจ๊ะ

น้ำจองที่ซุกหัวนอนไว้ที่ พญาไม้รีสอร์ท ห้องสำหรับ 4 คน ติดริมแม่น้ำสะแกกรัง ในราคา 1,400 บาท รวมอาหารเช้า พวกเราขอเข้าไปเช็คอินก่อนแล้วค่อยออกไปดูพระอาทิตย์ตกที่ยอดเขากันนะคะ

ติดตามตอนต่อไป (ขอไปคิดมุขก่อน)


***ขอขอบคุณ ห้อง Blueplanet เว็บ trekkingthai แล้วก็เว็บไซร์จังหวัดอุทัยสำหนับข้อมูลการเดินทางครั้งนี้เจ้าคะ***

Create Date : 11 มกราคม 2553 Last Update : 11 มกราคม 2553 11:51:21 น. Counter : 1603 Pageviews.		7 comments
Share Tweet