Group Blog
 
 
เมษายน 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
20 เมษายน 2553
 
All Blogs
 
บัลลังก์เสน่หา : จงรัก (ครึ่งหลัีง)



เทียนเล่มน้อยบนเชิงทองเหลืองให้แสงหรุบหรู่ สาดทับทาบกระทบต้องสองร่างซึ่งระริกไหวสั่นสะท้าน ในม่านมุ้งเสียงใหญ่กระซิบครวญต่ำพร่า สอดคลอเสียงน้อยแว่วพลิ้วหวิวเบายามถูกเร้ารุก...รวดเร่งด้วยเพลิงปรารถนาจากเรือนกายสูงใหญ่แน่นหนัก ที่สัมผัสสานแนบประชิดทั่วทุกสัดส่วนผิวกายนุ่มละออของร่างอ่อนบาง

พระฆานอุ่นซอนซุกไล้เวียนเคล้าคลอพวงแก้มน้อย ริมโอษฐ์ร้อนลากเคลื่อนลงคลี่ลิ้มรสฉ่ำหวานจากบุษบงกลีบบาง โลมเล้าไล่ลงเลาะเซาะซอนดูดกลืนเนินเนื้อทรวงอกแสนนุ่มนวล แลใคร่กระหายอยากดั่งคนขาดน้ำ หากแม้นร่างน้อยอยากละถอยกระถดกาย ด้วยทรมานหวามเขินสะเทิ้นอาย พระพาหาใหญ่ก็ตะกองกอด เบียดบดกดกระชับพระกายาร้อนรุ่ม เสียดแทรกอุ่นไอความสิเน่หาลึกเป็นแม่นมั่น ฝ่าพระหัตถ์ไม่หยุดเคลื่อนลากเลียดระโนมเนื้อปลั่งฉาย เคล้าส่งผ่านความซ่านหวานให้ใจดวงเล็กโลดหวิวไหว เรือนกายสั่นหวามหวั่นเปรียบเพยียน้อยต้องแรงวาโยเกรี้ยวโกรธ พัดให้ปลิวหลุดจากขั้วต้นทุกคราของจังหวะรุกเร้าซึ่งทอดผ่านจนถั่งท้นล้นปรี่ ก่อนเทพแห่งลมจะผ่อนแรงอ่อนเบา ประคองแม่ผกาดอกน้อยให้ถึงพื้นผืนพรมธาษตรีอย่างเชื่องช้านุ่มนวล...

เมื่อเรือรักแตะถึงยังฟากฝั่ง องค์ชายฝานจิ้งทรงขยับเขยื้อนถอนพระวรกายจากร่างเล็กกว่า ทรงซบพระพักตร์ลงยังท้องน้อยเนียนลื่นด้วยหยาดเหงื่อเกาะพราวของหยางเสีย เสียงลมหายใจระรัวถี่ของเจ้าร่างบางอ่อนนุ่มในอ้อมพระกรยังคงไหวให้ทรงได้ยิน ด้วยเอ็นดูรักใคร่เต็มฤทัยเหลือแสน พระโอษฐ์กว้างจึ่งพรมประทับจูบเน้นลงลาดหลุมน้อยที่กลางตัวของเจ้าเนื้อเนียน

หญิงสาวรู้สึกไหวหวามมวนปั่นในช่องท้อง กลีบปากอิ่มเม้มกลั้นเสียง ก่อนปล่อยหัวเราะคิกเมื่อพระองคุลีลงแรงจั๊กจี้ที่ข้างเอวบาง ริมโอษฐ์อุ่นซบซุกจุมพิตลงอีกหน ก่อนตรัสเบาๆ กับผิวเนื้ออ่อนบางนั้นราวกับว่าข้างในนั้นจะมีสิ่งมีชีวิตถือกำเนิดอยู่ “อีกนานเท่าใดกันหนอ พ่อถึงจะได้เห็นหน้าเจ้าเสียที...พ่อยังพยายามไม่มากพอหรืออย่างไร...”

มือน้อยของหยางเสียยกสัมผัสลูบต้องพระปราง “หยางเสียไร้สามารถ ไม่อาจทำให้ทรงสมปรารถนาได้”

“ไม่นะเจ้า...อย่าได้โทษตัวเอง” องค์ชายฝานจิ้งทรงคว้ามือนางอันเป็นยอดหทัย ประพรมจูบปลอบโยนบนหลังมือเล็ก “พี่ขอโทษ...พี่มันก็แค่ใจร้อนอยากเห็นหน้าลูกเร็วๆ” ไม่ควรเลยที่จะตรัสแบบนี้ ทรงรู้ดีร่างกายภายในของเจ้ายอดดวงใจไม่ใคร่จะสมบูรณ์ดั่งดรุณีแรกรุ่นทั่วไปนัก แม้ภายนอกนางจะแสดงให้ทรงเห็นว่าแข็งแรงสุขภาพกายดีสักปานใด แต่ความซับซ้อนภายในของกายสตรีที่หมอเฉินวินิจฉัย นางนั้นยังต้องได้รับการดูแลและบำรุงอย่างสม่ำเสมออีกมาก

ทรงต้องขอบคุณต่อนางถึงจะถูก ขอบคุณที่นางได้คอยปรนนิบัติมอบความรักตอบแทนต่อพระองค์ให้ทรงสำราญในทุกค่ำคืนที่มีนางชิดเคียงใกล้ เพราะมีหยางเสียเป็นคู่ร่วมชีวิตในทุกวัน ทำให้ทรงรู้สึกอิ่มอุ่นเต็มพระทัยยากหาใดเปรียบ

หยางเสียนั้นเป็นดั่งชีวิตและลมหายใจของพระองค์...นางทำให้ทรงได้รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่เพื่อใครกัน

ภรรยาซึ่งใส่ใจในทุกพระจริยาวัตร อย่างไม่ต้องทรงร้องขอสิ่งใด นางก็รู้พระทัยในความต้องการ และเต็มใจที่จะถวายงานทำทุกอย่างเพื่อพระองค์
เจ้าเหนือชีวิตของนางทรงเงียบนิ่งไปนัก หยางเสียจึงเอ่ยปากหยอกล้อขึ้น “ลูกคงจะไม่อยากเห็นพ่อของแกต้องเหนื่อยเพิ่มน่ะเพคะ เพราะมีหม่อมฉันคอยกวนพระองค์อยู่ร่ำไปแบบนี้แล้ว”

แม้ท่านแม่ทัพหวู่อิ้งจะพ่ายแพ้ต่อพระปิตุลา แต่องค์ฮ่องเต้คงจะไม่ทรงนิ่งดูดายอยู่ได้นานนักหรอก ในเมื่อทรงได้เห็นว่าท่านแม่ทัพของนางนั้นเป็นเสี้ยนหนามปลายหอกแหลมข้างบัลลังก์

“ใช่ว่าเจ้ากวนพี่ รู้ก็รู้ว่าใครกันที่เอาแต่ใจ คอยแต่เรียกร้องเอากับเจ้ามิได้หยุดหย่อน พี่หรือก็กลัวว่าเจ้าคนนี้จะเบื่อและชังหน้าพี่มากขึ้นทุกวัน”

องค์ชายฝานจิ้งทรงเลื่อนพระวรกายขึ้นอิงแอบแนบเคียงร่างอิ่มอุ่น
ร่างน้อยได้พลิกกายให้ทรงสวมกอดรัดรึงที่แผ่นหลัง เรียวพระโอษฐ์จึงกดลงแผ่วเบาที่แก้มนาง หยางเสียกอดเข้ายังท่อนพระกรกำยำที่ทรงสวมกอดนางไว้ ในอ้อมอุระแข็งแกร่งแทรกชิดให้ความอบอุ่นซ่านถึงทรวงใน ตลอดระยะเวลาที่มอบกายถวายชีวิตไว้ในอุ้งหัตถา จะเป็นหรือตายก็สุดแล้วแต่จะทรงพระเมตตา “ไม่มีวันที่หม่อมฉันจะกล้าทำเช่นนั้น ขอเพียงทำให้พระองค์สุขพระทัยได้สักน้อยนิด หยางเสียก็ยินดีกระทำเพคะ”

“พี่ไม่อยากให้เจ้าคิดเพียงว่านี่คือหน้าที่ของภรรยา อย่าได้ฝืนความรู้สึกตัวเองเพื่อพี่เป็นอันขาด พี่จะมีความสุขได้อย่างไรกัน ในเมื่อเมียพี่ไม่เต็มใจ”

หยางเสียขยับตัวพลิกร่างหยัดกายขึ้น ตาคู่งามเจิดจรัสสบประจันยังพระเนตรดำวาวระยับ สองฝ่ามือน้อยๆ ไล้ยังพระหนุที่สากระคายด้วยไรพระทาฐิกะ “ความสุขของหม่อมฉันนี้ คือได้อยู่เห็นคนที่หม่อมฉันรัก อยู่อย่างสุขกายสุขใจในทุกวันเช่นกันเพคะ”

“เจ้ายอดดวงใจพี่” องค์ชายฝานจิ้งทรงประคองแก้มนาง โน้มดวงหน้าใสกระจ่างพระเนตรในทุกคราที่พิศจับจ้องลงรับรอยเสน่หาที่หมายจะประทับให้ตรึงติด จูบเท่าไหร่...หอมบ่อยแค่ไหน...กอดกระชับไว้แน่นแนบอกอุ่นมากปานใด และแม้นว่าตักตวงรสรักจากเรือนกายหวานซ่านลึกซึ้งบ่อยครั้งสักเพียงไร ก็ไม่เคยให้ทรงรู้สึกถึงคำว่า...พอ

เทพยดาท่านทรงเมตตานัก ที่ได้มอบหยางเสียให้พระองค์มา สมบัติค่าล้ำมากกว่าชีวิตที่ทรงมี แม่เยาวมาลย์ผู้เป็นยอดพธูหนึ่งในหล้าซึ่งพระทัยนี้จะถนอมอุ้มชูเคียงคู่ ไม่มีวันจะให้ห่างเริดร้างลาไกล

“หยางเสีย” ถ้อยดำรัสนั้นกล่อมกระซิบ

“เพคะฝ่าบาท”

“หากเจ้าเต็มใจ พี่ก็อยากร่นระยะเวลาเฝ้ารอลูกของเราลงบ้าง...อีกสักนิด” อย่างไรเสียก็ทรงไม่ยอมทิ้งลายเจ้าชู้กรุ้มกริ่มเฉพาะพระองค์ อันตั้งมั่นว่าจะทรงกระทำต่อหยางเสียแต่เพียงผู้เดียว

หญิงสาวเขินอายต่อความนัยที่แฝงในพระดำรัสจึงหลุบตาต่ำ เลี่ยงการสานสบยังดวงพระเนตรวับวาม

“ไม่เต็มใจหรือ...” ตรัสแล้วก็ทรงกอดรั้งร่างแน่งน้อยสู่พระวรกาย ที่บัดนี้พระอารมณ์ปรารถนาส่วนลึกของพระสรรพางค์ได้เริ่มก่อเกิดให้ทรงทรมานปั่นป่วนยิ่ง

“ก็...ก็” อนงค์น้อยอึกอัก... หยางเสียพยายามจะขืนกายลงจากพระวรกายท่านแม่ทัพ หากทว่าอุ้งหัตถาร้อนระอุกลับทรงตะครุบจับโดยเร็วยังสะโพก พันธนาการไว้ไม่ให้นางขยับตัวถอยห่างได้ดังใจนึก

“ไหนทรงตรัสว่าจะไม่บังคับฝืนใจหม่อมฉัน” ปากน้อยๆ เอ่ยแย้งต่อคนลืมคำที่เพิ่งตรัสได้อย่างง่ายดาย

องค์ชายฝานจิ้งระบายพระปัสสาสะเบาๆ “หยางเสียของพี่ใจร้ายที่สุด เออหนอ...ใจดวงน้อยของเจ้าจะได้รู้หรือไม่ว่า ฤทัยพี่นี้ทรมานดั่งว่าจะขาดลง เกิดเป็นมดใกล้น้ำตาลแม้นอยากจะลิ้มชิมรสประทังชีวา หากเจ้าของเขาไม่เต็มใจคิดสงสาร มดน้อยกระไรเลยจะกล้าหักหาญซึ่งน้ำใจ”

หยางเสียทั้งเขิน ทั้งนึกหมั่นไส้เจ้ามดตัวเป้ง กลายเป็นความผิดของแม่น้ำตาลแสนหวานไปแล้วหรือไรที่แกล้งทรมานใจเจ้ามดเล่น
“น้ำตาลในถ้วยดินเผาราคาถูก ไหนเลยจะดึงรั้งราชาแห่งมดไว้ได้นาน ครั้นได้พานพบเนื้อน้ำตาลชั้นดีในโถถ้วยกระเบื้องเคลือบเขียนลาย ยังมิทันรสหวานซ่านจาง มดตัวนี้ก็คงจะจากจรคร้านจะไยดีให้เสียเวลา”

“โธ่เจ้ายอดรัก พี่พร่ำบอกแล้วไยไม่เชื่อใจ มดตัวนี้ก็แสนต่ำต้อยเกิดจากดิน ไหนเลยจะทำตนให้เลวร้าย หมางเมินซึ่งคู่ชีวิตที่มันคิดเคียงไปจนวันตาย”

สุดท้ายก็เป็นหยางเสียเองที่ปล่อยเสียงหัวเราะเบาๆ ออกมา “ดูว่ามดตัวนี้ปากจะหวานยิ่งกว่าน้ำตาลเสียแล้วกระมังเพคะ”

“หากเจ้าอยากจะรู้ เหตุไฉนไม่ลองชิมปากมดตัวนี้ดูสักครั้งเล่า” องค์ชายฝานจิ้งตรัสเชิงท้าทาย

“หม่อมฉันไม่ชิม” หยางเสียบอกปฏิเสธ แต่วรกายหนาเบื้องใต้กลับเริ่มขยับรุกเร้าหนักหน่วงขึ้นทีละน้อย

“สักนิด...” ทรงตรัสออดอ้อนเอากับนาง ฝ่าพระหัตถ์ล้ำเร้าส่งผ่านความร้อนรุ่ม ออกแรงกดที่ท้ายทอยมน ให้ดวงหน้าน้อยคล้อยลงชิดใกล้ยังพระพักตร์

“ไม่...” คำปฏิเสธของหยางเสียหลุดหายเข้าไปในพระโอษฐ์ ที่เบียดรุกล้ำตวัดพระชิวหากวาดกลืนลิ้มรสหวานในโพรงปากเนิ่นนาน ก่อนพระวรกายกรุ่นด้วยไฟรักนั้นจะเริ่มกระหวัดเกี่ยวรั้งร่างบอบบางให้กลืนหายจมอยู่ในอ้อมพาหาแห่งความรักจากพระองค์

ในที่สุดหยางเสียก็ต้องโอนอ่อนผ่อนตาม ให้ทรงพาไปสู่เส้นทางร่นระยะเวลาที่จะได้เห็นหน้าลูกเร็วๆ อีกครั้ง...และอีกครั้ง

*****

ณ ประตูซุ้มทางเดินเข้าสู่ตำหนักหมิงเตา พานเหวินงักฝีเท้าทันควันก่อนชนเข้ากับขันทีรุ่นพี่นามสือเล่าปัง

“ฝ่าบาทจะเสด็จกลับที่ประทับแล้ว...”

“ข้าออกมาคุมการผลัดเปลี่ยนเวรของขันทีพวกนี้ต่างหากเล่าพานกงกง พวกแม่ทัพและเสนาบดียังอยู่กันครบที่ห้องทรงพระอักษรนู้น” พานเหวินยังมิทันจะกล่าวถามจบความ อีกคนก็แทรกขึ้นก่อน สือเล่าปังบุ้ยปากให้ขันนี้ในปกครองเจ็ดคนรีบเข้าไปถวายงานก่อน เพราะอีกสักครู่ขันทีต้นห้องทรงพระอักษรก็คงจะทยอยกันออกมา

“ยามสามจะทรงเสด็จออกจากห้องทรงพระอักษรหรือเปล่าข้าก็ยังไม่รู้เลย หรือจะทรงบรรทมที่หอเฉียนเฉิงดังเช่นคืนก่อนๆ กระมัง”

“เฮ้อ...” ขันทีผู้เป็นข้าบาทต้นห้ององค์ประมุขของแคว้นถอนหายใจยาว

“ท่านถอนใจทำไมรึ” สือเล่าปังถามขึ้นอย่างสงสัย

“จะไม่ให้ข้าถอนหายใจได้อย่างไร....” พานเหวินดึงชายเสื้อของขันทีรุ่นพี่ให้แอบชิดด้านในกำแพง ยังพอมีเวลาอีกหน่อยที่เขาสองคนจะกล่าวถ้อยความกระซิบกระซาบกันได้สะดวก

“ที่ข้าเป็นกังวลเพราะพระองค์ทรงคร่ำเคร่งกับงานราชกิจ ทรงงานหามรุ่งหามค่ำไม่ได้หยุด บ้านเมืองหรือก็เป็นปึกแผ่นจะมีเหตุอันใดให้กลัดกลุ้มเป็นกังวลในพระทัยอีก ห้องทรงพระอักษรตำหนักนี้ก็ต่อเติมเสียจนจะใหญ่กว่าท้องพระโรงว่าราชการเข้าไปแล้ว”

“ข้าก็ไม่เห็นมันจะเป็นปัญหาตรงไหน ทรงงานที่นี้ก็ดีแล้ว จะเรียกใครเข้าเฝ้าก็ทำได้สะดวกรวดเร็ว และมิดชิด ไม่ต้องมากพิธีเหมือนอยู่ในท้องพระโรงใหญ่ ลู่เหลียงเพิ่งจะกลับเข้าสู่ความเข้มแข็งของราชบัลลังก์ ไม่แปลกที่จะทรงคอยระแวดระวังภัยที่อันจะเกิดต่อแคว้นเรา” คิ้วเข้มพาดเฉียงของสือเล่าปังขมวดมุ่นกับความกังวลของพานเหวิน

“ก็ทรงงานมากอย่างนี้ แล้วเมื่อไหร่จะมีหน่อเนื้อเชื้อสวรรค์ให้พวกเราได้ถวายอภิบาลอุ้มชูเพื่อรากฐานที่มั่นคงของลู่หลียงในอนาคตกันเล่าท่านกงกง” พานเหวินขันทียังคงทอดถอนใจ

“อืม...ก็จริงดังท่านว่า” ขันทีชราให้คิดคล้อยตาม ไม่เป็นความกังวลที่เกินกว่าเหตุเลยสำหรับเรื่องการสืบสันตติวงศ์ของราชบัลลังก์ภายภาคหน้า สนมรูปโฉมงามที่ผ่านการคัดเลือกเข้าสู่เขตพระราชฐานฝ่ายใน ก็ล้วนแต่เป็นลูกหลานข้าราชการและคหบดีใหญ่ในเมืองหลวง รวมทั้งบรรณาการสาวงามจากต่างแคว้นต่างเผ่ามากมีกว่าสามสี่ร้อยนาง

ทั้งหมดต่างก็ยินดีในโชควาสนา ที่จะได้เข้าถวายตัวรับใช้เบื้องพระยุคลบาทกันทั้งนั้น ผิดก็แต่องค์ฮ่องเต้เอง พระองค์ทรงร่วมเสพสำราญกับเหล่าสนมนางใน ซึ่งล้วนแล้วแต่ยินยอมถวายตัวปรนนิบัติให้สุขสำราญราชหฤทัยบนแท่นบรรจถรณ์น้อยเกินไป ถ้าเป็นฮ่องเต้พระองค์อื่น ป่านนี้ก็คงมีจะมีองค์ชายและองค์หญิงน้อยล้นตำหนัก ครั้งตั้งแต่ทรงดำรงพระยศองค์ชายแล้ว

บ้านเมืองเป็นปึกแผ่นมั่นคงด้วยพระบารมี พระนามเรื่องระบือไกล พระปรีชาเก่งกล้าสยบขวัญไปทุกทิศ สามสิบเอ็ดพรรษาอยู่ในช่วงเลือดลมร้อนของวัยฉกรรจ์ หากก็ยังไม่ทรงโปรดปรานพระสนมนางใดเป็นพิเศษ เรื่องจะนำไปสู่พิธีเษกสมรสแต่งตั้งฮองเฮาเคียงคู่บัลลังก์นั้น ก็ยังคงไม่เห็นแม้วี่แวว ครั้นสำนักพระราชวังจะเข้าก้าวก่ายจัดแจงฝ่ายในดังเช่นฮ่องเต้พระองค์ก่อน เห็นทีจะไม่มีใครกล้า!... ต่างก็กลัวตายหมายอยากรักษาหัวกันไว้ถ้วนทั่ว

ทรงอยู่เหนือกฎเกณฑ์ใดๆ ไม่ทรงโปรด และไม่สนพระทัยจะอยู่ภายใต้กฎมณเทียรโบราณราชประเพณีฝ่ายใน ที่คร่ำครึเรื่องการจัดตั้งองค์ฮองเฮา พระองค์เปรียบหนึ่งสุริยะประดับฟ้ายามทิวะกาลมากถึงเพียงนี้ แล้วสตรีนางใดเล่าจะเป็นดั่งดวงแขไข ที่เปล่งแสงกระจ่างอาบทั่วทั้งตำหนักในยามค่ำคืน
สตรีเช่นใดหนอ ที่จะสามารถกุมพระทัยบุรุษผู้เป็นหนี่งในใต้หล้าอย่างพระองค์ได้...


******

แพรมุ้งแดงปักกลุ่มกุสุมาลย์พันคาบเกี่ยวกลีบใบสีทอง ชายผ้าไหวเบาพลิ้วพราวพรายบังเกิดเลื่อมเงางดงามยามเมื่อต้องลมพรูไหลเวียนทะลุลายฉลุของช่องหน้าต่าง ม่านมุกชั้นในสะบัดสายกระทบทอดเสียงทำลายความเงียบชวนน่าอึดอัดให้บรรเทา

กลางแท่นบรรทมกว้างใหญ่ ร่างเล็กอรชรอ้อนแอ้นตัดสินใจผุดลุกนั่ง อย่างไม่รู้จะกระทำเช่นใดกับความกลัดกลุ้มระคนหวาดกลัว จึงทุ่มความสนใจลงยังพระยี่ภู่สีขาวสะอาดตา ซึ่งกรอบรอบนอกขลิบแถบผ้าแดงสดปักสอดดิ้นทองลายเหลียนฮวาพันเกี่ยวกัน...

ดอกเหลียนฮวา...อันหมายถึงความต่อเนื่องไม่จบสิ้น สิริมงคลให้มีลูกหลานมากมาย

เสาสี่มุมของแท่นบรรทมผูกด้วยถุงผ้าหอม ส่งกลิ่นแรงเย้ายวนวาบหวามรัญจวนจิต เพราะไม่คุ้นชินร่างบางจึงเบือนหน้าหันหนีกลิ่นซึ่งชวนปลุกเร้าให้มัวเมาลุ่มหลงในรสกามคุณ

เสียนเซียงหรี่ตาดวงเล็กกวาดแล เทียนเล่มใหญ่สีแดงเรียงรายกำลังเผาไหม้ตัวเองให้ความสว่างยวนตาถึงทั่วทั้งห้อง เรียวแขนเล็กแย้มแหวกชายม่านมุ้ง แลชะโงกดวงหน้างามหมดจดแต่ยังแฝงด้วยแววซุกซนแบบเด็กสาวชาวเผ่า อ้อมแขนน้อยกอดประคองทรวงอกเปลือยเปล่าที่ไหวเพื่อม นิ้วเรียวดั่งลำต้นหอมขยับผูกปมไหมใต้ทรวงอกจนแน่น แล้วหอบชายกระโปรงให้รวบมาปิดบังเรือนกายส่วนหน้าใต้ผืนผ้าบางเบา ใส...จนมองได้ทะลุ

สองแก้มนางแดงซ่าน ไพร่นึกถึงอนาคตอันใกล้เพียงไม่กี่อึดใจข้างหน้า บนร่างกายจะไม่มีผืนผ้าใดห่มปิดป้องอีก นอกจากพระวรกายสูงใหญ่ผู้จะมาเป็นเจ้าของกายานี้ นับแต่ท่านพ่อได้รวมนางเป็นหนึ่งในเครื่องบรรณาการยอมสวามิภักดิ์ต่อแคว้นลู่เหลียง

ทั้งตำหนักไร้ซึ่งเงาของเหล่าขันทีที่พาตัวนางมาส่ง และไร้ซึ่งสรรพเสียงของสิ่งมีชีวิตอื่นใดนอกจากเสียงกมลดวงน้อยที่โลดเต้นตื่นกลัวข้างในอก เงียบสนิท...แม้แต่แมลงขยับปีกคงจะได้ยินกันทั่ว

หญิงสาววัยสิบเจ็ดปีก้าวขาเงียบกริบ ไปหยุดอยู่หน้าช่องหน้าต่างลวดลายวิจิตรที่หับปิด ศศินดวงเดียวบนฟ้าคายแสงนวลลอดผ่านบานไม้ฉลุลายเป็นลำ ร่างน้อยยอบกายลงบนเก้าอี้ ฟุบหน้าสอดตาแลออกไปยังนอกช่อง...ทอดถอนลมหายใจ

ตั้งแต่เล็กจนโตก็อยู่อย่างอิสระไม่เคยเลยที่จะสัมผัสถึงความเป็นอยู่เคร่งครัดด้วยขนบอย่างคนในรั้วในวัง ตัวนางเป็นบุตรีผู้น้องของท่านลุงซึ่งเป็นหัวหน้าเผ่า ครั้งพ่อแม่ต้องตายจากด้วยโรคระบาดหนักเมื่อหลายปีก่อน จึงได้รับการเลี้ยงดูยกย่องเป็นบุตรบุญธรรมของท่าน จากที่จำต้องส่งส่วยบรรณาการต่อแคว้นหลี่ เมื่อขั้วอำนาจเปลี่ยนทิศ เพื่อความอยู่รอด เผ่าเล็กๆ จึงทำได้แค่ไหลตามน้ำ พญาอินทรีย์ไหนกางปีกป้องได้ทั่วถึง ก็ต้องยอมสวามิภักดิ์ถวายสัตย์ต่อผู้นั้น

นางไม่เคยพบเจอฮ่องเต้ของลู่เหลียงเลย ตั้งแต่วันที่สองเท้าแตะแผ่นดินลู่เหลียง มีเพียงหัวหน้าขันทีเท่านั้น ที่ตั้งขบวนรอรับนางและพี่สาวอีกสองคนเข้ายังส่วนใน

บรรณาการต่ำต้อย ไหนเลยจะมีค่าให้ทรงออกมาต้อนรับด้วยองค์เอง...

ถ้อยความเคยได้ยินครั้งยังมิได้ขึ้นทะเบียนนางห้าม ต่างเล่าขานถึงความน่าเกรงขาม พระวรกายสูงใหญ่ ดวงพระพักตร์นิ่งเรียบเฉย นางทั้งยังเคยลอบแอบฟังสนมนางในบางคนพร่ำเพ้อราวคนละเมอว่าทรงหล่อเหลา องอาจสมชายชาตินักรบ เสียแต่อย่างเดียวทรงเย็นชานัก หากแม้นสาวงามนางใดทำให้ทรงสนิทเสน่หา จนถึงขั้นทรงยอมมีหน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์ด้วย บุญวาสนาคงจะนำพาให้สุขสบายทั้งชาติ

เสียนเซียงนั้นเป็นเพียงตัวแถมมากับเครื่องบรรณาการ นางไม่เคยนึกฝันมาก่อนเหมือนกัน ว่าตนจะถูกเรียกให้เข้าถวายงานบนพระที่ พี่หญิงสองคนซึ่งเข้าถวายตัวก่อนหน้านั้น เมื่อถวายงานปรนนิบัติแล้วก็ได้เลื่อนไปอยู่ตำหนักบน ส่วนพวกนางเล็กๆ ที่ยังไม่เคยได้ถวายงาน หรือถวายงานแล้ว แต่ทำให้ทรงไม่พอพระทัย ก็ได้แต่อยู่รวมผสมปนเปกันที่ตำหนักน้อยท้ายส่วนใน

หน้าที่ของลูกทำให้นางจำต้องทำใจมายังลู่เหลียง ส่วนลึกของหัวใจนั้น จะมีผู้หญิงสักกี่คนที่ยอมทอดกายเป็นของเล่นให้ชายเชยชมเพียงชั่วคืน แล้วต้องอยู่อย่างทรมานไร้ซึ่งความรักและการเหลียวแลไปจนตาย นางไม่อยากทนอยู่กับความรู้สึกเดียวดาย ท่ามกลางการแก่งแย่งแข่งขันให้เป็นคนโปรดปรานของผู้ชายเพียงคนเดียว

เมื่อวานซืนซึ่งหมายเรียกตัวไปถึงเรือนน้อยที่พำนัก จากที่ไม่เคยมีคนจะให้ความสนใจไยดีต่อความเป็นไป กลับมีเหล่าขันทีและนางกำนัลเก่าแก่มากหน้า พากันมามะรุมมะตุ้มจัดแจงจับตัวนางอาบน้ำ ขัดสีบำรุงผิวพรรณ อบร่ำด้วยแป้งหอมดอกไม้งาม และนวดเฟ้นลงน้ำมันสมุนไพรหอมทั่วทุกส่วนสัดตั้งแต่โคนผมยังปลายเท้า นางไม่มีสิทธิ์...ไม่มีเสียงห้ามอันใด ต่อการกระทำล่วงละเมิดร่างกายจากบรรดามือนับสิบคู่นั่น

กรรมสิทธิ์ชีวิตของนางมันได้เปลี่ยนมือนานแล้ว นับตั้งแต่วันที่ก้าวเข้ามายืนในตำแหน่งนางห้ามข้าบาทบริจาริกา ถึงตอนนี้นางก็เป็นได้แค่เพียงตุ๊กตามีเนื้อมีหนัง มีลมหายใจเพียงรับรู้ถึงการกระทำของคนซึ่งจะมาเป็นเจ้าชีวิต

ขันทีพวกนั้นสั่งห้ามกำชับหนักหนา ไม่ให้นางปริปากส่งเสียงร้องอันใดตลอดเวลาที่อยู่บนพระแท่น หน้าที่นางมีเพียงนอนนิ่งๆ ให้ทรงฟอนเฟ้นตักตวงหาความสุขจากเรือนกายนี้

นับแต่คืนนี้ไป นางคงจะเป็นเพียงตุ๊กตาไร้จิตใจ ที่จะทำให้ทรงพระสำราญพระวรกายยามตรัสเรียกหา หรือไม่ก็เป็นเพียงนางบำเรอชั่วข้ามคืน หากพระองค์ทรงไม่พึงพระทัยจากการถวายปรนนิบัติของเรือนกายนี้อีก...
เพราะต้องผ่านขั้นตอนเตรียมถวายตัวตลอดทั้งวัน เสียนเซียงจึงได้เผลอหลับที่โต๊ะตัวน้อยภายใต้แสงจันทร์ลอดผ่าน ข้างพระแกลของพระตำหนักที่ประทับขององค์ฮ่องเต้ ฝ่าฝืนกฎพื้นฐานข้อแรกของสนมนางห้ามในพระองค์อย่างมิได้ตั้งใจ...

*****

เมื่อพระบาทใหญ่ก้าวล่วงพ้นธรณีพระทวารห้องบรรทม ขันทีประจำตำหนักก็หับปิดพระทวารบาน เสียงแซ่ซ้องถวายพระพรขอให้ทรงพระสำราญ อำนวยหน่อเนื้อเชื้อสวรรค์เถลิงอุบัติขึ้นในพระครรภ์นางบนแท่นบรรจถรณ์

หรูจื้อเถียนฮ่องเต้ทรงพระดำเนินผ่านพระวิสูตรหลายชั้นเข้ามายังที่ประทับส่วนพระองค์สำหรับค่ำคืนนี้ในพระตำหนักเหวินเยวี๋ยน ฉลองพระองค์ชั้นนอกถูกถอดวางบนพระเก้าอี้ยาว พลันสายพระเนตรเหลือบแลเห็นสตรีร่างน้อยนอนซบอยู่ข้างช่องพระแกลบานใหญ่

แสงจันทร์นวลผ่องแลอาบทับดวงหน้าละมุนซึ่งมีแพรผมบางส่วนปรกระ ชุดเสื้อสีส้มอ่อนเนื้อบางไหวลู่ลมแนบระสัดส่วนผ่องพรรณกลืนเป็นเนื้อเดียว แขนขาเพรียวงามกลมกลึงเห็นกระจ่างแก่พระจักษุคม
เหล่านางห้ามเปลี่ยนกฎใหม่กันรึ...ถึงได้มานอนฟุบอยู่ข้างหน้าต่างนี่

พักหลับมาชั่วครู่ เสียนเซียงจึงได้รู้สึกตัวตื่นขึ้น คราแว่วเสียงม่านมุกกระทบกัน เสียงดังสวบสาบยังเบื้องหลังดึงความสนใจของนางให้หันไปมอง

บนพระที่ปรากฏซึ่งเค้าร่างของบุรุษนั่งอยู่หลังม่านกั้น...

องค์ฮ่องเต้แห่งลู่เหลียงหรือ!
ร่างน้อยลุกผลุนผลันถลากายยอบลงตรงเบื้องหน้าแท่นบรรทม “พระอาญาไม่พ้นเกล้า...” เสียนเซียงยื่นมือเรียวหวังจะช่วยพระขวัญเกล้าถอดฉลองพระบาทออก หากแต่ทรงชักพระบาทออกห่าง

หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบ...ทรงกริ้วนางแล้ว

มือน้อยนอบจรดยังพื้นห้อง ก่อนรีบเลื่อนขยับองค์อรเอวบางคลี่ม่านมุกออก กระถดหยัดกายหมายจะขึ้นไปถวายงานบนพระที่ ไม่กล้าแม้แต่จะเงยดวงหน้าน้อยขึ้นมองยังพระพักตร์

ทว่าพระสุรเสียงเมยเฉยจากริมโอษฐ์ทำให้ร่างบางชะงักค้างหยุดการเคลื่อนไหวกลางคัน
“ออกไปได้แล้ว...” พระราชดำรัสนั้นเย็นเยียบยิ่งกว่าน้ำในบึงของหน้าหนาว

“แต่...หม่อมฉัน” เสียนเซียงเงยหน้าอยากจะอธิบายเหตุผล ดวงตาอ่อนไหวสบเข้ากับดวงพระเนตรดำสนิท ราวกับจะร้องขอให้ทรงเห็นใจนาง

“เจ้าออกไปเถอะ” ยังคงมีแต่ความเย็นชาในพระราชกระแสเสียง “ข้าอยากพักผ่อน”

“...เพคะ” หญิงสาวจำต้องรับถ้อยพระดำรัส น้อมกายซบหน้าลงยังหลังพระบาท ข่มความเสียใจและสำนึกในความผิดที่ตัวเองทำ

“หม่อมฉันทูลลาเพคะฝ่าบาท” ริมปากอิ่มจรดจูบลงหลังพระบาทตามที่เหล่านางกำนัลขันทีได้สอนสั่งมา มารยาทที่จะต้องกระทำต่อพระองค์หลังจากเสร็จสิ้นการถวายงาน

คงจะมีเพียงนางกระมัง ที่ยังมิทันได้ถวายปรนนิบัติให้สุขสำราญพระราชหฤทัย ก็ทำให้ทรงกริ้ว ถึงขนาดเอ่ยพระโอษฐ์ไล่ให้กลับออกไป

เสียนเซียงข่มเสียงสะอื้นไห้ ลอบสะบัดหน้ามอบคลานถอยออกห่างองค์ฮ่องเต้แห่งลู่เหลียง ก่อนลุกขึ้นผินกายพาร่างน้อยซึ่งหัวใจบอบช้ำ เพราะถูกทำหมางเมินไม่ไยดีดั่งเช่นกรวดดินไร้ค่าเดินออกจากที่ประทับส่วนพระองค์

พระวิสูตรชายทองตระการตาทิ้งตัวสะบัดไหวเมื่อร่างน้อยก้าวผ่านพ้นจากไป คงเหลือทิ้งไว้เพียงความเงียบ...ว่างเปล่า และหยดน้ำอุ่นใสบนหลังพระบาทใหญ่นั่น...





Create Date : 20 เมษายน 2553
Last Update : 20 เมษายน 2553 22:45:40 น. 0 comments
Counter : 749 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

นางสาวอ้วนจัง ตังค์มากมี
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]





ฝาก"บัลลังก์เสน่หา : จากหนึ่งคำมั่น ตราบสิ้นนิรันดร์" ด้วยค่ะ
กรงขังสิเนหา
ทาสสวาทเงาเสน่หา
บุพเพเล่ห์จันทร์
ในรั้วรัก
เสี้ยวสิเน่หา
รอยนิรันดร์
กลีบเหมยกลางทราย
เล่ห์รักร่ายปรารถนา
ตะวันเยี่ยมรุ่ง
ขวัญข้าเอย
ลิขิตลวง
สิ้นแสงรังสิมา (หนึ่งหทัยมังกร)
ดาริกากลางใจ (ดวงใจรักจ้าวยุทธ์)
หากฟ้าไร้เมฆินทร์ (ทาสรักสลักใจ)
ฤาศศินอำพราง (ยอดพธูจอมทัพ)
รื่นกลิ่นปทุม
รักลุ้นวุ่นหวาน
สัญญาลับฉบับรัก
เพียงสิ้นชีวา
เนื่องนิจสิน
แม้นเดือนดับ
จันทร์ร้างฟ้า
กรงบรรณาการ
ฝนซาเมื่อฟ้าสาง
กลีบเก็ดถวา
แสงแรกของตะวัน
ทั้งหมดภายใต้นามปากกา วิรมย์รดา กะรัต ลนาริน ธาราพิศุทธิ์
Friends' blogs
[Add นางสาวอ้วนจัง ตังค์มากมี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.