Group Blog
 
 
เมษายน 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
13 เมษายน 2553
 
All Blogs
 
บัลลังก์เสน่หา : เมฆหมอกแห่งสงคราม (ครึ่งแรก)




ด่านเจิ้งถง

พระปิตุลาทรงให้สายลับทหารลอบนำจดหมายเข้ามาในค่าย ทรงสั่งห้ามเด็ดขาดไม่ให้พระองค์นำกำลังออกจากฐานที่มั่น เหลือบ่ากว่าแรงทัดทานประการใด พระปิตุลานั้นจะเป็นฝ่ายเสด็จมาหาพระองค์เอง

องค์ชายฝานจิ้งทรงวิตกหนักในพระทัย ห่วงและพะวงต่อความปลอดภัยของเจ้าอาไม่น้อยเลย ด้วยพระเมตตาที่ทรงสั่งสอนมาแต่หนหลัง ทั้งยังทรงมั่นพระทัยออกโอษฐ์จะยืนเคียงข้างพระองค์ ยอมที่จะเปิดศึกเป็นปรปักษ์กับหนานลี้ตรงๆ พระกรุณาล้นพ้นที่ทรงมีต่อหลานดังเช่นพระองค์นี้ ต่อให้ต้องทรงบุกน้ำลุยไฟทำสิ่งใดตอบแทนก็ไม่อาจเทียมได้หมด

พระบิดาเป็นผู้ให้กำเนิด หม่อมแม่และพระสนมซูได้อุ้มชูเลี้ยงดู แต่ที่เติบโตเจริญชันษาได้หยัดยืนบนเส้นทางทหารอย่างภาคภูมิดังเช่นทุกวันนี้ได้ ก็ด้วยพระปิตุลาที่ทรงเอาพระทัยใส่ สละเวลาถ่ายทอดองค์ความรู้ ศาสตร์ศิลป์แห่งทหารและการปกครองต่างๆ ให้

สงครามภายนอกยังไม่รุกเข้า แต่ราษฎรหลายสิบหลายร้อยต้องตายไปเพียงเพราะเป็นเบี้ยหมากไร้ค่า จะทำลายผลาญชีวิตอย่างไรก็ได้ เพื่อให้แผนของคนเป็นเจ้าเหนือหัวสัมฤทธิ์ผล

อยากฆ่า...อยากฟาดฟันพระองค์ไยไม่กระทำอย่างสง่าผ่าเผยสมกับเป็นหน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์ร่วมสายโลหิต อยากจะทรงถามและประจันหน้าพระอนุชาองค์นี้ดูเหมือนกัน เหตุใดต้องเสียเวลาทำแผนต่ำช้าสามานย์ เหตุใดจึงเอาชีวิตราษฎรซึ่งไม่รู้เรื่องรู้ราวมาเซ่นสังเวยมากมายถึงเพียงนั้น

ทุกสิ่งที่เขาผู้นั้นกระทำลงไป สมควรจะให้ไพร่ฟ้ายกย่องเชิดชูว่าเป็นกษัตริย์ได้อีกหรือ!

“พระปิตุลาทรงว่าอย่างไรบางพ่ะย่ะค่ะ” เหอเซียวไห่ทูลถามขึ้น นานเกินไปแล้วที่ท่านแม่ทัพทรงนิ่งเฉย...ทรงแบกรับความทุกข์ยากใหญ่หลวงของไพร่ฟ้าทหารหาญไว้บนพระอังสา

“ยังทรงคุมสถานการณ์ได้อยู่...อย่างที่เรารู้ รั้งรอกันอยู่นาน หวู่อิ้งจำต้องออกหน้าเคลื่อนพลเข้าปะทะในไม่ช้านี้” ทรงตรัสราบเรียบ เบื้องพระขนองหยัดตรงดั่งขุนเขาตั้งตระหง่านท้าลมฝน เสี้ยววูบเดียว...เพียงเลี้ยววูบเดียวเท่านั้นที่เหอเซียวไห่สังเกตเห็นขุนเขาตรงหน้านี้สั่นคลอน

“ที่สุดแล้วเขาก็ดึงเวลาได้เท่านี้...” รู้ว่าการณ์จะเป็นดังคาด แต่พอได้ฟังพระดำรัส ชายหนุ่มก็แทบหลุดถอนหายใจออกมา เขาเป็นคนไม่ค่อยเก็บความรู้สึกอยู่แล้วด้วย อู๋อี้หวินเพียงแค่สบตา ก็รู้แล้วว่าเพื่อนคิดเห็นเป็นอย่างไรกับสงครามกลางแคว้น

“เขาจะทำเช่นใด กล้าที่จะเงื้อดาบเข้าหาพระปิตุลาได้หรือ” ยังคงมีเพียงเหอเซียวไห่ที่พูดพร่ำประหนึ่งคุยกับตัวเอง ท่านอ๋องหยิงหมิง แม่ทัพหวู่อิ้ง...สองแม่ทัพหลักที่เคยร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่ดุจพี่น้อง ดั่งเพื่อนร่วมเป็นร่วมตายแต่กาลก่อน

“ไม่ได้ก็ต้องได้...ท่านแม่ทัพนั้นจงรักภักดีต่อราชบัลลังก์ยิ่งกว่ารักชีวิต ไม่อาจขัดราชโองการ” อู๋อี้หวินลดสายตามองกระบี่ในมือ หนทางเลี่ยงศึกนี้จะไม่บังเกิด ไม่นาน...กระบี่ในมือข้าก็คงได้ดื่มเลือดคนชาติเดียวกัน

องค์ชายฝานจิ้งประทับนั่งใกล้ๆ รองแม่ทัพทั้งสอง นอกจากสองคนนี้ ก็ยังมีองค์ชายหยาซ่าง รองแม่ทัพเยี่ย รองแม่ทัพฉาว

แม้ศึกหนักเข้าประชิด หากแต่เจ้าอาไม่ทรงดูดาย ทุกย่างก้าวของพระองค์นั้นทรงทำเพื่อคนตำหนักแสงจันทร์ได้ในทุกสิ่ง ข่าวที่แนบมา คนของสองฝ่ายกำลังร่วมมือหาทางที่จะพาตัวพระสนมซู และน้องหญิงอวี่เฉินมาส่งให้ถึงพระหัตถ์

“ศึกเมื่อต้นเดือนมันแค่หยั่งเชิง แม่ทัพหวู่อิ้งไม่ได้ถอดใจล่าถอยเสียทีเดียว นั่นเป็นการขอขมาคารวะต่อพระปิตุลาครั้งสุดท้าย หากเขานำหน้ายกทัพออกโรงเองจริงจังดังได้รับมอบหมายมา ไม่หวู่อิ้งก็พระปิตุลา...ที่ต้องสิ้นไปจากแผ่นดิน!”

*****


เมืองเท่อถัว แคว้นซีฉิน

กำแพงหินแข็งแกร่งสูงตระหง่านเป็นปราการปกป้องเมืองเท่อถัว สายตาคมกล้าเพ่งไกลยังเส้นทางเบื้องหน้า ซึ่งเหล่าชาวบ้านราษฎรของซีฉินต่างพากันนั่งเกวียน รถเทียมม้า ตลอดจนเดินเท้าจนฝุ่นดินเหลืองฟุ้งตลบ แทบจะมองไม่เห็นท้ายขบวนของหมู่คนอพยพ เสียงพูดคุย ตะโกน อื้ออึงเซ็งแซ่ด้วยความทุกข์ยากแสนเข็ญ ดังให้ได้ยินถึงหน้าประตูเมือง ทหารส่วนหนึ่งได้ขี่ม้าออกไปจัดขบวนคนเหล่านั้นให้เป็นระเบียบก่อนให้ทยอยเข้าประตูเมืองมา

ชาวบ้านเมืองรอบนอกต่างหนีตาย หนีร้อนมาพึ่งเย็น หากแต่เมื่อทัพลู่เหลียงเข้าประชิดเมืองแล้ว จะต้านทานได้นานสักเท่าไร เขาผู้เป็นแม่ทัพใหญ่ มีความคงอยู่ของแคว้นและความเป็นตายของราษฎรอยู่ในอุ้งมือนี้ให้รับผิดชอบ ศึกทุกทิศที่เคยกระทำฟันฝ่า กับทัพลู่เหลียงหนนี้ต้องให้สะท้านเยือกในกายยิ่ง

หวังจะใช้บั้นปลายชีวิตสงบสุข นับต่อแต่นี้คงไม่สามารถจะคิดเอาแต่ตัวเองได้อีก ในใจของกั๊วะเฉิงหนักอึ้งราวแบกขุนเขาไว้ทั้งลูก แพ้หรือชนะศึกภายใต้การนำของเขาจะตัดสินชะตาซีฉิน ทัพที่เมืองหลวงไท่ซ่างจัดกระบวนเตรียมหนุนเต็มอัตราศึกไว้รอท่าเช่นกัน หากทัพหน้าอย่างเขารั้งรักษาเมืองเท่อถัวไว้ไม่ได้

“ศึกนี้ใหญ่หลวงนัก” กั๊วะเฉิงแม่ทัพใหญ่วัยห้าสิบเปรยขึ้นต่อแม่ทัพหนุ่มซึ่งยืนอยู่บนกำแพงเมืองด้วยกัน ต่อให้แข่งแกร่งดั่งหินผา ก็มีวันที่ต้องโยกสะเทือนผุกร่อนด้วยแรงลมฝนพัดโหมกระหน่ำ

“ท่านแม่ทัพคิดเห็นเช่นใด ข้าพร้อมทำตามท่านบัญชา” ฉินหมิ่นเจี๋ยกล่าวหนักแน่น เชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมในความเป็นผู้นำของแม่ทัพสูงวัย ประสบการณ์ไม่กี่ปีที่เขามี ไหนเลยจะสามารถมองไกลได้เทียบแม่ทัพใหญ่ผู้นี้ เมื่อคืนวาน เขาพร้อมด้วยแม่ทัพ รองแม่ทัพรุ่นหนุ่มคนอื่นลอบไปสอดส่องยังทัพของลู่เหลียง แม้มองเห็นไกลๆ แต่แสนยานุภาพกำลังพลเรือนแสนที่ยกมานั้นสยบขวัญคู่ศึกได้ทั่วหล้า ลู่เหลียงยาตราทัพคราใดย่อมต้องเด็ดธงยึดเมืองได้สมตั้งใจ รบใดไม่ชนะไม่มี

อากาศดีลมฉิวพัดต้องผิวกายชายหนุ่มให้ชื่นเย็น แต่กลุ่มทัพลู่เหลียงซึ่งดาหน้าเตรียมเข้าโรมรันยังทุ่งสมรภูมิรบกลับให้รู้สึกครึ้มหม่นในใจ เหมือนเมฆฝนพายุตั้งเค้ามืดทะมึนกำลังจะเข้าซัดกระหน่ำให้ซวนเซ ความปลอดโปร่งของฟ้าเบื้องบนยามนี้ ช่างขัดกับความกลัดกลุ่มภายใน

ทัพลู่เหลียงอันแข็งแกร่ง เหี้ยมห้าว กระเหี้ยนกระหือรือรบพุ่งช่วงชิงดินแดน สมแล้วที่ซีฉินจะวิตกหนักต่อความเป็นไปของแคว้นในเบื้องนี้และเบื้องหน้า
จอมทัพที่นำพลรุกเป็นทัพหลักนามว่าเซวียนฟง

แม่ทัพรุ่นหนุ่มวัยยี่สิบกลางๆ เท่ากับเขา หากแต่ชื่อเสียงขจรไกล...มือขวาของหรูจื้อเถียน

ท่ามกลางสมรภูมิฮึกหาญ เขาผู้นี้เด็ดชีพแม่ทัพใหญ่ของเสี้ยนได้ในพริบตา ลอบเข้าตัดหัวแม่ทัพแคว้นจื่อจิ้นถึงใจกลางค่าย ข่มขวัญคู่ต่อสู้ได้ตั้งแต่ยังไม่เปิดศึก แคว้นเวยสิ้นราชวงศ์ก็ด้วยประกาศิตจากปากเขา

คนแซ่เซวียน...

คนแซ่เซวียนเพียงหนึ่งเดียว ซึ่งเหลือรอดโทษประหารเก้าชั่วโคตรเมื่อสิบกว่าปีก่อน แค้นใหญ่หลวงได้เจือเลือดซีฉินในกายเขาให้จางหาย ด้วยเพลิงแห่งไฟแค้นที่มี เขาคงมาดหมายจะเปลี่ยนผืนดินและแผ่นฟ้าซีฉินด้วยสองมือ

ควรแล้วหรือที่ซีฉินจะชดใช้ต่อเขา ผู้มีสายเลือดถูกตราหน้าปรามาสว่ากังฉินคดโกงบ้านเมือง!

ฉินหมิ่นเจี๋ยสูดลมหายใจลึก นึกถึงเรื่องราวในอดีต แม้ไม่มีส่วนคิดเห็น แต่พอรับรู้ตามประสาครอบครัวคนในราชสำนัก หากเขาเป็นดังชายนามเซวียนฟง ตัวเขาจะทำเช่นใด หากมีแค้นต่อคนฆ่าครอบครัว จะทำได้ดังเช่นเซวียนฟงผู้นี้หรือไม่ เขาไม่อาจให้คำตอบกับตัวเอง

ลู่เหลียงคืบกระจายกลืนกินแคว้นร่นเข้าส่วนกลางมาเรื่อยๆ ธงจอมทัพ”เซวียน
”โบกสะบัดคล้ายดั่งจะปกคลุมให้ทั่วทั้งฟ้า ยามสามด่านราบล่มชีวิตทหารซีฉินดับจมดิน

ศักดาจากเขาประกาศก้องมาเพื่อล่มราชธานี!

อาญาสิทธิ์เสมือนฟ้าคำรามครืนครั่น เขามาเพื่อล้างราชบัลลังก์!

*****

ขณะเดียวกันนั้นที่แคว้นต้าฉาง


เสียงตีกลองศึกรัวกระหน่ำเป็นจังหวะ แยกแบ่งกำลังไพร่พลทั้งสองฝ่ายให้เตรียมพร้อม จะเข้ารบพุ่งกันยังที่ราบนอกกำแพงเมืองเหวินจง
กว่าสองวันสองคืนแล้วที่ศึกชี้ชะตา ของสองจอมทัพแห่งต้าฉางได้บังเกิดขึ้นอีกคราว ด้วยบัญชาเร่งรัดจากเบื้องบน

ยิ่งปล่อยเวลา...ยิ่งดึงให้ศึกมันเรื้อรังยาวนานมากเท่าใด จำนวนไพร่พลที่จะสูญเสียสังเวยต่ออดีตแห่งความสัมพันธ์ของสองแม่ทัพก็จะยิ่งมากทับทวี

“นึกไม่ถึงว่าเราสองคนจะมีวันนี้ได้...” แม่ทัพใหญ่ด่านเหวินจงทรงดำรัสกับองค์เอง สุรเสียงราบเรียบเสมือนไร้พระอารมณ์ความรู้สึก พระหทัยยามนี้มีแค่ความว่างเปล่า

...หยุดเวลาไว้ได้คงจะดี

...หยุดสถานการณ์ตรงหน้าไว้เพียงวันนี้ได้จะดีเพียงไร ถ้ามีเพียงตัวข้าหยิงหมิงและสหายเก่านามหวู่อิ้ง การจะแปรเปลี่ยนไปมากเพียงไร ท่านอ๋องทรงมีพระอัสสาสะลึกกับองค์เอง

ในความเป็นจริงที่ยังคงอยู่ มิตรภาพแต่หนหลังไม่อาจยั้งหยุดศึกครั้งนี้ได้ เบื้องหลังพระองค์และหวู่อิ้งนั้นมีขุนศึกอีกมากมาย ยากนัก..ยากนักที่จะคิดตัดช่องน้อยแต่พอตน ทำอย่างนั้นดูจะเป็นการผิดต่อความจงรักภักดีของไพร่พลมากไปเสียแล้ว หากผู้เป็นนายยังมาดคิดจะกระทำตามแต่ใจตน แม้พวกเขาจะเป็นเพียงไพร่ในมือ ชีวิตอยู่ภายใต้ปกครอง สั่งให้อยู่...คืออยู่ สั่งให้ตาย ก็ไม่อาจบิดพลิ้วหลีกเร้น

แม้นว่าเจ้าชีวิตยังมีคุณธรรมความเป็นคนภายในใจ การรบให้มันจบสิ้นไป ยังจะเป็นความปรานีต่อชีวิตคนเหล่านี้มากเสียกว่า เพราะพวกเขาก็เป็นมนุษย์มีครอบครัว มีคนที่รักให้ห่วงหาอาลัยไม่ต่างจากพวกคนที่เป็นนาย

การประหัตประหารโรมรันกันสุดทำกำลังทั้งสองฝ่าย จะบ่งบอกถึงทิศทางแน่ชัดของบัลลังก์ทองคำแห่งต้าฉาง ทิศทางซึ่งจะถูกปูด้วยชีวิตและเลือดเนื้อคนชาติเดียวกัน

ทรงเข้าพระทัยดี “จงรักภักดี” ประโยคนี้บีบคั้นหวู่อิ้งมากแค่ไหน ข้าราชสำนักแม้อยากคิดเองตรองเอง แต่ด้วยค่าธรรมเนียมสัจจะที่มีต่อราชบัลลังก์ ราชโองการของโอรสสวรรค์ผู้ปกครองทั่วหล้า มีใครไม่รับฟังเทิดทูนไว้เหนือหัว จำทนซื่อสัตยตรงต่อราชบัลลังก์ไม่ลืมหูลืมตา ความภักดีอันโง่เขลา ยึดถือเพียงแค่คำว่าบัลลังก์ และขอบอาณาเขตคำว่าบัลลังก์ ก็ดั่งร่างตาข่ายสวรรค์ย้อนศรวกเข้าคลุมครอบเล่นงานขุนนางตงฉินในบางครา สถาบันคือสิ่งที่พวกเขายึดเหนี่ยวหาใช่ตัวบุคคล บุคคลมีสับเปลี่ยนหมุนเวียน แต่การมั่นรักษาสถาบันตามเจตจำนงของราชโองการยังคงอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง

สิ่งที่พระองค์กำลังทรงกระทำก็ด้วยทรงคิดถึงความอยู่รอดของต้าฉาง และสิ่งที่หวู่อิ่งยึดถือมั่นก็ด้วยความอยู่รอดของต้าฉางเช่นเดียวกัน

“คารวะฝ่าบาท” แม้อยู่ห่างไกล เพียงสานสบนัยน์ตา มิได้ยินน้ำเสียงต่อกัน แต่เนื้อเสียงของหวู่อิ้งยังมีความน้อมนอบดุจเดิม ไม่ว่ากาลก่อน วันนี้...หรือนับจากวันนี้ไป ผลจะเป็นเช่นไร พระอนุชาขององค์จักรพรรดิที่เขาเทิดทูนสุดชีวิต ก็ยังคงจะฝังแน่นเป็นที่เคารพยิ่งอยู่ในใจดังเช่นเดิม

สวรรค์...สวรรค์ นี่เป็นลิขิตจากท่านใช่หรือไม่ หวู่อิ้งทอดถอนในใจอย่างหาที่สิ้นสุดไม่ได้ ครั้งแล้ว...ครั้งเล่า

*****

ตะวันดวงใหญ่ฉานรัศมีตั้งตรงบนหัวดั่งคีมเหล็กบีบใจ แม้อยากจะผลักไสสุริยะเทพเบื้องบนไม่ให้ปรากฏกายปานใด หากแต่มีผู้ใดที่จะฝืนชะตาฟ้าได้...

เสียงรัวกลองศึกซัดกระหน่ำดังสะท้านทุ่งกว้าง สายลมกราดเกรี้ยวกรูต้องหมู่ริ้วธงหลากสีส่งใจให้คลุ้มคลั่ง เมฆคล้อยต่ำคล้ายดั่งจะรันทดกำสรวล มวลอากาศรอบบริเวณอึดอัดคับแน่นเหมือนถูกบีบรัดอยู่ในช่องแคบรายล้อมด้วยยอดเหล็กแหลม แม้นขยับเพียงนิด ก็จะโดนปลายเล็กเรียวนั้นทิ่มแทง เจ็บกายไยเล่าจะเท่าปวดใจ แผลนอกไม่นานก็มีวันหาย หากแต่ความรู้สึกภายในใจ กาลเวลาล่วงเลยผ่านนานเท่าใดกลับเหมือนยิ่งตอกย้ำสลักลึกไว้ให้ติดตรึง

สายตาคมกล้าแข็งแกร่งสองคู่สานสบกันเฉกมิตรหนสุดท้าย ก่อนบังเหียนม้าศึกจะถูกชักบังคับโลดทะยาน มือขวาต่างกำด้ามกระบี่มั่น กระบี่ซึ่งถูกชักออกจากฝักหนนี้ จะตัดสินว่าเจ้าของมันจะอยู่หรือ...ตาย

เหล่าทหารม้าชักบังเหียนม้าศึกพุ่งโผนไปเบื้องหน้า ทหารราบส่งเสียงร้องคำรามลั่น คมกระบี่กระทบกันจนเกิดแสงเป็นประกายไฟพุ่ง เลือดซาดกระเซ็นเต็มยอดหญ้าเมื่อคมกระบี่ ปลายหอก ลูกดอกของหน้าไม้ตรงเข้าสู่ร่างกายทหารหาญฝ่ายตรงข้าม

ใครจะนึกฝันฝ่ายตรงข้ามคือคนแคว้นเดียวกัน!

สมรภูมิทุ่งสังหารก็อยู่บนแผ่นดินเกิดเดียวกัน!

ทหารร่วงหล่นจากหลังม้าศึกทีละคน...ทีละคน เสียงร้องจากปากช่วงสุดท้ายของเสี้ยวชีวิตดังแผ่ขยายเป็นวงกว้างดั่งผิวน้ำโดนหินกระทบ

สองกระบี่ลือนามเลื่องสะท้านแผ่นดินยังคงมุ่งฟาดฟันไม่ลดกำลัง...ไม่รามือ เพื่อให้รู้ซึ่งแพ้ชนะ เซี่ยหยิงหมิงทรงตั้งกระบี่ขึ้นต้านคมกระบี่ของหวู่อิ้ง ก่อนทรงเบี่ยงพระวรกายหลบปลายแหลมนั่นอีกครั้งเมื่อมันสะบัดเปลี่ยนทิศทาง พระหัตถ์ใหญ่กระชากคอม้าทรงพลิกวรกายรวดเร็วกระโดดลงมารอยังพื้นสมรภูมิเบื้อง
ล่าง

“เคร๊ง!” คมกระบี่จากหวู่อิ้งสวนมาอีกหน

“เคร๊ง!...เคร๊ง!” แม่ทัพใหญ่ด่านเหวินจงทั้งรับทั้งทะยานแทงสวนไม่ย่นย่อ ทุกชีวิตซึ่งอยู่ ณ ที่แห่งนี้ล้วนมีจุดหมายของตัวเอง

แท้จริงแล้วชีวิตคนสั้นดั่งน้ำค้างยามเช้า จะคงชื่อยืนยาวได้ด้วยการสร้างเกียรติคุณ

แล้วอย่างใดเล่าที่ควรเรียกว่าเกียรติคุณ...

“ฉึก!” กระบี่คมกริบเย็นยะเยียบแทงทะลุกรีดผิวกายอุ่นเรียกหยาดเลือดร้อนให้พวยพุ่งเมื่อคมกระบี่ถูกชักดึงย้อนเสียดอณูบาดแผล เลือดกระฉูดเป็นสายย้อมทาเวิ้งอากาศ

ฟ้ายามตะวันจะลาลับแดงชาดดังสีโลหิตที่พุ่งกระเซ็น หยดเลือดอาบกระบี่ไหลรินหลั่งดั่งละอองหยาดพระอัสสุชลในดวงเนตรของอ๋องหยิงหมิง

กายซึ่งเคยแข็งแกร่งดุจหินผา กำลังจะพบจุดจบแล้วหรือ...

“อั๊ก...” ลิ่มโลหิตทะลวงหลั่งรดชุ่มชุดเกราะ เข่าที่เคยหยัดยืนทรนงให้ทุกสมรภูมิค่อยจรดย่อลงยังพื้นดิน

“กระหม่อมขอทรงอภัยในทุกสิ่งที่ได้กระทำต่อพระองค์” หวู่อิ้งทูลกล่าวเสียงหนักๆ

ร่างใหญ่ของหนึ่งยอดบุรุษทรุดร่วงลงสู่พื้นพสุธา หนึ่งชีวิตทรงค่าที่ต้องดับสิ้นรั้งอยู่บนผืนดินซึ่งถือกำเนิดและเติบโตมา
แม้อีกฝ่ายได้ชัยชนะ แต่สงครามหาได้ยุติ
หากแต่จุดเริ่มต้นแห่งสงครามแยกแผ่นดินที่แท้จริง จะเกิดขึ้นนับแต่วันนี้ไป...
*****


รอคำชี้แนะจากทุกคนเช่นเดิมค่ะ








Create Date : 13 เมษายน 2553
Last Update : 13 เมษายน 2553 13:15:33 น. 3 comments
Counter : 468 Pageviews.

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


โดย: TREE AND LOVE วันที่: 13 เมษายน 2553 เวลา:13:35:31 น.  

 


โดย: thanitsita วันที่: 13 เมษายน 2553 เวลา:16:16:47 น.  

 
สาดน้ำๆ กลับคืน มีความสุขในวันหยุดพักผ่อนนะคะ

ปลอดภัยกันทั่วหน้า มีสุขภาพแข็งแรงทั้งครอบครัวในวันปีใหม่ไทยค่ะ


โดย: อิมาอิซัง วันที่: 13 เมษายน 2553 เวลา:18:02:49 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

นางสาวอ้วนจัง ตังค์มากมี
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]





ฝาก"บัลลังก์เสน่หา : จากหนึ่งคำมั่น ตราบสิ้นนิรันดร์" ด้วยค่ะ
กรงขังสิเนหา
ทาสสวาทเงาเสน่หา
บุพเพเล่ห์จันทร์
ในรั้วรัก
เสี้ยวสิเน่หา
รอยนิรันดร์
กลีบเหมยกลางทราย
เล่ห์รักร่ายปรารถนา
ตะวันเยี่ยมรุ่ง
ขวัญข้าเอย
ลิขิตลวง
สิ้นแสงรังสิมา (หนึ่งหทัยมังกร)
ดาริกากลางใจ (ดวงใจรักจ้าวยุทธ์)
หากฟ้าไร้เมฆินทร์ (ทาสรักสลักใจ)
ฤาศศินอำพราง (ยอดพธูจอมทัพ)
รื่นกลิ่นปทุม
รักลุ้นวุ่นหวาน
สัญญาลับฉบับรัก
เพียงสิ้นชีวา
เนื่องนิจสิน
แม้นเดือนดับ
จันทร์ร้างฟ้า
กรงบรรณาการ
ฝนซาเมื่อฟ้าสาง
กลีบเก็ดถวา
แสงแรกของตะวัน
ทั้งหมดภายใต้นามปากกา วิรมย์รดา กะรัต ลนาริน ธาราพิศุทธิ์
Friends' blogs
[Add นางสาวอ้วนจัง ตังค์มากมี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.