องค์ทะไล ลามะ ผู้นำจิตวิญญาณของชาวทิเบต อุณหภูมิศึกเผชิญหน้าระหว่างผู้นำจีนและชนชาติทิเบต ทวีความร้อนแรงอย่างน่ากลัว ขณะที่จีนระดมกำลังพร้อมรับสถานการณ์อันไม่พึงปรารถนา โดยจีนวิตกหนักว่ากลุ่มเคลื่อนไหวอิสรภาพหรือกลุ่มลัทธิแบ่งแยกดินแดน ว่าอาจใช้โอกาสครบรอบ 50 ปีของการลุกฮือต่อต้านอำนาจ เปิดฉากเคลื่อนไหวอิสรภาพดินแดน นับเป็นสัปดาห์แห่งความอ่อนไหว และล่อแหลมต่อสันติภาพโลก ในโอกาสนี้ มุมจีน ขอเสนอลำดับเหตุการณ์สำคัญของความขัดแย้งเมื่อ 50 ปีที่แล้ว ที่จุดชนวนการปะทะรุนแรงอันน่าเศร้าสลดมาถึงวันนี้ นับจากวันที่ผู้นำส่งกองทัพปลดแอกประชาชนจีนเข้าสู่ดินแดนพุทธศาสนาทิเบตบนหลังคาโลกในปี พ.ศ. 2493 (1950) ตุลาคม 2493- กองทัพปลดแอกประชาชนแห่งชาติจีนยาตราทัพเข้าทิเบต และบดขยี้กลุ่มต่อต้านชนชาติทิเบตที่จับอาวุธขึ้นสู้ได้อย่างง่ายดาย รัฐบาลคอมมิวนิสต์จีนประกาศปฏิบัติการดังกล่าว เป็นการ ปลดแอก ทิเบตจากระบอบศักดินา และสังคมทาส โดยมีกลุ่มศาสนาเป็นชนชั้นปกครอง และประชาชนทั่วไปเป็น ทาสขณะที่รัฐบาลทิเบตพลัดถิ่นในเมืองธรรมศาลา ประเทศอินเดีย เรียกการกระทำของจีนนี้ ว่า เป็น การรุกราน พฤษภาคม 2494- ผู้แทนทิเบตลงนามข้อตกลงที่กรุงปักกิ่ง กับสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวระบุอธิปไตยจีนครอบคลุมเหนือดินแดนทิเบต กลุ่มทิเบตพลัดถิ่นได้เผยในภายหลังว่าการลงนามนี้ เป็นไปเพราะแรงกดดัน มีนาคม 2502 ศึกลุกฮือต่อต้านการปกครองของจีนโดยชนชาติทิเบต ระเบิดขึ้นในกรุงลาซา จีนประกาศกฎอัยการศึก กลุ่มรัฐบาลทิเบตพลัดถิ่นเผยว่า มีผู้เสียชีวิตนับหมื่นคนระหว่างการปราบปรามของจีนครั้งนั้น 31 มีนาคม 2502 ทะไล ลามะที่ 14 ได้เดินทางมาถึงอินเดีย หลังจากที่การลุกฮือต่อต้านอำนาจจีนล้มเหลว รัฐบาลอินเดียได้รับรองการลี้ภัยทางการเมืองแก่ทะไล ลามะในวันที่ 3 เมษายน ปี 2508- รัฐบาลจีนประกาศจัดตั้งเขตปกครองตนเองชนชาติทิเบตอย่างเป็นทางการ ซึ่งเขตปกครองตัวเองนี้ ครอบคลุมพื้นที่ราวครึ่งหนึ่งของดินแดนทิเบตที่ยอมรับกันมาโดยประเพณี ส่วนพื้นที่ของชนชาติทิเบตแห่งอื่นๆก็ผนวกเข้ากับมณฑลต่างๆของจีน ได้แก่ ชิงไห่ หยุนหนัน และซื่อชวน (เสฉวน) ปี 2531- หู จิ่นเทา (ประธานาธิบดีจีนในปัจจุบัน) ได้รับการแต่งตั้งเป็นเลขาธิการคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนเขตปกครองตนเองชนชาติทิเบต และรับผิดชอบการการปราบปรามในดินแดน มกราคม 2532- ปันเชน ลามะ ที่ 10 ผู้นำทางจิตวิญญาณสูงสุดอับดับ 2 รองจากทะไล ลามะ ได้ใช้ชีวิตหลายปีในกรุงปักกิ่ง มรณภาพอย่างกะทันหัน หลังจากที่ได้วิจารณ์การปกครองของรัฐบาลจีน มีนาคม 2532 -เกิดเหตุการณ์วุ่นวายในกรุงลาซาในวาระครบรอบ 30 ปี แห่งการลุกฮือต่อต้านอำนาจจีน กลุ่มทิเบตพลัดถิ่นระบุมีผู้เสียชีวิตระหว่างการปราบปรามของจีน จำนวนหลายสิบคน หรืออาจเป็นร้อย ตุลาคม 2532- องค์ทะไล ลามะ ที่14 ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ จากการต่อสู้เพื่ออิสรภาพจากจีน ท่ามกลางความไม่พอใจของผู้นำจีนซึ่งได้ประกาศเขตปกครองตนเองทิเบต เป็น ดินแดนศักดิ์สิทธ์ แห่ง มาตุภูมิ 14 พฤษภาคม ปี 2538- ทะไล ลามะ คัดเลือก เกดุน โชกี นีมะ วัย 6 ขวบ เป็นปันเชนลามะที่ 11 พลันจีนก็ได้แต่งตั้งเด็กชายอีกคนเป็นปันเชนลามะที่ 11 เกดุนและครอบครัวได้หายสาบสูญในเวลาต่อมา กลุ่มสิทธิมนุษยชนระบุว่าเขาถูกจีนคุมขังและอาจเสียชีวิต ขณะที่รัฐบาลจีนแถลงเกดุน อยู่ภายใต้ความดูแลของทางการจีน 10 มีนาคม 2551- ลามะและชาวทิเบตทั่วโลกพร้อมใจกันประท้วงจีนในวาระครบรอบ 49 ปีเหตุการณ์การลุกฮือต่อต้านอำนาจจีน 14 มีนาคม 2551- เกิดจลาจลครั้งใหญ่กลางกรุงลาซา และขยายสู่เขตชุมชนทิเบตในบรรดามณฑลเพื่อนบ้านของจีน โดยรัฐบาลพลัดถิ่นแถลงมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 200 ชีวิตระหว่างปฏิบัติการปราบปรามของกองกำลังจีน ขณะที่ทางการจีนระบุว่าเจ้าหน้าที่สังหาร ผู้ก่อการลุกฮือ 1 คน และการเสียชีวิตของผู้คนอีก 21 คนนั้น เป็นความรับผิดชอบของ กลุ่มก่อการจลาจล .
|