| | | หลังการลี้ภัยมายังอินเดีย องค์ทะไล ลามะได้เคลื่อนไหวเรียกร้องอิสรภาพให้กับทิเบต อย่างไรก็ตามไม่มีประเทศใดให้การรับรองเอกราชของทิเบต หรือกล่าวประฌามว่า จีนละเมิดอธิปไตยทิเบต ข้อเรียกร้องที่นานาประเทศกล่าวประฌามจีนก็เป็นเพียงประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนเท่านั้น13 ดังนั้นหลังทศวรรษ 1970 ที่สหรัฐฯหันมาจับมือกับแผ่นดินใหญ่ พร้อมกับยุติการสนับสนุนขบวนการต่อสู้เพื่อเอกราชทิเบต การเคลื่อนไหวของชาวทิเบต จึงเน้นที่การเคลื่อนไหว อย่างสันติ เพื่อรักษาวิถีชีวิต และวัฒนธรรมของตน14 อย่างไรก็ตามประเด็นเรื่องเอกราชก็ยังฝังรากอยู่ในสำนึกของพวกเขา หากใช้มุมมองด้านกฏหมายระหว่างประเทศเข้ามาพิจารณา ข้อถกเถียงของรัฐบาลจีนย่อมมีน้ำหนักกว่าทิเบต เนื่องจากจีนไม่เคยยอมรับว่าทิเบตเป็นประเทศเอกราช และพยายามฟื้นฟูอำนาจเหนือดินแดนมาตลอดและก็ทำได้จริง นอกจากนี้ประชาคมระหว่างประเทศก็มิได้รับรองฐานะรัฐเอกราชของทิเบตในช่วง 1912-1950 ที่ทิเบตเป็นเอกราชโดยพฤตินัย15 49 ปีแห่งการลี้ภัย: ชนวนเอกราช กับ ฝันที่ไม่เป็นจริง อย่างไรก็ตามในปี 2008 ขบวนการเคลื่อนไหวเพื่อเอกราชของชาวทิเบตนับว่าคึกคักยิ่ง ด้วยปี 2008 นี้มีชนวนเหตุและปัจจัยที่กระตุ้นให้ชาวทิเบตลุกขึ้นมาต่อต้านจีนอย่างแข็งขัน เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ โคโซโว ซึ่งเป็นจังหวัดหนึ่งของเซอร์เบียได้ประกาศแยกตัวเป็นเอกราชจากเซอร์เบีย ความสำเร็จของโซโวดังกล่าว สร้างความวิตกให้จีนกังวลว่าอาจเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับทิเบต, ซินเจียง (ซินเกียง) และไต้หวัน ประกาศเอกราชตาม นอกจากนี้ปี 2008 จีนยังได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพมหกรรมกีฬาโอลิมปิก เมื่อเป็นงานระดับโลก สายตาทุกคู่ย่อมจับจ้องมาที่จีน ฉะนั้นปี 2008 จึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับทิเบตในการเคลื่อนไหว เนื่องจากความสนใจต่อเหตุการณ์ใดๆที่เกี่ยวข้องกับจีนในปีนี้ย่อมได้รับความสนใจเป็นพิเศษ ส่วนปัจจัยภายในประเทศที่สร้างความอึกอัดให้กับชาวทิเบต พอๆกับชาวจีนโดยทั่วไปคือ ปัญหาเงินเฟ้อที่ทำสถิติพุ่งพรวดสู่งสุดในรอบทศวรรษ โดยสถิติเงินเฟ้อเดือนก.พ. ได้พุ่งขึ้นมาอยู่ที่ 8.7% ทำลายสถิติสูงสุดในรอบเกือบ 12 ปี ส่งผลให้ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคถีบตัวไม่หยุด เหตุปัจจัยต่างๆเหล่านี้ได้ปลุกเร้าอารมณ์ของชาวทิเบต กระทั่งมาปะทุขึ้น ในวันที่ 10 มีนาคม 2008 ซึ่งเป็นวันครบรอบ 49 ปีที่องค์ทะไล ลามะ ลี้ภัยออกจากทิเบต ชาวทิเบตพลัดถิ่น ที่ ธรรมศาลา ประเทศอินเดีย ได้เริ่มเคลื่อนขบวนเดินทัพเรียกร้องเอกราชอย่างสันติ โดยมุ่งเดินทางเหยียบแผ่นดินทิเบตในช่วงที่จีนเริ่มมหกรรมกีฬาโอลิมปิก พร้อมกับการเดินขบวนดังกล่าว ลามะและประชาชนชาวทิเบตในจีน ได้ร่วมกันชุมนุมประท้วงเรียกร้องเอกราช กระทั่งรัฐบาลจีนต้องส่งกำลังทหารเข้าไปในลาซา พร้อมกับการประกาศทำสงครามประชาชน เพื่อควบคุมสถานการณ์ในลาซา อย่างไรก็ตามท้ายที่สุด การเคลื่อนไหวของชาวทิเบต มีทีท่าว่าจะเป็นหมัน เนื่องจากสภาพการณ์ปัจจุบัน ประเทศต่างๆมีผลประโยชน์ผูกพันกับจีนอย่างมากมาย ไม่ว่าสหรัฐอเมริกา, อังกฤษ, แคนาดา หรือเยอรมนี ซึ่งเป็นหัวหอกสำคัญในการกล่าวประฌามจีนในประเด็นทิเบต ก็หยิบยกแต่ปัญหาสิทธิมนุษยชนมาพูด แต่มิเคยเข้าไปกดดันหรือแตกหักกับจีนอย่างแท้จริง ด้วยผลประโยชน์มหาศาลต่อการเข้าไปลงทุนในตลาดที่มีกำลังบริโภคถึง 1,300 ล้านชีวิต เป็นชิ้นเนื้อสำคัญที่มิอาจปล่อยให้หลุดลอย นอกจากนี้ความขัดแย้งกับทางการจีนรังแต่จะก่อให้เกิดปัญหาอย่างรุนแรงตามมา เพราะความขัดแย้งกับจีนมิได้หมายถึงความขัดแย้งกับสาธารณรัฐประชาชนจีนเพียงแห่งเดียว แต่หมายถึงความขัดแย้งกับชาวจีนโพ้นทะเลด้วย แม้ปัจจุบันชาวจีนโพ้นทะเลที่เข้าไปอยู่อาศัยยังประเทศต่างๆทั่วโลกจะถูกกลืนกลายให้เป็นส่วนหนึ่งของประเทศนั้นๆ ทว่าสำนึกของความเป็นชาติส่วนหนึ่งยังผูกพันกับแผ่นดินใหญ่ ฉะนั้นความขัดแย้งใดๆที่จะตามจึงมีราคาที่ต้องจ่ายมากมาย อย่างมากที่สุดประเทศตะวันตกคงออกมาประฌามจีนเรื่องสิทธิมนุษยชน การใช้ความรุนแรง พร้อมกับแสดงความเสียใจต่อชาวทิเบตอย่างสุดซึ้ง แต่สุดท้ายแล้วละครเรื่องนี้ก็จบลงด้วยการ เกี๊ยะเซี้ย ระหว่างมหาอำนาจ ตบหน้าลามะ และชาวทิเบตที่ได้แต่เหนื่อยฟรี 58 ปีผ่านไป ไฉนความขัดแย้งยังไม่จาง? แม้ฉากสุดท้ายของละครเรื่องนี้เป็นเรื่องที่คาดเดาได้ ตั้งแต่ยังไม่เปิดม่าน ทำนองเดียวกับละครน้ำเน่าของทีวีไทย ทว่าบทเรียนสำคัญอย่างหนึ่ง ที่สะท้อนให้เห็นจากการต่อต้านของชาวทิเบตคือการดำเนินนโยบายที่ผิดพลาดของจีน นโยบายจีนต่อทิเบตในช่วง 58 ปีนับแต่ประธานเหมาสั่งกรีฑาทัพปลดแอกทิเบตในปี 1950 เป็นเพียงการกดทับความขัดแย้งระหว่างชาวทิเบตกับจีน ที่ดูเผินๆแล้วเหมือนความขัดแย้งจะหายไป ทว่าความขัดแย้งนั้นกลับเพิ่มพูนรอวันปะทุ ทิเบตเป็นเขตปกครองตนเอง ซึ่งรัฐบาลจีนให้สิทธิว่า ผู้ว่าการเขตปกครองตนเองต้องเป็นคนชนชาติท้องถิ่น ดูเผินๆเหมือนทิเบตจะได้รับอิสระพอสมควร ทว่าบุคคลที่ได้รับการคัดเลือก มักเป็นคนที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนเลือกแล้วว่าคุยกันได้ หรือไม่ก็เป็นเด็กในคาถา นอกจากนี้อำนาจที่แท้จริงยังตกอยู่กับเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ประจำเขตปกครองตนเอง ซึ่งตำแหน่งนี้เป็นชาวจีนฮั่น และเป็นคนที่ส่วนกลางส่งมา นอกจากนี้รัฐบาลจีนยังเข้าไปหาประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ในทิเบต อาทิการขุดเจาะเหมืองแร่ต่างๆ ตามอภิมหาโครงการลงทุนเพื่อพัฒนาภาคตะวันตก ซึ่งเริ่มในปี 1999 จนนำไปสู่ความขัดแย้งกับท้องถิ่น เนื่องจากชาวทิเบตให้ความเคารพนับถือธรรมชาติมาก ธงมนต์ระโยงระยางที่โบกสะพัดไปตามสายลม สะท้อนความเชื่อ ความเคารพนับถือ ที่ชาวทิเบตมีต่อธรรมชาติได้เป็นอย่างดี ด้วยการอาศัยสายลมเป็นสื่อกลาง คำภาวนาที่จารบนผืนธงจะถูกพัดพาไปยังเทพเจ้า หากการพัฒนาส่งดอกออกผลให้กับชาวทิเบต ก็เป็นเรื่องดี ทว่าพร้อมกับการเข้าไปปลดแอกในปี 1950 ร้านรวงต่างๆของชาวฮั่นผุดขึ้นราวดอกเห็ดในทิเบต ความจริงใจของจีนที่อ้างว่าไปปลดปล่อยทิเบต จึงถูกตั้งคำถาม ผลประโยชน์จาการพัฒนาตกอยู่ในมือใครกันแน่? การุกคืบของทุนที่ขัดแย้งกับวิถีชีวิตดั้งเดิมก่อให้ความตึงเครียด ที่รอวันปะทุ ความตึงเครียดระหว่างจีน-ทิเบตถูกสั่งสมมาเรื่อยๆ กระทั่งรถไฟสายชิงไห่-ทิเบต เริ่มให้บริการในปี 2006 ชาวจีนฮั่นก็อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานในทิเบตมากขึ้นเรื่อยๆ นำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างชาวทิเบตซึ่งเป็นชนท้องถิ่น ที่รู้สึกว่าวัฒนธรรม วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของตนกำลังถูกคุกคาม วัดวาอารามทิเบตได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์อย่างสวยงาม ทว่าความสวยงามดังกล่าวมีขึ้นเพื่อให้นักท่องเที่ยวเสพเท่านั้นหรือ? สุดท้ายความพยายามในการกลืนกลายชนชาติทิเบต ด้วยการสนับสนุนให้ชาวจีนฮั่นเข้าไปตั้งรกราก รวมทั้งกระบวนการลดทอนความศักดิ์สิทธิ์ เปลี่ยนวัฒนธรรมทิเบตให้เหลือสถานะเป็นเพียงวัตถุที่เสพได้ จึงออกผลเป็นข่าวการปะทะระหว่างชาวจีนฮั่นกับชาวทิเบตที่ปรากฏอยู่เนืองๆ ขอบคุณ ผู้จัดการออนไลน์ สวัสดิ์สิริชีววารค่ะ
|