| (ภาพ เอเจนซี) | | | แต่จากการตรวจสอบข้อมูลบนหน้าเว็บไซต์ของสองบริษัทพบว่า ทั้งคู่ได้บุกเบิกการสำรวจอาณาจักรหลังคาโลกอย่างต่อเนื่องมานานเกือบ 20 ปีแล้ว โดยซีเอ็นพีซีเข้าสำรวจพื้นที่ลุ่มน้ำเฉียงถังทางตอนกลางในปี 2538 และประเมินว่าอาจมีน้ำมันดิบสำรองซุกซ่อนอยู่กว่า 10,000 ล้านตัน หรือมากกว่า 70,000 ล้านบาร์เรล ต่อมาในปี 2540 ซิโนเปคได้ตั้งศูนย์สำรวจขึ้นครั้งแรกในเมืองน่าชีว์ โดยมีเป้าหมายจัดทำแผนที่เพื่อสำรวจการเกิดแผ่นดินไหว และการขุดเจาะเพื่อการทดลองทางวิทยาศาสตร์อย่างละเอียด ส่วนเว็บไซต์ของกระทรวงที่ดินและทรัพยากรของจีนระบุว่า ในเดือน ส.ค. ปีก่อน หน่วยสำรวจทางธรณีวิทยา ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงฯ ลงนามในข้อตกลงการสำรวจ มูลค่า 20 ล้านหยวน (ราว 100 ล้านบาท) กับซิโนเปค หลังจากตรวจพบว่าทิเบตอาจมีศักยภาพด้านน้ำมันและแร่ธาตุในระดับดีเยี่ยม ทั้งนี้ จีนพยายามรักษาภาพรวมการสำรวจทรัพยากรธรรมชาติในทิเบต ให้อยู่ในระดับไม่เป็นที่สังเกตมากนัก เนื่องจากประเด็นความอ่อนไหว โดยเฉพาะความขัดแย้งทางการเมืองและศาสนา ที่ส่อเค้ารุนแรงเรื่อยมา ทว่าแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติซึ่งมีแนวโน้มก่อประโยชน์ทางการค้า อาจช่วยพัฒนาเศรษฐกิจและยกระดับความเป็นอยู่ของชาวทิเบตให้ดียิ่งขึ้น ศาสตราจารย์เว่ย เหวินปัว นักธรณีวิทยาจากมหาวิทยาลัยธรณีวิทยาแห่งชาติจีน และผู้เชี่ยวชาญลักษณะทางธรณีของที่ราบสูงทิเบต กล่าวว่า บรรดานักวิทยาศาสตร์ยังคงถกเถียงถึงศักยภาพด้านน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่แท้จริงของทิเบต โดยพวกเขาต่างหวังว่าตัวอย่างที่จะได้จากหลุมลึก 7,000 เมตรนั้น จะคลี่คลายข้อสงสัยทั้งหมดให้กระจ่างชัด ทิเบตถือเป็นหนึ่งในอาณาเขตบริสุทธิ์แห่งสุดท้ายของโลก สำหรับการสำรวจทรัพยากรธรรมชาติ จึงดึงดูดความสนใจจากนักทำเหมืองและนักขุดเจาะทั้งในและนอกประเทศ อย่างไรก็ดี เว่ยชี้ว่าโครงการดังกล่าวต้องใช้เงินทุนขนานใหญ่ โดยเฉพาะการก่อสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานและการขุดเจาะบนที่สูงซึ่งต้องพึ่งพาเทคโนโลยีสมัยใหม่ จะดันยอดค่าใช้จ่ายแรงงานและการขนส่งเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนั้นการทำเหมืองจะส่งผลเสียหายต่อระบบนิเวศวิทยาอันบอบบาง ของทิเบตอย่างไม่อาจเรียกคืนได้ จึงควรศึกษาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม และประเมินความเสี่ยงก่อนจะอนุมัติโครงการทางธุรกิจนี้ ขอบคุณ ผู้จัดการออนไลน์ สวัสดิ์สิริชีววารค่ะ |