รู้จักนิยายสำคัญของ "กาเบรียล การ์เซีย มาร์เกซ" นักเขียนโนเบลผู้ล่วงลับ (พร้อมประมวลคำอาลัยทั่วโลก)
หากใครเคยอ่านหนังสือหรือดูหนังไม่ว่าของไทยหรือเทศ ที่แสดงภาพเป็นการปะทะกันระหว่างความเชื่อเรื่องเหนือจริงของท้องถิ่นกับทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์แบบสมัยใหม่ คุณอาจพอเข้าใจกลิ่นอายของวรรณกรรมแนว "สัจนิยมมหัศจรรย์" หรือ "Magical Realism"
ซึ่งถูกนำเสนอในงานเขียนยิ่งใหญ่เรื่อง "หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว" (One Hundred Years of Solitude ) ของ "มหาเทพ" กาเบรียล การ์เซีย มาร์เกซ เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม ในปี พ.ศ. 2525 ที่เพิ่งลาจากโลกไปในวันนี้ (18 เม.ย. 57) ด้วยวัย 87 ปี ที่โรงพยาบาลในประเทศเม็กซิโก
หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว
วรรณกรรมเรื่อง "หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว" เล่มนี้ทำให้มาร์เกซ ได้รับยกย่องให้เป็นนักประพันธ์ภาษาสเปนคนสำคัญของศตวรรษที่ 20 ต่อจาก มิเกล เด เซร์บันเตส ซาเบดรา ผู้ประพันธ์ "ดอน กิโฆเต้" ในเรื่องหนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว
เล่าถึงจุดเริ่มต้นจนถึงจุดสิ้นสุดของบรรดาตัวละครในตระกูลบูเอนติยา พร้อมๆ กับเล่าถึงจุดเริ่มต้น ความเจริญ ความเสื่อมโทรม จนกระทั่งล่มสลายของเมือง "มาคอนโด" จุดเด่นของเล่มอาจไม่ใช่ความเป็นไปของแต่ละตัวละคร แต่คือการสะท้อนชีวิตของหลายตัวละครที่มีลักษณะวนเวียนมาบรรจบซ้ำแล้วซ้ำเล่า
คล้ายกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ไม่ได้ทำให้น่าเบื่อหรือหดหู่อย่างที่คิด ด้วยการเล่าเรื่องแบบเหนือจริงผสมสมจริง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของวรรณกรรมในแถบละตินอเมริกา
ทำให้นิยายเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ความพิศวง ด้วยการแทรกเนื้อหา อาทิ "ผู้คนทั้งเมืองเกิดอาการนอนไม่หลับติดต่อกันหลายปี" "เกิดฝนตกหนักไม่ยอมหยุดต่อเนื่องกว่า 4 ปี" หรือ "วิญญาณสามารถใช้ชีวิตอยู่ในโลกของคนเป็น"
และเหตุผลที่วรรณกรรมของเขากล่าวถึงทั้งความจริงและความเหนือจริงหรือ"สัจนิยมมหัศจรรย์"อาจสะท้อนถึงปัญหาทางการเมือง ปัญหาการพลัดถิ่น ของผู้คนในประเทศโคลอมเบียตั้งแต่ตกเป็นอาณานิคมของสเปนและโปรตุเกส
ผสมกับความเชื่อเรื่องปาฏิหาริย์ ไสยศาสตร์ เวทมนตร์ที่ล้วนสัมพันธ์กับชีวิตชาวละติน ซึ่งมาร์เกซเคยกล่าวถึงความพยายามสร้างเอกลักษณ์ของภูมิภาคนี้ให้ต่างไปจากยุโรป เมื่อครั้งรับรางวัลโนเบลเมื่อ ปี พ.ศ. 2525 วรรคหนึ่งว่า
"ละตินอเมริกามิได้ต้องการเป็นเบี้ยตัวหนึ่งซึ่งปราศจากเจตจำนงของตนเอง ในขณะเดียวกันก็มิได้ต้องการให้การต่อสู้เพื่อเอกราชและความเป็นตัวของตัวเองกลายไปเป็นแรงบันดาลใจให้แก่ตะวันตก...
เหตุใดจึงคิดว่าความยุติธรรมทางสังคมซึ่งคิดค้นโดยคนยุโรปหัวก้าวหน้า เพื่อใช้ในสังคมของเขาจะสามารถนำมาใช้ในละตินอเมริกาด้วยวิธีและสภาพที่แตกต่างออกไปได้?
ไม่หรอก: ความรุนแรงที่เกินประมาณและความจาบัลย์ ในประวัติศาสตร์ของเรานั้น เป็นผลลัพธ์มาจากความไม่เท่าเทียมที่ดำเนินมากว่าชั่วอายุคน รวมทั้งความขมขื่นที่ไม่เคยถูกเล่าออกไป ทั้งหมดนี้ไม่ใช่การสมคบคิดที่ถูกวางแผนขึ้นสามพันลีกจากบ้านของเรา...
นี่ละ, เพื่อนเอ๋ย คือความโดดเดี่ยวที่แท้จริงของละตินอเมริกา"
รักเมื่อคราวห่าลง
นวนิยายอมตะเล่าเรื่องชายคนหนึ่ง ซึ่งใช้เวลารอคนรักของเขากว่าห้าทศวรรษ หลังจากที่หญิงสาวที่เขาหลงรักได้แต่งงานและห่างหายไปจากชีวิตของเขา ครั้นเธออายุ 72 ปี สามีเสียชีวิต กลายเป็นหม้าย เขารออยู่สองสามเดือน แล้วจึงชวนเธอไปนั่งเรือล่องแม่น้ำ
เขาเป็นเจ้าของกิจการล่องเรือสายนั้น เขาชวนเธอไปนั่งเรือเล่นให้คลายทุกข์โศก เธอตกลง เขาให้เธอนั่งในห้องที่สวยที่สุดในเรือ ในการล่องเรือครั้งนั้นขาไปใช้เวลา 8 วัน ขากลับ 5 วัน เพราะขึ้นอยู่กับความเร็วของกระแสน้ำ
ระหว่างทาง คืนหนึ่ง เขาเข้าไปในห้องของเธอ ทั้งคู่พรอดรักกัน เป็นฉากรักที่งดงาม บรรยายให้เห็นถึงคนแก่สองคนรักกัน อายกัน ต่างคนต่างอายสังขารของตัว ทั้งอยากแตะต้องทั้งอยากป้องปัด รออยู่ห้าสิบกว่าปี ในที่สุดความฝันเขาก็เป็นจริง
ดูเหมือนเป็นเรื่องโรแมนติกธรรมดาและคล้ายว่ามาร์เกซ จะหันมาใช้แนวเขียนแบบสัจนิยมตามที่นิยมกันในศตวรรษที่ 19 แล้วละทิ้งรูปแบบการเขียนแนวความจริงผสมความมหัศจรรย์นั้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่มีนัยยะ ซ่อนเร้น ที่ล้วนสอดแทรกการวิจารณ์ทางสังคมและวัฒนธรรมของละตินอเมริกาในยุคให้ผู้อ่านได้ขบคิด
ชีวประวัติกาเบรียล การ์เซีย มาร์เกซ
เกิดเมื่อ 6 มีนาคม ค.ศ.1928 (พ.ศ.2471) ที่เมืองอราคาตากา (Aracataca) เมืองเล็กๆ ของประเทศโคลอมเบีย เขาเริ่มเขียนหนังสือตั้งแต่เริ่มหัดอ่านออกเขียนได้ เมื่อโตขึ้นมาเขาก็ได้มีอาชีพเป็นนักข่าว
เขาต้องประสบกับความผกผัน จากการขู่ฆ่าของคนในรัฐบาลโคลอมเบีย และต้องเดินทางลี้ภัยการเมืองอยู่บ่อยครั้ง หลังจากเปิดโปงกลุ่มค้าของเถื่อนหนีภาษี ขณะที่การเมืองของประเทศโคลอมเบีย ไร้เสถียรภาพอย่างรุนแรงมาเป็นเวลาอันยาวนาน
เขาจึงเป็นผู้สนับสนุนการปกครองแบบเผด็จการเบ็ดเสร็จฝ่ายซ้าย ขณะเดียวกันที่เขาประณามการปกครองแบบเผด็จการทหารฝ่ายขวา
หลังจากแต่งงานในปี พ.ศ.2501 มาร์เกซตัดสินใจเริ่มเขียนนวนิยายอย่างจริงจัง และนวนิยายเรื่อง "หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว" ก็ทำให้เขาได้รับการยกย่องสูงสุด จนส่งผลให้เขาได้รับรางวัลโนเบล สาขาวรรณกรรมประจำปี พ.ศ. 2525 ไปแบบไม่เหนือความคาดหมาย
อีกทั้งกลายเป็นนักเขียนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก ตั้งแต่ช่วงปลายศตวรรษที่ 20 เป็นต้นมา ตราบจนถึงทุกวันนี้
คำคมบางส่วนของกาเบรียล การ์เซีย มาร์เกซ
"มนุษย์ทุกคนจะมี 3 ชีวิต ได้แก่ ชีวิตสาธารณะ, ชีวิตส่วนตัว และชีวิตลับ"
"ปัญหาของชีวิตแต่งงาน ก็คือ มันจะพบจุดจบในทุกคืน ภายหลังการร่วมรัก และมันจะต้องถูกรื้อฟื้นขึ้นในทุกรุ่งอรุณ ก่อนอาหารมื้อเช้า"
"ผมไม่เชื่อในพระเจ้า ทว่าผมรู้สึกหวาดกลัวพระองค์"
ประมวลคำไว้อาลัยต่อการถึงแก่กรรมของมาร์เกซ
ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐ
โลกได้สูญเสียหนึ่งในนักประพันธ์ผู้มีจินตนาการยิ่งใหญ่ที่สุดไปเสียแล้ว
ประธานาธิบดีฆวนมานูเอลซานโตส ประธานาธิบดีโคบอมเบีย
หนึ่งพันปีแห่งความโดดเดี่ยวและโศกเศร้า อันเนื่องมาจากการถึงแก่กรรมของพลเมืองโคลอมเบียผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล! ผู้ยิ่งใหญ่เช่นมาร์เกซจะไม่มีวันอาสัญ
บิล คลินตัน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ
ผมรู้สึกทึ่งอยู่ตลอดเวลา กับของขวัญแห่งจินตนาการอันเป็นเอกลักษณ์, ความคิดอันกระจ่างชัด และความซื่อสัตย์ทางอารมณ์ของมาร์เกซ ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เป็นมิตรของเขา รวมทั้งได้รับรู้ถึงหัวใจอันยิ่งใหญ่และสติปัญญาอันชาญฉลาดของเขา มาเป็นเวลายาวนานกว่า 2 ทศวรรษ
มาริโอ วาร์กัส โยซา เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมชาวเปรู ผู้มีความสัมพันธ์ระหองระแหงกับมาร์เกซมาอย่างยาวนาน
ผลงานของเขาทำให้แวดวงวรรณกรรมมีชื่อเสียงขจรขจายและเข้าถึงกลุ่มผู้อ่านในวงกว้าง นวนิยายของมาร์เกซจะมีอายุยืนยาว และสามารถเดินทางไปพบกับผู้อ่านกลุ่มใหม่ๆ ได้เสมอ ในทุกหนแห่ง
อิซาเบล อันเยนเด นักเขียนแนวสัจนิยมมหัศจรรย์ชาวชิลี
ฉันเป็นหนี้บุญคุณต่อแรงกระตุ้นและเสรีภาพที่มาร์เกซหยิบยื่นให้แวดวงวรรณกรรม ในหนังสือของเขา ฉันได้พบกับครอบครัวของตนเอง ประเทศของตนเอง ประชาชนที่ฉันรู้จักมาตลอดชีวิต รวมทั้ง สีสัน จังหวะ และความอุดมสมบูรณ์ในทวีปของฉัน ขอบคุณ มติชนออนไลน์ สิริสวัสดิ์จันทรวารค่ะ
Create Date : 21 เมษายน 2557 |
|
0 comments |
Last Update : 21 เมษายน 2557 10:43:53 น. |
Counter : 2099 Pageviews. |
|
|
|