สุรัชดา โหราพยากรณ์ดวงชะตาด้วยหลัก ดารา-โหราศาสตร์ ..ร่วมแก้ไขปัญหา ผ่อนคลายชะตากรรม ด้วยจิตสัมผัส ไพ่ทาโรต์
<<
พฤษภาคม 2553
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
23 พฤษภาคม 2553

จากพฤษภา ๓๕ ถึง พฤษภา ๕๓

บันทึกจากคนพฤษภาทมิฬ พ.ศ. 2535
ที่วันนั้น คนเขียนคงยังเป็นหนุ่มน้อยหน้าใส
ที่เข้าร่วมต่อต้านเผด็จการทหาร ….
วันนี้ ผ่านมาเกือบ 20 ปี พ.ศ. 2553
พฤษภาทมิฬ กลับมาอีกครั้ง ทุกคนเจ็บปวดสะเทือนใจ …
อดีตหนุ่มน้อยคนนั้นนั่งเขียนบันทึก
เพื่อนำประสบการณ์มาบอกเราในชุมขน FACEBOOK
เตือนสติให้เราสงบ อย่าง ไทยนี้รักสงบ
ให้…อโหสิกรรม กับคนไทยด้วยกัน
*********************************

จากบันทึกของคุณสถาพร สุชาติ

๑๗ พฤษภาคม ๒๕๓๕...
ผมนั่งอยู่บนถนนราชดำเนินกลาง
บริเวณหน้า "สภาทนายความ"
พร้อมประชาชนเนืองแน่น
บนเวที...มีนักการเมือง..นักวิชาการ..นักศึกษา
ขึ้นไฮปาร์คอย่างต่อเนื่อง
โดยมี "พลตรี จำลอง ศรีเมือง" เป็นแกนนำหลัก
พวกเรามาที่นี่เพราะต้องการต่อต้าน
การขึ้นครองอำนาจของคณะ รสช.
โดยมี พลเอก สุจินดา คราประยูร เป็นนายกรัฐมนตรี

ผมมาร่วมชุมนุมตั้งวันที่ ๑ พฤษภาคม..
ตามม็อบมาตั้งแต่สนามหลวง จนถึงราชดำเนิน...
ไม่มีสี ไม่แบ่งข้าง เพราะในตอนนั้นประชาชนรวมเป็นหนึ่งเดียว
เพื่อต่อต้านการสืบทอดอำนาจเผด็จการทหาร

พ้นเที่ยงคืนของวันที่ ๑๗ กำลังทหารเข้าสลายการชุมนุม
ผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆผมตะโกนว่า "อย่าตกใจ พลุๆ"
ผมหันหลังไปมองยังสะพานผ่านฟ้า
เห็นลูกไฟเล็กๆพุ่งเข้าใส่ฝูงชนเป็นสาย
แต่วิชานักศึกษาวิชาทหารที่เคยร่ำเรียนมา
บอกทันทีว่านั่นไม่ใช่พลุ แต่เป็น"กระสุนส่องวิถี" !!

."วิ่ง" ผมตะโกนลั่นพร้อมออกหาที่กำบัง
ผมหันกลับไปมองด้านหลัง ผู้หญิงคนนั้นกำลังจะวิ่งตามออกมา
แต่...กระสุนพุ่งเจาะร่างเธอล้มแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น

ไม่มีเวลาคิดอะไรทั้งสิ้น ผมกับเพื่อนพากันหมอบต่ำ
คลานกับพื้นถนนเพื่อให้พ้นวิถีกระสุน
ด้วยความที่ผมคุ้นเคยถนนราชดำเนิน
เพราะเรียนหนังสืออยู่แถวนั้น
ผมพาประชาชนวิ่งเข้าซอยตรงข้างโรงเรียนสตรีวิทยา..
พาประชาชนร่วมสามสิบคนไปหลบภัย
ในบ้านเพื่อนที่อยู่ละแวกนั้น ทุกคนกลัวตัวสั่น บางคนร้องไห้
เสียงปืนและระเบิดจากด้านนอกดังอย่างต่อเนื่อง

สถานีตำรวจนางเลิ้ง..กรมประชาสัมพันธ์..กองสลาก ถูกเผา..
คนตาย คนเจ็บถูกลำเลียงเข้ามาในซอยเล็กๆมากมาย
ค่ำคืนนั้นเหมือนฝันร้ายที่ไม่อาจลืม...
เช้าวันรุ่งขึ้น ผมต้องเดินลัดเลาะตามซอย
ไปเปลี่ยนเสื้อที่เปื้อนทั้งเลือดและคราบสกปรก
บนพื้นถนนราชดำเนินที่บ้านแฟน(สมัยเรียนมหาวิทยาลัย)
ก่อนจะกลับบ้าน

เหตุการณ์ผ่านไปพร้อมกับความเสียหายของบ้านเมือง
และจิตใจของคนในชาติ
ผมเองนั้นผวากับเสียงดังปึงปังอยู่หลายเดือน...
เวลาเยียวยาได้ แต่ทิ้งรอยแผลเป็นในใจมาจนทุกวันนี้

วันนี้ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๓...
ผมนั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์
เสียงระเบิด ปืน เฮลิคอร์ปเตอร์
แว่วเข้ามาบาดแผลเป็นในใจผมอีกครั้ง
ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อน...ครั้งนี้คนไทยแบ่งข้างกันชัดเจน
ผมตามข่าวอย่างเงียบๆ พยายามมีสติอย่างที่สุด
ทุกค่ำคืน..ผมเจ็บปวดทุกครั้งที่เสียงปืนหรือระเบิด
ผมไม่รู้ว่า ตูมนั้น..ปังนั้น จะปลิดชีวิตใครบ้าง
ผมไม่สนใจหรอก ว่าเขาจะสีอะไร
เพราะสำหรับผม..ทุกชีวิตไม่ว่าจะเป็น ตำรวจ...ทหาร..ประชาชน...
ทุกคนคือคนไทย


จากพฤษภาปี ๓๕ ถึง พฤษภา ปี ๕๓...
เหตุการณ์เปลี่ยนไปด้วยเวลาและเหตุผล ...
และด้วยหลายปัจจัย แต่.......

หลังเหตุการณ์ พฤษภา ปี ๓๕...
ผู้เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ทุกฝ่าย ได้รับนิรโทษกรรมอย่างเท่าเทียม
ล้างไพ่เริ่มนับหนึ่งกันใหม่สำหรับบ้านของเรา...
และผม ได้มีโอกาสสัมผัสกับตัวละครสำคัญในเหตุการณ์นั้นสองท่าน...

พลตรีจำลอง ศรีเมือง....ผมพบปะพูดคุยกับท่านหลายครั้ง..
แต่ไม่ใช่ที่ม็อบ แต่เป็นที่ร้าน "สวนไผ่"
ร้านอาหารมังสวิรัติของท่าน
ถึงแม้พลตรีจำลองจะชอบเดินทักทายลูกค้าตามโต๊ะ
แต่ผมก็ไม่เคยคุยกับพลตรีจำลอง
ถึงเหตุการณ์พฤษภา ปี ๓๕ อีกเลย...
พลตรีจำลอง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมก็หนึ่งในประชาชน
ที่ร่วมเป็นร่วมตายด้วยกันมา

พลเอกสุจินดา คราประยูร...ผมได้มีโอกาสพบท่านด้วยความบังเอิญสามครั้งที่สนามกอล์ฟ
หนึ่งครั้งไปถ่ายละคร อีกสองครั้งผมไปนั่งรอเพื่อน..
บอกตรงๆว่าก่อนหน้านี้ แค้นแห่งเดือนพฤษา ๓๕
ยังฝังในใจผมที่มีต่อชายผู้นี้
แต่ ณ วันที่เขาลงนั่งที่โต๊ะข้างๆผมและเอ่ยปากชวนผมคุย
"มาตีกอล์ฟเหรอครับ"
ผมหันไปมองพิจารณาท่านอย่างละเอียด
วันนี้ท่านถอดยศ..ถอดหัวโขนที่เคยมีออก..
ท่านคือชายชราธรรมดาคนหนึ่งนี่เอง...
ผมกับท่านคุยกันเรื่อยเปื่อย ใช้เวลาไม่นานนัก
แต่เรื่องหนึ่งที่ผมไม่เอ่ยปากพูดเลย
คือเรื่องเหตุการณ์ พฤษภา ปี ๓๕...
ท่านเองก็ไม่รู้ว่าผมคือหนึ่งในคนที่รอดจากคมกระสุนในเหตุการณ์นั้น

ผมไม่รู้เหมือนกัน
ว่าทำไมผมไม่โกรธ ไม่คิดจะเอาคืนกับชายชราคนนั้น
ผมมานั่งคิดไตร่ตรองจิตใจตัวเองหลายรอบ
จึงได้คำตอบผุดขึ้นจากแผลเป็นในใจของตัวเองว่า....

ความสงบ..ไม่ได้แลกด้วยการล้างผลาญ
ให้อีกฝ่ายหมดจากแผ่นดิน เพราะเอาเข้าจริงๆแล้ว
มันก็ไม่สามารถสงบได้จริง..

ความสงบ..ไม่ต้องไปเรียกร้องศาลใดๆมาตัดสิน
ให้นิรโทษกรรมใครทั้งนั้น

ความสงบ..ไม่ต้องแหกปากร้องให้ใครยื่นให้
แหกปากร้องว่า "แกสงบก่อนสิ..ฉันถึงจะสงบ"
หรือ "ฉันรักสงบ..แต่หันกลับไป ก็สาดความเกลียดชังเข้าใส่กัน"
เพราะ...
ความสงบ..เกิดขึ้นได้ ต้องเริ่มในใจเราเองด้วย...
อโหสิกรรม


ปล.ไม่ได้เขียนเอียงฝ่ายใด
เพียงแต่ต้องการถ่ายทอดตะกอนที่ตกอยู่ในใจ
เผื่อจะเป็นประโยชน์เพียงธุลี..ก็ยังดี
กรุณาใช้สติในการอ่าน และรูปที่เอามาลง
คนที่มีประสบการณ์จะรู้ว่า นี่คือรูปที่โด่งดังมากสมัย
"พฤษภาปี ๓๕"



บทเรียนแผ่นดิน มีซ้ำแล้ว..ซ้ำเล่า
หวังว่านี่คงจะเป็น..บทเรียนสุดท้าย
ที่คนไทย จะได้เรียนรู้เสร็จสิ้นเสียที..เพื่อคง..
ความเป็น "ไทย..นี้รักสงบ" ...อย่างแท้จริง






Create Date : 23 พฤษภาคม 2553
Last Update : 24 พฤษภาคม 2553 9:49:47 น. 1 comments
Counter : 792 Pageviews.  

 
มาร่วมรำลึกด้วยค่ะ


โดย: @NBC วันที่: 23 พฤษภาคม 2553 เวลา:21:53:47 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กระติ๊ดแดง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




นนท์รภัส พยากรณ์....nonrapat@yahoo.com
New Comments
[Add กระติ๊ดแดง's blog to your web]