+ + + ฝรั่งเศส : ปราสาทบลัว (Blois) + + +
"un palais dans la ville, château royal" (The royal château of Blois, a palace in the city)
เป็นปราสาทที่อยู่กลางใจเมือง Blois เลยค่ะ เป็นที่อยู่ (จริงๆ) ของกษัตริย์สมัยเรอเนสซองส์
ปราสาทหลังนี้ได้รับการบูรณะอีกครั้งสมัยศตวรรษที่ 19 และ 20
ตัวปราสาทสวยงามมากเพราะแบ่งเป็นทั้งหมด 4 ปีก สร้างในลักษณะ (เกือบ) ล้อมรอบลานกว้างตรงกลาง ที่สำคัญสถาปัตยกรรมของทั้งสี่ด้าน สร้างแบบสี่สมัยเลยค่ะ ตั้งแต่ยุคกลางจนถึงยุคคลาสสิค
มาดูรูปทั้งสี่ด้านที่บอกว่าสร้างขึ้น 4 แบบ 4 สไตล์กันนะคะ
I ด้านแรกเป็นแบบโกธิค (Gothic) สมัยศตวรรษที่ 13 ยุุคกลางที่มักจะเป็นป้อมปราสาทแบบโบราณ จริงๆปีกนี้เริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 10 เป็นต้นมา รูปนี้มองจากบริเวณลานด้านในเห็นแค่หน่อยเดียวเองค่ะ (ตรงส่วนตัวอาคารสีขาว มีหลังคาลาดๆแบบสามเหลี่ยม)
มาดูจากด้านหน้าปราสาทดีกว่าเห็นชัดดี (อาคารสีขาวด้านขวามือของรูปนะคะ)
II ด้านที่สองสร้างแบบ Flamboyant ดิฉันจำไม่ได้ว่าศัพท์ภาษาไทย เรียกว่าอะไร ขอทับศัพท์ว่าฟลามบัวยองท์นะคะ
จะเป็นอะไรที่หะ-รู-หะ-รา ปีกด้านนี้เป็นของพระเจ้าหลุยส์ที่ 12 ค่ะ (1498-1503) สร้างจากอิฐและหิน
Flamboyant เป็นศิลปะที่แตกสาขามาจากแบบโกธิค แบ่งลำดับปีดังนี้ค่ะ
1200 โกธิค (เริ่มกลางศตวรรษที่ 12 จนถึง 16) 1260 โกธิคแบบเริ่มมีการประดับตกแต่ง หรือเป็นรูปดอกไม้ (Gothique orne ou fleuri) 1350 เริ่มเป็นแบบฟลามบัวยองท์ คือมีการประดับตกแต่งมากขึ้น เช่นตามขอบหน้าต่าง ลวดลายมักจะเลียนแบบมาจากเปลวไฟ (ภาษาฝรั่งเศส flammes แปลว่าเปลวไฟ ก็เหมือนภาษาอังกฤษ flames นั่นแหล่ะค่ะ) ศิลปะรูปแบบนี้ได้รับความนิยมสูงสุดช่วงศตวรรษที่ 15
(คำจำกัดความส่วนหนึ่งอ้างอิงจาก STENDHAL, Mem. touriste, Paris, Pauvert, 1955 [1838], p. 50. ในเวป //www.atilf.fr/atilf/evenement/francophonie2006/tlfi/flamboyant.htm)
จริงๆถ้าศึกษาโดยละเอียดลึกลงไปอีก จะเห็นว่าศิลปะแบบโกธิค แบ่งย่อยออกเป็นอีกหลายประเภท และฟลามบัวยองท์เป็นรูปแบบสุดท้าย
(ด้านหลังที่เห็นในรูปเป็นโบสถ์ชื่อ The Saint Calais Chapel)
สัญญลักษณ์ของพระเจ้า Louis XII เป็นรูปเม่นสวมมงกุฎค่ะ
ปัจจุบันปีกด้านนี้ส่วนหนึ่งจัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะ (Fine Arts Museum) ตั้งแต่ปี 1869
ห้องทั้งแปดแสดงภาพเขียนและผลงานแกะสลัก สมัยศตวรรษที่ 16-19 รวมทั้งพรมสวยๆด้วยค่ะ
III ด้านที่สามสร้างสไตล์เรอเนสซองส์ (Renaissance) ปีกด้านนี้เป็นของพระเจ้าฟรองซัวร์ที่ 1 (1515-1524) สร้างหลังจากปีกด้าน Flamboyant 15 ปี การตกแต่งได้รับอิทธิพล จากอิตาลี แต่ก็ยังคงโครงสร้างแบบฝรั่งเศสไว้ด้วย
สังเกตุจากหอบันไดวนด้านนอกค่ะ เป็นการผสมผสานศิลปะทั้งสองแบบไว้ด้วยกัน
จุดเด่นที่มีชื่อเสียงที่สุดของปราสาท Blois ก็อยู่ตรงบันไดตรงด้านนอกอาคารอันนี้แหล่ะค่ะ
ศิลปะเรอเนสซองส์แบบใกล้ๆ จากหน้าต่างด้านบนค่ะ
The Hall of the Guards(ห้องราชองค์รักษ์) อยู่ในปีกส่วนนี้ ปัจจุบันจัดแสดงประวัติความเป็นมาของเงินตรา และเซรามิคแบบนีโอเรอเนสซองส์ที่ผลิตที่นี่สมัยศตวรรษที่ 19 ค่ะ
ตราแสดงสัญญลักษณ์ของพระเจ้าฟรองซัวร์ที่ 1 ที่เคยเล่าไว้ในบล็อกคราวก่อนว่าพระองค์ท่านชอบเจ้า salamander จึงนำมาเป็นตราสัญญลักษณ์ประจำพระองค์คู่กะมงกุฏ
รูปนี้ถ่ายจากส่วนตกแต่งด้านบนของเตาผิงในห้องหัวหน้าราชองครักษ์ค่ะ
ห้องพระราชินีค่ะ (Chambre de la reine)
ห้องทรงดนตรี เครื่องดนตรีที่เห็นด้านในสุดเรียกว่า clavecin คล้ายๆ เปียโนค่ะ (ข้อมูลบางที่ถึงกะเรียกว่าเป็นบรรพบุรุษของเปียโนเลยค่ะ)
IV ด้านสุดท้ายสร้างขึ้นสไตล์คลาสสิค (Classicism) 1635-1638 โดยนาย François Mansart สำหรับ Gaston d'Orléans พระอนุชาของพระเจ้าหลุยส์ที่ 13 ถือว่าเป็นงานชิ้นเอกของสถาปัตยกรรมแบบคลาสสิคค่ะ
******
เช่นเคยนะคะ ข้อมูลทั้งหมดนำมาจาก
1. โบรชัวร์ที่ได้รับจากการเยี่ยมชมปราสาทแต่ละแห่ง
2. หนังสือ Le Figaro collection Les Châteaux de la Loire ฉบับที่ 3 เดือนกุมภาพันธ์ปี 2549 (ISBN: 2-907488-97-X) และ ฉบับที่ 5 เดือนเมษายน ปีเดียวกัน (ISBN: 2-907488-95-3)
3. อินเตอร์เนตทั้งที่ได้อ้างอิงชื่อเวปมาด้วย และจากเวปที่ไม่ได้กล่าวถึงบางส่วน (เนื่องจากลืมจดไว้ค่ะ)
4.รายการทีวีชื่อ C'est pas sorcier ตอนประวัติ Château de la Loire เมื่อเดือนพฤษภาคมปี 49
Create Date : 10 กุมภาพันธ์ 2550 |
|
18 comments |
Last Update : 10 กุมภาพันธ์ 2550 3:36:49 น. |
Counter : 2212 Pageviews. |
|
|
|
ภาพปราสาทยามอากาศสลัวหน่อยทำให้เราเห็นความขลังและมีเสน่ห์เพิ่มไปอีกหลายเท่าเลยนะค่ะ