Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2555
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
12 พฤษภาคม 2555
 
All Blogs
 
สวดมนต์ ไหว้พระ นั่งสมาธิ ได้อานิสงส์อานุภาพแรงมาก



หากพูดเรื่องการสวดมนต์ไหว้พระ นั่งสมาธิ ทุกคนก็นึกถึงพระสงฆ์องค์เจ้าทั้งหลายที่อยู่ตามวัดวาอาราม หรือผู้ปฏิบัติธรรมเท่านั้น จริงๆ แล้วการสวดมนต์ไหว้พระ ควรเป็นข้อปฏิบัติประจำของเหล่าชาวพุทธทั้งหลาย โดยเฉพาะการสวดมนต์ ไหว้พระในวันวันธรรมสวนะ หรือวันพระ หากเราพิจารณาความสำคัญของการสวดมนต์โดยเปรียบเทียบกับทุกศาสนา เราจะพบว่ามีปฏิบัติกันถ้วนหน้าทีเดียว ชาวคริสต์ต้องเข้าโบสถ์สวดมนต์

ทุกวันอาทิตย์ อิสลามิกชนก็จะมีการสวดมนต์ทุกวันสำคัญ และมีการละหมาดวันละ 6 เวลาทีเดียว เบื้องต้นน่าจะเห็นพ้องต้องกันว่าการสวดมนต์เป็นสิ่งที่ดี แต่คำถามที่มักจะได้ยินเสมอว่าก็คือ ดีอย่างไร

หากเรามองย้อนไปในอดีตตอนพวกเราๆ เป็นเด็ก จะพบว่าในรุ่นปู่ย่า ตายายของเรา แทบจะทุกคนที่จะไปวัดเพื่อสวดมนต์ ไหว้พระในวันพระเสมอ และยังมีการสวดมนต์ที่ค่อนข้างยาวทีเดียวก่อนนอนทุกวัน

หลายผู้อาจจะไปนั่งพนมมือด้วย หลายผู้ก็นอนฟังแล้วก็หลับไป หลายผู้อาจถูกปลูกฝั่งให้ปฏิบัติเอาเยี่ยงบ้าง

ก็มีผมเคยถามท่านทั้งหลายในรุ่นนั้น ว่าสวดมนต์ ไหว้พระแล้วได้อะไร ก็มักจะได้คำตอบว่า “ มันดี ”ทำให้ชีวิตดี หรือชีวิตมีสิริมงคล หรือจะได้มีคุณพระคุณเจ้าคุ้มครอง หรือ อีกเหตุผลอีกหลายประการ ซึ่งฟังแล้วไม่เป็นรูปธรรม จับต้องไม่ได้ คือเข้าใจยากนั่นแหละ คนสมัยนี้ชอบใช้เหตุผลที่ค่อนข้างเป็นวิทยาศาสตร์เสียด้วย

ทำให้มรดกพุทธศาสนา ( สวดมนต์ ไหว้พระ) จึงไม่ได้รับการสืบทอดและเป็นที่นิยมกันในคนรุ่นปัจจุบัน
บวรธรรมสถาน เป็นอีกสำนักหนึ่งที่มุ่งเน้น สั่งสอนให้ลูกศิษย์สวดมนต์ ไหว้พระ นั่งสมาธิ แผ่เมตตา

ทุกวันพระและให้สวดมนต์ก่อนนอนโดยให้เป็นกิจปฏิบัติที่สำคัญลำดับต้นๆ เลยทีเดียว แม้ว่าการสวดนั้นจะสวดได้แบบปากเปล่าหรือจะต้องดูหนังสือสวดก็ตาม สำคัญอยู่ที่การสวดมนต์นั้นต้องอยู่บนพื้นฐานของความตั้งใจจริง มีสมาธิที่ดี นำจิตไปจับที่ตัวอักษรที่จะสวดออกมาอย่างจดจ่อ เปล่งเสียงให้ดังฟังชัดเจน โดยครูบาอาจารย์ได้อรรถาธิบายความถึงอานิสงส์ของการสวดมนต์ไว้ ดังนี้

1. อานิสงส์ที่เกิดกับสุขภาพร่างกาย
ผู้ที่นิยมสวดมนต์ ไหว้พระ นั่งสมาธิสม่ำเสมอจะก่อให้เกิดผลดีต่อจิตยิ่ง จะมีความผ่องแผ้วสว่างบริสุทธิ์ จิตที่สว่างจะทำให้อารมณ์ผ่องใส ไม่โกรธง่าย ไม่เครียด แม้ถ้าจะต้องใช้ความคิดก็จะคิดแบบมีเหตุมีผล การที่จิตผ่องแผ้วถือเป็นโอสถทิพย์ที่สำคัญต่อร่างกายที่เดียว ส่งผลให้ร่างกายสร้างและหลั่งฮอร์โมนในร่างกายที่เป็นปกติ ทำให้ร่างกายสมดุล เมื่อร่ายกายสมดุลบุคคลนั้นจะอายุยืน คนที่มีอารมณ์ดี ไม่เครียด จะอายุยืนยาวเช่นพระสงฆ์ที่ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานเป็นสรณะจะอายุยืนบางองค์เกินร้อยปีก็มีหรือคนโบราณที่ชอบสวดมนต์ ไหว้พระจะอายุยืนยาวมากไม่มีต่ำกว่าแปดสิบปี ซึ่งต่างจากคนสมัยปัจจุบันที่แก่เร็ว อายุสั้น เฉลี่ยแล้วไม่เกินหกสิบห้า หรือ อย่างมากก็เจ็ดสิบปี การมีจิตที่ผ่องใส เสมือนหนึ่งมียาอายุวัฒนะขนานเอกไว้ในตัวเอง ลักษณะนี้ ครูบาอาจารย์ท่านให้เรียกว่า “ การนำปัจจัยภายในมาสร้างอายุวัฒนะ”

2. อานิสงส์ให้เกิดจิตที่แกร่ง
หลังการสวดมนต์ไหว้พระและนั่งสมาธิ จะทำให้จิตมีกำลัง เป็นการบำรุงจิต จิตที่มีกำลังจะเข้มแข็ง ไม่อ่อนไหวง่าย สติดี หนักแน่น การมีจิตเป็นสมาธิสติจะคงอยู่เสมอ จะก่อให้เกิดปัญญาตามมา ปัญญาหมายถึง ระบบการคิดที่มีสติคอยกำกับ การคิดจึงอยู่บนพื้นฐานของเหตุและผลไม่มีอารมณ์เข้ามาเจือปน ส่วนความคิดที่ขาดสติ เราเรียกว่า “อารมณ์” คนสมัยใหม่ที่ไม่นิยมนั่งสมาธิ ส่งผลให้สติไม่มั่นคง โกรธง่าย โมโหร้าย ขี้หงุดหงิด ไม่อดทนต่อแรงกดดันทั้งปวง มีอารมณ์แปรปรวนไม่สม่ำเสมอ เหตุเพราะจิตมีอ่อนกำลัง เราจึงพบว่าสถิติการฆ่าตัวตายของคนสมัยนี้ จึงมีอัตราที่สูงขึ้นเรื่อยๆ เป็นต้น รูปธรรมข้างต้นเหล่านี้คงจะพอแสดงให้เห็นถึงความต่างระหว่างจิตสองลักษณะคือ จิตแกร่งกับจิตอ่อน ได้เป็นอย่างดี ให้เปรียบเทียบง่ายๆ ว่า การที่เราต้องรับประทานข้าวปลาอาหารเพราะอาหารเป็นสิ่งที่มีความสำคัญกับชีวิต ฉันใดก็ฉันนั้น สมาธิก็จะเป็นอาหารที่สำคัญของจิต เช่นกัน

3. ได้อานิสงส์จากการได้โปรดดวงจิตวิญญาณ
ผู้ที่สวดมนต์ไหว้พระนั่งสมาธิถึงขั้นเป็นผู้มีจิตใสสว่างนั้น เป็นที่โปรดปรานของพวกวิญญาณเร่ร่อนยิ่งนัก เพื่อปรารถนาจะขอส่วนบุญ ส่วนกุศลให้ตนได้ร่มเย็น หรือพ้นทุกข์ หรือแม้กระทั่งหลุดพ้นจากการถูกจองจำ โดยปกติบทสวดมนต์จะมีความขลังอยู่ในตัวเพราะ เป็นอักขระภาษาที่มีมนต์ขลัง บางบทเป็นพระคาถาที่มีอานุภาพสูง โดยเฉพาะบทพุทธบารมี บทพระคาถาชินบัญชร มีอานุภาพสูง ยิ่งผู้สวดมีสมาธิจิตที่ดีแล้ว พลังแห่งเมตตา พลังแห่งอานุภาพจะแผ่กระจายปกคลุมไปไกล ด้วยอานุภาพของพลังจิตผู้สวดเอง เมื่อเสียงสวดและอักขระไปกระทบ หรือสัมผัสกับดวงจิตวิญญาณใด พลังเมตตาและพลานุภาพแห่งมนตรานี้จะกระตุ้นให้ดวงจิตวิญญาณเกิดความระลึกได้ เมื่อระลึกได้ก็จะสามารถดูดซับพลังบารมีทั้งปวงจากบทสวดอย่างเต็มที่ ดวงจิตที่มืดบอดก็จะสว่างผ่องใสขึ้นและหลุดพ้นจากบ่วงพันธนาการในที่สุด สภาพโดยธรรมชาติของวิญญาณทั้งหลายนั้น พวกเขาจะถูกจำกัด หรือถูกควบคุมพื้นที่เสมือนถูกจองจำ
ตีตรวน เหมือนนักโทษที่ติดอยู่ในคุก บางคนก็สำนึกได้เอง บางคนต้องได้รับการอบรมสั่งสอนก่อนจึงจะเกิดสำนึก เช่นกันดวงวิญญาณหลายดวงเกิดสำนึกในความดี ความชั่วที่ตนได้กระทำได้เอง เมื่อสำนึกได้ก็จะสามารถเปิดรับธรรมะได้เลยทันที การสำนึกได้เป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ดังที่คนโบราณได้สั่งสอนบอกต่อกันมาว่า ก่อนตายให้นึกถึงพระ ความหมายนี้ก็คือ ให้เกิดรู้สำนึกนั่นเอง แม้ถ้าคนเราสำนึกได้ในวินาทีสุดท้ายขณะใกล้จะตายก็ถือว่า มีโอกาสที่จะรับรู้สัมผัสธรรมได้ ( จิตเปิด) มีโอกาสหลุดพ้น(จากการจำกัดบริเวณ )ได้ และภาษาอักขระในบทสวดดวงจิตวิญญาณสามารถก็สามารถเข้าถึงได้ ให้ดวงจิตวิญญาณเข้าใจได้ ก่อให้เกิดความกระจ่างได้และยิ่งเมื่อเราแผ่เมตตาตามอีก เขาก็จะได้อานิสงส์มากยิ่งขึ้น ดวงจิตวิญญาณเหล่านั้นชุ่มเย็นเป็นสุขเสมือนเรานำน้ำที่เย็นชโลมรดให้กับผู้ที่หิวกระหาย ลุ่มร้อนมานานปี จนสุดท้ายก็จะสามารถหลุดพ้นไปได้ การที่เราทำให้วิญญาณตกทุกข์ได้ยาก
ทุกข์ทรมาน ได้รับความสุข สว่างสดใส หรือ กระทั่งหลุดพ้นไปได้ นับว่าได้อานิสงส์มหาศาลทีเดียว สภาพความจริงในภพแห่งวิญญาณนั้น ถ้ามนุษย์มองเห็นก็จะพบว่ามีวิญญาณเร่ร่อน ( สัมภเวสี )จำนวนมากมายทีเดียว
มีทุกหนทุกแห่ง เช่น คนมีจิตสว่างบางคนไปนอนที่ไหนก็จะมีวิญญาณมาดึง มาปลุก มาทำให้ไม่สามารถนอนได้ ปรากฏการณ์เช่นนี้ให้ท่านเข้าใจเป็นเบื้องต้นว่า เขามาขอส่วนบุญ เขาเห็นจิตของท่านที่สว่าง แสดงว่าท่านเป็นมีบุญที่สามารถแผ่ให้กับเขาได้ อย่าตกใจ อย่ากลัวให้ถือว่าเป็นโอกาสที่ดี วิธีปฏิบัติก็คือ สวดมนต์ แผ่เมตตาให้เขาเสีย แล้วท่านจะนอนหลับฝันดี เขาจะเฝ้าดูแลท่านตลอดทั้งคืน บางที่อาจให้โชคลาภกับท่านเสียอีก สถานที่บางแห่งวิญญาณอยู่กันเหมือนตัวหนอน เหมือนฝูงแมลงวัน ยิ่งดวงวิญญาณอยู่กันมากมายเช่นนี้ผู้สวดมนต์ แผ่เมตตา ภาวนาสมาธิให้ ก็จะได้อานิสงส์มากเท่าทวีคูณ การสวดมนต์ที่แท้ก็คือ การแผ่เมตตานั่นเอง

การทำจิตให้นิ่งเป็นสมาธิบ่อยๆ เสมือนเราอยู่ในที่สูง อานิสงส์ที่เราสร้าง บุญกุศลที่เราทำจะเปรียบเสมือนเราเทน้ำให้ไหลลงสู่เบื้องล่าง ผู้อยู่เบื้องล่างที่หิว กระหายก็จะรอรับอย่างชุ่มเย็น มีความปีติยินดี

4. ได้อานิสงส์จากโปรดสรรพสัตว์ทั้งหลาย
นอกจากดวงจิตวิญญาณแล้ว ยังมีอีกกลุ่มหนึ่งที่ปรารถนาจะได้รับพลังเมตตาบารมีจากการสวดมนต์ ไหว้พระและนั่งสมาธิเช่นกัน ซึ่งก็คือพวกสัตว์เล็ก สัตว์น้อย สรรพสัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้นนั่นแหละ พลังแห่งการแผ่เมตตาบารมีนี้มีอานุภาพยิ่งใหญ่ เป็นพลังแห่งพุทธานุภาพ เป็นพลังฝ่ายบุญกุศล การสวดมนต์ ไหว้พระนั่งสมาธิ และแผ่เมตตาบ่อยๆ จะทำให้จิตมีความแข็งแกร่ง พลังแห่งการแผ่เมตตาก็จะมีอานุภาพที่แรงครอบคลุมพื้นที่ได้กว้างขวางยิ่งขึ้น นั่นย่อมหมายถึงไปสู่สรรพสัตว์มากจำนวนยิ่งขึ้นตามเบื้องต้นสามารถพิสูจน์ได้จริง ไม่ว่ามด ยุง แมลง ฯลฯ ล้วนต้องการ และแสวงหาพลานุภาพแห่งเมตตาอย่างหิวโหยจริง เช่นผู้ปฏิบัติธรรมบางคนพบว่ามีมดขึ้นมาเกาะบนกลดขณะที่ท่านกำลังที่ภาวนาอยู่จำนวนมาก หรือมียุงมากัดจำนวนมากขณะนั่งสมาธิ แต่เมื่อท่านกล่าวแผ่เมตตาให้แล้ว พวกเขาเหล่านั้นก็จะจากไปของเขาเอง ไม่ทำร้าย ไม่รบกวนเราอีกเหตุเพราะพวกเขาได้รับแล้วนั่นเอง ลักษณะเช่นนี้จะเป็นเรื่องเดียวกันกับที่ครูบาอาจารย์ที่กล่าวไว้ว่า พวกมด ยุง แมลง นั้นพวกเราสามารถพูดกับเขาได้นั่นเอง เมื่อเราทำให้สรรพสัตว์ทั้งหลายที่ได้ทุกข์หลุดพ้นจากทุกข์ ช่วยให้สรรพสัตว์ที่ได้สุข ให้ได้สุขยิ่งๆขึ้นไป เราก็ได้อานิสงส์แห่งการนี้ตอบคืน อานิสงส์เช่นนี้ เป็นอานิสงส์ที่ก่อให้เกิดบารมีที่ยิ่งใหญ่มากทีเดียว เราเรียกว่า “ อานิสงส์ทางทิพย์”

5. ได้อานิสงส์จากพรเทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์
ทุกครั้งที่เราสวดมนต์ หลังจากสวดบทบูชาพระรัตนตรัยแล้ว เราก็มักจะสวดบทชุมนุมอัญเชิญเทวดาเสมอ (สักเคฯ) เป็นการบอกกล่าวอัญเชิญเทวดาให้มาร่วมพิธีการสวดมนต์ เทวดาเทพ เทพารักษ์ทั้งหลายโปรดการฟังสวดมนต์มาก เพราะถือเป็นพิธีกรรมแห่งพุทธที่มีมนต์ขลังมีความศักดิ์สิทธิ์ ดังที่ได้เรียนไปแล้ว บทสวดทุกบทเป็นอักขระ มีพลังพุทธานุภาพสูง ใครได้ยินได้ฟังได้ซึมซับก็จะเกิดความสว่างไสว เกิดพลังบารมี มนุษย์ที่สวดมนต์ไหว้พระประจำเทวดา จึงเป็นที่โปรดปรานของเทวดา ไปที่ไหนมีเทวดาปกป้องคุ้มครอง
ให้โชคให้ลาภ ให้ความมั่งมีสีสุขคนโบราณจึงย้ำหนักหนาให้ลูกหลานสวดมนต์ก่อนนอน นี่คือความหมายที่แท้จริงของการสวดมนต์ก่อนนอน เทวดาก็ต้องการสร้างบารมีของตนให้สูงยิ่งๆ ขึ้นไปเช่นกัน เมื่อเราสวดมนต์ ไหว้พระ แผ่เมตตา ทำให้เทวดาได้บารมีเพิ่ม ได้ความสว่างเพิ่ม เทวดาก็จะอำนวยอวยพรชัยมงคลให้กับเรา เป็นการตอบแทนคุณเรา หากเราสังเกตให้ดี เราจะพบว่า ทุกพิธีกรรมทางพุทธศาสนาตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบันจะต้องเกี่ยวข้อง เชื่อมโยงกับเทวดาเสมอ ก่อนเริ่มพิธีกรรมจึงต้องมีการสวดบวงสรวงอัญเชิญทวยเทพเทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์มาร่วมพิธีก่อนเสมอ พุทธองค์ทรงสำเร็จมรรคผลด้วยทวยเทพ เทวดาช่วยเหลือ ชี้แนะ ในทางกลับกันเทวดาก็พึ่งพาธรรมจากพุทธองค์ หรือพุทธสาวก เพื่อสร้างบารมี ชี้ทางสว่างเสมือนน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า องค์ทวยเทพเทวากับพุทธศาสนาจึงแยกกันไม่ออก เป็นของคู่กัน

6. สามารถแผ่เมตตาช่วยคนเจ็บป่วยได้ อานิสงส์การแผ่เมตตานั้น นอกจากสรรพสัตว์และดวงวิญญาณทั้งหลายแล้ว มนุษย์ทั่วไปที่นอนเจ็บป่วยทนทุกข์ทรมานก็สามารถรับอานิสงส์ของการแผ่เมตตาได้ โดยให้เรากล่าวว่า ดังนี้ “ อานิสงส์ของการสวดมนต์ ไหว้พระ นั่งสมาธิ ของข้าพเจ้าในวันนี้ ขอส่งให้ (ชื่อ-สกุล ผู้ป่วย)” เพียงเท่านี้เองก็จะก่อให้เกิดผลดีต่อผู้ป่วยมหาศาล โดยเฉพาะผู้แผ่เมตตาเป็นผู้บุญบารมีมากยิ่งก่อให้เกิดผลเร็วขึ้น โดยมาตรฐานที่จะให้เกิดผลสมบูรณ์ ให้ทำติดต่อกัน 33 วัน สภาพร่างกายและอำนาจจิตของผู้ป่วยก็จะดีขึ้นอย่างชัดเจน แม้บางรายสังขารจะไม่ดีก็ตาม ความทุกข์ทรมานจะลดลงจิตจะดี คนเราเมื่อจิตดีก็มีความสุข อย่างไรก็ดีต้องทำความเข้าใจหลักของเวรกรรมแต่ละคนด้วย (ผู้ป่วย) ผู้ป่วยบางรายอาจจะยกเว้นไม่เป็นไปตามมาตรฐานนี้ อันเนื่องจากอยู่ในภาวะชดใช้กรรมของเขาเอง และอีกประการหนึ่งให้เข้าใจในเรื่องวิถีจิตของผู้ป่วยต้องเปิดด้วย ถ้าจิตปิดก็รับไม่ได้ แต่หากผู้ป่วยเป็นผู้ปฏิบัติธรรมแล้วก็จะยิ่งเกิดผลเร็วทันตาเห็น ใช้เวลาเพียง 16 ถึง 24 วันเท่านั้นก็เพียงพอ นั้นหมายถึงเขาเปิดประตูจิตไว้รออยู่แล้วนั่นเอง อย่างไรก็ตาม ความเป็นสายเลือดสายโลหิตระหว่างผู้แผ่อานิสงส์และผู้ป่วย ก็เป็นข้อยกเว้นพิเศษอีกเช่นกัน เพราะความเป็นสายเลือดการส่งอานิสงส์บุญกุศลจะยิ่งรวดเร็วที่สุด
เกิดอานุภาพแรงที่สุดเช่นกัน

ดังกล่าวมาข้างต้น คงพอจะทำให้ทุกท่านเข้าใจ เรื่อง อานิสงส์ หรือ ประโยชน์ที่จะรับจากการสวดมนต์ ไหว้พระ นั่งสมาธิ ตลอดจนการแผ่เมตตาเป็นอย่างดีแล้ว อย่างไรก็ดีนี่เป็นเพียงประโยชน์เบื้องต้นเท่านั้น

ความจริงแล้วมีอานิสงส์ที่จะได้รับทางอ้อม ทางลึกอีกมากมายกว่านี้นักแต่เป็น “ ปัจจัตตัง” ของแต่ละคนไป

การอ่านบรรยายข้างต้นเชื่อว่าสามารถทำให้ท่านเข้าใจได้แต่จะให้เข้าใจอย่างลึกซึ้ง ท่านต้องปฏิบัติเอง

ธรรมะคำสั่งสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่มีเครื่องมือชนิดใดสามารถมาวัดประสิทธิภาพ วัดความจริงได้
เป็นเรื่องเหนือวิทยาศาสตร์ ต้องวัดผลด้วยการปฏิบัติเอง



“ สิบปากว่า สิบตาเห็น ไม่เท่าเราลงมือทำเอง”
เอวัง ... ด้วยประการฉะนี้


ที่มาของข้อมูล:
//www.borvorndhammasathan.com/i...icle&Id=429428
__________________
ปัญญา เปรียบเสมือนเครื่องประดับแห่งตน



Create Date : 12 พฤษภาคม 2555
Last Update : 12 พฤษภาคม 2555 7:51:41 น. 21 comments
Counter : 11092 Pageviews.

 
ว๊าว..มาเจิมให้หรือเปล่าคะ อิอิ



โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 12 พฤษภาคม 2555 เวลา:10:58:05 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณแตนดีใจจังที่คุณแตนเข้าไปทักทายกิ่งตามมาอ่านอานิสงส์ของการสวดมนต์ดีมากๆเลยค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่นำบทความดีดีมาให้ได้อ่านกัน
คิดถึงเสมอค่ะคุณแตน เรื่องบทกลอนนั้นกิ่งแต่งไปตามเพลงเท่านั้นค่ะ เดี๋ยวนี้ใจสบายแล้วค่ะ ไม่อยากคิดอะไรแล้ว อยู่คนเดียวอย่างนี้ก็สบายใจดีค่ะ กิ่งยังคิดอยู่เสมอนะคะว่้าสักวันกิ่งจะไปลำพูนไปเยี่ยมคุณแตนและไปไหวัพระธาตุที่ลำพูน อยากไปเสมอนะคะ ไม่รู้ว่ากิ่งจะทำให้คุณแตนอึดอัดหรือเปล่าแต่อยากไปหานะคะ

ขอให้ครอบครัวคุณแตน คุณพ่อและน้องต้นกล้ามีความสุขตลอดไปนะคะ



โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 12 พฤษภาคม 2555 เวลา:11:10:29 น.  

 
สงฺเกยฺย สงฺกิตพฺพานิ
พึงระแวงสิ่งที่ควรระแวง

ดำเนินชีวิตด้วยสติและความระมัดระวัง ตลอดไป...นะคะ





โดย: พรหมญาณี วันที่: 14 พฤษภาคม 2555 เวลา:12:12:02 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

สบายดีไหมค๊าคุณแตน ยกร้านกาแฟมาฝากค๊า



โดย: ดาวริมทะเล วันที่: 14 พฤษภาคม 2555 เวลา:14:42:30 น.  

 



More Sweet Dreams Comments

-----------------------------
ราตรีสวัสดิ์ ฝันดีนะคะคุณแตน


โดย: เกศสุริยง วันที่: 14 พฤษภาคม 2555 เวลา:22:06:02 น.  

 
สวัสดีคะคุณแตน เมื่อวานกิ่งปั่นงานจนไม่มีเวลาเข้าบล็อกเลยค่ะ ตอนเย็นไปหาหมอที่คลีนิกกลับบ้านจนสองทุ่มกว่าแล้วอาบน้ำกินข้าวเสร็จกินยาหมอแล้วจะตอบเม้นท์เพื่อนๆ โห..ยาอะไรกินแล้วจะหลับให้ได้ง่วงจนไม่ไหวค่ะกิ่งสามทุ่มเองเมื่อคืนนี้ อิอิ

เช้านี้รีบมาตอบแล้วค่ะ ฝนก็กำลังตกซะด้วย ลำพูนตกมั๊ยคะ กลัวไฟฟ้าดับจัง ถ้าดับแล้วก็หมดกันไม่ได้ทำอะไรเลยค่ะ

ขอบคุณคุณแตนมากนะคะที่ไปอวยพรให้แม่กิ่ง เหลืออยู่คนเดียวนี่หละค่ะพระในบ้าน แม่ 82 แล้วค่ะ อยากหยุดเวลาไว้แค่นี้จริงๆนะคะคุณแตน กิ่งไม่อยากนึกถึงวันนั้นเลย

มีความสุขมากๆนะคะคุณแตน น้องต้นกล้าอยู่ชั้นอะไรแล้วน้า คุณพ่อสบายดีแล้วยัง แล้วคุณแตนเรียนทำขนมจบยังคะ มีความสุขวันพุธค่ะ





โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 16 พฤษภาคม 2555 เวลา:8:59:47 น.  

 
อปฺปมาเทน สมฺปาเทถ
จงทำประโยชน์ให้สำเร็จด้วยความไม่ประมาท

ดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาท ตลอดไป...นะคะ





โดย: พรหมญาณี วันที่: 16 พฤษภาคม 2555 เวลา:12:08:48 น.  

 
สีเลนะ สุขคะติงยันติ
เพราะมีศีลจึงทำให้ไปสู่สุคติ

สีเลนะ โภคะสัมปะทา
เพราะมีศีลจึงทำให้อุดมสมบูรณ์ด้วยโภคทรัพย์

สีเลนะ นิพพุติงยันติ
เพราะมีศีลจึงทำให้ถึงนิพพาน

ตัสสะมา สีลัง วิโสทะเย
ด้วยเหตุนี้ผู้มีปัญญาจึงควรรักษาศีลให้บริสุทธิ์

มีความสุขกับการรักษาศีล ตลอดไป...นะคะ





โดย: พรหมญาณี วันที่: 17 พฤษภาคม 2555 เวลา:10:39:56 น.  

 



More Good Morning Comments

---------------------------------------------
อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณแตน


โดย: เกศสุริยง วันที่: 18 พฤษภาคม 2555 เวลา:6:37:07 น.  

 
แวะมาเยี่ยมคราบ


โดย: teayneverdie วันที่: 21 พฤษภาคม 2555 เวลา:21:42:57 น.  

 
เวคสา หิ กตํ กมฺมํ มนฺโท ปจฺฉานุตปฺปติ
การงานที่ทำโดยผลีผลาม ทำให้คนอ่อนปัญญาต้องเดือดร้อนภายหลัง

ประกอบกิจด้วยความละเอียดรอบคอบ ตลอดไป...นะคะ





โดย: พรหมญาณี วันที่: 22 พฤษภาคม 2555 เวลา:12:35:43 น.  

 



More Good Afternoon Comments

------------------------
แวะมาทักทายยามบ่ายๆ ระลึกถึงอยู่เสมอค่ะคุณแตน


โดย: เกศสุริยง วันที่: 23 พฤษภาคม 2555 เวลา:15:19:36 น.  

 
นิปฺผนฺนโสภิโน อตฺถา
ประโยชน์งามตรงที่สำเร็จ

ขอให้ประสบผลสำเร็จทั้งประโยชน์ตนและประโยชน์ผู้อื่น ตลอดไป...นะคะ





โดย: พรหมญาณี วันที่: 24 พฤษภาคม 2555 เวลา:11:27:39 น.  

 
สวัสดียามค่ำๆค่ะ

ตอนที่เป็นแพนิค สวดมนต์แบบวินาทีต่อวินาทีเลยค่ะ
คืนนี้เรามาสวดมนต์กันเถอะ

แอมอร


โดย: peeamp วันที่: 27 พฤษภาคม 2555 เวลา:19:48:41 น.  

 
อจฺเจนฺติ กาลา ตรยนฺติ รตฺติโย วโยคุณา อนุปุพฺพํ ชหนฺติ
กาลเวลาล่วงไป วันคืนผ่านพ้นไป วัยก็หมดไปทีละตอน ๆ ตามลำดับ

ใช้เวลาอันมีค่าให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตลอดไป...นะคะ





โดย: พรหมญาณี วันที่: 28 พฤษภาคม 2555 เวลา:12:25:54 น.  

 
อโหรตฺตมตนฺทิตํ ตํ เว ภทฺเทกรตฺโตติ
คนขยันทั้งคืนวัน ไม่ซึมเซา เรียกว่า มีแต่ละวันนำโชค

ดำเนินชีวิตด้วยความขยันหมั่นเพียร ตลอดไป...นะคะ





โดย: พรหมญาณี วันที่: 29 พฤษภาคม 2555 เวลา:13:39:41 น.  

 
อปิ อตรมานานํ ผลาสาว สมิชฺฌติ
อันความหวังในผล ย่อมสำเร็จแก่ผู้ไม่ใจเร็วด่วนได้

ประกอบสัมมากิจด้วยความสุขุมรอบคอบ ตลอดไป...นะคะ





โดย: พรหมญาณี วันที่: 31 พฤษภาคม 2555 เวลา:11:23:05 น.  

 
ทเทยฺย ปุริโส ทานํ อปฺปํ วา ยทิวา พหํ
เกิดมาเป็นคน จะมากหรือน้อย ก็ควรให้ปันบ้าง

มีความสุขกับการทำบุญทำทาน ตลอดไป...นะคะ





โดย: พรหมญาณี วันที่: 1 มิถุนายน 2555 เวลา:12:39:36 น.  

 
อปฺปเสโนปิ เจ มนฺตี มหาเสนํ อมนฺตินํ

ถึงแม้จะมีกำลังพลน้อย แต่มีความคิด
ก็เอาชนะกองทัพใหญ่ที่ไร้ความคิดได้




สวัสดีค่ะ

ระยะนี้ ปอป้าไม่ได้เข้าบล๊อกทุกวัน
เนื่องจากติดภารกิจเดินสายต่างจังหวัดทุกสัปดาห์
อาจจะทำให้การทักทายขาด ๆ หาย ๆ ไปบ้าง
ถ้ามีโอกาสก็จะรีบเข้ามาทักทายตอบเม้นท์เหมือนเช่นเคย..นะคะ

คิดถึงเพื่อนบล๊อกทุกท่านเสมอ...ค่ะ



โดย: พรหมญาณี วันที่: 5 มิถุนายน 2555 เวลา:15:44:10 น.  

 
ทีปํ หิ เอตํ ปรมํ นรานํ
ยํ ปณฺฑิตา โสกนุทา ภวนฺติ

บัณฑิตสามารถปัดเป่าความเศร้าโศกของคนอื่นได้
จึงจัดว่าเป็นที่พึ่งยอดเยี่ยมของคนทั้งหลาย

มีความสุขกับการได้เป็นที่พึ่งของผู้ทุกข์ยาก ตลอดไป...นะคะ





โดย: พรหมญาณี วันที่: 11 มิถุนายน 2555 เวลา:11:03:31 น.  

 
โย มาตรํ ปิตรํ วา ชิณฺณกํ คตโยพฺพนํ
ปหุสนฺโต น ภรติ ตํ ปราภวโต มุขํ

คนใด มารดาบิดาแก่เฒ่า ล่วงพ้นวัยหนุ่มสาวไปแล้ว
ตนเองสามารถ ก็ไม่เลี้ยงดู นั้นคือปากทางของความเสื่อม

มีความสุขกับการดูแลบุพการีอันเป็นที่รัก ตลอดไป...นะคะ





โดย: พรหมญาณี วันที่: 12 มิถุนายน 2555 เวลา:11:32:22 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ต้นกล้าต้นนี้
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




แม่แตนกับต้นกล้า ยินดีต้อนรับค่ะ
: Users Online
Friends' blogs
[Add ต้นกล้าต้นนี้'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.