ตอนที่๑
เสียงดนตรีบรรเลงเพลงรักดังไปทั่วบริเวณบ้านอัครมนตรีที่มีอาณาเขตกว้างขวางเพราะเป็นที่ดินเก่าแต่มาตั้งแต่สมัยปู่ทวดตกทอดมาจนถึงรุ่นนายพลบัญญัติซึ่งภายในอาณาจักรอันกว้างใหญ่ถูกแบ่งออกเป็นสัดส่วนแก่ลูกชายทั้งหมดและในอนาคตอาจจะถูกแบ่งออกอีกเป็นส่วนๆเพราะยังมีหลานชายอีกเก้าคนเป็นรุ่นต่อมา
วันนี้เป็นวันมงคลที่หลานชายหนึ่งในเก้าจะแต่งงานแต่ในขณะที่คนอื่นๆกำลังสนุกกับงานแต่ง แต่ชายหนุ่มคนหนึ่งกลับเดินมุ่งหน้าไปทางเรือนกล้วยไม้แล้วเลี้ยวไปยังเรือนแพที่พลเทพพ่อของเมฆาสร้างไว้ให้หลานๆมานั่งเล่นข้างคลอง
ร่างสูงสวมสูทสีเข้มตัดพอดีตัวก้าวข้ามสะพานไม้ลงไปในแพเล็กที่สร้างเป็นเพิงไม้ชั้นเดียวเอาไว้นอนเล่นเวลาว่างๆซึ่งสร้างอยู่ติดกับแพใหญ่ที่มีลักษณะเป็นบ้านไม้สองชั้นแบ่งห้องเป็นสัดส่วนมีห้องนอนห้องน้ำอย่างดี
ชายหนุ่มดึงแว่นที่สวมอยู่ออกมาใส่ในกระเป๋าเสื้อเขาเดินไปยืนพิงเสาไม้แล้วยกมือขึ้นกอดอกดวงตาคมเข้มหลุบลงมองปลายรองเท้าสีดำเป็นเงาปล่อยความคิดไปกับความเงียบที่ปรารถนาต้องการมากกว่าสิ่งใดในเวลานี้
ปริตรอัครมนตรี หลานชายคนแรกของนายพลบัญญัติขยับตัวอีกครั้งหลังจากยืนอยู่ในท่านั้นเกือบสิบนาทีเขายกมือขึ้นดูเวลาแล้วหันหลังเตรียมจะเดินกลับถ้าไม่ทันเห็นว่ามีร่างของใครคนหนึ่งกำลังยืนแอบอยู่หลังพุ่มพลับพลึง
ชายหนุ่มก้าวยาวๆไปยืนอยู่ด้านหลังหญิงสาวที่ไม่ว่าจะยังไงเขาก็จำได้เสมอแล้วคว้าแขนเรียวลากให้เดินเลี่ยงมาอีกทางเมื่อมองไปตามสายตาของเธอแล้วพบว่าเจ้าบ่าวตัวแสบพาเจ้าสาวหลบออกมาจากงานแต่งแล้วนายเมฆก็กำลังจูบเจ้าสาวอย่างดูดดื่มซึ่งไม่บอกปริตรก็พอจะเดาออกว่ามันไม่น่าจะจบเพียงแค่นั้นเด็ดขาด
พี่ปริตร
ปูนแป้งหรือนางสาววนรรษนันท์ลูกสาวคนเล็กของคุณวิภาที่อยู่บ้านติดกันกับตระกูลอัครมนตรีเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์ของคนที่กำลังลากตัวเองแล้วทำท่าจะร้องไห้เธอคิดว่าจะต้องถูกว่าอีกแน่ๆว่าไปแอบดูเจาบ่าวเจ้าสาวจู๋จี๋กัน
แต่พอจะอธิบายว่าเธอมาถึงก่อนที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะขึ้นไปบนแพเขาก็พาเธอเดินมาจนเกือบจะถึงบ้านใหญ่ชายหนุ่มหยุดเดินแล้วหันมามองหน้าหญิงสาว คิ้วเข้มกดลึกเข้าหากันดวงตาคมเหมือนกับกำลังตำหนิเธออยู่ แต่เขาทำแค่เพียงพูดสั้นๆว่า
กลับเข้าไป
เป็นอะไรยายแป้ง
คุณวิภาสกุลพาณิชย์หันมาถามลูกสาวที่เดินเข้ามานั่งข้างๆ ซึ่งวันนี้นางถูกเชิญมาร่วมงานแต่งงานเนื่องจากเป็นเพื่อนบ้านที่มีเขตรั้วติดกันมีความสนิทชิดเชื้อกันมาตั้งแต่ลูกสาวคนเล็กยังไม่เกิดแต่พอปูนแป้งเกิดมาเพราะเป็นเด็กผู้หญิงเลยกลายเป็นที่รักของทุกๆคนรวมทั้งนายพลบัญญัติกับคุณน้อมจิตที่ออกจะเอ็นดูหญิงสาวมากเป็นพิเศษ
เปล่าค่ะคุณแม่
ปูนแป้งตอบแล้วก้มหน้างุดเมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นใบหน้าบึ้งตึงของคนที่เดินเข้ามาทีหลังพี่ใหญ่สุดในรุ่นหลานของตระกูลอัครมนตรียกมือขึ้นดันแว่น ริมฝีปากกดเป็นรอยลึกเมื่อขึงตาใส่สาวน้อยอีกครั้ง
ชายหนุ่มอยากจะจับแม่ตัวดีมาตีก้นนักที่ริอาจไปแอบดูคู่บ่าวสาวทำอะไรกันในเรือนแพดีนะที่เขาไปลากออกมาก่อนที่คู่นั้นจะทำอะไรมากไปกว่าจูบกัน ไม่อย่างนั้นคงมองหน้ากันไม่ติดเผลอยายตัวดีนี่จะเป็นลมล้มกองอยู่ตรงนั้นคงได้อายกันไปถึงไหนๆ
เป็นอะไรไปปริตรมาหาย่าสิลูก
คุณย่าน้อมเห็นสายตาที่หลานชายใช้มองปูนแป้งเลยพาให้สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ชายหนุ่มกลับส่ายหน้าแล้วเดินหนีไปอีกทางซึ่งออกจะเป็นนิสัยที่ทุกคนคุ้นเคยกันดีจึงไม่คิดที่จะถือสาอะไร
ปริตรนี่ก็แปลกนะคะดูเงียบๆ ไม่ค่อยพูดค่อยจา ปีนี้สามสิบกว่าแล้วไม่ใช่หรือคะยังไม่เห็นมีแฟนสักคน
คุณวิภาหันมาถามแล้วคุยไปถึงเรื่องหลานชายคนอื่นๆโดยไม่ทันสังเกตว่าลูกสาวลุกขึ้นแล้วรีบเดินตามร่างสูงไป
พี่ปริตรคะ
เสียงใสๆที่ดังขึ้นจากด้านหลังทำให้มือที่กำลังยกขึ้นเคาะห้องแต่งตัวเจ้าบ่าวชะงักเขาหันกลับมามองคนที่ยืนเยื้องไปด้านหลังแล้วยกมือขึ้นกอดอก
มีอะไร
พี่อย่าบอกพี่เมฆนะคะว่า...เอ่อ...ว่า...
เธอไปแอบดูคู่รักเขาจู๋จี๋จนเกือบจะจ้ำจี้กันน่ะหรือ
ปูนแป้งสะดุ้งกับคำพูดตรงๆรีบมองซ้ายมองขวาเพราะกลัวจะมีคนได้ยินก่อนจะหันกลับมองหน้าปริตรด้วยนัยน์ตาแดงๆเหมือนจะร้องไห้
แป้งไม่ได้ตั้งใจนะคะพี่ปริตรแป้งแค่ไปนั่งดูปลา
แล้วก็เลยแอบดูคนต่อ
ชายหนุ่มต่อให้ใบหน้ายามที่ไม่ยิ้มดูดุเหมือนอาจารย์มาดเข้มในมหาวิทยาลัยแต่ที่ปูนแป้งกลัวที่สุดน่าจะเป็นดวงตาที่อยู่หลังแว่นเพราะเธอไม่เคยดูออกเลยว่าคนๆ นี้กำลังคิดอะไร
เอาล่ะพี่ไม่บอกก็ได้ จะไปไหนก็ไปเถอะ
พอเห็นสีหน้าของหญิงสาวใจของเขาก็พาลอ่อนยวบลงเสียทุกทีใบหน้าเข้มหันไปอีกทางพลางยกมือไล่เพราะไม่ต้องการจะพูดอะไรต่อเขาหลีกเลี่ยงที่จะเข้าใกล้สาวน้อยหน้าหวานตั้งแต่ได้ยินกับหูว่าเธอหลงรักปราชญ์แล้วเก็บความรู้สึกเอาไว้ให้ลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้
แต่พี่ปริตรคะ
พี่บอกให้ไปไงเล่า
ปริตรหันมาทำเสียงดุจ้องหน้าหวานนิ่งคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันไม่คิดเลยว่าคนตรงหน้าจะดื้อได้มากขนาดนี้
แค่รับปากแป้งขอแค่ให้พี่ปริตรรับปากว่าจะไม่...
ก็รับแล้วไงพี่จะไม่บอกใครว่าแป้งไปแอบดูเจ้าเมฆจูบกับเจ้าสาว พอใจหรือยัง
ปริตรจับบ่าหญิงสาวกระชากเข้ามาจนหน้าเกือบจะชนกันนัยน์ตาแข็งกร้าวซ่อนอะไรบางอย่างเอาไว้มันเผยออกมาตามความรู้สึกเพียงครู่เดียวเท่านั้นแล้วถูกลบไปอย่างรวดเร็วหากคนที่เงยหน้าขึ้นสบตากลับตกตะลึงริมฝีปากอิ่มสั่นระริกน้ำตาหยดน้อยไหลปริ่มขอบตา
แป้ง...แป้ง
โธ่โว้ย
ปริตรปริภาษออกมาเสียงเข้มกระชากร่างบางเข้าแนบชิดก่อนจะบดริมฝีปากลงไปบนกลีบปากนุ่มอย่างรุนแรงรสจูบที่ดุดันแปรเปลี่ยนเป็นอ่อนหวานในเวลาต่อมาเมื่อการเผยอปากร้องด้วยความตกใจเปิดโอกาสให้ลิ้มรสความหวานภายในได้มากขึ้น
ปูนแป้งตัวสั่นกับสิ่งที่ได้พบเจอจูบแรกในชีวิตเกิดขึ้นหลังจากที่เธอเพิ่งเห็นคนจูบกันด้วยตาตัวเอง มือบางยกขึ้นดันต้นแขนแข็งแกร่งก่อนจะกลายเป็นเกาะยึดในเวลาต่อมา
เสียงครางหวานแววทำให้ชายหนุ่มรู้สึกตัวเขาผละออกแล้วจ้องหน้าหญิงสาวราวกับเห็นสิ่งมหัศจรรย์ไม่อยากจะเชื่อว่าตนเองจะทำอะไรเช่นนั้น
พี่ขอโทษ
คำขอโทษช่างแผ่วเบาปูนแป้งยกมือขึ้นปิดปากก่อนที่จะหันหลังกลับแล้ววิ่งลงบันไดไปโดยมีสายตาเป็นห่วงมองตามหลัง ชายหนุ่มเอนตัวพิงประตูยกมือขึ้นแตะริมฝีปากกลิ่นหอมยังติดอยู่ที่จมูก ความหวานของริมฝีปากยังติดอยู่ในหัวใจ
ปริตรหลับตาลงกดความรู้สึกบางอย่างให้หายไปเตือนตัวเองว่าอายุเฉียดสามสิบห้าในขณะที่หญิงสาวอายุเพิ่งจะยี่สิบสามเท่านั้นระยะห่างกันเป็นสิบปี เด็กสาวๆ ที่ไหนจะมามองคนที่เอาแต่ทำงานในห้องอย่างเขา
รักเขาแล้วทำไมไม่บอก
เมฆาตบบ่ากว้างของลูกผู้พี่ทำไมเขาจะไม่เห็นว่าปริตรลากแม่สาวน้อยอินโนเซนต์ออกไปจากแพแล้วเขาก็รู้ด้วยว่าปริตรรู้สึกอย่างไรกับปูนแป้งเพราะทุกครั้งที่หญิงสาวมาหาย่าน้อมปริตรก็มักจะไปวนเวียนแถวบ้านใหญ่เสมอ
เขารักปราชญ์เขาไม่ได้รักพี่
แต่ปราชญ์ไม่ได้รักยายแป้งขี้แยนะ
เจ้าบ่าวยกมือขึ้นวางบนบ่ากว้างแล้วเขย่า
ความรักมันบังคับกันไม่ได้หรอกนะพี่ชายแต่เราทำให้เขารักเราได้
ปริตรฝืนยิ้มแต่พูดออกมาไม่ได้ว่าเขามีสัญญาใจอยู่กับยายแป้งขี้แยของทุกคนมันเป็นสิ่งที่ทำให้เสียใจมาจนถึงทุกวันนี้ที่ดันไปรับปากว่าจะทำให้ความรักของน้องแป้งสมหวัง
หลังจากหลบมานั่งคนเดียวอยู่พักใหญ่เพราะยังตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่หญิงสาวในชุดสีฟ้าอ่อนก็ขยับตัวทำท่าจะลุกขึ้นถ้าใครคนจะไม่เดินผ่านมาเสียก่อน
อ้าวแป้งมานั่งทำอะไรที่นี่
พี่ปราชญ์
ปูนแป้งเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มร่างสูงหน้าตาคมคายแล้วยิ้มเหมือนจะร้องไห้จนปราชญ์ต้องเดินเข้ามานั่งข้างแล้วถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลอันเป็นนิสัยที่ติดตัวมานาน
เป็นอะไรไปคะใครทำอะไร หรือโดนพี่ปริตรดุอีก
ชายหนุ่มพูดถึงพี่ชายตัวเองเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องปกติถ้าน้องแป้งจะหลบมานั่งคนเดียวเวลาที่ถูกดุแต่แค่ปูนแป้งได้ยินชื่อปริตรแก้มนวลก็ร้อนวูบขึ้นมาทันที
ปละเปล่าค่ะ แป้งเห็นคนในบ้านอยู่กันเยอะแยะเลยหลบมานั่งเงียบๆเท่านั้นเอง
งั้นก็แล้วไป พี่ก็นึกว่าโดนดุมาอีก
ปราชญ์จับมือหญิงสาวขึ้นมาตบเบาๆแล้วเปลี่ยนมาจับศีรษะเธอโยกไปมาด้วยความเอ็นดูในฐานะน้องสาวคนหนึ่งซึ่งเขาเองก็ไม่เคยคิดว่าน้องน้อยจะมีความรู้สึกต่อตนเกินกว่าพี่ชายคนหนึ่งเช่นกัน
แต่คนที่รู้และเดินตามหาปูนแป้งด้วยความเป็นห่วงนั้นกำลังยืนนิ่งแล้วมองภาพที่น้องชายกำลังปลอบใจหญิงสาวร่างเล็กด้วยแววตาที่ยากจะเดาความรู้สึกเขาหันหลังแล้วเดินไปหนีไปทางเรือนหอของเมฆาเพราะรู้ว่าตนเองจะได้รับความสงบเงียบได้อย่างที่ต้องการ
ซุ้มกระดังงาที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นที่นั่งสำหรับอ่านหนังสือสมัยที่ปริตรยังเด็กยังคงมีดอกระดังงาเหลืองอร่ามตาส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วบริเวณเขาทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้หินเย็นเฉียบแล้วเงยหน้าขึ้นมองดอกไม้ที่อยู่เหนือศีรษะ ถ้าเป็นเวลาปกติปริตรคงรู้สึกมีความสุขไปกับกลิ่นหอมเย็นชุ่มชื่นหัวใจ
แต่ตอนนี้เขากำลังรู้สึกเหมือนตนเองกำลังจะจมน้ำชายหนุ่มล้วงจดหมายที่เพิ่งได้รับเมื่อสองวันก่อนมาเปิดอ่านอีกครั้งจดหมายเชิญให้เขาเข้าร่วมการทดลองสำคัญจากองค์กรระดับโลกในอีกหกเดือนข้างหน้า
เขาได้รับคำเชิญในฐานะนักค้นคว้าทางด้านคุณสมบัติการรักษาโรคด้วยการสกัดสารที่ได้จากพืช ซึ่งชายหนุ่มไม่เคยเล่าให้ใครฟังเลยว่าตนเองทำงานอะไรนอกจากบอกว่าทำงานเกี่ยวกับการวิจัยแต่เรื่องมาแตกตอนที่งานวิจัยครั้งล่าสุดได้รับรางวัลใหญ่และที่สำคัญดร.ปริตรเป็นนักวิจัยที่อายุน้อยที่สุดในโครงการครั้งนั้น
สายตาของปริตรที่ยังคงไล่อ่านตัวหนังสือในกระดาษหยุดลงตรงกำหนดวันเวลาที่จะต้องตอบรับกลับไปก่อนที่เสียงถอนหายใจจะดังตามมาก่อนจะทิ้งแขนลงเหมือนคนหมดแรงเพราะรู้ว่าถ้าตนเองไปในครั้งนี้อีกเป็นปีถึงจะได้กลับมาและเมื่อถึงเวลานั้น...ปราชญ์อาจจะแต่งงานกับปูนแป้งไปแล้วก็ได้
เปลือกตาที่ประดับด้วยขนตายาวงอนหลุบลงปิดบังนัยน์ตาที่แสดงออกถึงความรู้สึกเจ็บปวดเขาไม่รู้ว่าหลงรักน้องน้อยจอมขี้แยตั้งแต่เมื่อไหร่เขาไม่รู้ว่าทำไมถึงได้สนใจยายเด็กจอมซุ่มซ่ามเข้าไปได้แต่ที่มั่นใจคือทุกครั้งที่เห็นน้องชายกับเธอคนนั้น หัวใจเขาก็เจ็บจนบอกไม่ถูก
...
อยู่ๆเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นปริตรเปิดตาแล้วมองต้นเสียงที่อยู่ตรงหน้าเขาก่อนจะกวาดสายตาไปทั่วบริเวณแต่ไม่เห็นใครจึงหันกลับมามองที่เดิม
ปริตรมองหมาน้อยสองตัวที่นั่งอยู่ตรงหน้าแม้จะเคยได้ยินเรื่องราวจากอาพงศ์และเมฆามาบ้างแต่ก็ไม่เคยสนใจฟังจนจบสักทีส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเขาไม่ค่อยชอบสัตว์นัก แต่ก็ไม่ถึงขั้นเกลียดเอาเสียเลย
เขามองพี่หมาของอาพงศ์ที่กำลังเอียงคอมองกลับมาแล้วโบกมือเหมือนไล่ใจก็นึกขำกับโบว์แบบเนกไทกับผ้าคลุมผมเจ้าสาวที่พี่หมาทั้งสองตัวใส่อยู่ แถมเมื่อเช้าตอนพิธีหมั้นเขายังเห็นพี่ๆทั้งสองตัวนั่งเชิดหน้าเหมือนว่างานนี้ตัวเองเป็นเจ้าภาพเสียเอง
บางคนอาจดูน่ารักแต่ปริตรรู้สึกเฉยๆ จะว่าไปเขาก็ไม่เคยเลี้ยงสัตว์สักตัวเพราะคิดว่ามันเป็นภาระพาไปไหนมาไหนก็ลำบาก เวลาเจ็บป่วยก็ยุ่งยากต้องพาไปหาหมอ
มีอะไร
ปริตรถามขึ้นเมื่อพี่บอมกับพี่บันบันยังนั่งมองหน้าเขาอยู่เหมือนเดินทั้งๆที่ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับคำตอบเพราะคิดว่าถึงยังไงก็คุยกันคนละภาษาอยู่แล้ว
แต่...เขาคิดผิดเพราะแทนที่พี่หมาจะเดินหนี พี่บอมกลับกระโดดขึ้นมาบนเก้าอี้หิน ยืนขึ้นแล้วใช้ขาหน้าวางแปะมาบนบ่าแล้วตบเบาๆเหมือนต้องการให้กำลังใจ ส่วนหมาน้อยอีกตัวก็ทำคล้ายๆกันเพียงแต่มายืนข้างหน้าแล้ววางขาหน้าบนหัวเข่าเขาแทน
ดีที่ไม่ลูบหัว
ปริตรคิดแล้วนึกในใจว่านี่ขนาดหมายังรู้เลยว่าเขากำลังต้องการใครสักคนถ้าเวลานี้มีใครสักคนเข้ามากอดก็น่าจะดี คิดไปยังไม่ทันจบร่างของปริตรก็หงายท้องตกจากเก้าอี้ลงไปนอนบนพื้นหญ้าเมื่อเจ้าดัลเมเชี่ยนตัวใหญ่วิ่งหูลู่ลมมาแต่ไกลแล้วกระโจนเข้าใส่ทั้งตัว แถมยังนอนทับเขาเอาไว้จนกระดิกตัวไม่ได้
ตัวเล็กลุกไปเดี๋ยวนี้
ปริตรออกคำสั่งให้เจ้าตัวเล็กแต่ไม่ได้เล็กเหมือนชื่อลุกออกจากหน้าท้องแต่มันกลับทำเฉยแถมยังเอาคางเกยหนาอกเขาพลางส่งเสียง งี้ดๆในลำคอเหมือนกำลังอ้อนเสียอีก
ชายหนุ่มทิ้งศีรษะลงกับพื้นพ่นลมหายใจออกมาอย่างเซ็งๆเพราะไม่รู้จะทำยังไงกับหมาสุดรักสุดดวงใจของยายปูนแป้งดีคิ้วเข้มขยับเข้าหากันเมื่อพี่หมาทั้งสองตัวเดินมานั่งเหนือศีรษะ และสิ่งที่ทำให้เขาต้องกระพริบตาแล้วมองให้แน่ใจคือ...ทำไมถึงรู้สึกเหมือนว่าหมาทั้งสองตัวกำลังยิ้ม
มันเรื่องบ้าอะไรกัน
ชายหนุ่มสบถออกมาเบาๆ
พูดดีๆก็ได้พี่ๆเขาไม่ชอบรู้มั้ย
คำตำหนิดังขึ้นจากร่างท้วมที่เพิ่งก้าวเข้ามาใกล้สายตาของคุณจันทราบอกให้รู้ว่านางหมายความเช่นนั้นจริงๆ เขาไม่ควรพูดแบบนี้ออกมาแต่...
ปริตรขมวดคิ้วแล้วคิดในใจ...กับหมาเนี่ยนะ
ชายหนุ่มพยายามดันเจ้าตัวเล็กของปูนแป้งออกแต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรมันก็ไม่ยอมขยับจนกระทั่งคุณจันทราหันไปพูดกับพี่หมาที่วางท่าเป็นหัวโจก
พี่บอมบอกให้น้องลุกขึ้นสิลูก
พี่บอมเห่ารับคำสั่งแล้วหันไปเห่าใส่เจ้าตัวเล็กซึ่งก็ได้ผลเพราะมันขยับตัวลุกเดินออกมาแล้วนั่งลงอย่างสงบเสงี่ยมอยู่ข้างๆพี่หมาตัวที่เล็กกว่าทันที
ร่างสูงค่อยๆขยับขึ้นมานั่งใช้มือปัดเศษหญ้าบนเสื้อก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงซึ่งสำหรับสตรีสูงวัยร่างเล็กอย่างคุณจันทราแล้ว ทำให้ต้องเงยหน้าขึ้นยามเมื่อสำรวจคนตรงหน้าอย่างถี่ถ้วน
พี่บอมคนนี้เหรอลูก
คุณจันทราก้มลงมองหน้าพี่หมาเมื่ออีกฝ่ายเห่ารับสายตาของนางก็กลับมาสำรวจคนตรงหน้าอีกครั้งหนึ่ง แม้ในตอนแรกที่เจอหน้าคุณจันทราจะมองผ่านเลยไปเพราะไม่สะดุดตาเหมือนคนที่ชื่อปราชญ์แต่พอมาดูใกล้ๆกลับพบว่าผู้ชายคนนี้ซ่อนดวงตาที่สวยชวนมองไว้ภายใต้แว่นกรอบดำอย่างน่าเสียดาย
ไปเถอะลูกแค่นี้ก็รู้แล้ว
คุณจันทราพูดแล้วหันหลังเดินกลับไปตามทางเดิมโดยมีพี่หมาทั้งสองตัววิ่งตามส่วนเจ้าตัวเล็กมันมองสลับไปมาระหว่างหนุ่มร่างสูงหน้าดุกับพี่ๆที่วิ่งไปจนใกล้จะลับตาก่อนที่จะลุกขึ้นแล้ววิ่งตามพี่หมาทั้งสองตัวไป
แล้ว...ตกลงว่ามันเกิดอะไรทำไม ยังไง
ชายหนุ่มยกมือขึ้นลูบหน้าผากเขามองตามหลังคนที่เพิ่งเดินจากไปเพราะไม่เข้าใจเลยว่าตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ทำไมเขาต้องมายืนดูคนคุยกับหมา แล้วเขาเกี่ยวอะไรด้วยทำไมต้องถามว่าคนนี้ใช่ไหม
ปริตรยกมือขึ้นเสยผมแล้วทิ้งตัวลงนั่งก่อนจะทะลึ่งตัวลุกขึ้นพรวดพราดเพราะนึกว่าเจ้าตัวเล็กกลับมาอีกแต่มันเป็นแค่เสียงเห่าที่ดังอยู่ไกลๆเขาเลยถอนหายใจออกมาแล้วล้มเลิกความคิดที่จะหาที่เงียบๆหลบหน้าผู้คน
แม่ไปไหนมาคะแอนตามหาแทบแย่
ทันทีที่คุณจันทราเดินขึ้นไปบนตึกใหญ่ลูกสาวคนเดียวอันเป็นที่รักก็เดินเข้ามาหาจิรายุทำท่าจะมาประคองแต่นางยกมือขึ้นห้ามแล้วมองหน้านวลด้วยแววตามีลับลมคมนัย
แม่ไปทำอะไรมาหรือเปล่า
หญิงสาวถามเพราะรู้นิสัยมารดาดีว่าเผลอเป็นไม่ได้จะต้องหาอะไรทำให้เป็นเรื่องทุกที
ฉันก็อยู่ของฉันตรงนี้แก่แล้วนะแอนตาเตอน่ะไปตรวจซะบ้างพี่บอมเขาเป็นห่วง
พอพูดจบคนเป็นแม่ก็เดินจากไปด้วยท่าทางสบายอารมณ์แต่คนฟังกลับต้องก้มลงมองพี่บอมที่นั่งยิ้มเหมือนเยาะเย้ยอยู่ข้างๆเธอ
สะใจมั้ยพี่พรุ่งแอนไปเกาะกำแพงอย่าหวังนะว่าจะได้กินปลาทุบ
หญิงสาวพูดจบก็เดินหนีนั่งข้างพงศธรมองตามพี่หมาที่เดินสะบัดก้นจากไปก่อนจะหันมาสบตาสามี
คุณพงศ์แอนว่าแม่ต้องคิดทำอะไรแน่ๆ
จิรายุเปิดประเด็นแล้วตีมือหนาที่ยื่นมาลูบท้องเธอเล่นก่อนจะหันมาจ้องหน้าสามีอย่างจริงจัง
คิดมากไปหรือเปล่าแก่แล้วนะคิดมากระวังเถอะลูกออกมาหน้าจะย่นเอา
ถ้าย่นก็คงมาจากกรรมพันธุ์แต่คงไม่ใช่มาจากทางแอนแล้วล่ะคะ ปกติทางบ้านแอนน่ะ ดั้งโด่ง ขนฟู หูยาว ถ้าย่น... อืม ...น่าจะมาสายพันทางพ่อมากกว่า
คำตอบของหญิงสาวเล่นเอาพงศธรอึ้งเขาหันไปทำตาเขียวใส่บรรดาหลานๆที่นั่งคุยกันอยู่ด้านหลังทำเสียงคำรามเบาๆในคอก่อนจะหันกลับมามองหน้าภรรยา
งั้นลูกเกิดมาเราคงให้ลูกกินน้ำตาลไม่ได้แล้วล่ะที่รัก
พงศธรพูดเสียงขรึมจนจิรายุต้องถามด้วยความสงสัย
ทำไมล่ะคะ
เดี๋ยวลูกเราจะดุ
ชายหนุ่มตอบแล้วยิ้มกว้างเมื่อถูกหญิงสาวจิกตาใส่มือหนาสอดเข้ารอบเอวที่เริ่มขยายตามอายุครรภ์รวบร่างบางเข้ามากอดแล้วจูบแก้มอิ่มแรงๆซึ่งเป็นการกระทำที่เคยชินของคนทั้งคู่ไปแล้ว