วันดีคืนดี นั่งเรือจะไปหอสมุดธรรมศาสตร์ ก็มองเห็นพวกฝรั่งมังค่า ทำท่าจะลงเรือตรงท่าช้าง....ท่าช้าง วังหลวง.... พระบรมมหาราชวังของเรานี่นา ทำไมหนอ ร้อยวันพันปีไม่เคยไป ยามนี้มีเวลาก่อนนัดหลายชั่วโมง ก็น่าจะแวะเวียนดูที่นี่สักหน่อยบ้างไหม....

ว่าแล้วก็ตีหน้ากลมกลืน กับฝรั่งไปยืนท้ายเรือ เดินก๊อกแก๊กตามเขา เข้าสู่ประตูพระบรมมหาราชวัง

ที่มาของภาพบลีอคคราวนี้ มาจาก wikimedia ค่ะ...ไม่ได้ถ่ายเอง เพราะไม่ได้เอากล้องไป



พระบรมมหาราชวังนี้ก่อสร้างตั้งแต่ปี พ..ศ ๒๓๒๕ แต่ความงามของพระบรมมหาราชวังยังคงอยู่จนถึงทุกวันนี้ พระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ทรงผ่านพิธีราชาภิเษก ประเทศผืนนี้ ณ ที่นี่ ทั้งที่ตัวเองก็มีกิจธุระเดินเข้าออกที่นี่อยู่บ่อย แต่มาติดต่ออยู่แค่บริเวณด้านนอก.... แต่เมื่อรู้ว่าต้องเดินเข้าชั้นพระราชฐานที่ไรก็อดขนลุก ตามประสาไพร่ฟ้าหน้าดำ(พุงกลม)ไม่ได้สักที

ส่วนแรกที่จะได้พบ คือส่วนของวัดพระแก้ว และปราสาทพระเทพบิดร ที่ประดิษฐานพระเสาวรีย์ของพระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ มีเพระมหาเจดีย์ทององค์ใหญ่ตั้งอยู่ ตัวเองเลยเดินเข้าไปก้มกราบหนึ่งครั้ง จากนั้นก็เดินวนดู ไปทางทิศเหนือ มีรูปปั้นช้างล้อมพระแท่นที่เป็นคราสัญญลักษณ์ของสามรัชกาลอยู่ ช้างสำคัญของทุกรัชกาลอยู่ที่นั่น มองดูฝรั่ง ยืนฟังมัคคุเทศก์คุยเรื่องปราสาทพระเทพบิดรตั้งนานสองนาน แต่มัคคุเทศก์ไม่ได้คุยเรื่องช้างสำคัญเท่าไหร่เลย....ปากงี้คันยิบๆ เอานะ...ไม่เป็นไร...ขืนพูดไปเขาต้องจับได้แน่....ว่าเราพูดเผียดพูดเถือก 5555




โชคดีเหลือเกินที่วันที่ไปเป็นวันพระ หอพระมณเฑียรธรรมด้านติดกับปราสาทพระเทพบิดรเปิดอยู่ให้คนไทยเข้าไปฟังเทศน์ได้ในนั้น ซึ่งทางสำนักพระราชวังจะนิมนต์พระมาเทศน์ให้ฟัง ก็เห็นคนไทยผู้มีจิตศรัทธา มานั่งกันเต็มหอมณเฑียรธรรม ตัวเราเดินไป แทรกเข้าไปนั่งแปะบนพื้นกระเบื้องของหอพระมณเฑียรธรรมได้ ก็ก้มยกมือไหว้ปุลกๆ ในนั้น ครั้งจะเดินออกมาด้านนอก พระสงฆ์ท่านมาพอดี อิฉันเลยนั่งแป้นไปพื้นเปล่าๆ พนมมือขอนมัสการพระคุณเจ้าทั้งหลายเข้าไปในหอพระมณเฑียรธรรม เจริญเทศนาให้ญาติโยมได้โดยถ้วนหน้ากัน จากนั้นก็เดินป๊อกแป๊ก ไปด้านตรงข้าม ดูตามระเบียงวัดพระแก้ว อันสวยงาม เรื่อง รามเกียรติ์ งามชนิดหาตัวจับยาก พระอุโบสถ กำลงอยู่ระหว่างซ่อมแซม แต่ยังเปิดให้คนเข้าไปกราบนมัสการได้ เลยเข้าไปกราบนมัสการพระแก้วมรกต คู่บ้านคู่เมือง หนึ่งครั้ง



จากนั้นก้เดินเลาะออกมาด้านใน เข้าสู่......พระบรมมหาราชวัง

ขอโทษค่ะ...เขาเปิดให้ชม แค่พระที่นั่ง อมรินทราวินิจฉัยเท่านั้น.....ตัวเองก็หารูปมาประกอบได้ไม่มาก....แต่บอกได้ว่า....งามเหลือเกิน งามเหลือเกิน และงามเหลือเกินจริงๆ




พระที่นั่งภายใน ค่ะ


นี่เป็นภาพพระที่นั่งอมรินทราวินิฉัย เวลากลางคืน

จากนั้นก็กลับค่ะ...เพราะเหนื่อยแล้ว....5555 หมดเวลาด้วย ไว้มีโอกาสก็จะแวะไปอีก แต่วันนี้ดีใจที่ได้เห็นอะไรอย่างที่อยากจะเห็นเยอะแยะไปหมด

มีภาพแถม พระที่นั่งใน พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน อันเป็นพระที่นั่งสำหรับบรรทมของพระมหากษัตริย์ค่ะ






ภาพภายในพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน


พระแท่นบรรทมค่ะ


เกร็ด รัชกาลที่๓
พระที่นั่งจักรพรรดิพิมานนี้ ถือว่าเป็นพระที่นั่งที่พระมหากษัตริย์จะเส็ดจเข้ามาประทับได้ ต่อมเอทรงผ่านพระราชาพิธีราชาภิเษกแล้วเท่านั้น ช่วงที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงประชวรจนจะเสด็จสวรรคตแล้วนั้น พระองค์ได้ตรัสเรียก พระศรีสุริยวงศ์ (คุณช่วง บุนนาค ....ที่ต่อมาได้เป็นสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์) มาเข้าเฝ้า และได้มีพระราชดำรัสสั่งเสียอยู่หลายรายการ.....รวมทั้ง ขอให้จัดพระที่นั่งใหม่ทางปีกตะวันตก เพื่อให้พระองค์ไปประทับ ณ ที่นั่นจนกว่าจะสวรรคต....เพราะทรงเกรงว่า พระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ "จะนึกรังเกียจ" เพราะเหตุนี้ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงไม่ได้เสด็จสวรรคตในพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน



วันนี้ขอแค่นี้ก่อนนะคะ.......อีกอย่างเรื่องใหม่ก็ไม่ได้เขียนเกี่ยวกับพระบรมมหาราชวังหรือพระบรมวงศานุวงศ์เลยค่ะ แต่คนเขียนก็ไปเรื่อยเปื่อย สนุกกับการเก็บข้อมูลแวดล้อมอยู่ เวลานี้ได้รวบรวมข้อมูลมามากมายก่ายกองแล้วค่ะ........แม้จะมีแอบบ่น กะปอดกะแปดอยู่บ้างก็ตาม เคยเปรยกับอาจารย์ว่า......ทำไมเรื่องใหม่นี้....ตัวเองเขียนได้ยากกว่า จันทราอุษาคเนย์ ทั้งที่หนังสือข้อมูลอ่านมาสะสมตั้งเยอะแล้ว....และยังอ่านอยู่ทุกๆคืน แต่ยังรู้สึกว่าไม่พอที่จะนำมาเขียนให้จบได้เสียที.....ชักจะเหนื่อยๆ ล้าๆ

คำตอบจากอาจารย์ที่ปรึกษา.....ก็ลอยลมกลับมาเข้าหูว่า.....ก็เพราะเรื่องนี้ ไม่ได้เขียนนิยายอิงประวัติศาสตร์จริงๆนะสิ...แต่มันเป็นนิยายอิงวัฒนธรรมเลยทำให้เขียนยากกว่าที่เคยทำมาหลายเท่าตัว

อือม์.....น่าจะจริงของท่านค่ะ