ผลจากการอ่านนิยาย....สิบสองบาท x แปดเล่ม
ดูหนังดูละครแล้วย้อนดูตน

คำๆนี้เป็นคำพูดที่ไม่ผิด ตัวเองชอบทำอะไรแล้วย้อนดูตัวเองอยู่เสมอ จนบางครั้งคิดมากกลายเป็นคนช่างเปรียบเทียบไป แล้วก็มานั่งวิตกจริตใส่ตัวเองว่าจะเป็นอย่างไรเมื่อเกิดสิ่งนั้นสิ่งนี้กับตน

วันนี้ ไปทำงานแล้วช่วงพักไม่มีอะไรทำ มองซ้ายมองขวา เห็นกองหนังสือ นิยายเล่มละสิบสองบาทวางสะดุดตาอยู่ประมาณแปดเล่มตรงมุมห้อง....ของแม่บ้าน ด้วยความที่ว่าตัวเอง....ไม่เคยอ่าน นิยาย แบบนี้มาก่อน แล้วมีเวลาพอสมควร เลยไปเอามาอ่าน

ความรู้สึกก่อนอ่าน
หนังสือพวกนี้ เห็นเขาบอกกันว่า เป็นนิยายที่เรียกกันว่า นิยายคนใช้...แล้วก็มีบทเลิฟซีน โจ่งแจ้งมาก อธิบายกันแบบชนิด Step By Step ก็พยายามทำใจแต่แรก ก่อนที่จะเปิดออกอ่าน
(ความจริงแอบซ่อนความหื่นไว้ใต้ใบหน้าเงียบขรึมของเรา.... ตะหาก ก๊า )

ความรู้สึกขณะอ่าน
อ่านแล้วอึ้ง....สำนวน ของงานแต่ละเล่มหากไม่บอกว่าเป็นนิยายเล่มละสิบสองบาท ก็อาจทำให้คิดว่าสำนวนงานพวกนี้เป็นของนักเขียนรุ่นผู้ใหญ่ที่มีทักษะการใช้ภาษาที่ดี นำพาคนอ่านคล้อยตามได้ด้วยการเรียงตัวหนังสือ

เลิฟซีน...มีอยู่หนึ่งในแปดล่มเท่านั้น ที่เปิดตัวด้วยฉากโจ๊ะพรึม แต่ต่อจากนั้น ก็เป็นการบรรยายด้วยความหนักหน่วงของอารมณ์ ว่าทำไม ถึงต้องโจ๊ะๆพรึ่ม พรึม ด้วยความแสบสะเทิ้น ขนาดนั้น นางเอกมีวิวัฒนาการจากการเปิดเรื่องโดยการไม่สมยอม แต่ไม่ใช่การข่มขืน พอหลายๆครั้งไปก็เริ่มจะคล้อยตามบทเพลงอันหลากหลายลีลาของพระเอก การบรรยายจังหวะแต่ละขั้น ไม่มีรายละเอียด แต่ใช้ถ้อยคำที่ละเมียดละไม (น้ำลายตรูหกหลายหยดเชียว วุ้ย)

แว่บหนึ่ง อดนึกถึงนิยายประเภทลูกกวาด ที่ขายวัยรุ่นกันอยู่ครึกโครมเวลานี้ไม่ได้ พวกนั้นขายเล่มละเป็นร้อยหรือหลายร้อย หลายคนก็ใช้ภาษาไม่ได้เรียบเรียงให้เห็นภาพและอารมณ์ ที่สำคัญตรรกะทางความคิดของคนเขียนก็ยังไม่เป็นระเบียบเท่าไหร่นัก แต่สามารถเขียนพิมพ์งานขายได้ในราคาเป็นร้อยๆบาท อีกทั้งภาษาที่ใช้ บรรยายบางเล่ม ขอย้ำว่าบางเล่ม เขียนบทรักกันอย่างโจ่งแจ้งเกินไป ลำดับ Step by Step แม่บรรยายล่อกันเสียละเอียดจนรู้ท่าไปหมด แต่คนอ่านดันไม่เคยรู้ว่าไอ้ตัวละครที่กำลังเวิร์กช้อบกันนั้น ตกอยู่ในภาวะอารมณ์และจิตใจแบบไหน.....

ความรู้สึกหลังอ่านจบ
ดูละครแล้วย้อนดูตน
อดคิดไม่ได้เลยค่ะ ว่าตัวเองกำลังทำงานอะไรอยู่นี่หนอ...... งานที่เราทำ มีมูลค่ามากมายกว่างานของพวกเขาสักเท่าไหร่เชียว คนมีความสามารถทางภาษาดีๆ ทำหนังสือขายเพียงแค่เล่มละสิบกว่าบาท แล้วเราละ การวางพล๊อตของเราซับซ้อนกว่าเรื่องสิบกว่าบาทมากแค่ไหน มากพอที่คนอ่านจะคุ้มค่าควักเงินออกมาซื้อไปอ่านหรือเปล่า เวลาเขาอ่านงานของเรา เขารู้สึกคุ้มค่าเงินบ้างไหม หรือว่าเขาสนุกและรู้สึกไม่ต่างกับการอ่านหนังสือราคาสิบกว่าบาทพวกนี้

แล้วเรา สามารถเขียนหนังสือให้คนอ่านสนุกได้เท่ากับพวกเขาหรือเปล่า อย่างน้อยบอกตามตรง วันนี้ อ่านทั้งแปดเล่ม สนุกทุกเล่มค่ะ แล้วทั้งแปดเล่ม ไม่มีเรื่องไหนไม่ดี ทุกเรื่องมีบทเรียนสอนคนอ่านทั้งนั้น

ที่สำคัญ เลิฟซีนที่คิดว่าจะมีมากมาย ก็บอกแล้วว่า มีเพียงเรื่องเดียว จากแปดเรื่อง แล้วก็เป็นบทรัก ที่ดีมาก คนเขียนมีอารมณ์ที่ละเมียดละไม ถึงแม้ว่า การวางพล๊อต จะเป็นเรื่องแบบเดิมๆ คือความรักระหว่างชายหน่มหญิงสาว เรื่องรักทันสมัย ที่มีให้อ่านอยู่ทั่วไป การวางพล๊อตและนำเสนอข้อมูลเบื้องลึกเบื้องหลังตัวละครอาจจะไม่ใช่ แวมไพร์ ดูดเลือด หรือเป็น บรรดา พรานราตรีทั้งหลาย หรือชีคทะเลทรายแบบนิยายของใครบางคน.........เอ ใครน๊า

แต่นิยายพวกนี้ มีลีลาการดำเนินเรื่องที่ดี ดีกว่าที่คิดไว้ และการผูกเรื่องที่กระชับชัดเจน ทำให้คนอ่านสามารถบันเทิงคล้อยตามได้ง่ายภายในระยะเวลาอันสั้น

ความบันเทิงที่คุ้มกว่าราคา และมีดีกว่าที่คิดค่ะ

ขอบคุณนักเขียนทุกๆท่านที่เขียนงานอย่างมีความรับผิดชอบต่อภาษาและคนอ่านของคุณทุกๆคนด้วยนะคะ

ขอบพระคุณที่คุณเขียนงานให้พวกเราอ่านกันค่ะ



Create Date : 07 พฤษภาคม 2550
Last Update : 7 พฤษภาคม 2550 21:38:24 น.
Counter : 1619 Pageviews.

19 comments
  
เอ่อ...ทำเอาอยากไปกวาดนิยายเล่มละสิบสองมาบาทมาอ่านบ้างวุ้ย ^^

กะลังกุ้มจายมั่กๆ เขียนนิยายมาเกือบครึ่งเรื่อง แล้วต้องนั่งรื้อใหม่หมด เพราะรู้สึกว่าตัวเองกะลังเป็นเรือเกลือ...อืดเหลือเกิน ตอนนี้แก้มาถึงบทที่แปดแระคับ คาดว่าจะเสร็จสิ้นเดือน(มั้ง )
โดย: คีตาญชลี IP: 58.8.44.60 วันที่: 7 พฤษภาคม 2550 เวลา:22:32:11 น.
  
อ่านที่พี่โตฯ เขียนแล้ว อยากหามาอ่านบ้างจังเลยค่ะ

มันไปหาซื้อกันที่ไหน หน้าตาเป็นไงอะ ไม่รู้จริงๆ นะคะเนี่ย งื้ดดดดดด

ไม่เคยเห็นคนทำงานบ้านซื้อมาอ่านเลยสักคนค่ะ อีกอย่างที่บ้านไอซ์ หนังสือเยอะมากๆ อยู่แล้ว ใครจะหยิบอ่านก็ได้

เอ่อ...เด็กที่ทำงานบ้านปัจจุบันสองคน อ่านการ์ตูนคินดะอิจิค่ะ เหอๆ
โดย: Clear Ice วันที่: 7 พฤษภาคม 2550 เวลา:23:03:55 น.
  
ไม่เคยอ่านนิยายสิบสองบาท แต่ได้อ่านที่พี่บอกแล้วรู้สึกว่าภาพพจน์ของนิยายสิบสองบาทในใจอังเปลี่ยนไปเยอะเลย

นั่นสิคะ กดดันเหมือนกันนะเนี่ย กลัว่างานของเราคุณภาพจะไม่สมราคา

โดย: พิมลพัทธ์ วันที่: 8 พฤษภาคม 2550 เวลา:10:17:44 น.
  
เห็นด้วยกับพี่วรรณค่า เพราะโดยส่วนตัวก็อ่านเหมือนกันนะไอ้นิยายเล่มละ สิบ เอ้ยสิบสองบาท นวลก็คิดว่าบางเรื่องเค้าใช้ภาษาได้ดีทีเดียว อ่านแล้วคล้อยตาม ส่วนเรื่องบทเลิฟซีนก็มีบ้าง ( แต่บางคนก็เขียนได้โจ้งครึม แต่มีม่ายกี่คนหรอก แล้วเดี๋ยวนี้ก็ไม่ค่อยมีแล้วด้วย <สมัยก่อนนะอ่านแล้วชะอึ้ย > แสดงว่าเค้ามีพัฒนาเรื่องเซ็นเซอร์ ซึ่งก็สวนทางกับนิยายแพงๆที่พี่วรรณบอก
อาคริอิ อาคริ ดูเราเป็นเจ้าแม่นิยายสิบสองบาทเนอะ (เพื่อนๆที่ข้องใจสอบถามได้เด้อค่ะ) แบบว่ามันอ่านได้ง่าย และเร็ว ที่สำคัญถ้าเลือกนักเขียนที่ภาษาดี เค้าก็วางโคลงเรื่องได้ดีด้วย ไม่อ่านแล้วงงแบบนิยาบแพงๆบางเล่ม(แค้นส่วนตัวค่ะ ก็นะซื้อตั้งแพงแต่อ่านแล้วงงยกกำลังสอง.....เศร้าค่ะ แต่รับรองม่ายช่ายของพี่วรรณแน่นอนค่ะ)
ป.ล.รักษาสุขภาพด้วยนะค่ะ
โดย: ป้านวล IP: 203.155.115.246 วันที่: 10 พฤษภาคม 2550 เวลา:6:07:52 น.
  
เอ่อ...เดี๋ยวนี้เล่มละ 16 บาทค่ะ เอิ๊กส์ (รู้ได้ยังไงน้า)
โดย: ฬี...ไม่เค้ยไม่เคย IP: 125.24.166.22 วันที่: 11 พฤษภาคม 2550 เวลา:13:34:27 น.
  
ต๊าย พี่โตมิอ่านนิยายคนใช้ด้วย

จอยอ่ะไม่เคยเลย ~ ไม่เคยเลยจริง ๆ (ไม่เคยซื้อเอง ยืมเอาค่ะ อายไม่กล้าหยิบ)

มีอยู่เล่มหนึ่ง ยืมของเพื่อมาอ่าน เปิดมาก็ฉากโป๊ง ๆ ฉึ่ง เนี่ยแหละ แต่อ่านไป

แม่เจ้า ! นิยายสอบสวนค่ะพี่ นิยายสอบสวนซับซ้อน ซ่อนเงื่อน
เพื่อนทรยศ เป็นเรื่องของฝาแฝดที่ร่ำรวยมีมรดก และพระเอกที่ติดใจ
ฉากโป๊ง ๆ ฉึ่ง เลยตามหา แล้วจับพลัดจับพลูเข้าไปอยู่ในบ้าน

อ่านแล้วรู้สึกว่าเขาเขียนดีมาก ๆ เลย จากนั้นมาก็ไม่เคยมองนิยายพวกนี้
ว่าไม่ดีหรอกค่ะ หนังสือทุกเล่มมีคุณค่าในตัวมันเอง แต่ขึ้นอยู่กับว่า
เราจะมองเห็นหรือเปล่าค่ะ

โดย: ตอกะจอ (ตอกะจอ ) วันที่: 11 พฤษภาคม 2550 เวลา:23:41:35 น.
  
ไม่เคยอ่านนิยายขวัญใจแม่บ้านร้านตลาดเลยค่ะ สารภาพตามตรงเลย

พอมาอ่านที่พี่วรรธบอกมาแล้ว มันก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เราคิดอ่ะเนอะ

หากมีโอกาสจะลองอ่านดูมั่งล่ะค่ะ แต่ให้ซื้อเองยังตะขิดตะขวงใจอยู่อ่ะ

แอบแคร์สายตาประชาชีนิดหนึ่ง แหะๆ
โดย: Kitsunegari วันที่: 13 พฤษภาคม 2550 เวลา:0:00:34 น.
  
ไม่เคยอ่านเหมือนกันนะไอ้เจ้าเล่มละ 12 บาทเนี่ย เมื่อก่อนเค้าเรียกว่านิยายประโลมโลกใช่เป่าคะ แต่เดี๋ยวนี้อ่านนิยายใน web ที่น้องๆเค้าเขียนกันสยองกว่ากันเยอะเลยละมั้ง เขียนยังกะเคยแน่ะ น่ากลัวนะคะเพราะว่าเด็กๆทั้งนั้นที่เริ่มเขียนนิยายมาลงwebเด็กกัน พี่วรรธเคยอ่านรึเปล่า ข้าวอ่านแล้วรู้สึกห่วงนะค่ะ ถ้าเป็นผู้ใหญ่ก็ว่าไปอย่างเพราะโตพอที่จะคิดได้แล้วแต่พวกเด็กวัยรุ่นhormone พลุ่งพล่านพวกนี้น่าหวาดเสียวค่ะ ทำยังไงดีเนี่ย
จากแม่แก่
โดย: ข้าวปุ้น IP: 58.64.20.58 วันที่: 13 พฤษภาคม 2550 เวลา:9:49:04 น.
  
คุณ คีตาญชลี
เข้าใจความรู้สึกการรื้อเรื่องดีค่ะ .......แต่มันจะทำให้เรามั่นใจกับเรื่องมากขึ้นนะ สู้ สู้ คิดว่าป่านนี้คงเสร็จแล้วนะคะ จะด้อ่านทันงาน เทศกาลหนังสือเด็กนี้หรือเปล่า เอ่ย

คุณ Clear Ice
...แหงะ...ขนาดเด็กที่บ้านคุณไอซ์ยังอ่าน คินดะอิจิ ....เอิ๊ก เด๋วคงไต่ระดับอ่าน อกาธ่าฯ แหงม 5555 หนังสือพวกนี้หาได้ตามงานวัดทั่วไปค่ะ อยากได้ม๊ะ เด๋วส่งไปให้อ่าน พี่ว่า บางทีเขาทำพล๊อตดีมากๆๆเลยค่ะ กระชับได้ใจความ ที่รู้มาเลาๆ เหมือนว่า นักเขียนบางคนก็ไต่เต้ามาจากนิยายประเภทนี้ก่อนเหมือนกัน ก่อนที่จะผูกพล๊อตให้ยาวมากขึ้น เรื่องหนาขึ้นก็กลายเป็นเล่มละ ร้อยกว่าบาท บางทีเรามองพวกนี้เป็นอีกตลาดหนึ่ง แต่หากวัดกันด้วยเนื้องานแล้ว.......ทำยากไม่แพ้กันเลยค่ะ บางเล่มตัวเองอ่านแล้วยังนับถือไอเดีย (หรือจะเอามาจากนิยายโรแม้งแปล ก็ไม่ทราบนะคะ บังเอิญ ตัวเองก็อ่านนิยายโรแม้งไม่เยอะเสียด้วย ....เหะ เหะ)

คุณพิมลพัทธ์
พี่ว่างานประเภทนี้ เราไปเหมารวมทั้งหมดไม่ได้หรอกค่ะ อัง บางทีพี่อ่านนิยายเล่มหนา ยังรู้สึกว่างเปล่า หัวโล่งๆ หงุดหงิดเสียเวลา ยิ่งกว่าอ่านเล่มพวกนี้ก็มีหลายเรื่อง ถ้าเราทำงานเราดีรักษามาตรฐานตัวเองว้ อย่างไรก็คงไม่มีใครเอาไปเทียบกับงานสิบกว่าบาทได้หรอกค่ะ อย่างน้อย การวางพล๊อตเรื่องที่ยาวกว่าคงต้องเขียนยาวกว่าเรื่องสั้นๆ อยู่แล้ว ว่าแต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า ไอ้คการวางระดับคุณค่ามาตรฐานงานวรรณกรรมบ้านเราทุกวันนี้ต่างหาก เราใช้อะไเรป็นเครื่องมือวัด เอาตัวตลาดเป็นตัวชี้แบ่ง ก็เริ่มเห็นปัญหาแล้วว่า มันแบ่งออกไม่ได้ มันคละกันไปหมด อยู่ที่ตัวเราต้องพยายามรับผิดชอบกับงานของเราให้ดีที่สุดค่ะ

คุณป้านวล
แหม อ่านนี่ ฟังไม่ออกเลย ว่า ไม่เคยอ่านแบบนี้มาก่อน ....อิอิ พี่ว่า นิยายพวกนี้ ไม่เลวร้ายอย่างที่คิด เมื่อเทียบกับผลงานที่ถูกผลิตขายในปัจจุบันค่ะ ยิ่งประเภท หนังสือแฉ อะไรทั้งหลายนั่น..อ่านแล้ว ยิ่งหดหู่กับพฤติกรรมมักง่ายของคนทำขาย เสียยิ่งกว่าพฤติกรรมของคนที่ปรากฏในเนื้อหนังสือ ...เฮ้อ....ป้าแก่ ขี้บ่นอีกคน

คุณฬี
อ้อ มันเพิ่มราคาแล้วหรือค๊า...... สงสัยพี่จะอ่านตามหลังนู๋ฬี เน๊าะ.....อะคริ อะคริ

คุณตอกะจอ
จะมาล้อพี่ใช่ม๊า....แต่พี่ว่านิยายพวกนี้ คนเขียนเขาเขียนภาษาไทยได้แตกฉานดีนะคะ พี่ว่าดีกว่าเสียเวลามานั่งอ่านงานพ๊อคเกตบุ๊คตามที่ผลิตขายใหม่ๆในปัจจุบันนี้เสียอีก กะว่างานหนังสือครั้งหน้า จะไปโกยพวกนี้ละ มานั่งฝึกสำนวน 555555 ใครจะว่าก็ช่าง รับรองจะพรางตัวสุดๆ น้องตอกะจอ ไม่มีทางจับได้ว่า เป็นพี่ ที่กำลังโกยหนังสือพวกนี้อยู่ตรงบู้ท ^___^

คุณ Kitsunegari
เพราะค่านิยมที่เราถูกปลูกฝังมาไงจ๊ะ พี่เองก็คิดอย่างนั้นในทีแรก ว่านิยายพวกนี้ มันต้อง...เฮ้อ...อ่านะ......แต่มันผิดคาด เมื่อเทียบกับงานของในตลาดปัจจุบัน พี่ว่ามันมีคลาส มีรสนิยมมากเสียยิ่งกว่า งานใหม่ๆที่เขียนกันออกมาเสียอีก แต่ด้วย ระบบตลาด....ขอย้ำว่า ระบบตลาด ที่สร้างค่านิยมฝังใจพวกเราว่า ไอ้หน้าปก ดารา เอาหัวชนกัน ราคาสิบกว่าบาทเนี่ย....เป็นนิยาย เกรดล่าง ทำให้คนฝังใจ เหมือนกับ หน้าปกล่ำๆ ประเภทพระเอกไม่ยอมโกนขนหน้าอก มันต้องเป็นนิยายแปลอีโรติคฉันใดก็ฉันนั้น เพราะอย่างนี้ไง ทำให้ สนพ. ส่วนหนึ่ง คิดทำตลาดเสียใหม่ โดยเปลี่ยนปกนิยาย เป็น ปกการ์ตูนตาหวาน เป็นปกสีถุงกระดาษ เพื่อให้มันดูแตกต่างจากตลาดนิยายประเภทนั้นเพื่อปรับ "ระบบตลาด" รวมทั้ง ปรับ "ราคา" ทั้งที่คุณภาพและเนื้อหาข้างใน ไม่ได้ปรับปรุงเสียเลย

คุณข้าวปุ้น
อยากบอกอย่างหนึ่งค่ะ ว่า นิยายปัจจุบัน มันฟื้นคืนชีพมาใหม่ หลังจากที่มีช่วงหนึ่ง นิยายไทย มันหายไปจากระบบตลาด เพระาการยึดครองของหัวหาดนิตยสาร แต่การเกิดใหม่ของมันก็ได้ทำลายระบบตลาดนิยายแบบเดิมๆ ไปด้วยเช่นกัน
ที่บอกเช่นนี้เพราะอะไร เรามองย้อนรอยกันนะคะ
สมัยก่อนย้อนไปสักสิบปี เราจะมีการแบ่งเกรดงานนิยายพวกนี้ชัดเจนค่ะ นักเขียนอาชีพจะมีหลายรุ่น หลายระดับ ที่เขียนลงนิตยสารระดับหนึ่งจะเป็นนักเขียนรุ่นใหญ่ งานก็จะเข้าขั้นเกรด วรรณกรรม ก็จะมีหลายรุ่น แบ่งประเภทตามเนื้อหาของเรื่องที่เขียน ถ้าเป็นกลุ่มนิตยสารอีกเกรดหนึ่ง ก็จะรองลงมา พวกนี้มักจะเป็นมือใหม่หรือไม่ก็เป็นพวกที่เขียนบทสนทนาเป็นหลัก ใช้บทสนทนาเดินเรื่อง เพราะจะเน้นทำละครวิทยุ ไม่ก็ละครโทรทัศน์ ก็จะเป็นอีกเกรดหนึ่ง ส่วนพวกตลาดล่างก็จะเป็นพ๊อคเก็ตบุ๊คเล็กๆแบบนี้ สิบกว่าบาท เนื้อเรื่องก็จะเน้นวาบหวามหน่อยๆ ตบจูบนิดๆ ประเภทบัวๆ อะไรสารพัด

แต่ไปสักช่วงหนึ่ง นักเขียนที่จะเจาะเข้าไปสู่ระบบนิตยสารมันตัน เพราะระบบที่หน้าหนังสือจำกัด และระยะเวลาที่ลงพิมพ์มันนานกว่าจะต่อติด การรวมเล่มพ๊อคเกตบุ๊คส์มันใจคนอ่านมากกว่า และคนอ่านเริ่มหันไปอ่านนิยายแปลมากขึ้นเพราะความที่ว่า นักเขียนรุ่นใหญ่ต้องรองานให้ลงในนิตยสารจบก่อนถึงจะรวมเล่มขายได้ ....ภาวะชะงักงันของต้นฉบับ มันเกิดช่องว่าง คนอ่านที่ติดอยู่กับนักเขียนร่นเก่าๆ ก็จำเป็นต้องสอดส่องหางานของคนรุ่นใหม่มาทดแทน การเกิดของเวบบอร์ดในเนตก็เข้ามาตรงนี้ การแก้ไขกฎหมายสื่อสิ่งพิมพ์มาลงตัวพอดี ระบบกฎหมายภาษีที่เอื้อต่อ การจัดตั้ง สนพ. สนพ.เปิดมากขึ้น ก็เริ่มมองหาคนเขียนงานรุ่นใหม่ แล้วก็เริ่มบุกตลาด ตามทฤษฎี การค้าเสรี

ระบบนิตยสารที่ทำให้ระบบต้นฉบับชะงักงันก็มีคนมาเติมเต็ม คือ งานลงในอินเตอร์เนต แต่ระบบตลาดที่ สนพ.ใหม่ๆเข้ามาหามาร์เกตแชร์ ก็ทำลายระบบตลาดแบบเดิมไปในทางอ้อม การแบ่งเกรดนิยายแบบเดิมเริ่มหมดไป ผลงานนักเขียนรุ่นใหญ่ๆ ก็ถูกซื้อไปปู้ยี้ปู้ยำทำละคร (ต๊าย...พูดอะไรออกไป) ทำให้เกิดค่านิยมที่ว่าคนเขียนนิยายเก่งๆคือขายทำละครได้ คนเขียนรุ่นใหม่ๆเลยมุ่งเน้นเขียนมาเพื่อทำละครโดยตรง ทำให้คุณค่าทางวรรณกรรม มันถูกบีบด้วยตัวแปรทางสื่อละครโทรทัศน์ คือต้องเขียนให้สอดคล้องกับโปรดักชั่นผู้จัด ตามสถานีต่างๆ เพื่อแสวงหากำไรตรงนั้น
หนำซ้ำและการเกิดใหม่ของ สนพ.ราวกับดอกเห็ด มีการทำระบบตลาดนิยายเสียใหม่ เปลี่ยนปกจากวาบหวามให้กลายเป็นปกแบบการ์ตูนโดยอ้างว่าเพื่อให้คนซื้อไม่เคอะเขินเวลาอ่านในที่สาธารณะ(เป็นงั้น) แต่หารู้ไม่ วิธีคิดแบบนี้คือการเปิดโอกาสให้การแบ่งประเภทหนังสือที่เคยเป็นมามันหายไปในทางอ้อม ตอนนี้ก็เลยมีแต่คนเรียกร้องให้แบ่งเรตหนังสือ ซึ่ง....ไม่มีวันทำได้ เพราะคนที่เป็นนายทุนไม่เคยเสียหายอะไร เขาได้ประโยชน์ตรงนี้คนที่เสียหายมีแแต่เยาวชนและผู้ปกครองเท่านั้น สังคมในแง่ของการค้าเสรีไม่เคยมีทฤษฎีที่ให้ความสำคัญกับสิ่งนี้มาแต่ไหนแต่ไร ตราบใดที่นายทุนยังได้กำไรกับการกระทำเช่นนั้น เขาก็จะทำแบบนั้นต่อไป(ฟังดูหดหู่ นะคะ แต่นี่คือความจริง)

ถามตัวเองว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป.....แหม ตอนนี้ คงทำอะไรไม่ได้มากเลยค่ะ หากพูดถึงแง่คนอ่านคนหนึ่งแล้ว นอกเสียจากสร้างความระมัดระวังสอดส่องคนในครอบครัวของเรา ให้อยู่ในสายตา แล้วแนะนำว่าควรเป็นอย่างไร พยายามให้เขารู้เท่าทันเทคโนโลยีและ สาร ข้อความต่างๆ ที่มันมากับสื่อ ที่มาถึงตัว อย่างถูกต้อง คงจะดีที่สุดแค่นั้น
โดย: โตมิโต กูโชว์ดะ วันที่: 13 พฤษภาคม 2550 เวลา:12:15:29 น.
  
เคยอ่านอยู่ช่วงนึงล่ะ (สมัยเอ๊าะๆ อิอิอิ)
ชอบตรงที่เนื้อเรื่องมันกระชับดีคะ ส่วนฉากโจ๊ะครึมๆนั่น ก็แล้วแต่คนเขียนจริงๆนะ
อย่างที่จำได้เลาๆ ...คนเขียนที่ขึ้นต้นชื่อด้วย คำว่า "บัว" เนี่ย จะไม่ค่อยมีบทอัศจรรย์เท่าไหร่ บางคนแอบใสๆด้วยซ้ำไป แต่เรื่องภาษาก็ยอมรับคะว่าหลายๆคนเค้าเขียนดีจริงๆ อย่าง นภาลัย ไผ่สีทองงี้ ได้ใจคะ

อ้อ เคยเห็นที่เป็นเล่มใหญ่ด้วยล่ะคะ (แต่ตอนนี้ไม่รู้ยังมีอยู่อีกหรือเปล่านะ)

พอได้อ่านบล๊อคนี้ ก็ชักทำให้เกิดอารมณ์อยากอ่านขึ้นมา
ไว้กลับบ้านแล้วไปเช้ามาอ่านดีกว่า อิอิอิ
โดย: บุ้งบิ้ง IP: 168.120.85.133 วันที่: 13 พฤษภาคม 2550 เวลา:22:28:32 น.
  
จนป่านนี้ลี่ก็ยังบ่จี๊ที่จะซื้อผลงานของพี่มาอ่านเลยค่ะ ทั้งที่อยากอ่านมากๆๆๆๆๆ เลยค่ะ เพราะได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างจากคนรอบตัวในเน็ตค่ะ เวลาเข้าร้านหนังสือเจอหนังสือของพี่ ก็ได้แต่ลูบๆ คลำๆ แล้วบอกว่า มีตังค์จะมาซื้อนะจ้า ขอให้มีนิยายของพี่ขายอีกนานเท่านานเลยนะคะ จะได้ตามซื้อได้ค่ะ

ส่วนนิยายเล่มละ 12 บาท เคยอ่านประมาณ 10 กว่าเล่มค่ะ เพราะว่าแม่ของเพื่อนรับจ้างพิมพ์นิยายพวกนี้ค่ะ พอพิมพ์เสร็จแม่ของเพื่อนก็ยกให้ค่ะ น่าจะเป็นเพราะเพื่อนคงไปบอกแม่เขาว่าลี่ชอบอ่านนิยาย (เป็นเรื่องแปลก เพราะในห้องส่วนใหญ่จะอ่านการ์ตูนค่ะ ใครอ่านนิยายมีแค่ส่วนน้อย และบ้าอ่านที่สุดก็คือลี่ค่ะ ที่ไม่อ่านการ์ตูนสักเท่าไร เพราะภาพมากไป อ่านไม่รู้เรื่อง ฮา แปลกคนเนอะ)

ลี่คิดว่าสำนวนดีนะคะ แบบว่าอ่านแล้วรู้สึกว่า เรื่องดีๆ ก็มีเยอะนี่หว่า ตอนแรกก็คิดว่าจะออกแนวไม่ค่อยสนุก ที่รับจากเพื่อนมา เพราะไม่อยากเสียน้ำใจ พอปิดเทอมก็หยิบมาอ่านค่ะ ก็ออกแนวชอบ 2-3 เล่มใน 10 เล่มค่ะ แบบว่าอ่านแล้วเพลิน พอจบก็งง อ้าว จบแล้วเหรอ ทำไมสั้นจังเลยเนี่ย

ในเล่มที่ชอบนอกจากสำนวนดีแล้ว การดำเนินเรื่องก็ยังสนุกด้วยอ่ะค่ะ อ่านแล้วไม่เบื่อเลย แถมวางไม่ลงอีกต่างหากค่ะ สำนวนดีกว่าเล่มที่ขายกันแพงๆ เกลื่อนๆ ใช้ภาษาวัยรุ่น (ตัวเองก็วัยรุ่น แต่ไม่ชอบอ่านภาษาวัยรุ่นค่ะ) สัญลักษณ์แสดงอารมณ์ต่างๆ อ่านแล้วปวดกะโหลกอย่างแรงค่ะ มันแปลว่าไรเนี่ย สุดท้ายก็ขอละเมียดละไมกับนิยายที่สำนวนผู้ใหญ่ดีกว่า อ่านแบบที่ฮิตๆ กันนั้นไม่ไหว (สงสัยความคิดตัวเองจะโตเกินค่ะ อิอิ)

แล้วจะแวะมาป้วนเปี้ยนบ่อยๆ นะคะ

โดย: lily (lovekalo ) วันที่: 16 พฤษภาคม 2550 เวลา:2:24:34 น.
  
โดย: N IP: 125.24.221.192 วันที่: 16 พฤษภาคม 2550 เวลา:15:20:53 น.
  
คุณบุ๊งบิ๊ง
อ่านแล้วมาแนะนำกันบ้างสิคะ ว่าเรื่องไหนดีๆ เพราะเรืองแบบนี้ อ่านแล้วสนุกดีนะ อ่านเพลินดีด้วย ตัวเองก็ชักจะติดใจแล้วค่ะ

คุณ lily (lovekalo)
ไม่เป็นไรค่า คิดว่าหนังสือมันคงวางรอ น้องลี่ อ่านอีกนาน ค่ะ (พี่หวังไว้อย่างนั้นนะ 5555) นิยายแบบนี้ พี่ว่าสำนวนเขาดีทีเดียวค่ะ บางคนสำนนบอกเลยว่า เป็นคนอ่านงานหนักๆมาก่อน ไม่ใช่เด็กๆ ลีลา วิธีคิด มีลุกเล่นทีเดียว พี่ชอบแล้วนะตอนนี้ ส่วนเรื่องหนังสือมีอีโมติคไอค่อนอะไรนั่น พี่ว่าเป็นเรื่องขอสมัยนิยมมากกว่า พอถึงเวลา ความนิยมก็จะปรับเปลี่ยนกันไป ดีใจที่น้องลี่ อ่านงานแบบนี้ตั้งแต่ยังเด็กๆอยู่ เก่งจริงๆเลยค่ะ

แวะมาบ่อยๆได้เลยค่า พี่ขี้เหงา นะ

คุณ N
โดย: โตมิโต กูโชว์ดะ วันที่: 16 พฤษภาคม 2550 เวลา:20:38:59 น.
  
ตอนเด็กๆที่บ้านญาติมีนิยายแนวนี้เต็มตู้หนังสือไปหมด แยกต่างหากเลยด้วย
เห็นน้าสาวบอกว่า สนุก ภาษาดี แต่โดนสั่งห้ามหยิบอ่านซะงั้น
ให้โตเป็นผู้ใหญ่แล้วค่อยอ่าน
จนทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้ไปหยิบมาอ่านเลย
โดย: wanwitcha วันที่: 17 พฤษภาคม 2550 เวลา:16:41:26 น.
  
แหะๆๆ ที่บ้านตรึมเลยคะเพราะบางครั้งรู้สึกนิยายเล่มเล็กๆพวกนี้ สนุกกว่านิยายราคาแพงๆที่ดาริฯซื้อมาอีก แต่เสียอย่างเดียวมันไม่มีที่เก็บ

พล็อตเรื่องบางเรื่อง สนุกมากเลยคะ จริงๆ นิยายเล่มโตๆบางเรื่อง อ่านแล้วหาอะไรไม่เจอเลย เทียบเนื้อหาได้เท่ากับนิยายปกดารา ตระกูลบัวทั้งหลาย

ปัจจุบันดาริก็ยังอ่านอยู่คะ แต่เด๋วนี้ไม่ค่อยได้ซื้อเลยคะ เพราะเมคมันนี่ไม่ค่อยทัน แต่ถ้าสมัยก่อนเคยซื้อประมาณ 10 เล่ม 100 บาท


ส่วนเล่มใหญ่ของตระกูลบัว ยังมีอยุ่คะ ราคาปก 100 จะขาย 80 แต่ต้องซื้อที่เจเจ

อยากจะรู้จังเลยว่าคนเขียนนี้อายุเท่าไรเพราะโตมาก็เห็นนิยายของ บัวริน บัวแดง นภาลัยฯ

พี่วรรธน์ฯชักติดใจหรือคะ เด๋วหามาแนะนำให้คะที่บ้านเพียบ จะบอกว่า บทเลิฟซีนที่โจ้งแจ้งจะมีของนักเขียนคนหนึ่งที่เห็นแล้วรู้ทันทีว่าเธอเขียนประมาณ นิยายอีโรติค

แต่ถ้าการเขียนดีๆ น่าจะลองอ่านนภาลัย ไผ่สีทอง แนะนำเรื่อง กระดังงาสีขาว เป็นเรื่องของสาวฝาแฝด ที่คนหนึ่งแต่งงานมีลูกติดแต่นิสัยไม่ดี มีปัญหาเลยหนีไปแล้วให้น้องสาวตัวเองปลอมตัวมาเป็นตัวเอง เพื่อแก้ปัญหา ต่อแฝดน้อง ดันมารักกับพระเอกที่เป็นญาติของสามีพี่สาว(มั๊งคะ จำไม่ค่อยได้) ไปๆมาๆ นางเอกดัดหลังพี่ส่าว ที่ทำอะไรไม่รู้ให้นางเอกรู้สึกว่าพี่สาวควรโดนทำโทษบ้าง ด้วยการจงใจสวมรอยเป็นพี่สาวไปตลอดกาล

อิๆๆ ขอบคุณพี่วรรธน์นะคะ ทำให้ดาริหามุขมาอัพบล็อก ซะแล้ว
โดย: ดาริเมยา วันที่: 19 พฤษภาคม 2550 เวลา:10:39:17 น.
  
ขอแสดงความคิดเห็นบ้าง ในฐานะของคนที่เคยอ่านค่ะ ตอนเด็กๆ อ่านบ่อยมาก ๆ จะบอกว่ามีคนเขียนนิยายเล่มละ 12 บาท หลายคนมากเลยค่ะที่เขียนดีมาก ๆ อย่างคุณนภาลัย ไผ่สีทอง จะเขียนดีมากค่ะ เจี๊ยบอ่านเกือบทุกเล่ม คุณวรรธ์ลองหาอ่านดูน่ะค่ะ พรอตเรื่องก็ชายหญิง ไม่ซับซ้อน แต่เริ่มต้นอ่านแล้ววางไม่ลงเลยค่ะ อย่างที่คุณดาริเมยา บอกเลยค่ะ มีบัวริน บัวแก้ว บัวแดง จำความได้ก็เห็นคนเขียนเหล่านี้มีอยู่แล้วค่ะ
โดย: jeab IP: 58.8.27.38 วันที่: 6 มิถุนายน 2550 เวลา:11:10:26 น.
  
โดย: สวยลากไส้ IP: 203.153.169.250 วันที่: 28 มิถุนายน 2550 เวลา:19:33:58 น.
  
อยากส่งนิยายประเภทเล่มละ 12 บาทกรุณาแนะนำด้วยค่ะว่าจะต้องทำอย่างไร
โดย: ตุ๊กตา IP: 161.200.255.162 วันที่: 12 ธันวาคม 2550 เวลา:9:17:59 น.
  
น่าสนใจดีนะค่ะแต่ว่าหนูยังอ่านม่ายโจบบบบบเลย
โดย: รักคนใจง่ายมาหลายครั้ง IP: 203.113.17.162 วันที่: 28 มิถุนายน 2551 เวลา:11:23:35 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

โตมิโต กูโชว์ดะ
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



ร่างทรงของ "วรรณวรรธน์" โปรดอย่าถามว่าเป็นใครในอดีต รู้แต่ว่าตอนนี้ยังมีลมหายใจอยู่ เท่านั้นก็มากเท่าที่มนุษย์คนหนึ่งได้รู้จักกันแล้ว
New Comments
พฤษภาคม 2550

 
 
1
3
4
5
6
8
9
10
11
12
13
14
15
17
18
19
20
21
22
23
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog