ฤทธิ์เดชแยะไวยังกะลิง หอย พากย์ ยักษ์
ได้ทีโชว์ความสามารถอีกด้านแล้ว หอย-เกียรติศักดิ์ อุดมนาค ผู้พากย์เสียง เผือก/หนุมาน ในภาพยนตร์แอนิเมชั่น เรื่อง ยักษ์ ฉลาดคล่องแคล่ว ไวยังกะลิง ฤทธิ์เดชเหลือล้น -กับบทหนุมานในคราบของหุ่นกระป๋อง หอยเล่าอย่างอารมณ์ระรื่นว่า การพากย์การ์ตูนสำหรับเรื่องยักษ์ถือว่าเป็นเรื่องที่สองครับ เรื่องแรกจะเป็นเรื่องDINOSAUR ซึ่งผมบอกกับตัวเองว่าผมจะไม่พากย์การ์ตูนอีกเพราะมันยาก ตอนนั้นมันเป็นฮอลลีวู้ดไง ผมจำได้ว่าผมพากย์เป็นไอ้ตัวลิงหรืออะไรในเรื่อง DINOSAUR นะ คือฝรั่งทางฮอลลีวู้ดเขาไม่รู้สึก แล้วการพากย์การ์ตูนของไทยกับฝรั่งผมว่าไม่เหมือนกันนะ ของฝรั่งเขาจะนี่เจ้ารู้สึกยังไง เขาชี้เลยว่าห้ามเสียงขึ้นเสียงลง ผมจำได้ผมไม่เอาแล้วนะผมรู้สึกว่ามันยาก เพราะว่าบางทีคนไทยกับฝรั่งมันอาจจะไม่เหมือนกัน ต้องบอกให้เสียงนี้โทนเหมือนกันเลย ผมก็เลยคิดว่าหลังจากหนังเรื่องนั้นแล้ว คือไม่ใช่ว่าพากย์ไม่ดีนะครับ หนังเรื่องนั้นดีมาก แต่ผมเสียใจตัวเองว่าผมทำไม่ได้ เพราะว่าผมเป็นคนที่ไม่รู้สิอารมณ์มันต้องชัดเจน แต่เขาบอกให้เป็นอารมณ์แบบนี้ ผมก็เลยคิดว่าไม่อยากจะพากย์เอง พอได้รับการติดต่อจากไอดอลของผมเองอย่างพี่จิก-ประภาส ชลศรานนท์ ที่ผมติดตามอ่านหนังสือมาตลอด ดูผลงาน ฟังผลงาน ทั้งดูทั้งฟังทั้งร้องตามกับผลงานของเขาบอกว่าอยากจะให้ผมพากย์การ์ตูน ตอนแรกผมก็หวั่นๆว่ามันจะเหมือนเดิมหรือเปล่านะ เราทำไม่ได้รึเปล่านะ เขาบอกว่าไม่ เพราะว่าการทำการ์ตูนของเขาในครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกในเมืองไทยที่เอาปากของเราจริงๆ เอาคาแร็คเตอร์ของเราจริงๆมาผสมผสานกับการทำแอนิเมชั่นคนไทย ตอนแรกผมก็นึกภาพไม่ออกเหมือนกันจะเป็นยังไง เขาก็บอกว่าใช้วิธีเดียวกับไอ้ที่เขาทำการ์ตูนกันเลย ให้ผมแอ็คติ้งไปด้วย ผมถ่ายไปพูดไปในตอนแรกเลยก็เหมือนเป็นตัวนั้นเลย ซึ่งเขาก็บอกว่าเป็นหนังเรื่องหุ่นกระป๋องเรื่องราม เฮ้ย หรอ พอไปอ่านจริงๆพี่จิกเป็นคนเขียนบทที่ดัดแปลงผมรู้สึกว่า เฮ้ยทำได้ไง คือมันมาเป็นหุ่นกระป๋องเฉยเลย ซึ่งแต่เอาเรื่องจากรามเกียรติ์จริงๆ ซึ่งผมก็ได้รับเกียรติจริงๆที่ว่าผมดูมาตั้งแต่เด็กๆแล้วแหละ ตัวหนุมาน แต่ตัวนี้ในหนังแอนิเมชั่นเรื่องนี้ชื่อ เผือก หอยเม้าท์ต่อถึงความประทับในของหนังเรื่องยักษ์ สิ่งที่พี่จิกหยิบมามันไม่ได้เอามาทั้งเรื่องหยิบคาแร็คเตอร์หยิบเรื่องราวเอามาแล้วก็เขาเรียกว่าตีความใหม่ คือผมพากย์ไปผมรู้สึกว่า นี่มันเปลี่ยนความรู้สึก มันเปลี่ยนแง่คิดจริงๆแล้ว เวลาของมิตรภาพดีกว่าเวลาของการเป็นศัตรูซะอีก ซึ่งในเรื่องไอ้ตัวเผือกกับตัวเขียวมันไม่รู้อะไรว่าเบื้องหลังก่อนหน้านี้ทั้งคู่เคยเป็นศัตรูกัน แต่สุดท้ายพอมันได้ทำอะไรด้วยกันที่ช่วยเหลือกัน ผมว่ามันทำให้สองคนนี้เป็นเพื่อนกันเสร็จ มันมากพอที่จะรักษาตรงนั้นมากกว่าการที่ไปรู้เรื่องราวในอดีตที่สู้กันมาตลอด สุดท้ายเชื่อว่าเด็กๆถ้าเข้าไปดูจะได้เรียนรู้ว่าเป็นมิตรดีกว่าเป็นศัตรูเยอะ คิดดีทำดีดีกว่า การเป็นศัตรูกันผมว่ามันเสียเวลา มันทำให้ชีวิตไม่มีความสุข.
Create Date : 11 กันยายน 2555 |
|
0 comments |
Last Update : 11 กันยายน 2555 8:36:04 น. |
Counter : 1127 Pageviews. |
|
|
|