ทรงเป็นแสงสว่าง สร้างโอกาสให้เด็กอ่อนในสลัม





ที่มา : เว็บไซต์หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ (คลิก)





"การเริ่มต้นที่ดีของเด็กนั้น เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด การที่มูลนิธิเด็กอ่อนในสลัม มุ่งช่วยเหลือเด็กอ่อนแบบนี้ทำดีมาก” พระดำรัสสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ที่มูลนิธิเด็กอ่อนในสลัมใช้เป็นแนวทางในการทำงาน

ศีลดา รังสิกรรพุม ผู้จัดการมูลนิธิเด็กอ่อนในสลัม หรือ ครูต้อ ของเด็ก ๆ เล่าถึงมูลนิธิให้ฟังว่า เริ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2524 จากการจัดสร้างบ้านเด็กอ่อนในชุมชนคลองเตยล็อก 12 ขึ้นเป็นครั้งแรก โดย ครูประทีป อึ้งทรงธรรม สมทบกับผู้มีจิตศรัทธาอีก 4 ท่าน คือ นางนงเยาว์ นรมิตรเรขการ นายนรรัตน์ ตั้งปกรณ์ Mr.Shunzuke Iwazagi และ นางทองสุข อึ้งทรงธรรม เพื่อช่วยเหลือและเลี้ยงดูเด็กผู้ด้อยโอกาส ช่วงแรกยังไม่มีทุนคุณนงเยาว์จึงเขียนข่าวลงหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์เพื่อเชิญชวนให้ประชาชนช่วยเหลือเด็ก ๆ ในชุมชนแออัดผ่านทางมูลนิธิ ทำให้พระองค์ท่านรู้จักมูลนิธิ ทรงสนพระทัยที่จะช่วยเหลือ ต่อมาคณะกรรมการมูลนิธิได้เข้าเฝ้า ถวายรายงาน และได้กราบทูลขอพระกรุณาให้ทรงรับมูลนิธิไว้ในพระอุปถัมภ์ พระองค์ท่านทรงตอบรับไว้ในพระอุปถัมภ์ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2526 ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

ครูต้อ เล่าผ่านประสบการณ์ในพระกรุณาธิคุณให้ฟังว่า สมเด็จองค์อุปถัมภ์ฯ ได้ประทานเงินทุนการกุศลสมเด็จย่า และส่วนพระองค์ ทุนการกุศล กว. ให้มูลนิธิจัดตั้งเป็น “กองทุนนมและอาหาร” นำดอกผลที่ได้มาจัดซื้อนมให้กับเด็กที่ยากจน แม่ที่มีปัญหาด้านสุขภาพ โดยการให้หรือจำหน่ายในราคาถูก พร้อมทั้งให้ความรู้ด้านการดูแลเด็กแก่ครอบครัว และส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ รวมทั้งจัดตั้ง “กองทุนงบฉุกเฉินสงเคราะห์พิเศษ” เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติภัยต่าง ๆ อาทิ เหตุการณ์ไฟไหม้ โดยทรงประทานเงินให้แก่มูลนิธิฯ อย่างต่อเนื่องทุกปี จวบจนปัจจุบัน

มูลนิธิเด็กอ่อนในสลัม มุ่งเน้นการทำงานในด้านการพัฒนาเด็กให้เหมาะสมตามวัย ได้รับการปกป้องคุ้มครองและการมีชีวิตในวัยเด็กที่มีความสุข ผ่านบ้านเด็กอ่อนทั้ง 4 หลัง ได้แก่ บ้านสมวัย ที่ชุมชนคลองเตย บ้านศรีนครินทร์ ที่ชุมชนกองขยะหนองแขม บ้านแห่งความหวัง ที่ชุมชนกองขยะอ่อนนุช และบ้านเสือใหญ่ ที่ชุมชนเสือใหญ่ประชาอุทิศ

มูลนิธิจะรับเด็กวัยแรกเกิดถึง 5 ขวบ มาดูแลในช่วงกลางวัน โดยพิจารณารับเด็กที่ครอบครัวมีปัญหาต่าง ๆ อาทิ รายได้น้อย ฐานะยากจน ติดสารเสพติด การเลี้ยงดูไม่เหมาะสม โดยเด็ก ๆ จะได้รับการดูแลจากครูซึ่งเป็นชาวบ้านในชุมชนที่เปิดบ้านเด็กอ่อนอยู่ ทุกคนจะผ่านการอบรมด้านความรู้ด้านการดูแลพัฒนาเด็กอย่างถูกต้องมาแล้ว

พระองค์ท่านมีพระดำริว่า “คนเลี้ยงเด็กต้องเป็นมืออาชีพไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะเลี้ยงเพราะเด็กจะเรียนรู้ซึมซับจากผู้เลี้ยงทุกวัน” สิ่งที่เป็นมืออาชีพในความหมายของพระองค์ท่านคือ มีความรัก เมตตาต่อเด็ก ในขณะเดียวกันต้องมีความรู้เชิงวิชาการ เช่น จิตวิทยาเด็กและพัฒนาการเด็ก ซึ่งเป็นจุดหนึ่งที่ทำให้มูลนิธิเริ่มทำงานอย่างจริงจังขึ้น นอกจากนี้ มูลนิธิยังสนับสนุนให้ชุมชนมีบ้านรับเลี้ยงเด็กในชุมชนของตนเอง โดยสนับสนุนผู้ดูแลเด็กให้มีความรู้ด้านการดูแลเด็ก ทำให้เด็ก ๆ ที่อยู่ในความดูแลของบ้านรับเลี้ยงเด็กเหล่านี้ ได้รับความรักและการดูแลอย่างเอาใจใส่จากผู้รับเลี้ยงเพิ่มมากขึ้น

ในส่วนของเด็ก ๆ วัยแรกเกิดถึง 5 ขวบ ที่พ่อแม่ ผู้ปกครองดูแลเอง และบางรายเป็นเด็กที่อยู่ในภาวะเสี่ยงอันตรายอันเนื่องจากครอบครัวติดยาเสพติด มีการใช้ความรุนแรง จะมีเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครของมูลนิธิไปเยี่ยมที่บ้านและให้คำแนะนำความช่วยเหลือตามปัญหา ซึ่งปัจจุบันมูลนิธิได้ให้ความช่วยเหลือแก่เด็กประมาณ 2,000 คนต่อวัน

การที่มูลนิธิเป็นองค์กรเล็ก ๆ จึงไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของคนนัก องค์อุปถัมภ์ประทานคำแนะนำในการที่ระดมทุนว่า ต้องมีการประชาสัมพันธ์ ด้วยความที่ด้อยประสบการณ์จะใส่ข้อมูลลงในแผ่นพับไปให้มากที่สุด คิดว่าถ้าใครได้อ่านจะได้ข้อมูลที่ครบถ้วน พระองค์ท่านประทานคำแนะนำว่า ถ้าทำแบบนี้คนจะไม่อ่าน เพราะวันหนึ่งคนมีเวลาว่างน้อย ไม่มีใครมีเวลามานั่งอ่านให้หมดได้ ทรงรับสั่งว่า แผ่นพับควรจะกระชับ สั้น อ่านแค่หน้าเดียวแล้วเข้าใจได้

“ได้เรียนรู้การทำงาน ความละเอียดของพระองค์ท่าน ในเรื่องการมองการณ์ไกลของมูลนิธิ ความสนพระทัยในงาน เมื่อครั้งถวายรายงานเรื่องของเด็ก ๆ พระองค์ท่านจะทรงจำได้ อย่างเรื่องน้องเดียวดายที่ป่วย ซึ่งพ่อ แม่ของเด็กเสียชีวิตแล้ว เมื่อเสด็จกลับมาอีกครั้ง ทรงตรัสถามถึงเดียวดายว่า เป็นอย่างไรดีขึ้นหรือไม่ จากนั้นเมื่อครั้งที่พระองค์ท่านเสด็จ ในงานของมูลนิธิสยามสมาคม เดียวดายเป็นคนถวายหนังสือ พระองค์ท่านยังทรงจำได้ตรัสว่า เราเคยเจอกันแล้วนะเดียวดาย รวมทั้งเสด็จลงพื้นที่เยี่ยมเด็ก ๆ ในชุมชน เพื่อให้สถานีโทรทัศน์ช่วยเผยแพร่ พระองค์ท่านเคยตรัสว่า เราไม่อยากเป็นองค์อุปถัมภ์เฉย ๆ ถ้าช่วยอะไรได้เรายินดี”

ครูต้อเล่าถึงความประทับใจให้ฟังว่า “สำหรับพี่เป็นเพียงเจ้าหน้าที่เล็ก ๆ คนหนึ่ง ที่พระองค์ท่านทรงให้โอกาสและประทานความเมตตาให้ทรงใกล้ชิด พระองค์ท่านสนพระทัยในงาน ความไม่ถือพระองค์ มีอยู่ครั้งหนึ่งทรงสอนคำราชาศัพท์ ด้วยความที่พี่ไม่ค่อยได้ถวายงานบ่อยนัก ท่านทรงสอนว่าคำราชาศัพท์ที่จำเป็นสำหรับการพูดกับพระองค์ท่านมีอยู่ 3 คำ คำแรกใช้แทนตัวเธอว่า ข้าพระพุทธเจ้า คำต่อมา ใช้เรียกพระองค์ท่านว่าใต้ฝ่าพระบาท และใช้คำลงท้ายด้วยคำว่าเพคะ

มีอยู่วันหนึ่งขำตัวเองมาก ถวายงานพระองค์ท่านอยู่กับคุณนงเยาว์ พูดไปพูดมา พี่พูดเพคะกับคุณนงเยาว์ แล้วพูดค่ะกับพระองค์ท่าน หลายครั้งมาก แต่พระองค์ก็ไม่ถือพระองค์ รวมทั้งสอนว่า หากคำที่ใช้เป็นคำราชาศัพท์อยู่แล้วไม่ต้องมีคำว่าทรงนำหน้า มีอยู่วันหนึ่งพระองค์ท่านตรัสกับพี่ว่า วันนี้เธอใช้คำว่าทรงมากไปแล้วนะ ได้เห็นถึงความไม่แบ่งชนชั้น เมื่อครั้งที่เข้าเฝ้า และต้องประทานสัมภาษณ์ด้วย พระองค์ท่านทรงให้พี่นั่งระดับเดียวกันกับพระองค์ท่าน ทรงเรียกมาพบก่อน แล้วทรงตรัสด้วยความเป็นห่วงว่า ตื่นเต้นไหมที่ต้องสัมภาษณ์ฉัน พี่ตอบกลับไปว่า ตื่นเต้นเพคะ ท่านทรงตรัสกลับมาว่าไม่เป็นไรทำใจให้สบาย มูลนิธิเด็กอ่อนในสลัม ตัวพี่เอง รวมทั้งเด็ก ๆ เติบโตขึ้นมาทุกวันนี้ด้วยพระบารมีของพระองค์ท่าน ที่ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์ ทำให้คนทั่วไปให้ความเชื่อถือและได้รับความช่วยเหลือ”

ท่านเคยมีพระดำรัสเกี่ยวกับงานอาสาสมัครว่า ควรเน้นเรื่องการทำงานอาสาสมัครให้มากขึ้น เป็นมูลเหตุสำคัญให้มูลนิธิมีการสร้างอาสาสมัครขึ้นมา 2 กลุ่มคือ อาสาสมัครชุมชนปกป้องเด็ก มีหน้าที่คือ เฝ้าระวังในชุมชน และช่วยเหลือเด็ก อีกกลุ่มหนึ่งคือ อาสาสมัครแม่ช่วยแม่ ถ้าเป็นผู้หญิงที่เคยตั้งท้องมาแล้ว มีการเลี้ยงลูกมาแล้ว จะไปแนะนำแม่ที่ตั้งท้องในชุมชน ถ้าให้เจ้าหน้าที่ลงไปเยี่ยมคงเยี่ยมไม่ได้เพราะมีจำนวนมากอาจไม่ทั่วถึง

พระองค์ท่านทรงตรัสว่า น่าจะมีสัญลักษณ์ของอาสาสมัคร จึงจัดทำหมวกอาสาสมัครของมูลนิธิขึ้น เป็นหมวกสีน้ำเงินมีตราสัญลักษณ์เป็นรูปแม่และเด็ก บุคคลเหล่านี้ไม่มีค่าตอบแทน มาทำงานด้วยใจ เมื่ออาสาสมัครได้รับหมวกไป ทุกคนจะถือว่าเป็นเกียรติสูงสุดในชีวิต บางคนให้แลกกับเงินหมื่นเงินแสนก็ไม่เอา เพราะหมวกใบนี้มีคุณค่าทางจิตใจ ซึ่งตรงนี้ทำให้มูลนิธิได้ใจคนต้องการร่วมกันพัฒนาและช่วยเหลือสังคมอย่างแท้จริง

“พระกรุณาธิคุณของสมเด็จองค์อุปถัมภ์ต่อเด็กอ่อนในสลัมล้นพ้นสุดที่จะพูดถึงให้หมดได้ ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งจนมาถึงทุกวันนี้ นั้นคือ การทำให้เด็กไม่รู้กี่รุ่นต่อกี่รุ่นที่ได้รับโอกาสดี ๆ ในฐานะของคนทำงานที่สิ่งที่จะทำได้ คือ ถึงแม้ทุกวันนี้จะตั้งใจทำงานอย่างเต็มความสามารถกันอยู่แล้ว แต่มีพลังอย่างหนึ่งที่ว่า ถ้าจะทดแทนด้วยการพูด ด้วยการใส่ชุดดำ คงไม่ใช่...แต่จะทำอย่างไรให้ทำงานได้มากขึ้น ใช้เวลาทุกนาทีอย่างคุ้มค่าและดีที่สุดเท่าที่พลังและความสามารถจะทำได้ อาจจะเป็นเพียงเศษเสี้ยวของการสำนึกในพระกรุณาธิคุณก็ยังดี สำหรับการทำให้คนที่แวดล้อมใกล้ตัวเด็กมีความเข้มแข็ง มุ่งมั่นที่จะดูแลเด็กได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้รับเลี้ยงเด็กและครอบครัว ญาติพี่ น้องของเด็ก รวมทั้งกลุ่มอาสาสมัคร เพราะการสร้างเด็กเป็นการสร้างชาติ ซึ่งทุกคนสามารถร่วมกันทำได้” ครูต้อกล่าวด้วยความมุ่งมั่น

ด้วยพระเมตตาที่ประทานความช่วยเหลือแก่เด็กอ่อนที่ไร้เดียงสาที่ต้องผจญกับความขาดแคลน ทำให้ทุกช่วงเวลาของมูลนิธิเด็กอ่อนในสลัมผ่านไปอย่างมีคุณค่า เด็ก ๆ ในชุมชนได้พบกับแสงสว่างมีชีวิตที่ดีขึ้น.






Create Date : 10 มกราคม 2551
Last Update : 10 มกราคม 2551 14:34:31 น. 0 comments
Counter : 1461 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

snodgrass
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





แสงหนึ่ง - ครอบครัว "ศรีณรงค์"
บรรเลงสดในรายการ "จับเข่าคุย"



ทำให้ใจเต้นแรง


บล็อกล่าสุด

รวมรูปคนดัง (6 มี.ค. 51) - Catherine Zeta Jones, Rachel McAdams, Maria Sharapova และอีกมากมาย

รวมรูปคนดัง (ครั้งยิ่งใหญ่) - Winona Ryder, Natalie Portman, Maria Sharapova และอีกมากมาย

รวมรูปคนดัง (ครั้งยิ่งใหญ่) - Jessica Alba, Kate Beckinsale, Jennifer Hawkins และอีกมากมาย

สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ในความทรงจำของ "หมึกแดง"

บทความเก่าของคุณ ปิติ เลิศลุมพลีพันธุ์ "สนามวิจารณ์ : คารวะแด่ Morricone"

: Users Online
Group Blog
 
<<
มกราคม 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
10 มกราคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add snodgrass's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.