"พระพี่นาง"กับพระนิพนธ์ท่องเที่ยว






ที่มา : เว็บไซต์หนังสือพิมพ์มติชน (คลิก)




สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงสนพระหฤทัยในด้านประวัติศาสตร์และโบราณคดี เสด็จไปยังโบราณสถานหรือสถานที่สำคัญต่างๆ ทั้งในและนอกประเทศ ทั้งจากคำกราบทูลเชิญของหน่วยงานต่างๆ และทรงมีพระประสงค์ที่จะเสด็จไปทอดพระเนตรสถานที่นั้นๆ ด้วยพระองค์เอง โดยการเสด็จแต่ละครั้งจะทรงเป็นผู้นำคณะบุคคลและสมาคมต่างๆ ไปทัศนศึกษาด้วย

ก่อนการเสด็จแต่ละครั้งจะทรงศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับสถานที่นั้นๆ ก่อนและทรงซักถามรายละเอียดอย่างลึกซึ้งและรอบด้านดังพระราชทานสัมภาษณ์ไว้ในนิตยสาร พลอยแกมเพชร ปีที่ 4 ฉบับที่ 79 วันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2538 ว่า

"..คนที่ไปด้วยต้องทำการบ้าน หลานอายุ 12 ก็ยังต้องทำการบ้าน ทุกคนทำการบ้านทุกวัน..อย่างไปจีนนี่ 8 โมงทุกคนกินข้าวเสร็จแล้ว 8 โมงครึ่งอย่างช้า ก็มีเวลาที่จะทำการบ้าน ก็จะประชุมกันที่จะทำหนังสือ ฉันไม่ทำคนเดียว ฉันให้ทุกคนมีส่วนร่วม มีความเห็น..."


ไม่เพียงเท่านั้น ในการเสด็จแต่ละครั้งทรงปรารถนาที่จะให้ประชาชนได้รับความรู้เกี่ยวกับสถานที่นั้นๆ ด้วย โดยพระราชทานข้อแนะนำแก่ผู้สื่อข่าวของโทรทัศน์ รวมการเฉพาะกิจเสมอให้เน้นข้อมูลเกี่ยวกับโบราณสถานเป็นสำคัญโดยทรงดำริว่าการนำเสนอข่าวการเสด็จไปในที่ต่างๆ นั้น น่าจะเป็นการให้ความรู้แก่ผู้ชม



ทรงเล่าถึงการนำเสนอข่าวไว้ในนิตยสารฉบับเดียวกันนี้ว่า

"...วิธีทำของฉันแตกต่างจากคนอื่นข้อหนึ่ง อย่างเวลาเจ้านายทุกพระองค์เสด็จต่างประเทศ จะมีข่าวส่งผ่านดาวเทียมมากรุงเทพฯ นักข่าวก็จะเขียนข่าวส่งมาเป็นแฟกซ์ 2 อันนี้ก็มาประกอบเข้าด้วยกันที่กรุงเทพฯ ทันทีวันนั้นหรือวันรุ่งขึ้น โดยคนที่ไม่รู้จักประเทศนั้นหรือไม่เคยไปประเทศนั้นเลยก็มีดู 2 อัน ควรจะเป็นอย่างนี้ๆ ก็ใส่เข้าไป บางทีก็ไม่ตรง แล้วบางทีก็เขียนซะหรูหราประวัติศาสตร์เต็มที่ แต่มันไม่เข้ากับภาพที่ออกมา"


ด้วยเหตุนี้ สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์จึงทรงเอาพระหฤทัยใส่ต่อการนำเสนอข่าวการเสด็จในแต่ละครั้ง นับตั้งแต่การนำเสนอตลอดจนการลำดับความสำคัญของการเล่าเรื่อง ทำให้ผู้ชมได้ทราบถึงสถานที่นั้นๆ โดยละเอียด ดังที่ทรงเล่าไว้ในนิตยสารฉบับเดียวกันนี้ว่า

"...แต่ของฉัน ฉันไม่ให้ส่ง มีเหมือนกันที่ออฟเฟอร์ว่าจะส่งดาวเทียมไหม ฉันบอกว่าไม่เอา ฉันใส่กระป๋องน่ะคือให้ถ่ายไว้ให้หมด..แล้ววิธีถ่ายของฉันฉันต้องเคี่ยวเข็ญด้วยว่า ต้องถ่ายอย่างนั้นอย่างนี้ คือถ้าไปดูสถานที่อันหนึ่ง อย่างเป็นโบสถ์อันหนึ่ง หรือเป็นปราสาทอันหนึ่ง เป็นสถาปัตยกรรมหรืออะไรก็ตาม..วิธีถ่ายของฉัน ถ้าเป็นปราสาทถ้าถ่ายได้จากตรงนี้ ก็ถ่ายไปให้เห็นทั้งหมด ว่ารูปร่างเป็นอย่างไร ถ้าไม่ได้ไม่เป็นไร เก็บเอาไว้ แล้วไปอยู่ไกลๆ แต่ต้องเห็นได้ทั้งหมด..ถึงไกลแค่ไหนก็ต้องพยายามไปถ่ายจากไกลๆ ให้เห็น..เสร็จแล้วก็ถ่ายทางเข้า บางทีทางเข้าไม่เหมือนกัน ถ่ายทางเข้าเสร็จแล้วเธอจะไปถ่ายอะไรก็ตามใจ..แต่ 2 อย่างนี้ฉันบังคับ"



ด้วยจิตวิญญาณของความเป็นครูที่ทรงมีอยู่อย่างเต็มเปี่ยมและเพื่อให้คนไทยมีความรู้ที่ถูกต้อง ทรงพอพระหฤทัยในการเผื่อแผ่สิ่งที่รู้สิ่งที่เห็นแก่ผู้อื่นให้รู้ตามพระองค์ ทรงเป็นครูผู้ชี้นำประชาชนโดยทั่วไปให้เห็นความสำคัญของศิลปวัฒนธรรม โบราณคดี ประวัติศาสตร์ และมรดกของโลก อันก่อให้เกิดความรักความหวงแหน และความตระหนักในความเป็นเจ้าของร่วมกัน นอกจากการนำเสนอข่าวแล้วในบางครั้งทรงนิพนธ์เรื่องราวการท่องเที่ยวด้วยพระนิพนธ์เหล่านี้ล้วนเป็นขุมทรัพย์แห่งความรู้แสดงให้เห็นว่าความเป็นครูไม่จำเป็นต้องสอนกันเฉพาะในชั้นเรียนเท่านั้น

ในการจัดทำพระนิพนธ์แต่ละครั้งนั้นทรงทำงานร่วมกับผู้ตามเสด็จทั้งในการวางโครงเรื่องและการจัดวางภาพประกอบดังที่ทรงเล่าว่า

"...ถ่ายเองด้วย แต่ฉันไม่ค่อยบอกว่าใครถ่ายอะไร มีโปรเฟสชั่นแนลไปด้วย แต่ฉันมีกล้อง บางทีฉันก็ถ่ายเอง อย่างถ่ายรูปทะเลสาบโค้งเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว เขาถ่ายไม่ครบ แต่ฉันถ่ายครบ ก็ลงรูปของฉัน..เราแข่งขันกัน เพราะทำหนังสือเราทำด้วยกัน เราพบกันตั้งหลายครั้งคนหนึ่งเขียน หรือ 2 คน 3 คนก็ตาม...ที่นี้มาถึงเรื่องรูป อย่างเราต้องการรูปของโบสถ์นั้น ส่งมาแข่งขัน 5 คน 6 คน อันไหนดีก็เอา ถ้าของฉันดีก็เอาของฉันไป ถ้าไม่ดีก็คนอื่นประชาธิปไตย..."


สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ทรงบันทึกทั้งความรู้และความรู้สึก หนังสือพระนิพนธ์เชิงท่องเที่ยวจึงไม่ใช่หนังสือวิชาการหรือสารคดี แต่เป็นหนังสือที่น่าอ่านมีรูปภาพประกอบสวยงามและทำให้คนอ่านรู้สึกสนุกเหมือนกับเดินร่วมคณะไปกับพระองค์ท่าน นอกจากนี้ ยังมีเกร็ดเล็กๆน้อยๆ ที่เป็นความคิดเห็นส่วนพระองค์ที่ทรงนิพนธ์ไว้ในหนังสือช่วยให้การอ่านมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น






หนังสือพระนิพน์เชิงท่องเที่ยว เปิดเล่มด้วยข้อมูลทั่วไปของประเทศนั้นๆ เช่น สภาพภูมิประเทศ ภูมิอากาศ ประชากรแล้วตามด้วยกำหนดการเยือนพร้อมรายนามผู้ติดตาม จากนั้น ทรงนิพนธ์เรื่องราวต่างๆที่ทอดพระเนตร บุคคลที่พบ บางครั้งมีข้อความสนทนาประกอบระหว่างพระองค์ท่านและบุคคลต่างๆ


เมื่อเสด็จเยือนสหภาพสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียต 11-18 ก.ค. 2532 โดยเสด็จเยือนมอสโก ไซบีเรีย โนโวซีเบียร์สค์ เอียร์คุทสค์ ทรงพระนิพนธ์ในหนังสือ "ที่ไซบีเรียหนาวไหม" ว่าไซบีเรียตั้งอยู่ในสาธารณรัฐสหพันธ์รุสเซียโซเวียตสังคมนิยม มีอาณาเขตกว้างใหญ่ แบ่งเป็นไซบีเรียตะวันตกและไซบีเรียตะวันออก ไซบีเรียได้ชื่อว่าเป็นดินแดนที่มีดินฟ้าอากาศรุนแรงที่สุด ในฤดูหนาวอุณหภูมิจะลดลงถึง -40 องศาเซลเซียส บางแห่งลดลงถึง – 60 องศาเซลเซียส ส่วนในฤดูร้อนก็อาจจะร้อนถึง 39 องศาเซลเซียส ดินแดนส่วนใหญ่ทางขั้วโลกเหนือที่ติดกับมหาสมุทรอาร์กติกมีหิมะและน้ำแข็งเกือบตลอดปี


ที่เมืองวิชาการ (Akademgorodok) ทรงเขียนบรรยายไว้ว่าเดิมรัฐบาลสร้างเมืองนี้ขึ้นเป็นศูนย์ค้นคว้าวิจัย ประกอบด้วยสถาบันวิจัยต่างๆ 21 แห่ง เช่น สถาบันประวัติศาสตร์ อักษรศาสตร์และปรัชญา ทอดพระเนตรพิพิธภัณฑ์ซึ่งจัดแสดงโบราณวัตถุของมนุษย์ที่อาศัยในไซบีเรียเมื่อประมาณ 60,000 ปีมาแล้ว เช่น กระดูกมนุษย์โบราณประมาณ 5,000 ปึ เสื้อโค้ตทำจากหนังปลา

ส่วนการเสด็จเยือนไซบีเรีย ทรงนิพนธ์ว่า "คณะฯ เดินทางมาถึงโรงแรมราว 3 ทุ่ม รับประทานอาหารค่ำ มื้อนี้มีนมเปรี้ยวต้มและแพนเค้กที่ทำจากนมเปรี้ยว ซึ่งเป็นอาหารประจำชาติของรุสเซียและปลาโอมูล ปลาจากทะเลสาบไบคาลและเป็นปลาที่ชาวเอียร์คุทส์ค์ภูมิใจมากเพราะเวลาตกปลาจำเป็นต้องใช้สว่านเจาะน้ำแข็งเป็นรูขนาดจาน ในการตกปลาจะไม่ใช้เหยื่อ แต่ใช้ด้ายสีเขียวหรือแดงแทน ปลาจะมาเป็นฝูงต้องรีบตก ฟังแล้วไม่ค่อยจะอิจฉา นักตกปลาซีบีเรียเท่าไหร่เพราะไหนจะต้องทนกับอากาศหนาวเหน็บกับการตกปลาที่ยากเย็นและโดยเฉพาะพอตกได้แล้วยังต้องเจอปัญหาการเอาปลาออกจากรูน้ำแข็งอีกเพราะบางครั้งปลาตัวโตกว่ารู"


บางประเทศที่เสด็จไปเป็นประเทศที่บุคคลทั่วไปไม่ค่อยจะมีโอกาสได้ไปท่องเที่ยวนักด้วยระบอบการปกครองที่ต่างกัน เช่น สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีหรือเกาหลีเหนือ เสด็จเมื่อ 8-15 พ.ค. 2530 และทรงนิพนธ์เรื่อง "จากโคริโอสู่โคเรีย 8 วันในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี"

พระนิพนธ์เล่มนี้เกริ่นในบทนำว่า "โคริโอ" เป็นชื่อของราชวงศ์แรกที่สามารถรวมประเทศให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ ซึ่งต่อไปคนต่างชาติเรียกชื่อประเทศว่า "โคเรีย" ด้วยจิตวิญญาณของความเป็นครู สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ทรงนึกถึงประชาชนชาวไทยทุกครั้ง แม้เสด็จเยือนต่างประเทศโดยทรงนิพนธ์ไว้ว่า

"ประเทศเกาหลีเหนือเป็นประเทศที่คนรู้จักน้อย ข้าพเจ้าจึงคิดว่าควรทำหนังสือเมื่อกลับมาแล้ว ข้าพเจ้าเตรียมใบกรอก "การบ้าน" ดังที่เคยทำมาหลายครั้งแล้วเพื่อเตือนความจำของผู้เดินทางและเพื่อให้แสดงความคิดเห็นที่ข้าพเจ้าจะได้คัดเลือกลงท้ายเรื่อง"


ในบทส่งท้ายทรงนิพนธ์ไว้ว่าสิ่งที่ชอบคล้ายกันทุกคน คือ ความสวยงามและความสะอาดของบ้านเมือง ดอกไม้ ต้นไม้ วินัยของประชาชน โสม ส่วนสิ่งที่พระองค์ไม่พอพระทัย คือ "ค่อนข้างอึดอัดกับบรรยากาศของอุดมการณ์ผู้นำที่แผ่ซ่านควบคุมไปทุกแห่ง จนอดคิดเล่นๆไม่ได้ว่าถ้าขาดผู้นำคนนี้แล้ว บ้านเมืองเขาจะทำอะไรเป็นบ้าง และความไม่ค่อยไว้ใจทำให้ไม่ค่อยประทับใจมากนัก ไม่ค่อยเป็นอิสระมากนัก มักถูกติดตามอยู่เสมอ


บางประเทศที่เสด็จเยือนยังไม่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่คนไทยนิยมไปกันมากนัก เช่น ตุรกี ซึ่งเป็นประเทศที่พระองค์ท่านเสด็จไปเยือนเมื่อ 3-15 เม.ย. 2533 และทรงนิพนธ์เรื่อง "ตุรกี ดินแดนจักรพรรดิโรมันและสุลต่านออตโตมัน" เมื่อพลิกดูในเล่ม เห็นรูปปั้นผู้หญิงคว่ำเอาศีรษะลงล่าง นึกว่าเป็นความผิดพลาดของการพิมพ์ แต่พออ่านรายละเอียดที่สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ทรงบรรยายจึงเข้าใจความเป็นมาของวังใต้ดินว่า "ใหญ่ที่สุดในนครอิสตันบูล สร้างมาตั้งแต่คริสตศตวรรษที่ 6 ภายในประกอบด้วยเสา 336 ต้น เสาแต่ละต้นมีความสูง 2 เมตร ลักษณะเด่น คือ เสาแต่ละต้นมีความแตกต่างกัน ต้นหนึ่งฐานเสาเป็นรูปศีรษะนางเมดูซาวางตะแคง อีกต้นหนึ่งศีรษะนางปักดิ่งลง เป็นจุดที่เรียกความสนใจจากนักท่องเที่ยวและผู้เข้ามาชม"


ภูฏาน เป็นประเทศหนึ่งที่สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์เสด็จเยือนตั้งแต่ปี 2531 ก่อนหน้าที่ประชาชนชาวไทยจะแห่กันไปเที่ยวอย่างคึกคักหลังจากสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคซาร์ นัมเกล วังชุก เสด็จพระราชดำเนินเยือนไทยเมื่อปี 2549

พระองค์ท่านทรงนิพนธ์เรื่องราวเกี่ยวกับภูฏานในเรื่อง "ภูฐาน เกาะเขียวบนแผ่นดิน" ซึ่งปรากฎข้อความแสดงถึงพระอารมณ์ขันประกอบรูปไว้หลายแห่ง เช่น รูปหนึ่งเป็นรูปที่ผู้จัดการโรงแรมคุยกับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งยืนอยู่หลังต้นไม้ดอกสีเหลืองพราว พระองค์ท่านจึงทรงบรรยายภาพว่า "ผู้จัดการโรงแรมกำลังสนทนากับนางไม้" และเมื่อเสด็จไปวัดทังโก ทรงบรรยายเส้นทางว่าถนนขรุขระมาก วัดนี้ตั้งอยู่เชิงเขา มีคนนำม้ามาคอยที่เชิงเขา สมเด็จเจ้าฟ้าฯ หลวงนราธิวาสราชนครินทร์ทรงม้า คุณจิทัศและคุณเอิบจิตต์ก็ใช้ม้า นอกนั้นสมัครใจเดินขึ้น และทรงหยอกล้อคณะผู้ติดตามที่เดินตามหลังโดยลงรูปพร้อมทรงบรรยายว่า "กลุ่มรั้งท้าย"

นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลน่าสนใจที่ทรงนิพนธ์เป็นความรู้แก่ผู้อ่าน "การใช้ปฏิทินของชาวภูฐาน ประกอบด้วยรอบละ 60 ปี มี 12 นักกษัตร คือ หนู วัว เสือ กระต่าย มังกร งู ม้า แพะ ลิง ไก่ สุนัขและหมู สัตว์แต่ละชนิดมี 5 ธาตุ คือ ไฟ น้ำ ต้นไม้ เหล็กและดิน สองอย่างนี้ประกอบกันจึงเป็นรอบละ 60 ปี "


ส่วนประเทศที่เสด็จเยือนหลายครั้งหลายหน เนื่องจากเป็นประเทศใหญ่และมีความน่าสนใจมาก คือจีน ซึ่งพระองค์ท่านทรงนิพนธ์หลายเล่ม ได้แก่ "1 โหลในเมืองจีน" "ยูนนาน" "สายธารอารยธรรมจีน : 7 ธานีแห่งอาณาจักรกลาง" "ซินเจียงและกานซู : ภาพจากดินแดนสุดหล้าฟ้าเขียว" "จีนตะวันออก : ขึ้นเขา ลงทะเลสาบ เข้าวัด" และ "จีนอีสานและเสฉวน : จากแดนแมนจูสู่ภูง่อไบ๊"

ในหนังสือกราบบังคมทูลถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ของนายหู จิ่นเทา ประธานาธิบดีจีน เพื่อแสดงความไว้อาลัยต่อการสิ้นพระชนม์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ กล่าวถึงสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ว่า ทรงเป็นกัลยาณมิตรของประชาชนชาวจีน ทรงเป็นเพื่อนเก่าแก่ของจีนและทรงมีบทบาทอย่างยิ่งในการกระชับส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ และได้ทรงสร้างคุณูปการอันทรงคุณค่ายิ่งต่อความสัมพันธ์ฉันมิตรของไทยและจีน






Create Date : 07 มกราคม 2551
Last Update : 7 มกราคม 2551 22:41:42 น. 0 comments
Counter : 964 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

snodgrass
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





แสงหนึ่ง - ครอบครัว "ศรีณรงค์"
บรรเลงสดในรายการ "จับเข่าคุย"



ทำให้ใจเต้นแรง


บล็อกล่าสุด

รวมรูปคนดัง (6 มี.ค. 51) - Catherine Zeta Jones, Rachel McAdams, Maria Sharapova และอีกมากมาย

รวมรูปคนดัง (ครั้งยิ่งใหญ่) - Winona Ryder, Natalie Portman, Maria Sharapova และอีกมากมาย

รวมรูปคนดัง (ครั้งยิ่งใหญ่) - Jessica Alba, Kate Beckinsale, Jennifer Hawkins และอีกมากมาย

สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ในความทรงจำของ "หมึกแดง"

บทความเก่าของคุณ ปิติ เลิศลุมพลีพันธุ์ "สนามวิจารณ์ : คารวะแด่ Morricone"

: Users Online
Group Blog
 
<<
มกราคม 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
7 มกราคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add snodgrass's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.