ลิขิตรัก ลวงใจ...ตอนที่ 7
|
|
ตอนที่ 7
เช้านี้เป็นเช้าวันที่สามแล้วที่คิมหันต์ได้ก้าวเข้ามาบริหารในบริษัทเอฟเวอร์ เน็ตแวร์ ของคุณรังสรรค์ผู้เป็นบิดา ถึงจะเป็นมือใหม่แต่ประสบการณ์ในต่างประเทศก็สามารถทำให้เขาเข้ามาบริหารงานในบริษัทได้อย่างไม่มีข้อติดขัดอะไร อีกทั้งชายหนุ่มมีความรู้ในด้านคอมพิวเตอร์จึงทำให้เขาสามารถที่จะเข้าใจสินค้าประเภทต่างๆ ของบริษัท และสินค้านำเข้าจากต่างประเทศได้เป็นอย่างดี
ร่างสูงในชุดสูทสีดำเดินทักทายเหล่าพนักงานอย่างเป็นกันเอง ใบหน้าคร้ามคมแย้มยิ้มอยู่ตลอดเวลาคล้ายกับคนที่มีอัธยาศัยดี
มาแต่เช้าเลยนะคับ คุณคิมหันต์
มานพ หัวหน้างานฝ่ายบริหารแผนกสินค้าเอ่ยทักทายชายหนุ่มอย่างผู้ใหญ่ที่ทักทายเด็กๆ
สวัสดีครับคุณอา...
ชายหนุ่มยกมือขึ้นไหว้ชายกลางคนที่ยืนยิ้มแป้นอยู่ตรงหน้า
ผมมาอยู่ที่บริษัทนี้ตั้งหลายปียังไม่รู้จักพนักงานของบริษัทหมดทุกคนเท่าคุณที่มาแค่สามวันเลยนะ
มานพเอ่ยด้วยวาจาและสีหน้ายิ้มแย้ม
แหม...คุณอาก็ชมผมจนเกินไป ก็มีคุณอานี่แหละที่ช่วยแนะนำให้ผม
ชายหนุ่มเอ่ยถ่อมตน พร้อมกับใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มสดใส
เออ...ว่าแต่ทางแผนกของคุณอามีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ บอกผมได้นะเดี๋ยวผมจะจัดการให้
ไม่มีหรอกครับคุณคิมหันต์ บริษัทของเราตั้งแต่คุณรังสรรค์บริหารมาท่านก็ปรับปรุงให้ระบบดีหมดแล้ว คุณคิมหันต์มีอะไรหรือเปล่าครับ
ประโยคท้ายไม่วายถามกลับอย่างสงสัย...คนหนุ่มไฟแรงอย่างคิมหันต์จะมีอะไรดีที่จะสามารถนำพาให้บริษัทอยู่รอดและก้าวไปข้างหน้าอย่างเจริญรุ่งเรือง มันจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้างถ้าหากคิมหันต์เข้ามาบริหารงานในตำแหน่งนี้ตลอดไป
บริษัทเอฟเวอร์ เน็ตแวร์ เป็นองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ที่ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อีกปลายประเภท หลายปีที่ผ่านมาบริษัทนี้สามารถอยู่รอดและเป็นหนึ่งเดียวในประเทศไทยโดยที่ไร้คู่แข่ง จะมีปัญหาขัดแย้งเล็กน้อยกับบริษัทคู่แข่งเล็กๆ ที่พยายามจะเข้ามาแทนที่ แต่คุณรังสรรค์ผู้บริหารก็สามารถนำบริษัทนำฝ่าปัญหาเหล่านั้นได้ตลอดมา
เมื่อคุณรังสรรค์ปล่อยวาง โดยให้บุตรชายคนโตเข้ามาบริหารและพยุงให้บริษัทอยู่รอดต่อไป มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าคนหัวสมองจบจากนอกอย่างคิมหันต์เข้าดำเนินงานและใช้ความคิดของเขาในหารพัฒนาบริษัทให้แปลกใหม่แต่ในทางกลับกันก็ต้องให้อยู่รอดและไม่ถูกบริษัทเล็กๆ กลืนกินไปเสียก่อน
ชายหนุ่มเปิดประตูห้องทำงาน ร่างสูงสมสัดส่วนก้าวเข้ามาอย่างเชื่องช้า เขาเดินมาหยุดอยู่ที่โต๊ะทำงานก่อนจะเปิดยิ้มเหี้ยมขึ้นมาเมื่อใบหน้าของใครคนหนึ่งฉายชัด แววตาที่ทอดนิ่งไปเบื้องหน้าช่างเยือกเย็นยากที่ใครจะเข้าใจได้
วิลัย เข้ามาในห้องหน่อยสิ ชายหนุ่มเอื้อมมือไปกดที่เครื่องโทรศัพท์ก่อนจะกรอกเสียงเรียกเลขา
ไม่ถึงนาทีวิลัยหญิงสาวร่างสูงเพรียวก็ได้เปิดประตูเดินเข้ามา ใบหน้าหวานแย้มยิ้มเตรียมรับคำสั่ง
เธอช่วยไปสืบบุคคลที่อยู่ในแฟ้มนี้ให้ฉันหน่อยสิว่าปัจจุบันนี้เขาประกอบอาชีพอะไร เอาข้อมูลมาให้ละเอียดเลยนะ เลขาสาวค้อมหัวรับคำก่อนจะก้าวเข้ามารับแฟ้มแล้วเดินออกไป
คิมหันต์ลุกขึ้นจากโต๊ะด้วยใบหน้าเรียบเฉยที่ฉาบไว้ด้วยจุดประสงค์ชนิดหนึ่ง สายตาคมวาวมองทอดออกไปที่ประตูตรงจุดที่เลขาสาวเพิ่งเดินออกไป
ถึงแม้จะรู้จักกันจนแนบชิด หากแต่เวลานี้เขาต้องการข้อมูลของฝ่ายตรงข้ามให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
ชายหนุ่มเดินมาหยุดอยู่ที่ริมหน้าต่าง สองมือซุกล้วงอยู่ที่กระเป๋ากางเกง ดวงตาสีเหล็กฉายชัดถึงจุดประสงค์ที่แน่วแน่
...มันถึงเวลาแล้วที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องก้าวเข้ามาสู่ในอ้อมกอดของเขาอีกครั้ง...
***** เสียงตบโต๊ะดังก้องสะท้อนไปทั่วบริเวณห้องแห่งนั้น จนทำให้เหล่าลูกน้องที่ยืนนิ่งอยู่ไม่ห่างพากันตกใจไปตามๆ กัน ตามรีบก้มหัวยืนนิ่งเตรียมรับคำด่าที่จะเกิดขึ้น
กี่ครั้งแล้วที่พวกลื้อทำพลาด...ฮึ เสียงอันทรงอำนาจดังชัดเจนพร้อมกับอารมณ์ที่เกรี้ยวกราดที่ยิ่งเพิ่มมากขึ้น
กี่ครั้งแล้วที่พวกลื้อไม่ได้ดั่งใจอั๊ว...พวกลื้อมันไร้น้ำยากันทุกคน...พวกลื้อมันเลี้ยงเสียข้าวสุกแท้ๆ
สายตาพิฆาตมองไปทางไหนจึงพาลพาให้เหล่าสมุนที่ยืนเรียงแถวหน้ากระดานพากันสะดุ้งไปตามๆ กัน
พวกลื้อออกไป...ไป้ ออกไปให้พ้นหน้าอั๊วก่อนที่อั๊วจะทนไม่ได้ฆ่าพวกลื้อไปทีละคน...ไป้
ชายผมสีดอกเลาตะเพิดไล่อย่างไม่ไว้หน้า เหล่าลูกน้องที่ยืนกุมเป้าจึงรีบพากันลนลานออกไปในทันที
เห็นทีคราวนี้อั๊วจะต้องลงมือเองซะแล้ว...อาบัญชาถึงลื้อจะหนังเหนียวเพียงใดแต่อั๊วก็จะกระชากลื้อให้ตามอามาวินไปให้ได้ เพื่อนลื้อก็ลงนรกไปนานแล้ว ลื้อจะอยู่หาหอกอะไรอีกว่ะ
ชายชราเชื้อสายจีนฮ่อสบถเสียงดังลั่นห้อง แววตาสีน้ำข้าวลุกโชนไปด้วยไฟโทสะที่ท่วมท้นในดวงตาทั้งสองข้างและจิตใจของบุคคลผู้นี้ที่ไม่อาจจะเห็นศัตรูอยู่ได้อีกต่อไป
***** สายฝนตกพร่างพรมลงมาเป็นสายไม่มีเค้าว่าจะหยุด เช่นเดียวกับท้องฟ้าสีหม่นที่ก่อเกิดสายฟ้ากัมปนาทแลบแปลบปลาบอย่างน่ากลัว พื้นหญ้าสีเขียวชอุ่มเจิ่งนองไปด้วยน้ำฝน ในเวลานั้นชายหนุ่มคนหนึ่งวัยประมาณสามสิบเศษกำลังวิ่งฝ่าสายฝนมาตามทางเพื่อหนีอะไรสักอย่าง
ปัง...!!
เสียงปืนดังสนั่นแข่งกับเสียงสายฟ้าฟาดลงบนต้นไม้ไม่ห่างนัก หากแต่เสียงนั้นกลับมีอิทธิพลมากกว่าเพราะมันทำให้ชายที่กำลังวิ่งฝ่าสายฝนอยู่ล้มลงกับพื้นอย่างตกใจ
ถึงแม้จะล้มลงแล้วแต่ชายหนุ่มก็ยังพยายามตะเกียกตะกายหนีมัจจุราชในชุดดำที่เดินถือปืนเดินเข้ามาอย่างใจเย็น
เลือดสีแดงจางๆ ไหลนองพื้นผสมกับน้ำฝนที่ตกพร่างพรมลงมาไม่ขาดสาย ถึงจะเจ็บปวดเพียงไร ถึงจะเหนื่อยล้าแค่ไหนเขาจะต้องพยายามหนีออกไปให้ได้
หากแต่ในเวลานั้นเรี่ยวแรงที่มีอยู่กลับหมดสิ้นลง ทุกสิ่งทุกอย่างมันไม่เป็นดั่งใจ จะก้าวขาหรือจะคลานหนีไปทางไหนมันก็ยากเย็นไปเสียหมด แข้งขามือเท้าที่มีเรี่ยวแรงกลับหนักอึ้งคล้ายเอาก้อนหินก้อนใหญ่มามัดถ่วงเอาไว้...แต่มันกลับเป็นก้อนหินแห่งอารมณ์และร่างกายที่สุดจะต้านทาน
เสียงหัวเราะร่วนจากร่างมัจจุราชในชุดดำดังกระหึ่มอย่างสาแก่ใจ คล้ายกับว่าเสียงนั้นเป็นเสียงจากภูตผีปีศาจที่ผุดมาจากนรกอเวจี ร่างนั้นเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของชาหนุ่ม ก่อนจะยกปืนขึ้นส่องตรงไปข้างหน้า
เวลาของลื้อหมดลงแล้วอามาวิน เห็นทีลื้อจะต้องคืนทุกสิ่งทุกอย่างให้กับอั๊วเสียที...ลาก่อน
อยะ...อย่า...
ชายหนุ่มพยายามยกมือขึ้นเพื่อขอความเห็นใจ แต่ก็ช้าไปเสียแล้วเมื่อนิ้วอวบอูมที่สอดนิ่งอยู่ในโกร่งไกปืนได้ขยับ บัดนั้นเสียงปืนก็ดังขึ้นหนึ่งครั้ง พร้อมกับลูกกระสุนสีเงินก็ได้พุ่งตรงดิ่งไปที่หน้าอกข้างซ้ายของชายหนุ่มเบื้องล่างในทันที
เหยื่อมัจจุราชใบหน้าเหลือกลาน ริมฝีปากที่ซีดสนิทสั่นระริก เขาก้มลงมองบาดแผลด้วยความเจ็บปวด กระสุนที่ร้อนฉ่าเจาะตัดขั้วหัวใจเหมือนกับจับยัด เลือดสีแดงเข้มไหลพุ่งออกมาจากบาดแผลคล้ายดั่งกับท่อประปาแตก
มาวิน...
ในเวลานั้นเสียงร้องของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้นทางเบื้องหลัง เป็นนายบัญชาที่รีบวิ่งเข้ามาตรงจุดนั้นพร้อมกับสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามได้มองนิ่งไปที่ชายในชุดดำที่ยืนนิ่งอยู่ท่ามกลางสายฝนอย่างไม่เข้าใจ
ทำไม...นายสัญญากับฉันแล้วนี่ว่าจะไม่ฆ่าเขา
หมดเวลาของมันแล้วอาบัญชา คนที่ล้มละลายอย่างมันถึงปล่อยเอาไว้มันก็เดือดร้อนพวกเราไปเปล่าๆ ลื้อต่างหากที่จะต้องสานต่อธุรกิจนี้เพื่อทำเงินให้กับอั๊วต่อไป
พูดจบชายในชุดดำก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของนายบัญชาก่อนจะยัดเยียดปืนลงบนมือของเขา และวิ่งฝ่าสายฝนออกไปอย่างรวดเร็ว
นะ...นาย...ทำ ทำ แบบนี้...ทำ...ไม
เป็นประโยคสุดท้ายที่ดังออกมาจากปากของชายหนุ่มที่นอนจมกองเลือด สายตาที่เริ่มจ้าฟางมองหน้าผู้ที่มาใหม่อย่างไม่เข้าใจ สายตาที่มองมานั้นเต็มไปด้วยคำถามอีกมากมายที่อยากจะถามเต็มที แต่กลับไม่มีโอกาส
ฉันขอโทษ...มาวิน
บัญชาพูดได้แค่นั้นก็ถูกก้อนแห่งความเสียใจจุกแน่นที่ลำคอ ก่อเกิดความเจ็บปวดที่บาดลึกจนถึงหัวใจ ความผิดที่กระทำกลั่นกรองออกมาเป็นน้ำตาที่เอ่อนองอาบสองแก้มผสมกับหยาดเม็ดฝนที่เกาะพร่างพรม
คุณพ่อ!
ในเวลานั้นร่างของเด็กน้อยผู้หนึ่งก็ได้วิ่งเข้ามาทรุดลงกับพื้นแล้วโอบกอดร่างของบิดาที่นอนจมกองเลือดเอาไว้จนแน่น
ไม่นะ...ไม่ คุณพ่อ
น้ำตาของเด็กน้อยไหลอาบสองแก้ม เปรอะเปื้อนไปกับเลือดสีแดงฉานของผู้เป็นบิดา อีกทั้งน้ำฝนที่ตกลงมาไม่ยอมหยุดจนทำให้ร่างของเด็กน้อยเปียกโชกไปด้วยน้ำฝนจนสั่นสะท้าน
นฤมินทร์...
นายบัญชาร้องได้แค่นั้น เขาจำต้องเก็บคำพูดคำต่อมาลงคออย่างรวดเร็วเมื่อเจอสายตาที่เด็กน้อยจ้องมองกลับมา มันเยือกเย็นและเต็มไปด้วยไฟอาฆาตที่สุมแน่นอยู่ในนั้น
นายบัญชาที่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นบัดนี้เขาคล้ายถูกตัดออกไปจากโลกแห่งนี้จนดูเดียวดาย สายฝนที่สาดซัดเข้ามายิ่งหนาเม็ดจนรู้สึกเจ็บแปลบไปทั่วร่างกาย หากแต่ความเจ็บปวดเหล่านั้นก็ยังไม่เท่ากับสายตาของเด็กน้อยที่จ้องมองมาทางเขา เพื่อขอคำตอบว่าเหตุไฉนเขาถึงได้ทำเรื่องที่ชั่วช้าต่ำทรามแบบนี้...
ภายในห้องทำงานบัดนี้ตกอยู่ภายใต้ความเงียบ ทุกอณูอากาศถูกเบียดแน่นไปด้วยความเสียใจ และความเจ็บปวดที่บาดลึกมานาน สองมืออันเหี่ยวย่นตามกาลเวลาค่อยๆ ปิดสมุดบันทึกเล่มหนาที่มีรูปของใครคนหนึ่งแทรกอยู่ลงอย่างช้าๆ แล้ววางมันลงบนโต๊ะอย่างแผ่วเบา
ดวงตาสีน้ำข้าวของชายชราเอ่อนองไปด้วยน้ำตาที่ไหลออกมาอาบสองแก้ม ริมฝีปากสีม่วงสดสั่นระริก หัวสองมองที่สั่งการบัดนี้กลับนึกไปถึงใบหน้าของเด็กชายตัวน้อยที่มองเขาด้วยสายตาที่เย็นชา
มาวิน...ฉันเสียใจในสิ่งที่ทำลงไป ฉันสัญญาว่าจะตามหาลูกชายของนายให้พบ ถึงแม้ความหวังเหล่านั้นมันจะเลือนรางก็ตาม
รูปของเขาที่ถ่ายคู่กับชายหนุ่มคนหนึ่งถูกยกขึ้นมามอง ใบหน้าที่แย้มยิ้มในวัยหนุ่มทำให้เขารู้สึกสะท้านสะท้อนต่อการกระทำที่เคยทำลงไป
...นายบัญชา นายมันเลวมาก กล้าหักหลังเพื่อนของตัวเอง นายมันชั่ว เลวที่สุด นี่คือคำพูดของเขาเมื่อหลายปีก่อน ต่อหน้าเจดีย์บรรจุอัฐิของเพื่อที่เคยร่วมสร้างธุรกิจมาด้วยกัน
หลังจากที่จัดการเรื่องงานศพของมาวิน เจษฎาบดินทร์ฤทธิ์ไกลเรียบร้อยแล้ว คุณบัญชาก็ตั้งปณิธานว่าเขาจะไม่ยอมทำเรื่องที่เลวร้ายเช่นนี้อีกต่อไป เขาสัญญากับตัวเอง สัญญาต่อหน้าหลุมศพของมาวิน ว่าเขาจะรับเลี้ยงดูนฤมินทร์ เจษฎาบดินทร์ฤทธิ์ไกลบุตรชายคนเดียวของเพื่อนของเขา...แต่แล้วความหวังนั้นกลับพังทลายลงเมื่อเด็กชายคนนั้นกลับหนีหายไปอย่างไร้ร่องรอย เขาให้เหล่าลูกน้องออกตามหาไปทุกๆ ที่ แต่ก็ไร้วี่แวว ตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมาเขาไม่ยอมลดละที่จะตามหาเด็กชายนฤมินทร์ แต่ก็ไร้ผล เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมาเป็นแค่ความฝันที่เลือนราง
จวบจนบัดนี้ถึงแม้ความหวังจะริบหรี่เต็มที แต่เขาก็ยังพยายามจะตามหาเด็กชายตัวน้อยอยู่ตลอดเวลาอย่างไม่ลดละ ความผิดในครั้งนั้นทำให้เขาสำนึกได้เมื่อบัดนี้ผลกรรมเหล่านั้นกำลังจะวนเวียนเข้าหาตัวของเขาอีกครั้งแล้ว
ไหนเลยเขาจะไม่รู้ตัวว่าการถูกลอบยิงในครั้งนั้นมันเป็นฝีมือของใคร ตั้งแต่นั้นมาเขาจึงระวังตัวอยู่ตลอดเวลาเพราะคิดว่าศัตรูของเขามันไม่หยุดอยู่แต่เพียงเท่านี้แน่
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้นคุณบัญชาก็นึกถึงใบหน้าของคิมหันต์ขึ้นมาในทันที เมื่อแววตาของชายหนุ่มที่มองมาทางเขาคล้ายกับเด็กชายคนนั้นอย่างกับคนๆ เดียวกัน แต่ความเห็นในครั้งนี้กลับถูกค้านอย่างรวดเร็วเมื่อคิมหันต์คือลูกชายคนโตของคุณรังสรรค์และคุณกันทิมานักธุรกิจใหญ่ในเมืองไทย
ชายหนุ่มมีทั้งพ่อและแม่ที่รักและเอ็นดู เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเป็นเด็กชายนฤมินทร์ลูกชายคนเดียวของเพื่อนของเขาไปได้
นายกำลังคิดอะไรบัญชา เขามีทั้งพ่อและแม่ นายจะคิดเอาเขามาให้หนักสมองทำไม ประมุขของบ้านไพศาลสุรวุทเอ่ยเตือนสติตัวเอง และนึกขำกับความคิดที่ไม่เข้าท่าของตัวเอง
แต่ถ้าหากคิมหันต์คือนฤมินทร์จริง มันจะดีถ้าหากชายหนุ่มได้รักกับเจนจิราลูกสาวของเขา และเขาก็จะยอมเปิดทางให้กับชายหนุ่มอย่างเต็มที่เพื่อจะให้เขาได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่สูญเสียไปกลับคืน
เขาเริ่มคิดฟุ้งซ่าน ต่อเมื่อรู้สึกตัวอีกครั้งเขาจึงลุกจากโต๊ะทำงานแล้วเดินไปหยุดอยู่ตรงริมหน้าต่างเพื่อขับไล่ความคิดเหล่านั้นให้ออกไปเสียให้หมด
ยืนถอนใจอยู่เช่นนั้นเนิ่นนา ก่อนจะรู้สึกตัวเมื่อบานประตูภายในห้องทำงานเปิดออก คุณพ่อคะ...
เจนจิราพาร่างสูงระหงแทรกผ่านประตูเข้ามาพร้อมกับแฟ้มเอกสาร
...บริษัทของเราตั้งมาจะครบสามสิบปีในอีกไม่กี่เดือน เจนนี่ว่ามันเร็วจริงๆ นะคะ คือที่เจนนี่มาในวันนี้ก็เพื่อจะขอคำปรึกษากับคุณพ่อว่าเราน่าจะจัดงานเลี้ยงสังสรรค์บ้างนะคะ เพื่อที่จะให้พนักงานของเราได้ผ่อนคล้ายบ้าง
หญิงสาวนั่งลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของบิดา พร้อมกับสายตาคู่สวยที่มองร่างของบิดาที่หันกลับมาและเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าของเธอด้วยใบหน้าที่ถูกปรับให้เป็นปกติที่สุด
อืม...ก็ดีนะ
ถึงจะพยายามปรับกิริยาอย่างไร ไหนเลยที่หญิงสาวจะมองไม่ออกว่าบิดากำลังกลุ้มเรื่องใดเรื่องหนึ่งอยู่แน่ ถึงแม้บิดาจะกลบเกลื่อนยังไงแต่สิ่งที่แสดงออกมาทางสีหน้าและแววตานั้นบอกชัด
คุณพ่อกลุ้มเรื่องอะไรคะ เธอไม่อาจที่จะเก็บความสงสัยเหล่านั้นได้จึงถามออกไปตรงๆ
เปล่า...ไม่มีอะไรหรอก ว่าแต่ระยะเวลาจะครบเมื่อไหร่นะมันนาน พ่อลืมไปเสียสนิท เขาพยายามบ่ายเบี่ยงความสนใจของบุตรสาวก่อนจะวกเข้าหาประเด็นที่หญิงสาวเข้ามาในเวลานี้
วันที่ยี่สิบ เดือนสิงหาคมปีนี้คะ บริษัทของเราจะครบสามสิบปีพอดี เจนจิราเก็บความสงสัยเหล่านั้นเอาไว้ในใจ จึงพยายามจะไม่คิดให้มันสับสนว้าวุ่นอะไรอีก
เออ...จริงด้วย คุณบัญชาทำท่านึกได้ แต่แท้จริงแล้วเขาไม่ลืมมันเลย ถึงแม้มันจะผ่านพ้นมานานแค่ไหนเขาก็ไม่เคยลืมวันที่เขาและมาวินก่อตั้งบริษัทนี้ขึ้นมาพร้อมกันได้หรอก
จัดก็จัดสิ...พ่อเห็นด้วย เริ่มประกาสบอกพนักงานทุกคนได้เลย พวกเขาจะได้มีพลังที่จะทำงานอย่างที่ลูกว่า
ขอบคุณนะคะคุณพ่อ ถ้าอย่างนั้นเจนนี่ไปดำเนินการเลยนะคะ
พูดจบหญิงสาวก็ถลาร่างออกไปอย่างดีใจ ผู้เป็นบิดามองตามร่างของบุตรสาวแล้วก็พลันยิ้มออกมาได้
...โปรดอ่านต่อในตอนต่อไปครับ...
Create Date : 12 กรกฎาคม 2553 |
|
0 comments |
Last Update : 12 กรกฎาคม 2553 13:12:26 น. |
Counter : 461 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|
Location :
พะเยา Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
ข้อตกลง 1. กรณีที่ผลงานชิ้นนี้เป็นผลงานที่แต่งโดยผู้ลงผลงานเอง ลิขสิทธิ์ของผลงานนี้จะเป็นของผู้ลงผลงานโดยตรง ห้ามมิให้คัดลอก ทำซ้ำ เผยแพร่ ก่อนได้รับอนุญาตจากผู้ลงผลงาน
2. กรณีที่ผลงานชิ้นนี้กระทำการคัดลอก ทำซ้ำ มาจากผลงานของบุคคลอื่นๆ ผู้ลงผลงานจะต้องทำการอ้างอิงอย่างเหมาะสม และต้องรับผิดชอบเรื่องการจัดการลิขสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียว
3. ผู้ใดพบเห็นการลงผลงานที่ละเมิดลิขสิทธิ์ โปรดแจ้งเจ้าของบล็อกทันที
|
|
|
|
|
|
|