ดินแดนแห่งจินตนาการ...
จินตนาการแห่งสายลม...
Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
6 กรกฏาคม 2553
 
All Blogs
 

ลิขิตรัก ลวงใจ...ตอนที่ 4



ตอนที่ 4

รุ่งเช้าของวันใหม่...ทุกชีวิตต่างใช้ชีวิตกันตามปกติ ชีวิตในกรุงเทพฯ ดูวุ่นวายไปด้วยผู้คนที่ต่างดิ้นรนทำมาหากินเพื่อให้ชีวิตรอดไปวันๆ รถราบนท้องถนนวิ่งสวนกันไปมาจนดูวุ่นวาย

ที่บ้านสินทราปณาวุธ คิมหันต์เดินลงมาจากชั้นสองของบ้านก่อนจะเดินเข้ามาหาคุณรังสรรค์และคุณกันทิมาที่นั่งรออยู่ด้วยใบหน้าที่เพลียๆ จนทั้งสองรู้สึกได้
“สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่”

“คิมลูกไปทำอะไรมาดูสีหน้าไม่ค่อยดีเลย เมื่อคืนดื่มหนักหรือลูกถึงได้มีอาการอย่างนี้...”
คุณกันทิมาเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง
“...รู้อย่างนี้แม่ไม่น่าจะกลับก่อนเลย เจ้าเหมก็เหมือนกันคะยั้นคะยอให้พ่อกับแม่กลับก่อนแล้วนี่หายไปไหนซะละไม่กลับมาพร้อมกันเหรอ”

คุณกันทิมาถามถึงสาเหตุที่เกิดขึ้นบนใบหน้าของบุตรชาย โดยที่เธอและสามีไม่ทราบเลยว่าได้เกิดอะไรขึ้นกับคิมหันต์เพราะเธอและสามีกลับมาก่อน แม้กระทั่งเหมันต์ที่ขอแยกตัวกลับก่อนคิมหันต์ไม่ถึงห้านาทีก็ยังไม่ทราบเรื่องว่ามันเกิดอะไรขึ้น

“เจ้าเหมแยกไปนอนที่โรงแรมครับผมเลยขับรถกลับเอง”
ชายหนุ่มบอกไปตามความเป็นจริงแต่ก็ยังไม่ยอมเอ่ยถึงเหตุการณ์เมื่อคืนให้กับบุคคลทั้งสองฟัง

“เจ้าเหมนะเจ้าเหมเห็นทีกลับมาคราวนี้แม่จะต้องอบรมซะแล้ว รู้ทั้งรู้ว่าพี่เพิ่งกลับมาจากเมืองนอกยังวางใจให้กลับเองอีก” คุณกันทิมาเอ่ยถึงบุตรชายคนรองอย่างขัดใจ

“...ลูกก็เหมือนกันยังไม่คุ้นต่อสถานที่มากนักยังอุตส่าห์กลับเองอีก กรุงเทพฯ ในวันนี้ไม่เหมือนเดิมแล้วนะถนนหนทางก็เยอะแยะจนลายตาไปหมด”

“ไม่หรอกครับคุณแม่...ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในเมืองไทยไม่ว่ามันจะผ่านมานานเท่าไหร่ผมก็ไม่มีวันลืมมันหรอกครับ กับไอ้แค่เส้นทางกลับบ้านแค่นี้ผมกลับไม่ได้ก็ไม่ใช่นายคิมหันต์หรอกครับ”
ชายหนุ่มเอ่ยด้วยสายตาชนิดหนึ่งก่อนจะลุกขึ้น

“ผมขอตัวไปเดินเล่นข้างนอกสักพักนะครับ คิดถึงบรรยากาศของบ้านเราเต็มที”
พูดจบเขาก็เดินออกไปพร้อมกับสายตาของคุณกันทิมาที่มองตามบุตรชายอย่างเป็นห่วง

**********

ภายในสวนของบ้านสินทราปณาวุธชายหนุ่มยืนสูดอากาศอันบริสุทธิ์ของต้นไม้โดยรอบด้วยความชุ่มชื่นในจิตใจ ภายในสวนโดยรอบมีต้นไม้ใหญ่ไม่กี่ต้น ที่เหลือก็จะเป็นพวกไม้พุ่มที่เขียวชอุ่มที่ตัดแซมกับไม้ดอกนานาชนิด...ที่นี่เปรียบเสมือนสวนสาธารณะก็ไม่ปาน

ชายหนุ่มเดินมาตามทางเท้าที่ปูด้วยหินขัดสีขาวนวลตา ที่พาดตรงไปสิ้นสุดอยู่ที่บ่อปลา ส่วนมากปลาที่เลี้ยงก็จะเป็นปลาสวยงามจำพวกปลาคราฟและปลาหางนกยูงตัวเล็กๆ ที่แหวกว่ายอวดสีสันของแพรหางกันอย่างร่าเริง

คิมหันต์เดินมานั่งตรงม้าหินขัดข้างๆ กับบ่อปลา อากาศเย็นในยามเช้าส่งผลให้เขารู้สึกสดชื่นกับบรรยากาศที่ยังคงเหมือนเดิม...ไม่ว่าเขาจะจากที่นี่ไปนานเท่าไหร่ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงไม่แปรเปลี่ยนอะไรมากนัก

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้คิมหันต์ก็ขบริมฝีปากจนแน่น...ใช่สิ ทุกสิ่งทุกอย่างยังเหมือนเดิมแม้กระทั่งในใจของเขา...แววตาอันคมกล้าของชายหนุ่มมองทอดนิ่งไปเบื้องหน้าอยู่เนิ่นนาน จนกระทั่งได้มีสาวใช้คนหนึ่งเดินเข้ามาหยุดอยู่ข้างหลัง

“คุณคิมหันต์คะ มีแขกมาขอพบคะ”
ชายหนุ่มหันกลับมาด้วยสีหน้าฉงน...เขาเพิ่งกลับมาจากเมืองนอกยังไม่รู้จักใครมากนัก จะว่าเพื่อนเก่าก็ไม่น่าจะใช่เพราะขาดการติดต่อกันนานแล้ว

“ใคร...”
เสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นจากปากของชายหนุ่ม

สาวใช้ทำท่าคิดนิดหนึ่งก่อนจะบอก
“เห็นว่าชื่อคุณบัญชาและลูกสาวชื่อเจนจิรานี่แหล่ะคะ”

เมื่อได้ยินชื่อนั้นใบหน้าที่เรียบเฉยก็ได้แสดงอาการชนิดหนึ่งออกมา แววตาที่คมกล้าเต็มไปด้วยความรู้สึกจากส่วนลึกที่ถูกดึงขึ้นมาทางสายตา โครงหน้าที่คมเข้มได้รูปเริ่มเข้มจัดมากขึ้นจากนั้นเสียงอันแหบพร่าที่กว่าจะหลุดออกมาได้ก็ดังขึ้น

“เดี๋ยวฉันตามไป เธอออกไปก่อน”
เมื่อได้รับคำสั่งเช่นนั้นสาวใช้จึงรีบร่าถอยออกไปในทันทีนึกคร้ามกลัวต่อกิริยาที่เปลี่ยนไปของเจ้านายที่แปรเปลี่ยนไปเป็นคนละคน

ชายหนุ่มทอดถอนใจเสียยืดยาวก่อนจะเก็บกดอารมณ์จากส่วนลึกให้คงอยู่ลึกเช่นเดิมและหันหลังก้าวเดินกลับไปตามทางเดิม

**********

ร่างสูงของคิมหันต์เดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงทางเข้าของห้องรับแขก เขาสำนึกรู้ได้ทันทีว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเกี่ยวกับตัวเขาจะต้องถูกถ่ายทอดให้กับบิดาและมารดาของเขาทราบอย่างแน่นอน และก็เป็นจริงเมื่อคุณกันทิมาเหลียวมาเห็นชายหนุ่มยืนอยู่ก่อนจะเรียกเขาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง

“คิมหันต์ลูก...เข้ามาหาแม่ก่อนสิ”
คุณกันทิมากวักมือเรียกขณะที่ชายหนุ่มได้ก้าวยาวๆ เข้าไปหาบุคคลทั้งสี่

“สวัสดีครับคุณบัญชา...เอ่อคุณเจนจิราก็มาด้วยเหรอครับ”
ชายหนุ่มพยายามข่มเสียงให้เป็นปกติ ก่อนจะไปนั่งลงข้างๆ กับคุณกันทิมา

“สวัสดีครับ...”
“สวัสดีค่ะคุณคิมหันต์”
ทั้งสองพ่อลูกแห่งบ้านไพศาลสุรวุทเอ่ยขึ้นพร้อมกัน

“แม่รู้เรื่องเมื่อคืนหมดแล้ว...เป็นยังไงบ้างลูกทำไมไม่บอกแม่กับพ่อสักคำ”
คุณกันทิมาสำรวจไปทั่วร่างกายของชายหนุ่มเพื่อหารอยบุบสลายอันเกิดจากเหตุการณ์ที่ทำให้เธอแทบช็อค

“ไม่มีอะไรมากหรอกครับคุณแม่ อย่าเป็นห่วงผมเลย...ผมยังมีเรื่องอีกหลายอย่างที่จะต้องทำผมไม่ตายง่ายๆ หรอกครับ”
เขาเอ่ยด้วยเสียงที่นุ่มทุ้มสุภาพหากแต่แฝงไว้ด้วยนัยชนิดหนึ่งเอาไว้

“ทำเป็นปากดี...แล้วนี่กินยาหรือยังฮึ”
คุณกันทิมาทำเสียงขึ้นจมูก นึกเคืองที่ชายหนุ่มไม่ยอมบอกเรื่องคอขาดบาดตายให้กับเธอได้ทราบแถมยังปิดมันซะมิด ถ้าหากคุณบัญชาไม่บอกเธอก็คงไม่รู้อย่างแน่นอน

“คือผมกับลูกสาวจะมาขอบคุณ...คุณคิมหันต์ที่ช่วยชีวิตพวกเราเอาไว้เมื่อคืนครับ”
คุณบัญชาเอ่ยแทรกขึ้นเมื่อเขารู้สึกผิดเหมือนกันที่ทำให้ชายหนุ่มต้องได้รับบาดเจ็บ

“ใช่คะ...เจนนี่ก็ต้องขอขอบคุณอีกคนนะคะ”
เสียงหวานใสได้ดังขึ้นพร้อมกับแววตาอันสดใสก็ได้จ้องสบกับตาของชายหนุ่ม

คิมหันต์รู้สึกปั่นป่วนขึ้นมาภายในจิตใจเมื่อสองตาที่แข็งกร้าวของเขาได้จ้องสบกับหญิงสาวที่สามารถละลายทิฐิทั้งหมดในดวงตาของเขาให้ลดลงได้ในพริบตา...แววตาที่หวานซึ้งของเธอเต็มไปด้วยความห่วงใยจากส่วนลึก ที่เริ่มจะก่อตัวขึ้นมาทุกขณะ

“เออ...นี่ครับของขวัญแทนการขอบคุณของพวกเราครับ...”
คุณบัญชารับกระเช้าผลไม้มาจากบุตรสาวก่อนจะส่งยื่นให้กับชายหนุ่ม ขณะที่คิมหันต์ยิ้มอย่างเยือกเย็นรับกระเช้ามาวางไว้ข้างๆ ตัวตามมารยาท

“ไม่ต้องถึงขนาดนี้ก็ได้ครับคุณอาบัญชา ที่ผมทำไปก็เพราะอยากช่วยในฐานะเพื่อนร่วมโลกคนหนึ่งที่เห็นผู้อื่นถูกทำร้ายเป็นต้องยื่นมือเข้าไปช่วย ไม่ว่าคนๆ นั้นจะเป็นใครผมก็ต้องช่วยทุกคนแหล่ะครับ...จะให้ผมนิ่งเฉยให้คุณอาตายไปฟรีๆ แบบนั้นได้ยังไง...ใช่ไหมครับ”

เสียงนุ่มหากแต่แฝงไว้ด้วยเจตนาชนิดหนึ่งดังขึ้นจากริมฝีปากของชายหนุ่มจนทำให้คุณบัญชารู้สึกหนาวสะท้าน ร้อนวูบวาบไปทั่วโครงหน้า แต่กระนั้นเขาก็ยังเก็บความรู้สึกทั้งหมดลงได้แล้วเปิดยิ้มออกมา

“จริงด้วยครับ...มีโอกาสครั้งหน้าผมคงได้มีโอกาสตอบแทนพระคุณของคุณนะครับ”
ชายผู้มีอายุแห่งตระกูลไพศาลสุรวุทเอ่ยขึ้นจากใจจริง

“ครับ...คุณอาต้องมีโอกาสตอบแทนผมแน่...สักวันหนึ่ง....อย่างแน่นอน”
ชายหนุ่มพยายามเค้นน้ำเสียงให้เป็นปกติอย่างยากเย็น

“เอ่อผมขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะครับ รู้สึกปวดแผลขึ้นมาแล้ว”
เขาหาทางเลี่ยงออกไปเพราะเริ่มจะควบคุมความรู้สึกจากส่วนลึกไว้ไม่ไหวแล้ว แต่ในเวลานั้นเสียงของเจนจิราก็ดังขึ้นอย่างเป็นห่วงทำให้เขาหันกลับมาอีกครั้ง

“เป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ อย่าลืมทานยาด้วยนะคะ”
ชายหนุ่มหันกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มจางๆ ก่อนจะเดินออกไปในทันที

**********

...ประตูห้องน้ำถูกปิดกระแทกอย่างแรง คิมหันต์เดินเข้ามาภายในห้องน้ำด้วยอารมณ์ชนิดหนึ่ง เขาส่องใบหน้าที่แดงก่ำของตัวเองกับกระจก ในมือมีผลส้มอยู่ผลหนึ่งที่เขาหยิบมันติดมือมาด้วย

“ของขวัญแทนการขอบคุณ...”
เสียงเยือกเย็นอย่างน่ากลัวดังขึ้นจากริมฝีปากได้รูปของชายหนุ่มก่อนที่เขาจะค่อยๆ เกร็งมือบีบส้มผลนั้นจนแหลกเละคามือ

ใบหน้าที่จ้องนิ่งอยู่บนกระจกดูจะสะใจเต็มทีที่เห็นเศษส้มบนฝ่ามือ แววตาที่คมกล้าแลมองมันอย่างไม่แยแสว่ามันจะมีค่าเลยสักน้อยนิด

**********

หลายๆ ชีวิตกำลังดิ้นรนทำมาหากินด้วยความขยันขันแข็งที่จะต้องมีอยู่ตลอดเวลาไม่อย่างนั้นก็คงจะไม่มีทางที่จะได้เงินมาเลี้ยงชีพตนและครอบครัวได้ ที่สถานก่อสร้างแห่งหนึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนงานก่อสร้างที่กำลังขนปูน และทำการก่อสร้างอาคารตามแบบที่ถูกกำหนดมา ในเวลานั้นรถทรงยุโรปมีดำสนิทของเหมันต์ก็เคลื่อนเข้ามาในสถานที่ก่อสร้างและจอดลงไม่ห่างนักจากตรงนั้น จากนั้นร่างสูงสมสัดส่วนก็ก้าวลงมาพร้อมกับชายผู้คุมงานคนหนึ่งที่ก้าวเข้ามาต้อนรับ

“สวัสดีครับคุณเหมันต์ วันนี้มาแต่เช้าเลยนะครับ”
ชายคนนั้นเอ่ยถามด้วยท่าทางกันเอง

“ครับ...”
ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบ เขาแหงนมองตัวอาคารที่กำลังดำเนินการสร้างอยู่ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
“วันนี้ลูกค้าจะมาดูสถานที่ ผมก็เลยจะมาเตรียมตัวไว้ก่อน”

“ลูกค้า...ไหนว่าคุณพิมายเธอจะรับเอาไว้เองละครับ”
ชายผู้รับเหมาถามอย่างแปลกใจเพราะที่เขาทราบมาสถานที่แห่งนี้จะถูกจัดทำให้เป็นโรงแรมสถานที่สองของคุณพิมายเขาไม่คิดเลยว่างานที่รับมานี้จะเป็นงานที่ชายหนุ่มทำเพื่อขายสำหรับลูกค้า

“ผมเปลี่ยนใจแล้ว...คือเมื่อวันก่อนมีออร์เดอร์มาใหม่นะ วันนี้ผมก็เลยนัดเธอให้มาดูเสียเลย”
ชายหนุ่มบอกถึงเหตุผลที่ถูกเปลี่ยนกะทันหัน พลันนั้นเขาก็อมยิ้มออกมาได้เมื่อใบหน้าสวยของรังสิยาฉายออกมาให้เห็น

“แล้วโรงแรมที่จะสร้างใหม่ละครับ”
“เรื่องนั้นไม่รีบเสียเท่าไหร่ เอาไว้ทีหลังก็ได้ไม่เป็นปัญหาหรอก”
ชายหนุ่มบอกพร้อมกับเดินเข้าไปในสถานที่ก่อสร้าง แต่ก่อนที่เขาจะเดินจากไปก็ได้หันมาบอกผู้รับเหมาอีกครั้ง
“อ้อ...เดี๋ยวถ้าคุณผู้หญิงมาก็พาไปหาผมได้เลยนะ”

**********

เหมันต์ยืนมองอยู่บนตึกก่อสร้าง เขามองบรรยากาศจากบนนั้นด้วยหัวใจที่ชุ่มฉ่ำเพราะวันนี้เขาจะได้พบกับรังสิยา...เมื่อคิดถึงชื่อและใบหน้าของเธอพลันนั้นภายในหัวใจของเขาก็เกิดอาการชนิดหนึ่งขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว ไม่รู้ว่าเขาไปมีใจให้กับเธอตอนไหน ทั้งๆ ที่เพิ่งพบกันครั้งแรก และเธอก็ยังไม่มีเค้าว่าจะชอบเขาสักน้อยนิด

เจอกันทีไรเป็นได้ฉะปากใส่กันทุกที...ไม่รู้เธอจะยอมใจอ่อนให้กับเขาหรือเปล่า แต่กระนั้นเหมันต์ก็เปิดยิ้มขึ้นมาได้เมื่อเขานึกถึงคำๆ หนึ่งที่มักจะถูกใช้โดยทั่วไป...ความใกล้ชิดทุกวันอาจจะทำให้หัวใจที่แข็งของเธอละลายลงได้...

ลมเย็นพัดผ่านเข้ามาพร้อมกับกลิ่นน้ำหอมที่คุ้นจมูก ชายหนุ่มเปิดยิ้มกว้างก่อนจะเอี่ยวตัวหันกลับมาเมื่อคิดว่าเป็นรังสิยา...แต่เมื่อเห็นใบหน้าของเธอแล้วเหมันต์จำเป็นต้องหุบยิ้มลงในทันที

“ยิ้มทำไม...”
เสียงอันแข็งกระด้างของหญิงสาวดังขึ้นพร้อมกับท่าทีที่หงุดหงิด

“อ้าวคุณผมยิ้มนิดหน่อยเอง...เห็นคนสวยเดินเข้ามาผมก็ต้องส่งยิ้มให้เป็นธรรมดา”
เหมันต์ทำท่าทางกรุ่มกริ่มก่อนจะสาวเท้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าของหญิงสาว

“บ้า...แล้วนี่ทำไมจะต้องขึ้นมาชั้นสี่ด้วย ฉันเดินจนขาลากกว่าจะขึ้นมาได้ก็เมื่อยไปหมด รอที่ชั้นล่างก็ได้คิดจะแกล้งฉันหรือยะ”
รังสิยาเปิดฉากบ่นอุบอิบทันทีที่ปะหน้าเขา
ขณะที่เหมันต์เปิดยิ้มก่อนจะพูดต่อ
“ก็ต้องดูจากชั้นบนก่อนสิครับมีอะไรจะได้แก้ไขทัน เกิดคุณไม่พอใจผมก็ต้องรื้อทำใหม่อีก”

“เออ...ก็ได้”
หญิงสาวยอมความในที่สุดเมื่อฉุดคิดได้ว่าเป็นเหมือนอย่างที่ชายหนุ่มได้พูดไว้จริงๆ

“ว่าแต่ไปดูได้หรือยัง ฉันยืนจนเมื่อยแล้วนะ”
“ได้สิครับ ผมพร้อมตั้งแต่คุณเดินมาถึงแล้ว”
ชายหนุ่มแกล้งเย้าจนหญิงสาวส่งค้อนไปให้เขาวงใหญ่
“พร้อมก็ไปสิยะ”


ทั้งสองหนุ่มสาวเดินดูงานตั้งแต่ชั้นสี่เรื่อยลงมาจนถึงชั้นสอง จากการที่ได้ร่วมงานกันทำให้รังสิยาเริ่มจะพูดดีกับเขาและเธอเริ่มจะลดทิฐิลงไปมากแล้ว เมื่อเธอสามารถสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนและนุ่มนวลของชายหนุ่มคนนี้ที่ปฏิบัติต่อเธออย่างสุภาพ

งานก่อสร้างยังคงดำเนินการไปอย่างปกติด้วยความพอใจของหญิงสาวที่ไม่ต้องการให้แก้ไขอะไรมากนัก เพราะงานก่อสร้างของเหมันต์ตรงตามแบบแปลนที่เจ้านายของเธอต้องการหมดทุกอย่าง

...รังสิยาได้เดินเข้าไปที่สถานที่ก่อสร้างโดยไม่ทันได้ระวังหญิงสาวได้เดินไปสะดุดกับไม้ที่พื้นส่งผลให้ไม้ที่อยู่ถัดไปจะล้มลงมา

“ระวังคุณ!”

เสียงของเหมันต์ดังขึ้นพร้อมกับร่างของชายหนุ่มที่รีบทะยานเข้าไปกอดเธอไว้แน่นเหมือนเป็นเกราะกำบังให้กับเธอจนไม้ที่ล้มลงมาฟาดลงบนศีรษะของเขาจนได้เลือด...ดีที่ไม้แผ่นนั้นไม่ใหญ่นักไม่อย่างนั้นหัวของเขาจะต้องแตกเป็นแผลลึกอย่างจนน่ากลัวแน่

ชายหนุ่มสะบัดหัวด้วยความมึนงง ในเวลานั้นคนงานคนหนึ่งก็รีบเข้ามาเก็บไม้แล้วกล่าวขอโทษ
“ผมขอโทษด้วยครับคุณเหมันต์”

รังสิยาขยับตัวออกจากอ้อมกอดของชายหนุ่มอย่างเสียดายถึงแม้เธอจะรู้สึกอบอุ่นเพียงใดแต่อาการของเขาน่าเป็นห่วงมากกว่าหญิงสาวจึงพยุงชายหนุ่มให้มานั่งตรงที่โล่งแห่งหนึ่ง

“มาคะฉันดูให้...”
หญิงสาวรีบกุลีกุจอจะเข้าไปดูแผลแต่ชายหนุ่มกลับบอกปัด

“อย่าเลยครับ เดี๋ยวมือของคุณจะเปื้อน”
“ไม่เป็นไรหรอกคะ ตอนนี้เลือดของคุณไหลใหญ่แล้ว”

เมื่อเห็นหญิงสาวมุ่งมั่น เหมันต์จึงยอมเงียบและตามใจเธอ...รังสิยาหยิบผ้าเช็ดหน้าของตัวเองมาซับบาดแผลของเขาจนเลือดหยุด

“เลือดหยุดแล้ว ฉันว่าเราไปทำแผลที่โรงพยาบาลกันเถอะคะ”
น้ำเสียงที่บอกเหมันต์ของรังสิยาอ่อนหวานพอๆ กับใบหน้าของเธอ

ทั้งสองมองสบตากันด้วยความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อกัน...แต่จะพิเศษตรงที่ความรู้สึกภายในใจของเหมันต์พิเศษมากขึ้นทุกวินาทีเมื่อเขาได้ใกล้ชิดกับเธอ เพียงแต่รังสิยาที่มองชายหนุ่มด้วยความรู้สึกชนิดหนึ่งเท่านั้นโดยที่เธอไม่ยอมแสดงมันออกมาให้เขาได้เห็น

และก่อนที่หัวใจของทั้งสองจะเตลิดไปมากกว่านี้รังสิยาจึงรีบพยุงพาเขาไปที่รถแล้วพาไปโรงพยาบาลในทันที

…โปรดอ่านต่อในตอนต่อไปครับ...




 

Create Date : 06 กรกฎาคม 2553
0 comments
Last Update : 6 กรกฎาคม 2553 14:21:11 น.
Counter : 419 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ภีมภูริ...
Location :
พะเยา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ข้อตกลง
1. กรณีที่ผลงานชิ้นนี้เป็นผลงานที่แต่งโดยผู้ลงผลงานเอง ลิขสิทธิ์ของผลงานนี้จะเป็นของผู้ลงผลงานโดยตรง ห้ามมิให้คัดลอก ทำซ้ำ เผยแพร่ ก่อนได้รับอนุญาตจากผู้ลงผลงาน

2. กรณีที่ผลงานชิ้นนี้กระทำการคัดลอก ทำซ้ำ มาจากผลงานของบุคคลอื่นๆ ผู้ลงผลงานจะต้องทำการอ้างอิงอย่างเหมาะสม และต้องรับผิดชอบเรื่องการจัดการลิขสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียว

3. ผู้ใดพบเห็นการลงผลงานที่ละเมิดลิขสิทธิ์ โปรดแจ้งเจ้าของบล็อกทันที




Friends' blogs
[Add ภีมภูริ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.