ดินแดนแห่งจินตนาการ...
จินตนาการแห่งสายลม...
Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
8 กรกฏาคม 2553
 
All Blogs
 
ลิขิตรัก ลวงใจ...ตอนที่ 5



ตอนที่ 5

งานเลี้ยงต้อนรับการกลับมาจากต่างประเทศของคิมหันต์ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ที่โรงแรมพิมายโรสอินทร์ งานนี้คุณรังสรรค์ทุ้มไม่อั้น เพราะมีหัวเรือใหญ่อย่างเหมันต์คอยหนุนหลัง...ภายในงานประดับประดาไปด้วยแสงไฟที่ส่องสว่างไปทั่วบริเวณลานจัดงานด้านข้างของโรงแรม โดยมีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่อยู่ตรงกลางของงานอีกที

มีวงดนตรีวงใหญ่มาสร้างความบันเทิงให้ดุคึกคักส่งผลให้บริเวณริมสระแห่งนั้นอบอวลไปด้วยความสุขสมจากเสียงเพลง
แขกส่วนใหญ่เป็นแขกผู้ใหญ่ของคุณรังสรรค์แทบทั้งสิ้น และอีกส่วนหนึ่งก็เป็นพนักงานของบริษัทและหมู่ผองเพื่อนของคิมหันต์และเหมันต์ที่ต่างถูกเชิญมากันแทบทุกคน

คุณรังสรรค์ คุณกันทิมา และคิมหันต์ยืนต้อนรับแขกอยู่หน้างานด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม…
ในเวลานั้นคุณพิมายเจ้าของโรงแรมก็ได้เดินมาถึงพร้อมกับบุตรสาวใบหน้าแฉล่ม อวดสัดส่วนวาบหวิวต่อตาล่อใจใครต่อใคร

“สวัสดีคะคุณพี่รังสรรค์ คุณพี่กันทิมา หลานคิมหันต์...แหมคนเยอะจังนะคะ”
คุณพิมายเอ่ยด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มก่อนจะหันมาแนะนำบุตรสาวให้กับทุกคนรู้จัก

“...นี่ไงคะหนูพิมมี่หลานสาวของคุณพี่ ลูกจ๊ะไหว้คุณลุงคุณป้าและพี่คิมหันต์เสียสิจ๊ะ”
“สวัสดีคะ คุณลุงคุณป้า...เอ่อพี่คิมหันต์ใช่ไหมคะ”
หญิงสาวในชุดเซ็กซี่ปรายตามองชายหนุ่มอย่างมีความหมาย

“ครับ...ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
ชายหนุ่มตอบแบบขอไปทีตามมารยาท

“แหมสวยจังนะคะหนูพิมมี่หลานป้า เมื่อก่อนตอนเด็กๆ ก็น่ารักแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าโตขึ้นจะสวยเหมือนพิมาย กี่ปีแล้วนี่ที่ป้าไม่ได้เจอหนู”
คุณกันทิมาเอ่ยชมพิมาลาขณะที่หญิงสาวฉีกยิ้มอย่างเก๋ไก๋ก่อนจะตอบ

“เกือบสิบปีแล้วคะคุณป้า ตอนนั้นพิมมี่ไปอยู่เมืองนอกกับคุณพี่ นี่ก็เพิ่งกลับมาเหมือนกันคะ”
พูดจบพิมาลาก็หันมามองคิมหันต์ที่ยืนนิ่งอยู่ โดยที่ชายหนุ่มไม่ทันได้ตั้งตัวหญิงสาวก็รีบโผเข้าไปคล้องแขนชายหนุ่มอย่างสนิทสนม โดยไม่สนสายตาของผู้ใหญ่ทั้งสามที่ยืนอยู่จนคุณพิมายต้องปรามเบาๆ

“พิมมี่! อย่าทำอย่างนั้นสิลูก เกรงใจคุณลุงคุณป้าบ้างสิ”
โดยนิสัยที่อยู่เมืองนอกมานับสิบปีจึงทำให้นิสัยของพิมาลากลายเป็นสาวสมัยใหม่ที่ไม่ยอมรับอารยะธรรมจากบ้านเกิดเข้าไปสู่จิตใจ...ความเป็นหญิงสาวผู้อ่อนไหว มีมารยาท มันหมดไปจากหัวใจของเธอแล้วบัดนี้พิมาลากลับกลายเป็นอีกคนที่ใจกล้าหน้าด้านโดยไม่เกรงกลัวผู้ใด
ดังนั้นเธอจึงยืนอยู่ได้โดยไม่สนใจคำตำหนิของมารดาแถมเธอยังกระชับแขนของเขาเอาไว้แน่นก่อนจะชวนให้เขาเดินจากไป

“พี่คิมหันต์คะพาพิมมี่เข้าไปข้างในเถอะคะ...พิมมี่เมื่อย”
ชายหนุ่มหันมาสบตากับบิดาและมารดาเป็นเชิงปรึกษาต่อเมื่อทั้งสองพยักหน้าเป็นการอนุญาตชายหนุ่มจึงจำใจพาหญิงสาวเดินเข้าไป

ทางด้านคุณพิมายได้หันมามองคุณรังสรรค์และคุณกันทิมาด้วยใบหน้าแหย รู้สึกอับอายเต็มทีกับการกระทำของบุตรสาว เธอจึงเอ่ยขอโทษ
“น้องต้องขอโทษแทนลูกพิมมี่ด้วยนะคะที่เสียมารยาท”
“ไม่เป็นไรหรอกยายพิมาย เด็กๆ ก็เป็นแบบนี้แหล่ะปล่อยเขาไปเถอะ...ไปเราเข้าไปข้างในกันเถอะคงถึงเวลาแล้ว”
คุณรังสรรค์เปิดยิ้มอย่างมีเมตตาก่อนจะพาทุกคนเดินเข้าไปภายในงาน

******

หลังจากนั้นไม่นานเหมันต์ก็เดินเข้ามาในงานพร้อมกับรังสิยาและเจนจิรา ทั้งสองสาวอยู่ในชุดราตรีสีขาวสะอาดตา ดูสวยในแบบเรียบๆ และอ่อนหวาน

โดยเฉพาะเจนจิราถึงเธอจะเรียนจบจากต่างประเทศแต่เธอก็ยังไม่ลืมความเป็นไทย...การรักนวลสงวนตัวถึงคำที่คุณจันทราพร่ำสอนอยู่เป็นประจำ...

“จะดีหรือคะคุณเหมันต์ เจนนี่และยัยสิเป็นคนอื่นพวกเขาจะว่าเอานะคะ”
หญิงสาวยังลังเลและหยุดยืนอยู่ตรงนั้น

“ไม่หรอกครับคุณเจนจิรา...คุณมาในฐานะแขกของผมใครจะว่าอะไรละครับ”
ชายหนุ่มช่วยเสริมความมั่นใจให้กับหญิงสาว

“แน่นะยะ...ถ้าเกิดฉันและยัยเจนนี่ต้องอายฉันเอานายตายแน่...”
เป็นรังสิยาที่ขู่ชายหนุ่มไม่ยอมหยุด ขณะที่ชายหนุ่มเปิดยิ้มด้วยสายตากรุ่มกริ่ม

“แน่นะ...” รังสิยาถามย้ำอย่างไม่แน่ใจ
“แน่สิครับ...ไปกันเถอะงานจะเริ่มแล้ว”
พูดจบเขาก็เอื้อมมือไปจับแขนของรังสิยาทำท่าจะลากไปแต่หญิงสาวกับตีผัวะไปที่ต้นแขนของเขาอย่างแรง

“นี่แนะ...คนฉวยโอกาส”
เมื่อเจอคำขู่ของเธอ เหมันต์จำเป็นจะต้องปล่อยในทันทีก่อนจะเจอกับสายตาที่เขียวปัดของหญิงสาวที่มองมา

“เข้าไปเถอะครับ...”
ชายหนุ่มผายมือเชื้อเชิญอย่างสุภาพและให้หญิงสาวเดินนำเข้าไปก่อน จากนั้นเขาจึงเดินตามเข้าไป

******

ทุกอย่างยังดำเนินไปอย่างปกติ ในเวลานั้นเสียงเพลงก็ยุติลง ทุกคนที่ยืนพูดคุยกันอยู่รอบๆ สระต่างสนใจและหันไปมองตรงจุดที่เป็นที่ตั้งของเวทีเมื่อพิธีกรหนุ่มก้าวเดินขึ้นเวที

“ในเวลานี้ขอเชิญคุณรังสรรค์ขึ้นมาพูดเกี่ยวกับจุดประสงค์ของงานในครั้งนี้ด้วยครับ”
เสียงปรบมือดังขึ้นพร้อมกับการก้าวเดินขึ้นไปของประมุขของบ้านสินทราปณาวุธ

“...ผมดีใจนะครับที่งานในวันนี้เกิดขึ้นมาได้ ผมรอวันนี้มานานหลายปี วันที่จะได้พบลูกสุดที่รักอีกครั้ง...งานครั้งนี้คงไม่เกิดขึ้นถ้าไม่มีเขา ผมขอเชิญลูกชายคนโตของผมขึ้นมาพูดอะไรสักหน่อยครับ”

คุณรังสรรค์เชื้อเชิญคิมหันต์ขณะชายหนุ่มก้าวเท้าขึ้นเวทีไปอย่างองอาจ ให้แขกในงานต่างจ้องไปที่ชายหนุ่มเป็นจุดเดียว
“...ขอบคุณทุกๆ คนในวันนี้มากนะครับ ผมขอขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่ถูกดำเนินการจัดขึ้นโดยคุณพ่อและน้องชายของผมและสิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือเจ้าของสถานที่แห่งนี้คุณน้าพิมายครับ...ผมขอให้ทุกคนปรบมือเป็นการขอบพระคุณบุคคลทั้งสามด้วยครับ”

เมื่อเสียงของชายหนุ่มที่เอ่ยผ่านไมค์จบลงเสียงปรบมือจึงดังกระหึ่มขึ้นอีกครั้ง
“...ความรู้สึกของผมในตอนนี้ไม่ต่างกับคุณพ่อและคนในครอบครัวของผมทุกคน ผมก็รอวันนี้มานานมากเช่นกัน วันที่จะได้กลับบ้านเกิดอันเป็นที่รักสักที...มันคงถึงเวลาแล้วครับที่ผมจะกลับมาตักตวงสิ่งที่ขาดไปจากชีวิตให้กลับมาอีกครั้ง”

เสียงพูดประโยคท้ายมันเป็นความรู้สึกจากส่วนลึกที่ยากจะหักห้ามไหว ดังนั้นมันจึงพรั่งพรูออกมา...ชายหนุ่มปรายสายตาที่คมกล้ากวาดไปทั่วงานก่อนที่จะหยุดอยู่ที่ร่างของหญิงสาวในชุดราตรีสีขาวที่ยืนอยู่

ในเวลานั้นสายตาที่แข็งกร้าวของชายหนุ่มก็เปลี่ยนไป...ก่อเกิดอาการชนิดหนึ่งปั่นป่วนขึ้นมาภายในจิตใจ...บัดนี้หัวใจของเขาถูกแบ่งเป็นสองคือเกลียดและรักในเวลาเดียวกัน

“...ในเวลานี้บุคคลหนึ่งในงาน เธอก็เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเช่นเดียวกับผม และเธอก็ยังไม่มีโอกาสจัดงานเช่นนี้ เมื่อไม่ให้สิ้นเปลืองในด้านต่างๆ อีก ในโอกาสนี้ผมจึงขอเชิญเธอขึ้นมาบนเวทีเพื่อพูดอะไรสักนิดด้วยนะครับ”

เสียงปรบมือดังขึ้นพร้อมกับอาการสงสัยของแขกว่าในความหมายของชายหนุ่มคือใคร...
ในเวลานั้นคุณรังสรรค์ก็เข้ามากระซิบถามอย่างสงสัยเช่นกัน

“ใคร...คิมหันต์”
“เดี๋ยวคุณพ่อก็รู้เองครับ...”

พูดจบชายหนุ่มจึงพูดผ่านไมค์อีกครั้ง
“ขอเชิญคุณเจนจิราขึ้นมาบนเวทีด้วยครับ”

เมื่อถูกเรียกชื่อและเจาะจงเช่นนั้นเจนจิราก็ถึงกับสะดุ้งสุดตัว เธอเหลียวมองโดยรอบอย่างขลาดๆ พร้อมกับอาการอายต่อสายตาที่จับจ้องมองเธอเป็นจุดเดียว...ในเวลานั้นเธออยากจะแทรกแผ่นดินหนีเป็นที่สุด

“ไปสิครับคุณเจนจิรา...”
เมื่อเห็นเธอยังลังเลเหมันต์จึงช่วยเสริมกำลังใจให้กับเธอ

“ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่ขึ้นไปพูดเกี่ยวกับความรู้สึกต่างๆ ของคุณเท่านั้นเหมือนอย่างที่พี่คิมพูดไปยังไงครับ”
“ใช่เจนนี่...ขึ้นไปเถอะ หรือเธออยากจะอายไปมากกว่านี้ฮึ”
รังสิยาช่วยเสริมอีกคนด้วยท่าทางยิ้มแย้ม แต่ในเวลานั้นเจนจิรากลับรู้สึกว่าชายหนุ่มแกล้งให้เธออายมากกว่าจึงไม่ยอมออกไปสักที

“ไปเถอะครับคุณเจนจิราไม่มีอะไรหรอกครับ...เดี๋ยวผมกับคุณสิจะเดินไปส่งคุฯเอง”
เมื่อได้ยินเหมันต์พูดเช่นนั้นและเขาก็ยังขันอาสาจะไปส่งเจนจิราจึงตัดสินใจก้าวนำไปในที่สุด…เมื่อถึงทางขึ้นเวทีรังสิยาไม่วายให้กำลังใจเพื่อนสาวอีกครั้ง

“สู้ๆ นะเจนนี่...”
เจนจิราสูดหายใจเข้าจนเต็มปอดอีกครั้งก่อนจะตัดสินใจก้าวขึ้นเวทีไป...ร่างหญิงสาวเดินเฉิดฉายไปยืนคู่กับชายหนุ่ม พร้อมกับส่งปูหนีบไปที่ลำแขนอันแข็งแกร่งของเขาเต็มแรง

“นี่แนะ...คิดจะแกล้งฉันหรือยังไง”
น้ำเสียงของเธอเขียวปัด แต่ก็พยายามแสดงสีหน้าให้เป็นปกติ

...ด้านล่างของเวทีพิมาลายืนจ้องมองทั้งสองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยไฟริษยา
“เชอะ...เห็นพิมมี่เป็นใครถึงไม่เอ่ยชวน ทั้งๆ ที่พิมมี่ก็กลับมาเหมือนกัน...พี่คิมหันต์นะพี่คิมหันต์”

สาวนักเรียนนอกสะบัดตัวอย่างขัดใจ ใบหน้าสวยงองุ้มด้วยอารมณ์โกรธที่เพิ่มจนเต็มพิกัด...เธอไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงไม่ถูกชะตากับเจนจิราตั้งแต่แรกเห็น

******

บนเวทีเจนจิรารับไมค์มาจากคิมหันต์อย่างเสียไม่ได้ หญิงสาวยืนสูดหายใจเพื่อเรียกสมาธิอยู่นานจนชายหนุ่มสะกิดบอก
“...คุณพูดได้แล้ว ดูแขกรอฟังนานแล้วนะครับ”

“เออ...เดี๋ยวน่า”
หญิงสาวเอ่ยอย่างขัดใจก่อนจะตัดสินใจเอ่ยผ่านไมค์
“...ขอขอบคุณทุกท่านนะคะที่ให้ดิฉันมายืนอยู่ตรงจุดนี้ได้...ดิฉันดีใจมากๆ คะที่ได้กลับมาบ้านเกิดอีกครั้ง ความรู้สึกในตอนนี้ไม่ต่างจากคุณคิมหันต์สักน้อยนิด ดิฉันดีใจมากคะที่ทุกท่านเปิดโอกาสได้มาเปิดใจพูดในวันนี้...ขอขอบคุณมากนะคะ ขอบคุณคุณคิมหันต์และคุณลงรังสรรค์ที่ให้ดิฉันได้มาพูดบนนี้”

พูดจบเธอก็ส่งไมค์ให้กับพิธีกรก่อนจะก้าวลงจากเวทีพร้อมกับคุณรังสรรค์และคิมหันต์
...ระหว่างที่ก้าวลงจากเวทีทั้งสองหนุ่มสาวได้เดินคู่กันลงมา คิมหันต์มิวายเอ่ยคำเย้าหญิงสาวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“คงตื่นเต้นมากสิครับที่ได้ไปยืนอยู่ตรงนั้นกับผม...”
นานวันเมื่อได้ใกล้ชิดกับหญิงสาวหัวใจของชายหนุ่มกลับอ่อนไหวและอยากอยู่กับเธอเช่นนี้ตลอดไป

“ใครว่า...”
เจนจิรายังถือทิฐิด้วยความโกรธ
“ฉันรู้สึกขยะแขยงมากกว่า เซอร์ไพร์ส ครั้งนี้ของคุณทำให้ฉันขยาดไปนาน...”
หญิงสาวหันกลับมาด้วยดวงตาเขียวปัด ขณะที่ชายหนุ่มกลับฉายแววชนิดหนึ่งออกมา

“อย่าเพิ่งขยาดสิครับ...ผมยังมีสิ่งที่คุณนึกไม่ถึงมาเซอร์ไพร์สคุณอีกมาก...”
แต่ก่อนที่เขาจะพูดไปมากกว่านี้รังสิยาก็เดินเข้ามาพร้อมกับเอ่ยแซวอย่างอารมณ์ดี

“เจนนี่เธอสวยจังในคืนนี้...เมื่อกี้ตอนอยู่บนเวทีฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าที่ยืนคู่กับคุณคิมหันต์จะเป็นเธอ”
“เธอก็เว่อร์ไปรังสิยา...ฉันถูกสถานการณ์บังคับต่างหาก”

“บังคับยังไงครับ...”
คิมหันต์ยื่นหน้าเข้ามาด้วยท่าทียิ้มแย้ม

“ก็บังคับโดยที่ฉันไม่อยากจะทำนะสิ...คนอาไร้ทำอะไรไม่บอกไม่กล่าวกันให้เตรียมพร้อมสักนิด”
เจนจิราเอ่ยเสียงเหยียดในที่สุด

“ทำไมจะต้องให้บอกด้วยครับ หรือคุณชอบถึงได้พูดแบบนั้น” คิมหันต์ยืดอกบอกด้วยน้ำเสียงแกมเยาะ
และก่อนที่สงครามรารมระหว่างเจนจิราและคิมหันต์จะเกิดขึ้นไปมากกว่านี้พิมาลาก็ได้ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับเสียงร้องแว้ดๆ ของเธอที่ดังมาก่อนหน้า
“พี่คิมหันต์คะ พิมมี่ว่าเราไปเต้นรำกันเถอะคะ...พี่คิมหันต์เต้นคู่กับพิมมี่นะคะ”
คุณเธอก้าวเข้ามาพร้อมกับคล้องแขนชายหนุ่มเอาไว้ถือสิทธิ์เป็นเจ้าของ

“เออ...”
เมื่อเจอหน้าของเธอชายหนุ่มก็น้ำท่วมปาก สาวนักเรียนนอกจึงกระชับวงแขนเขาเป็นการย้ำ

“นะคะพี่คิมหันต์...เต้นรำกับพิมมี่สักเพลงสองเพลงนะคะ”
เมื่อสถานการณ์บังคับคิมหันต์จึงหาทางแก้ไขโดยการใช้เจนจิราเป็นโล่

“เอ่อน้องพิมมี่ครับคือพี่ได้นัดกับคุณเจนจิราไว้แล้วครับ...ไปเถอะครับเพลงเริ่มแล้ว”
เมื่อได้ยินว่าเป็นเธอ เจนจิราก็ถึงกับใบหน้าเผือด นึกต่อว่าเขาอยู่ในใจ..

’ทำไมจะต้องเป็นเธอด้วย คนอื่นมีตั้งเยอะทำไมเขาไม่เลือก’
นึกได้แค่นั้นเจนจิราก็ไม่อาจจะทำอะไรได้อีกต่อไปเมื่อข้อมือของเธอถูกคิมหันต์กระชากออกไปในทันที

ทางด้านพิมาลากลับฉายแววตาชนิดหนึ่งออกมาอย่างขัดใจ...ในใจของเธอให้คำตอบว่าเธอเกลียดผู้หญิงคนนี้มากที่สุด...หล่อนสะบัดตัวไปมาอย่างขัดใจก่อนจะไปหยุดสายตาอยู่ที่เป้าหมายใหม่ที่ยืนอยู่

“พี่เหมันต์คะ ไปเต้นกับพิมมี่นะคะ...”
แต่การร้องขอของเธอกลับถูกปฏิเสธอย่างสิ้นเยื่อใย…

“เออ...พี่ได้ชวนคุณรังสิยาเอ ไว้แล้วครับ...ไปเถอะครับคุณสิ”ชายหนุ่มบอกปัดพร้อมกับคล้องแขนรังสิยาจากไป
“อ๊าย...โง่...โง่ที่สุด ฉันยืนอยู่ตรงนี้ไม่สน กลับไปสนคนอื่น...”
พิมาลากระทืบเท้าเร้าๆ อย่างขัดใจด้วงตาทั้งสองข้างเขียวปัด

“คอยดูเถอะฉันจะไม่ยอมให้พวกแกแย่งพี่คิมหันต์และพี่เหมันต์ของฉันไปได้แน่ คอยดูพวกแกจะไม่มีวันมีความสุขได้นานหรอก”

ทุกคนออกไปเต้นรำกันหมด พิมาลาที่ยืนอยู่คนเดียวเลยโมโหที่ไม่มีใครสนใจ...เธอมุ่งหน้าไปคว้าแก้วไวท์ที่เคาน์เตอร์เครื่องดื่มก่อนจะโยกย้ายส่ายสะโพกมานั่งแปะลงที่ริมขอบสระห่างไกลออกมาอยู่เงียบๆ ในใจคิดวางแผนต่างๆ นาๆ เพื่อคิดแย่งชิงชายหนุ่มที่ตนหมายปองให้กลับมาให้ได้

.....โปรดอ่านต่อในตอนคฃต่อไป....



Create Date : 08 กรกฎาคม 2553
Last Update : 8 กรกฎาคม 2553 11:45:17 น. 1 comments
Counter : 604 Pageviews.

 
มาแระนางอิจฉา ตบคว่ำเย้ย อิอิ


โดย: sakeena IP: 124.120.198.239 วันที่: 8 กรกฎาคม 2553 เวลา:16:47:18 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ภีมภูริ...
Location :
พะเยา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ข้อตกลง
1. กรณีที่ผลงานชิ้นนี้เป็นผลงานที่แต่งโดยผู้ลงผลงานเอง ลิขสิทธิ์ของผลงานนี้จะเป็นของผู้ลงผลงานโดยตรง ห้ามมิให้คัดลอก ทำซ้ำ เผยแพร่ ก่อนได้รับอนุญาตจากผู้ลงผลงาน

2. กรณีที่ผลงานชิ้นนี้กระทำการคัดลอก ทำซ้ำ มาจากผลงานของบุคคลอื่นๆ ผู้ลงผลงานจะต้องทำการอ้างอิงอย่างเหมาะสม และต้องรับผิดชอบเรื่องการจัดการลิขสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียว

3. ผู้ใดพบเห็นการลงผลงานที่ละเมิดลิขสิทธิ์ โปรดแจ้งเจ้าของบล็อกทันที




Friends' blogs
[Add ภีมภูริ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.