ดินแดนแห่งจินตนาการ...
จินตนาการแห่งสายลม...
Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
1 กรกฏาคม 2553
 
All Blogs
 

ลิขิตรัก ลวงใจ...ตอนที่ 1


ตอนที่...1

ที่สนามบินสุวรรณภูมิคลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตาทั้งชาวไทย ชาวต่างชาติ บ้างกำลังเตรียมตัวบินไปต่างประเทศ บ้างก็กำลังเดินทางลงจากเครื่อง และบ้างก็เป็นผู้คนที่มารอรับญาติที่กลับจากต่างประเทศ

ท่ามกลางฝูงชนที่เดินลงจากเครื่องชายหนุ่มร่างสูงโปร่งในชุดสูทสีดำ สวมแว่นตา ทรงผมถูกจัดทรงด้วยเจลเพิ่มความสมาร์ทให้กับเขากลายเป็นจุดเด่นให้หลายคนต้องมองตาม

ร่างสูงเดินแหวกฝูงชนมาตามช่องทางมุ่งมายังริมถนนตรงที่เป็นจุดรอรับ ในขณะเดียวกันสายตาของเขาก็สอดส่ายมองหารถที่จะพาเขาไปสู่ที่หมาย แล้วก็ตกใจเมื่อจู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนเดินเข้าไปกระแทกอะไรสักอย่าง ด้วยความที่เขาเดินไม่ทันระวังจึงทำให้เขาล้มลงไปกับพื้นพร้อมกับใครคนหนึ่งที่ร้องขึ้นด้วยอารมตกใจ

“อุ้ย...”

หญิงสาวในชุดสีชมพูสะอาดตาร้องได้แค่นั้นก็ได้ถลาล้มลงไปกับพื้น กระเป๋าที่ถืออยู่ตกเกลื่อน
“ขอโทษครับ”

ชายหนุ่มผิวเข้มหันมามองด้วยความตกใจแล้วก็ต้องตะลึงไปกับความน่ารักของหญิงสาวตรงหน้าโดยลืมที่จะเข้าไปช่วยเหลือ

ใบหน้าสวยคมน่ารักเข้ากับจมูกที่เชิดนิดๆ บอกแววเอาเรื่องพร้อมกับริมฝีปากสีชมพูได้รูปก็ได้เม้มสนิทด้วยความขัดใจเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมาเจอกับชายหนุ่มคนที่เดินเข้ามาชนเธอจนกระเด็นแล้วยังทำท่าเฉย โดยที่ไม่คิดจะเข้ามาช่วยพยุงเธอลุกขึ้นหรือเก็บของที่กระจายอยู่กับพื้น

“ชีวิตนี้นายเคยเป็นสุภาพบุรุษกับเขามั้ยนี่”
เจ้าหล่อนบ่นอุบอิบเมื่อลุกขึ้นยืนด้วยตัวเองได้สำเร็จ ขณะที่ชายหนุ่มยืนยิ้มอย่างกวนๆ พร้อมกับปัดฝุ่นที่เปรอะเปื้อนบนชุดสูทสีดำสนิท

“ชนเค้าก็ช่วยเก็บหน่อยสิยะ ยืนบื้ออยู่ได้”
หญิงสาวเริ่มโกรธจัดที่เห็นเขายังยืนนิ่งอยู่

“เอ่อ...ครับ”
ชายหนุ่มเปิดยิ้มตอบเพียงสั้นๆ รีบยอบตัวลงช่วยหญิงสาวเก็บของในทันที...ใจสองใจตรงกันจึงทำให้ทั้งสองจงใจที่จะเก็บของชิ้นเดียวกัน มือของชายหนุ่มจับตรึงอยู่บนมือของหญิงสาว ในเวลานั้นตาสองตาก็ได้มองสบกันโดยอัตโนมัติ

“นี่...” หญิงสาวมีสีหน้าเข้มจัด เกิดความปั่นป่วนภายในจิตใจขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว คุณเธอรีบชักมือกลับอย่างรวดเร็ว ก่อนจะส่งค้อนวงโตให้กับเขาได้รับอย่างขัดใจ

“...มายุ่งเรื่องของฉันทำไม”

ไม่ให้ช่วยแถมยังต่อว่าเขาอีก ชายหนุ่มกลับเปิดยิ้มอีกครั้งจ้องนิ่งอยู่ที่ใบหน้าสวยน่ารักก่อนจะพูด

“อ้าว...ผมไม่ช่วย...คุณก็ว่าผม ผมช่วย...คุณก็ว่าผมอีก คุณนี่เป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ” เขายื่นใบหน้าอันคมเข้มเข้าไปใกล้ๆ แล้วกระซิบบอก

“เรื่องของฉัน...”

คุณเธอสะบัดใบหน้าที่เข้มจัดไปทางอื่นก่อนจะรีบก้มตัวลงเก็บของอีกสองสามชิ้น เมื่อเก็บหมดแล้วเธอจึงรีบจูงกระเป๋าจากไปเพราะขี้เกียจเถียงกับชายคนนี้เต็มที เห็นใบหน้าที่ยียวนแล้วอยากจะตบสักฉาด...แต่ในเวลานั้นชายหนุ่มกลับรีบคว้าข้อมือของเธอเอาไว้ได้ทันก่อนที่เธอจะเดินจากไป

“นี่นายอะไรอีกยะ...ปล่อยนะ”

หญิงสาวสะบัดแขนของตัวเองออกจากมือหนาของเขา

“อ้าวคุณ ผมแค่จับแขนนิดหน่อยเอง ทำเป็นหวงเนื้อหวงตัวไปได้”

ชายหนุ่มพูดยิ้มๆ จ้องมองวงหน้าขาวเนียนของหญิงสาวที่เริ่มจะเข้มจัดขึ้นอีกครั้ง แต่ชายหนุ่มกลับดื้อที่จะยื่นมือไปคว้าแขนของเธอเอาไว้อีกครั้ง

“ปล่อยนะ...ปล่อย อ้อไม่ปล่อยใช่ไหม”

หญิงสาวแสดงสีหน้าชนิดหนึ่งออกมาก่อนจะป้องปากร้องให้คนที่ผ่านไปมารับรู้ว่าผู้ชายคนนี้กำลังจะลวนลามเธอ

“ช่วยด้วยคะ...ช่วยด้วยผู้ชายคนนี้มันเป็นพวกโรคจิต มันจะลวนลามดิฉันคะ ยามคะ...ใครก็ได้เรียกยามให้หน่อยคะ นายคนนี้มันจะลวนลามดิฉันคะ”

เธอหันมามองชายหนุ่มอีกครั้งอย่างสะใจ ขณะที่ชายหนุ่มรีบปล่อยมือออกจากแขนของเธอในทันทีเมื่อเขาหันมองโดยรอบก็พบกับผู้คนที่จ้องมาทางเขาเป็นจุดเดียว

“ไม่...ไม่มีอะไรครับ”

เขากล่าวปฏิเสธ ก่อนจะหันมามองหญิงสาวด้วยดวงตาเขียวปัด
“ฝากไว้ก่อนเถอะ”

“ได้...แต่ไม่รับฝากนานหรอกนะ”
หญิงสาวเอ่ยเย้ยหยันเขาก่อนจะรีบเดินจากไป...

“ยัยเดือดเอ้ย...”

ชายหนุ่มเปิดยิ้มก่อนจะยกตุ๊กตาหมีสีขาวสะอาดตาที่เขาเพิ่งเก็บได้ตอนที่ช่วยคุณเธอเก็บของ...กะว่าจะเอาคืนให้แต่ยัยเดือดนั่นกลับเปิดฉากด่าเขาจนให้อายผู้คนโดยที่เขาไม่มีโอกาสได้พูดสักน้อยนิด

“ฝากไว้ก่อนเถอะยัยเดือด หวังว่าคงมีโอกาสเจอคราวหน้า”

ชายหนุ่มอมยิ้ม ก้มลงมองสิ่งของในมือก็พลันนึกถึงใบหน้าสวยที่เข้มจัดด้วยความโกรธ

***
“คุณพ่อคะ ไหนละคะรถของลุงดำ เจนนี่รอตั้งนานแล้วนะคะไม่เห็นมีสักดำสักขาวเลย”

หญิงสาวตะคอกเสียงใส่โทรศัพท์แบบไม่ยั้งด้วยอารมณ์ที่หงุดหงิดเต็มที เรื่องเมื่อครู่มันทำให้เธออารมณ์เดือดจนไม่อยากที่จะมองหน้าใครได้ติดสักคน...

“นี่ลูกหงุดหงิดอะไร...”

เสียงจากปลายสายถามถึงสาเหตุน้ำเสียงที่ดูขัดใจของบุตรสาว

“เปล่าค่ะพ่อ...นั่นไงคะลุงดำ พ่อคะเท่านี้ก่อนนะคะเดี๋ยวเจอกันที่บ้านนะคะ จุ๊บๆ คะพ่อ”

หญิงสาวเอ็ดตะโรได้แค่นั้นก่อนจะกดวางสายแล้วรีบก้าวลงบนพื้นถนน แต่ในเวลานั้นเธอก็ต้องชะงักเมื่อรถแท็กซี่ป้ายเหลืองคันหนึ่งได้วิ่งฉิวตรงมาที่เธอพร้อมกับเสียงแตรดังสนั่น

เจนจิรายืนนิ่งอยู่กลางถนนด้วยความตกใจทำอะไรไม่ถูก เมื่อระบบสั่งการของสมองไม่ยอมทำงาน

“ระวังคุณ!”

ร่างบางถูกกระชากกลับเข้ามายังริมฟุตบาทอีกครั้งด้วยอ้อมแขนของใครคนหนึ่ง ทำให้ทั้งสองล้มกลิ้งลงไปด้วยกัน วงแขนแข็งแกร่งกระชับหญิงสาวให้อยู่ในอ้อมกอดของเขาจนแน่น ใบหน้าของหญิงสาวแนบชิดแผงอกหนาด้วยความตกใจ เธอซุกตัวนิ่งอยู่เช่นนั้นไม่อยากจะขยับไปไหน

“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”

เสียงนุ่มทุ้มกระซิบบอกผ่านซอกหู เจนจิราเพิ่งรู้สึกตัวรู้สึกคุ้นต่อน้ำเสียงนั้นก่อนจะค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยสายตาขอบคุณ

“ไม่เป็นไรค่ะ...ขอบ...”

สายตายียวนที่สบตาเธออยู่ใกล้เพียงแค่ลมหายใจสัมผัส ทำเอาคำพูดขอบคุณ มีอันต้องกลืนหายไปในลำคอ

“นี่นายอีกแล้วเหรอ...”

เจนจิราร้องขึ้นอย่างขัดใจเมื่อเจอสายตาที่ยียวนของเขาที่มองมา

“วันนี้มันเป็นวันอะไรนี่...ฉันเจอแต่เรื่องซวยๆ ทั้งนั้นเลย”

“วันจันทร์ครับ...” ชายหนุ่มตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“ฉันไม่ได้ถาม...อย่ายุ่ง”

หญิงสาวเอ็ดตะโรก่อนจะสะบัดหน้าไปทางอื่นเสีย

“คุณหนูครับ...”

ในเวลานั้นเสียงของลุงดำคนขับรถก็ได้ดังขึ้นพร้อมกับเจ้าตัวที่ได้เดินเข้ามาช่วยพยุงหญิงสาวให้ลุกขึ้น

“ขอบคุณนะคะลุง...”

หญิงสาวหันมามองชายคนขับรถก่อนจะก้มลงเก็บกระเป๋าของตัวเอง

“เป็นอะไรมากหรือเปล่าครับคุณหนู”

ชายชราถามหญิงสาวอย่างเป็นห่วงพร้อมกับสายตาที่สำรวจหารอยบุบสลายของนายสาว

“ไม่เป็นอะไรหรอกคะ...เจนนี่ว่าเรารีบไปกันเถอะคะป่านนี้คุณพ่อคุณแม่คงรอนานแล้ว”

หญิงสาวพูดพร้อมกับจะเดินนำไปในขณะที่ชายชรารีบเข้ามาช่วยถือกระเป๋าเอาไว้

“ใจคอคุณจะไม่ขอบคุณผมบ้างหรอครับ”

คิมหันต์บอกยิ้มๆ พร้อมกับหันมองไปโดยรอบเป็นเชิงบอกให้หญิงสาวดูว่ามีพยานมองดูอยู่อีกหลายคน คิดสะใจอยู่ในทีที่ได้แกล้งเธออีกครั้ง...เรื่องเมื่อกี้เธอทำให้เขาต้องอายคราวนี้แหล่ะเป็นตาของเขาบ้าง

“ขอบคุณ...”

เจนจิราหันกลับมาบอกเสียงลอดไรฟัน ต่อให้เธอหน้าด้านขนาดไหนก็คงไม่ยอมเป็นเป้าสายตาแบบนี้นานหรอก เมื่อพูดจบเธอจึงรีบเดินจากไป เมื่อเธอเดินผ่านหน้าคิมหันต์ก็ไม่วายแก้แค้นคืนด้วยการเหยียบเท้าของเขาอย่างเต็มเปา สร้างความสะใจให้กับคุณเธอเป็นยิ่งนัก ส่วนคิมหันต์ได้แต่มองตามเธอไปได้แต่เก็บความแค้นครั้งนี้เอาไว้ในใจ

“ฝากไว้ก่อนเถอะยัยเดือด...”

***

เสียงนกจากบนต้นไม้ดังเจื้อยแจ้วจนฟังไม่ได้ศัพท์ว่าพวกมันกำลังเรียกร้องอะไรกัน สายลมพัดเอื่อยเฉื่อยเย็นสบาย หมู่แมกไม้น้อยใหญ่ต่างโบกสะบัดตามแรงลมที่พัดเข้ามา

บริเวณโดยรอบกว้างขวางและเงียบสงบสมแล้วที่เป็นที่พักกายสถานที่สุดท้ายของมนุษย์ทุกผู้ทุกคนต่างฐานะต่างอาชีพ ชายหนุ่มคนหนึ่งได้เดินเข้ามาภายในบริเวณสุสานด้วยหัวใจที่วาบหวิวห่อเหี่ยว หัวใจที่อ้างว้างเต็มไปด้วยไฟแค้นที่รอวันจะสะสาง

เขาเดินมาหยุดอยู่ที่กู่บรรจุอัฐิของใครคนหนึ่ง บนป้ายชื่อบอกชื่อนั้นว่า...มาวิน เจษฎาบดินทร์ฤทธิไกล…ชายหนุ่มวางช่อดอกไม้ที่นำมาด้วยลงพร้อมกับก้มลงกราบที่พื้น

“พ่อครับผมกลับมาแล้วครับ”

เสียงของชายหนุ่มฟังดูราบเรียบ หากแฝงความหม่นหมอง ใบหน้าอันคมเข้มของเขาแนบลงกับพื้นอีกครั้งก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบกับรูปใบเล็กหน้ากรุบรรจุอัฐิ

“หลายปีแล้วมั้งครับที่ผมไม่ได้เข้ามาทำความสะอาดที่นี่...วันนี้ผมจะทำให้มันสะอาดเลยครับ”

พูดจบเขาก็ยันตัวลุกขึ้นแล้วเก็บกวาดเอาใบไม่ที่อยู่โดยรอบออกไปให้หมด จนในพื้นที่นั้นสะอาดสะอ้านทันตาเห็น

“นานแล้วนะครับที่ไม่มีใครมาเยี่ยมพ่อ ต่อแต่นี้ไปผมจะไม่ยอมให้พ่อเดียวดายอีกแล้วครับ”

เขาล้มตัวลงกราบที่พื้นอีกครั้งก่อนจะเดินจากไปด้วยแววตาชนิดหนึ่ง และถ้าหากมีใครมาเห็นเขาในขณะนี้คงได้รู้สึกแขยงไปกับความหมายที่มีอยู่ในนั้น

***

ที่บ้านไพศาลสุรวุท...หลังจากที่ลงจากรถแล้วเจนจิราจึงรีบวิ่งตรงดิ่งเข้ามาในบ้านด้วยหัวใจที่โหยหา บ้านหลังนี้คือบ้านที่เธอจากไปเมื่อหลายปีก่อนมันไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยสักน้อยนิด บ้านหลังนี้มันคือบ้านที่อบอุ่นสำหรับเธอ ทุกครั้งที่เธออยู่ในสภาวะที่สับสนเดียวดายเมื่อคิดถึงบ้าน เธอมักจะคิดถึงครอบครัวและบ้านหลังนี้ที่อบอุ่นบัดนั้นจิตใจของเธอจึงสงบสุขขึ้นมาได้

วิ่งเข้ามาภายในบ้านก็เห็นบิดาและมารดากำลังนั่งรอเธออยู่ดังนั้นเธอจึงรีบวิ่งเข้าไปสวมกอดมารดาส่งมอบความอบอุ่น ความโหยหาที่เธอต้องการจากมารดาอยู่ตลอดเวลา

“ใจคอจะกอดแม่คนเดียวเหรอเจนนี่ แล้วพ่อละ”
คุณบัญชา ไพศาลสุรวุทเอ่ยถามบุตรสาวท่าทางน้อยใจ

“คุณพ่อก็...เดี๋ยวก่อนสิคะเจนนี่ขอกอดคุณแม่ให้หายชื่นใจก่อน”

หญิงสาวหันมาบอกบิดาด้วยน้ำเสียงแจ่มใส ใบหน้างามยิ้มรับอย่างเก๋ไก๋

คุณบัญชาเปิดยิ้มเข้าใจตลอดมาหลายปีมานี้แม่ลูกคู่นี้ไม่เคยห่างกันมาก่อน ความคิดถึงในตัวบุตรสาวของภรรยามีมากแค่ไหนเขารู้ดี คุณจันทราบ่นกับเขาทุกวันตั้งแต่เจนจิราจากอ้อมกอดของเขาและภรรยาไป ต่อเมื่อบุตรสาวกลับมาภรรยาของเขาย่อมดีใจเป็นธรรมดา

“ชื่นใจแม่จริงๆ”

คุณจันทราหอมแก้มบุตรสาวฟอดใหญ่ให้หายคิดถึง ขณะที่เจนจิราเปิดยิ้มท่าทางดีใจ

“แม่ก็...ไม่อายคุณพ่อหรือคะ”

“จะอายไปทำไมลูก คนคิดถึงกันก็ต้องมีอย่างนี้บ้างสิ ลูกก็เหมือนกันใจร้ายไม่กลับมาหาแม่สักครั้ง ดูซิซูบผอมไปเยอะเลย”

คุณจันทราส่งสายตาตรวจสอบไปทั่วร่างกายของบุตรสาวท่าทางเป็นห่วง

“คุณแม่คะ ตอนเจนนี่ไปเจนนี่อ้วนเป็นหมูนะคะ กลับมาคราวนี้หนูมาในมาดของนางแบบคะไม่ใช่คุณหมูที่คุณพ่อว่า”

เจนจิราบอกมารดาท่าทางขบขัน เพราะมันเป็นเช่นนั้นจริงๆ ตอนยังเล็กๆ มารดาชอบให้เธอกินแต่ของที่มีประโยชน์จนเธอกลายเป็นหมูน้อยในสายตาของใครต่อใคร ต่อเมื่อไปอยู่ต่างประเทศชีวิตของเธอต้องเปลี่ยนไป โดยที่เธอเปลี่ยนบุคลิกใหม่ รับประทานอาหารเฉพาะเวลาเท่านั้น และรักษาหุ่นจนกลายเป็นอีกคนจนทำให้ทั้งบิดาและมารดาตะลึงไปกับรูปร่างที่เปลี่ยนไปของเธอ

“มะ มาหาพ่อได้แล้วยัยหมูน้อย”

คุณบัญชาอ้าแขนรอรับบุตรสาวที่รีบโผเข้ามาสวมกอดบิดาอย่างแรง

“หนูคะคุณพ่อ ตอนนี้เจนนี่ไม่ใช่หมูแล้ว”

หญิงสาวหอมแก้มบิดาเป็นการใหญ่อารมณ์เดือดที่มีตอนลงจากเครื่องเหือดหายไปเสียหมด

“หนูก็หนู...เอไม่ใช่เปลี่ยนบุคลิกอย่างเดียวนะใบหน้าของลูกยังสวยขึ้นด้วย สวยเหมือนแม่เมื่อตอนยังสาวเลย”

คุณบัญชาไม่วายหยอดคำหวานให้ภรรยาต้องอายม้วนไปอีกคน

“หนูก็ต้องสวยเหมือนแม่สิคะ จะให้สวยเหมือนใครอีก”

“เออลูก...” คุณบัญชาเริ่มเปิดประเด็นเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้

“เมื่อกี้ตอนที่โทรมาลูกหงุดหงิดอะไร นายดำไม่ไปรับตรงเวลาหรอ”

เมื่อนึกมาถึงตอนนี้หญิงสาวจึงมีใบหน้าที่เข้มจัด...ใบหน้าของผู้ชายสายตายียวนผุดขึ้นมาในความคิด

“ไม่มีอะไรหรอกคะคุณพ่อแค่มีเรื่องนิดหน่อยเองคะ”

“มีเรื่อง...เป็นอะไรมากหรือเปล่าลูก”
พอได้ยินว่าบุตรสาวมีเรื่องคุณจันทราจึงรีบดึงตัวของบุตรสาวมาสำรวจอีกทีด้วยความเป็นห่วง

“ไม่หรอกคะ...แค่ไอ้พวกที่ไม่ดูตาม้าตาเรือเท่านั้น หนูสั่งสอนมันไปแล้วคะ”
เจนจิรานึกถึงตอนที่เธอเหยียบเท้าชายคนนั้นจนอีกฝ่ายแสดงความเจ็บปวดออกมาทางใบหน้า

“แน่นะลูก...”

บิดาถามย้ำอีกครั้งด้วยความเป็นห่วงไม่แพ้กัน เมื่อเห็นท่าทางมาดหมายของบุตรสาวที่ไม่แสดงท่าทีอะไรออกมาเขาก็เบาใจ

“ลูกมาเหนื่อยๆ ไปพักผ่อนก่อนเถอะนะ เดี๋ยวค่อยลงมาทานข้าวกับพ่อและแม่วันนี้พ่อหยุดงานที่บริษัทเพื่อรอลูกเลยนะ”

“แหมพ่อก็...เป็นถึงประธานจะกลัวอะไรกันคะ งั้นหนูขึ้นบ้านไปอาบน้ำก่อนนะคะ ที่กรุงเทพฯนี่อากาศร้อนเหลือเกิน”

หญิงสาวพูดจบก็โน้มใบหน้าเข้ามาจูบแก้มมารดาและบิดาคนละทีก่อนจะเดินลิ่วขึ้นบันไดมุ่งตรงสู่ห้องของเธอที่จากไปหลายปี ท่ามกลางสายตาของบิดาและมารดาที่มองตามด้วยความสุขใจและอิ่มเอมใจ

***

ภายในห้องของเจนจิราหญิงสาวนอนราบลงบนพื้นเตียงอย่างสุขสมเมื่อคิดอะไรขึ้นมาได้จึงรีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะกดต่อสายหาใครบางคน

“สวัสดีคะ...”

เสียงจากปลายสายหวานแว่วจนทำให้หญิงสาวเปิดยิ้มขึ้นมาได้

“คุณรังสิยาใช่ไหมคะ”

เจนจิราแกล้งเย้าเพื่อนด้วยการดัดเสียง ขณะที่ปลายสายถามกลับมาด้วยคำถามอย่างแปลกใจ

“ใช่คะ...ดิฉันรังสิยา รัตนมาลัยกุลคะ มีอะไรหรือเปล่าคะ”

“แหม...เล่นซะเต็มยศเลยนะ” หญิงสาวเปิดเสียงหัวเราะจนอีกฝ่ายจำได้

“ยัยเจนนี่...กลับมาแล้วหรือ”

“ใช่จ้า...เพื่อนกลับมาแล้วไม่ไปรับมันน่าจะทำโทษโดยการให้ไปเลี้ยงข้าวดีไหมจ๊ะ”

เจนจิราแกล้งเย้าเพื่อนสาวและทำเสียงเง้างอด

“ฉันขอโทษจริงๆ พอดีวันนี้ฉันติดงาน เธอก็...คนเค้ามีงานทำนะยะจะให้โดดงานไปมีหวังโดนผู้จัดการไล่ฉันออกแน่”

รังสิยาบอกเหตุผลของตัวเองให้กับเพื่อนสาวได้ทราบ ขณะที่เจนจิราเปิดยิ้มใส่โทรศัพท์อย่างน่ารัก

“ไม่เป็นไรหรอก แต่ถ้าเย็นนี้ไม่มารับฉันไปทานข้าวฉันโกรธเธอแน่”

“ก็ได้เดี๋ยวเย็นๆ ฉันจะเข้าไปหานะ”

รังสิยาตอบตกลงอย่างว่าง่าย

“แน่นะ...” หญิงสาวถามย้ำอีกครั้ง

“แน่สิยะ...คนอย่างรังสิยาเพื่อนอุตส่าห์หนีไปเรียนตั้งหลายปี กลับมาต้องเลี้ยงให้สาสม”

“ยัยสิ...คำพูดของเธอแปลกๆ นะ อะไรนะสาสม หยั่งกับฉันไปทำให้เธอโกรธอะไรยังงั้นแหล่ะ”

เจนจิราถามเพื่อนสาวด้วยสีหน้าแปลกใจ แต่ปลายสายกลับส่งเสียงหัวเราะกลับมา

“ขอโทษ พอดีฉันดูละครมากไปนะ อย่าว่าฉันเลยนะยัยเจนนี่ รับรองว่าเย็นนี้ฉันไปรับเธอแน่”

“ยัยนี่ทำท่าแปลกๆ” เจนจิราหน้ามุ่ยเมื่อโดนเพื่อนสาวแกล้งกลับอย่างที่เธอไม่ทันตั้งรับ

“ว่าแต่เธอเพิ่งมาถึงเหรอยัยเจนนี่ ฟังจากน้ำเสียงแล้วดูเพลียๆ”

รังสิยาแสร้งเดาน้ำเสียงของเพื่อนสาว

“เดี๋ยวนี้เธอเป็นหมอดูแล้วเหรอยัยสิ...ทายได้ถูกเผงเลย” เจนจิราเอ่ยถามด้วยความทึ่งในเพื่อนสาว นึกงงอยู่ในทีว่ารังสิยารู้ได้ยังไง

“ใช่จ๊ะ...หมอดูระดับห้าดาวเลยนะยะ...เอ้ยไม่ใช่ฉันแค่ทายเล่นๆ เท่านั้น”

เสียงจากปลายสายกลั้วหัวเราะกลับมา

“งั้นเท่านี้ก่อนนะยัยสิ...เย็นนี้เจอกันนะ”

เจนจิราเอ่ยบอกเพื่อนสาวก่อนจะวางสายลง...นำโทรศัพท์ไปวางไว้ที่หัวเตียงหญิงสาวก็แหงนมองเพดานอย่างสุขใจ

“เฮ้อ...กลับบ้านซะทีนะยัยเจนนี่ กลับสู่รังหลังนี้ของเธอเสียที”

หญิงสาวเปิดยิ้มอย่างมีความสุข...ตลอดมาที่อยู่ต่างประเทศเธอไม่เคยสุขใจเท่าอยู่ที่บ้านเลยสักนิด

...โปรดอ่านต่อในตอนต่อไป....




 

Create Date : 01 กรกฎาคม 2553
1 comments
Last Update : 2 กรกฎาคม 2553 12:54:33 น.
Counter : 572 Pageviews.

 

ทำไมเหมือนนางเอกนิสัยไม่ดีเลยอะ

 

โดย: Tukta21 4 กรกฎาคม 2553 19:02:57 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ภีมภูริ...
Location :
พะเยา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ข้อตกลง
1. กรณีที่ผลงานชิ้นนี้เป็นผลงานที่แต่งโดยผู้ลงผลงานเอง ลิขสิทธิ์ของผลงานนี้จะเป็นของผู้ลงผลงานโดยตรง ห้ามมิให้คัดลอก ทำซ้ำ เผยแพร่ ก่อนได้รับอนุญาตจากผู้ลงผลงาน

2. กรณีที่ผลงานชิ้นนี้กระทำการคัดลอก ทำซ้ำ มาจากผลงานของบุคคลอื่นๆ ผู้ลงผลงานจะต้องทำการอ้างอิงอย่างเหมาะสม และต้องรับผิดชอบเรื่องการจัดการลิขสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียว

3. ผู้ใดพบเห็นการลงผลงานที่ละเมิดลิขสิทธิ์ โปรดแจ้งเจ้าของบล็อกทันที




Friends' blogs
[Add ภีมภูริ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.