Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
11 พฤศจิกายน 2552
 
All Blogs
 
หมออินเดีย..รักษาโรคด้วยวิธีธรรมชาติ‏


     เมื่อช่วงวันสงกรานต์ที่ผ่านมา เราได้มีโอกาสไปเสถียรธรรมสถาน ในวันนั้นแม่ชีศันสนีย์ ได้เชิญคุณหมอ Jacob ซึ่งเป็นหมอประเทศอินเดีย ที่รักษาโรคต่างๆ โดยวิธีธรรมชาติบำบัด มาบรรยายให้พวกเราฟัง ซึ่งคุณหมอมีเรื่องที่น่าสนใจหลายเรื่อง ทำให้เราอยากมาแบ่งปันให้เพื่อนๆ ฟังบ้าง ( อาจจะจำได้ไม่หมดนะคะ)

*ประวัติ Dr. Jacob Vadakkanchery N.D.

Dr. Jacob เป็นคุณหมอในประเทศอินเดีย เป็นเจ้าของโรงพยาบาล ธรรมชาติบำบัด อยู่ 3 แห่ง ซึ่งคุณหมอ จะเน้นการรักษาให้กับคนยากจน ประมาณ 80% คุณหมอเป็นนักต่อต้าน , นักอนุรักษ์นิยม , นักพูด (อันดับหนึ่งในรัฐคาน (ถ้าจำชื่อรัฐไม่ผิดนะ)) ฯลฯ คุณหมอใช้วิธีรักษาแบบธรรมชาติบำบัดกับตัวเองมา ประมาณ 30 ปี ปัจจุบันคุณหมอแข็งแรงมาก ผู้แนะนำบอกว่า “ คุณหมอสามารถว่ายน้ำข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ไป-กลับ ภายใน 15 นาทีได้ ”

คุณหมอเล่าให้ฟังว่า คนเราส่วนใหญ่ มักนิยมกินยาพิษในรูปแบบต่างๆ ดังนี้
1. ยารักษาโรค (ยาพาราเซตามอล , ยาทิปฟี้ ฯลฯ)
2. อาหารเสริม และ
3. อาหารที่ไม่มีประโยชน์ เช่น McDonald. KFC, Pizza ฯลฯ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้ร่างกายต้องทำงานหนักและเป็นบ่อเกิดโรคต่างๆ

     คุณหมอบอกว่าร่างกายเราเป็นสิ่งที่วิเศษมาก มันสามารถเปลี่ยนแปลงอาหารที่เรากินเข้าไปให้กลายเป็นสารอาหารต่างๆ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป และมีวิธีการกำจัดของเสียในร่างกาย ออกเป็น 5 ทางคือ 1. ทางลมหายใจ 2. ทางเหงื่อ 3. ทางปัสสาวะ 4. ทางอุจจาระ และ 5. ทางประจำเดือน

ร่างกายเรายังมีความวิเศษอีกอย่างคือ หากเรามีของเสียมาก ร่างกายจะกำจัดโดยแสดงออกในรูปแบบต่างๆ เช่น การเป็นหวัด คือ ร่างกายเราจะมีน้ำมูกมาชะล้างเชื้อโรคบริเวณเยื่อบุจมูก แต่คนเราส่วนใหญ่เมื่อมีการอาการเหล่านี้ ก็มักจะกินยา เพื่อรักษาอาการโรคเหล่านี้ ซึ่งความจริงเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ทำให้ร่างกายเราไม่สามารถกำจัดเชื้อโรคต่างๆ ได้ ทำให้โรคต่างๆ ยังคงอยู่ในร่างกายเราต่อไป

คุณหมอบอกว่าคนเราส่วนใหญ่ เวลาที่เราปวดหัว เราก็จะกินยาพารา 1 เม็ด แล้วกินน้ำตาม แต่วิธีการของคุณหมอจะแตกต่างจากคนทั่วไป คือคุณหมอจะใช้ยาพารา 2 เม็ด มาบดให้ละเอียดแล้วคลุกกับข้าว แล้วไปตั้งที่ห้องครัว 2-3 วัน เมื่อกลับมาดูอีกครั้ง คุณหมอจะพบหนูตายประมาณ 10-15 ตัว นี่แสดงว่า ยาพาราเซตามอลเป็นยาฆ่าหนูชนิดหนึ่ง และเมื่อเราเป็นไข้ เรากินยาพาราเซตามอล แสดงว่าเราได้กินยาพิษเข้าไปในร่างกายด้วย

     ยาพิษอีกตัวหนึ่งที่คุณหมอกำชับหนักหนากับพวกเราที่นั่งฟังอยู่ก็คือ น้ำตาลทรายขาว ที่เราใช้อยู่ในชีวิตประจำวัน คุณหมอถามพวกเราว่า เคยรู้หรือเปล่าว่าน้ำตาลทรายขาวมาจากไหน ? ทุกคนก็ตอบว่ามาจาก “ อ้อย ” ซึ่งคุณหมอบอกว่า “ ใช่ ” แต่ก่อนที่มันจะเป็นน้ำตาลทรายขาว ผู้ผลิตได้นำอ้อยที่มีประโยชน์ ไปใช้ในขบวนการผลิตเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เรียบร้อยแล้ว นำน้ำตาลส่วนที่เหลือซึ่งมีสีดำและไม่มีประโยชน์ ไปผ่านมาฟอกสี จนกลายเป็นน้ำตาลทรายขาวที่เรากินอยู่ทุกวัน น้ำตาลทรายขาวนี้จะเข้าไปทำร้ายร่างกายเรา ตั้งแต่ลำคอ ผ่านไปกระเพาะ ลำไส้ ดังนั้นคุณหมอจึงอยากให้พวกเราทุกคนเลิกกินน้ำตาลทรายขาว และหันมากินน้ำตาลทรายแดง ซึ่งมีประโยชน์มากกว่า

     คุณหมอ ถามพวกเราอีกว่า เราเคยใช้ยาสีฟันหรือเปล่า พวกเราก็บอกว่า “ เคย ” คุณหมอบอกว่ายาสีฟัน ก็เป็นสารซักฟอก เช่นเดียวกับสบู่ที่เราใช้อาบน้ำนั้นแหละ เพราะเมื่อเราแปรงฟัน จะมีเศษของยาสีฟันตกลงไปอยู่ในท้องของเรา อาจทำให้เรามีปัญหาอาจเป็นโรคกระเพาะได้ คุณหมอบอกว่าคุณหมอใช้ใบมะม่วงหรือผงสมุนไพร ในการแปรงฟัน คุณหมอก็ใช้แปรงสีฟันธรรมชาติที่พระเจ้าประทานให้มาแล้ว ( นั่นก็คือนิ้วชี้ของคุณหมองัย) คุณหมอแปรงฟันด้วยวิธีนี้มานาน 28 ปี แล้ว ฟันของคุณหมอยังขาวและแข็งแรงอยู่เลยนะ
มีผู้ฟังถามคุณหมอว่า “ เราควรจะบริโภคนมวัวหรือปล่าว ” คุณหมอบอกว่า “ แล้วเราเป็นลูกวัวหรือปล่าวล่ะ ที่ต้องกินนมแม่ (แม่วัว) ถ้าไม่ใช่ เราก็ไม่ควรกิน มีนมอยู่อย่างเดียวที่เรากินได้ คือนมของแม่เราเอง ซึ่งเป็นนมที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเราจริงๆ นอกนั้นนมอื่นๆ นั้น ไม่มีประโยชน์สำหรับร่างกายเราเลย ” คนฟังก็ถามต่อว่า “ แล้วเราจะกินนมอะไรได้บ้าง หรือปล่าว กินนมแพะ ได้ไหมคะ ” คุณหมอบอกว่า “ แล้วเราเป็นลูกแพะหรือปล่าวล่ะ ถึงจะไปกินนมแพะนะ ถ้าไม่ใช่ก็ไม่ควรกิน แต่ถ้าจะให้เปรียบเทียบระหว่างนมวัวและนมแพะ นมแพะจะมีคุณค่าสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายเรามากกว่านมวัวนะ ” และมีผู้ฟังถามเรื่องโยเกิร์ต (เราจำรายละเอียดไม่ค่อยได้เท่าไร) คุณหมอบอกว่ากินได้บ้าง แต่ไม่ควรจะบ่อยๆ เพราะมันก็ไม่มีประโยชน์และไม่ดีอย่างที่เราคิดไว้นะคะ

     การรักษาแบบธรรมชาติบำบัดของคุณหมอ สามารถรักษาโรคได้หลายๆ โรค เช่น โรคผิวหนัง , ภูมิแพ้ต่างๆ , โรคมะเร็งบางชนิด , โรคไมเกรน ฯลฯ มีบางโรคที่รักษาให้หายขาด และมีบางโรคที่ช่วยให้ทุเลาลงได้มาก หากใครสนใจติดต่อ เสถียรธรรมสถาน พี่สมบูรณ์ 08-4115-1114 ได้นะคะ เค้าจะมีการจัดอบรมการรักษาแบบธรรมชาติบำบัดในเดือนนี้และเดือนหน้าตามจังหวัดต่างๆ หรือขอคำปรึกษาได้นะคะ

วิธีการรักษาแบบธรรมชาติบำบัด
สิ่งที่ควรรู้ก่อน

1. การตากแดด ควรเป็นแสงแดดช่วงเวลาก่อน 9 โมงเช้าและหลัง 4 โมงเย็น
2. น้ำมะพร้าว คือ น้ำมะพร้าวสดแต่ไม่ต้องทานเนื้อ (ไม่ใช่มะพร้าวเผา) และต้องเป็นมะพร้าวที่ยังมีเปลือกสีเขียว เนื่องจากยังไม่ผ่านมาใช้สารฟอกเปลือกให้เป็นสีขาว
3. กินผลไม้สด (ไม่ควรแช่ตู้เย็น) คือ การกินผลไม้ 2 ชนิด โดยให้มีรสชาติเดียวกัน เช่น รสชาติหวานเหมือนกันทั้ง 2 อย่าง หรือเปรี้ยวทั้ง 2 อย่าง
4. น้ำหยวกกล้วย คือการนำหยวกกล้วยที่ผ่านการมีผลมาแล้ว นำมาสับและปั่นแล้วคั่นน้ำออกมา
5. การออกกำลังกายที่ดี คือ การเดิน , การว่ายน้ำ และการเล่นโยคะ ช่วงเวลาที่เหมาะสม คือ ก่อน 8 โมงเช้า และ 5 โมงเย็น ถึง 1 ทุ่ม และควรออกทุกวัน


การดำรงชีวิตประจำวัน

1. ตื่นนอนก่อนพระอาทิตย์ขึ้น หรือตื่นนอนก่อน 6 โมงเช้า

2. ดื่มน้ำมะพร้าวหรือน้ำผึ้ง

3. ไปนั่งถ่าย และแปรงฟันด้วยมือกับใบมะม่วงหรือผงสมุนไพร นวดเหงือกและฟัน ประมาณ 10 นาที

4. ชโลมน้ำมันงาหรือผงถั่วเขียว ( แทนสบู่) ที่ศีรษะ , หน้าและร่างกาย หลังจากนั้นให้นวดศีรษะ , นวดหน้า (เป็นการนวดเป็นนวดขึ้น เพื่อทำให้หน้าตาเต่งตึง) ,นวดร่างกาย เช่น นวดท้อง และนวดหัวใจ พร้อมทั้งพูดกคุยกับอวัยวะของตัวเองประมาณ 15-20 นาที แล้วนวดฝ่าเท้าประมาณ 15-20 นาที รอให้น้ำมันซึมเข้าผิวประมาณ 15-20 นาทีแล้วค่อยล้างออก

5. กินอาหารเช้าประมาณ 8 โมง ควรเป็นผักหรือผลไม้

6. เวลาเที่ยง 12.00 น. ให้ทานอาหารมื้อหลัก

7. เวลา 6 โมงเย็น ให้หยุดกิจกรรมให้น้อยลง

8. อาหารเย็นควรเป็นผักและผลไม้ หรือน้ำผลไม้หรือน้ำมะพร้าว
9. ให้นอนประมาณ 4 ทุ่ม เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่จะทำให้เราหลับง่ายที่สุด หากเลยเวลานี้ร่างกายเราจะดึงพลังงาน แล้วทำให้เรานอนหลับยากขึ้น

การรับประทานอาหารที่ดี คือ ให้ทานผลไม้ 2 มื้อ คือมื้อเช้าและมื้อเย็น ทานอาหารหลัก 1 มื้อ คือ มื้อเที่ยง


วิธีการรักษาโรคแบบต่างๆ โดยวิธีธรรมชาติบำบัด

โรคปวดท้องประจำเดือน
วิธีรักษา วันแรกให้กินน้ำมะพร้าวและผลไม้ กินไปประมาณ 3-4 วัน ประมาณ 3 เดือนจะหายปวดท้อง และดีต่อการคลอด

โรคปวดหัว
วิธีรักษา ให้เอาน้ำเปล่าราดหัว ประมาณ 5 นาที

โรคสิว
วิธีรักษา ไม่ให้กินขนมปังเบเกอรี่ , ของทอด , พวกน้ำมัน , อาหารเผ็ด , แป้งขัดสี ,น้ำตาลทรายขาว ควรกินแต่ผัก , ผลไม้ และน้ำมะพร้าว

โรคปวดเมื่อย
วิธีรักษา ให้เอาผ้าเปียกมาคลุมบริเวณที่ปวดเมื่อย ประมาณ 1 ชม. (ไม่ให้เกินกว่านี้)

ผู้มีสุขภาพเรื้อรัง
วิธีรักษา 1. ให้กินน้ำหยวกกล้วยตอน 6.00 โมงเช้าประมาณ 1 เดือน หรือให้กินหยวกกล้วยสดก็ได้
2. ให้ตากแดดวันละ 1 ชม. ทั้ง เช้า 0.30 ชม.และเย็น 0.30 ชม.

โรคผิวหนัง
วิธีรักษา ใส่เสื้อผ้าที่ทำด้วยผ้าฝ้ายและไปตากแดด วันละ 2 ชม. เช้าและเย็น

โรคหัวใจ
วิธีรักษา ให้กินเจ และกินผลไม้ตอนเย็น ประมาณ 3 เดือน และไปตากแดดเช้า 1 ชม. และเย็น 1 ชม. กินน้ำเปล่า , น้ำมะพร้าว , น้ำผึ้ง หรือน้ำผลไม้ต่างๆ

โรคไมเกรน
วิธีรักษา ใช้น้ำราดศีรษะวันละ 5 ครั้ง ๆ ละ 5 นาที และกินผลไม้ทั้งวัน 3 มื้อ ประมาณ 1-2 วัน

คนสายตาสั้นหรือยาว
วิธีรักษา ให้บริหารสายตาด้วยการกรอกลูกตา
1. จากบนลงล่าง
2. จากขวาไปซ้าย
3. บนขวาไปเฉียงล่างซ้าย
4. บนซ้ายไปเฉียงล่างขวา
5. บน ซ้าย ล่าง ขวา
6. บน ขวา ล่าง ซ้าย
แล้วใช้น้ำมะพร้าวหยดตา รวมทั้งให้มองพระอาทิตย์ตอน 7 โมง และตอน 6 โมงเย็น และไม่ให้กินอาหารเย็น และให้กินผลไม้ , ผัก และน้ำมะพร้าว ประมาณ 2 อาทิตย์ อาการจะดีขึ้น

โรคเหน็บชา
วิธีรักษา ไปนั่งตากแดด เช้าเย็น และกินเจ

โรคเบาหวาน
วิธีรักษา กินผักสด 1-2 เดือน และหลังจากนั้น หากอยากกินน้ำผลไม้ก็ได้

ความดันโลหิตสูง
วิธีรักษา เอาน้ำราดศีรษะ 5 ครั้งและกินผลไม้

โรคสะเก็ดเงิน
วิธีรักษา กินผลไม้ 2-3 เดือนและตากแดด

โรคคลอเรสเตอรอส
วิธีรักษา กินผักและผลไม้

โรคกระเพาะ
วิธีรักษา กินผักและผลไม้

โรคหวัด
วิธีรักษา กินแต่ผลไม้

ท้องเสีย
วิธีรักษา กินน้ำผลไม้และน้ำมะพร้าว และพักผ่อนเยอะๆ

โรคนอนไม่หลับ
วิธีรักษา ก่อนนอนให้ราดหัว ประมาณ 10 นาที

การเตรียมตัวตั้งครรภ์และการคลอดให้ราบรื่น
1. ให้กินผลไม้ 2 มื้อและอาหารเจ 1 มื้อ
2. การตากแดด ( เช้า-เย็น)
3. รักษาจิตใจ ให้มีความสุข จะช่วยให้เด็กแข็งแรง และไม่ปวดท้องตอนคลอด ( คุณหมอให้คนไข้ของคุณหมอในประเทศอินเดียทำอย่างนี้นะค่ะ)

การล้างสารพิษในผักและผลไม้
ใช้น้ำผสมเกลือเล็กน้อย แช่ผักและผลไม้ทิ้งไว้ ประมาณ 1 ชม.


ที่มา : เมลฟอร์เวิร์ด
ภาพประกอบ : www.naturecurelife.org


H O M E



Create Date : 11 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 11 พฤศจิกายน 2552 21:34:41 น. 1 comments
Counter : 1381 Pageviews.

 
ขอบคุณที่นำข้อมูลดีๆมาแบ่งปันนะคะ


โดย: แม่ปุ้มปุ้ย วันที่: 11 พฤศจิกายน 2552 เวลา:23:42:33 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.