Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2551
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
28 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 
มองไม่เห็นก็ไม่เป็นปัญหา 'อิศวรา ศิริรุ่งเรือง' 'ชีวิตมีคุณค่า' แม้โลกมืด

*ในมหกรรมกีฬาพาราลิมปิกเกมส์ที่จีน ที่เพิ่งปิดฉากไปเมื่อ 17 ก.ย.ที่ผ่านมา นักกีฬาคนพิการไทยทำผลงานสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยได้ไม่น้อยหน้าชาติไหน ๆ นี่ก็เป็นอีกบทพิสูจน์ "คุณค่าคนพิการ" ซึ่งก็ใช่จะมีแค่ด้านกีฬา กับด้านการศึกษา หรือการทำงานราชการเพื่อร่วมพัฒนาชาติ คนพิการก็ทำได้ไม่ธรรมดา... ยกตัวอย่างรายของ "ปอม-อิศ วรา ศิริรุ่งเรือง" ที่เรามี "วิถีชีวิต" ของเธอมานำเสนอในวันนี้...

     ปอม-อิศวรา ศิริรุ่งเรือง ปัจจุบันอายุ 28 ปี กำลังศึกษาปริญญาเอก คณะครุศาสตร์ อยู่ที่มหาวิทยาลัยวอริค ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นทุนสนับสนุนการศึกษาสำหรับคนพิการของสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการ พลเรือน (ก.พ.) เป็นทุนต่อเนื่อง 5 ปี ปริญญาโท-เอก กรณีของปอม...นี่ก็อีกบทพิสูจน์คุณค่าคนพิการ

     สายตาทั้ง 2 ข้างของปอมมีปัญหา เป็นต้อหินมาตั้งแต่กำเนิด เธอจำไม่ได้แล้วว่าตาขวามองไม่เห็นเลยตั้งแต่เมื่อไหร่ ส่วนตาซ้ายค่อย ๆ มัวลงเรื่อย ๆ จนปัจจุบันแค่เห็นเป็นเงา ๆ ภาษาอังกฤษเรียกว่า Low vision ซึ่งเมื่อก่อนนั้นแค่มองไม่ชัด ที่ผ่านมาต้องผ่าตัดตามาไม่ต่ำกว่า 20 ครั้ง เพราะความดันในลูกตาเพิ่มมากขึ้น

     และสุดท้ายเมื่อช่วงรับปริญญาตรีปี 2546 หลังผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตาแล้วร่างกายมีปฏิกิริยาไม่รับ ทำให้การมองเห็นยิ่งแย่ลงมากกว่าเดิม โดยปอมบอกว่า "ตอน นั้นก็เศร้ามากเลย เพราะกำลังจะรับปริญญาแล้ว อยากจะเห็นภาพวันรับปริญญาซึ่งเป็นวันสำคัญในชีวิตอีกวันหนึ่งแบบชัด ๆ แต่ก็ได้กำลังใจจากเพื่อนที่พิการสายตาด้วยกัน เพื่อนคนอื่น ๆ ครอบครัว จนกำลังใจดีเหมือนเดิม"

*ย้อนไปวัยเด็ก ปอมเล่าว่าเธอก็เหมือนเด็กคนอื่น ๆ ไม่ได้คิดว่าตนเองมีความผิดปกติ เพียงแต่มองไม่ชัดเท่านั้น การใช้ชีวิตที่บ้านก็มีคนในครอบครัวและพี่เลี้ยงคอยดูแล ส่วนเรื่องเรียนก็เรียนที่โรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์ ตั้งแต่อนุบาลจนถึง ป.5 เทอม 2 แล้วย้ายไปเรียนต่อที่โรงเรียนสอนคนตาบอดกรุงเทพฯ จนจบ ม.3

"ต้องผ่าตัดทุก ๆ ซัมเมอร์มาตั้งแต่ ป.2 เพราะจะมีปัญหาเรื่องความดันในลูกตา ซึ่งสายตามัน แย่มาเรื่อย ๆ และช่วงที่เรียน ป.5 เทอมแรก ผ่าตัด แล้วมันไม่ดีขึ้น ซึ่งก็มีคนบอกให้ย้ายไปเรียนที่โรงเรียนสอนคนตาบอดเลย เพื่อเตรียมความพร้อม เช่น เรียนอักษรเบรลล์ ฝึกทักษะเบื้องต้นของคนตาบอด เช่น การใช้ลูกคิดแทนการทด การพิมพ์ดีดสัมผัส การใช้คอมพิวเตอร์พูดได้ การใช้ไม้เท้า ซึ่งเป็นการเตรียมทักษะของคนตาบอด"

     ปอมเล่าว่า แรก ๆ ก็กลัว แต่ตอนหลังก็ชิน จนไม่ได้รู้สึกว่าลำบากอะไร พอจะดูแลตัวเองได้ แม้แต่การนั่งรถเมล์ คนที่รับไม่ค่อยได้น่าจะเป็น คุณแม่ปรารถนา จิรารยะพงศ์ มากกว่า ซึ่งคุณแม่ก็ฝึกให้ปอมช่วยเหลือตัวเอง จนเคยถูกต่อว่า ว่าไม่ห่วงลูก แต่คุณแม่ก็ให้เหตุผลว่าเพราะคงไม่สามารถดูแลปอมได้ตลอดชีวิต

     กับเรื่องเรียน ตอนเรียนหนังสือปกติปอมก็จะใช้แว่นขยายส่อง หรือนั่งเรียนหน้าห้องเพื่อมองกระดาน ได้ชัด หรือเพื่อน ๆ จะคอยช่วยในช่วงที่ตาเริ่มแย่มาก ๆ "ปอมโชคดีมาก ๆ ที่ได้เพื่อนดี คอยช่วยเหลือ" และเมื่อสอบเทียบ ม.6 ได้ และเรียนต่อระดับปริญญาตรี ก็คุณแม่คนเดิมเป็นคนจัดการเรื่องต่าง ๆ ให้ โดยมี ซิสเตอร์ของโฮลี่-พระกุมารเยซูวิทยาลัย ที่เรียนอยู่ก่อนหน้า ช่วยเขียนจดหมายนำไปที่มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค)

"ตอนไปสอบก็มีคุณครูคอยอ่านข้อสอบ และฝนคำตอบให้ ซึ่ง ก็สอบเข้าไปเรียนคณะศิลปศาสตร์จนได้" ปอมเล่า ก่อนจะบอกต่อไปว่า ส่วนเรื่องที่พัก เรื่องอื่น ๆ คุณแม่ก็ประสานจัดการให้ ทำให้ปอมไม่ต้องกังวล สามารถมุ่งที่การเรียนในเอแบคได้อย่างเต็มที่ จนเรียนดีชนิดที่ว่า "ได้เกียรตินิยมทุกปี"

"ตำราและหนังสือทุกอย่างต้องทำเป็นอักษรเบรลล์ทั้งหมด ต้องไปจ้างทำ ราคาจึงแพงกว่าหนังสือปกติ ซึ่งตำราและหนังสือปกติที่ได้รับช่วงเปิดเทอม กว่าจะทำเป็นเบรลล์เสร็จก็เกือบจะใกล้สอบ จึงต้องมุมานะมากกว่าเด็กปกติทั่วไป และโชคดีที่เพื่อนที่คบกันอยู่ 4 คนคอยช่วยเหลือตลอดระยะเวลาที่เรียนที่เอแบค"


     ไม่เพียงเกียรตินิยม ปอมยังเคยได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับ 2 ในการประกวดสุนทรพจน์ภาษาอังกฤษประจำปี 1995 (พ.ศ.2538) สมัยที่เรียนอยู่ที่โฮลี่ ได้รางวัลชนะเลิศการแข่งขันอ่านและเขียนอักษรเบรลล์เฉลิมพระเกียรติ พ.ศ.2547 โดยเป็นรางวัลพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

*เมื่อเรียบจบปริญญาตรี ปอมก็ได้ไปทำงานที่ศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษา ส่วนส่งเสริมวิทยาศาสตร์การสื่อสารสำหรับคนพิการ ทำงานเป็น ปรู๊ฟรีดเดอร์ พิสูจน์อักษรเบรลล์ ซึ่งก่อนหน้านั้นเคยไปทำงานพาร์ตไทม์ในตำแหน่ง ผู้ประสานงานในงานสัมมนาเรื่องไอซีทีสำหรับคนพิการ ประมาณ 2 เดือน

     ช่วงที่ทำงานที่ศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษา ยังได้ไปทำงานเป็น ผู้ประสานงานของสมา คมสตรีคนตาบอด ซึ่งเป็นเวิร์กช็อป พัฒนาผู้นำพัฒนาชีวิต ประมาณ 3 สัปดาห์ ไปที่รัฐโอเรกอน ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งปอมบอกว่าเป็นครั้งแรกที่เดินทางต่างประเทศด้วยตัวเอง และก็ได้ประสบการณ์ที่กว้างขึ้นอีก

ต่อมาปอมก็ได้รับทุนสนับสนุนการศึกษาสำหรับคนพิการ เรียนระดับปริญญาโทและปริญญาเอกที่อังกฤษ ซึ่งปอมบอกว่า ดีใจมาก ตอนนี้เรียนปริญญาโทจบแล้ว และปริญญาเอกกำลังเรียนปีสุดท้าย ซึ่งการใช้ชีวิตในอังกฤษนั้นก็ไม่ลำบากอะไร ก็ใช้ชีวิตปกติเฉกเช่นนักเรียนไทยทั่วไป

"เรียนปริญญาเอกงานหนัก กลับมาเมืองไทยคราวนี้ก็มาทำงานวิจัย และจะกลับไปอังกฤษเดือน ต.ค. เมื่อเรียนจบก็จะกลับมารับราชการใช้ทุน 10 ปี ซึ่งก็โชคดีมากที่มีงานรองรับเลย เพราะคนพิการหางานยาก และเราก็อยากทำงานในสิ่งที่ได้ไปร่ำเรียนมา" ...ว่าที่ดอกเตอร์ "ปอม-อิศวรา ศิริรุ่งเรือง" ทิ้งท้าย ทั้งนี้ ถามว่าที่เธอมีวันนี้ได้เพราะคำว่า "โชคดี" ที่เธอเองชอบพูดบ่อย ๆ ล่ะหรือ ? ก็... "คงจะไม่ใช่ปัจจัยหลักแน่ !!".
'คิดว่าทำได้...ก็ต้องทำได้ !!'

*"เมื่อตอนเด็ก ๆ ไม่ได้ฝันอะไรมากมาย แค่อยากเป็นดอกเตอร์ ก็เท่านั้น" นี่เป็นอีกคำบอกเล่าของ "ปอม-อิศวรา ศิริรุ่งเรือง" ซึ่งจุดนี้ก็เป็นแรงผลักดันให้เธอขยันเรียน ขยันอ่านหนังสือ ทบทวนตำรับตำรา ส่งการบ้านตามที่คุณครูสั่งทุกครั้ง ไม่โดดเรียน จนวันนี้เธอก็ใกล้จะได้เป็นดอกเตอร์ตามที่ฝันแล้ว

     ปอมบอกด้วยว่า ส่วนตัวเป็นคนค่อนข้างทะเยอทะยาน และเมื่อตนเองท้อแท้เมื่อไหร่ก็จะปลอบใจตนเองว่า "ต้องทำได้สิ" แล้วก็จะทำอะไรต่าง ๆ ได้ อย่างเช่นทำกับข้าว ปอมก็ทำได้ โดยที่บ้านก็จะสอนให้รู้จักตัดสินใจด้วยตนเอง และที่สำคัญคือ "ไม่ดูถูกตนเอง" ซึ่งเป็นสิ่งที่ปอมถูกปลูกฝังมาตลอด

"ไม่มีชัยชนะสิ่งใดที่จะชนะใจตัวเราเอง" ...เป็นอีกคติที่ปอม- อิศวรายึดถือ และเจ้าตัวก็คิดว่านี่น่าจะเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เธอประสบความสำเร็จในสิ่ง ที่มุ่งหวังได้


สุภารัตน์ ยอดศิริวิชัยกุล : รายงาน / จเร รัตนราตรี : ภาพ

สุวิมล เชื้อชาญวงศ์: รายงาน

ขอขอบคุณ
ที่มา :
เดลินิวส์ออนไลน์ 21 กันยายน 2551

H O M E



Create Date : 28 ตุลาคม 2551
Last Update : 28 ตุลาคม 2551 14:17:25 น. 1 comments
Counter : 1446 Pageviews.

 
สุดยอดมาก ๆ น่าชื่นชมจัง
อ่านด้วยความรู้สึกอึ้งปนตื้นตันไปกับความสำเร็จจริง ๆ


เผยความสัมพันธ์ของมนุษย์ ในแง่มุมที่ไม่ทันฉุกคิด!


โดย: p_tham วันที่: 28 ตุลาคม 2551 เวลา:14:46:27 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.