Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28 
 
1 กุมภาพันธ์ 2553
 
All Blogs
 
เพื่อความเข้าใจถูกต้องเกี่ยวกับหลักกรรม 8 มองผลกรรมดีกรรมชั่วกันใกล้ตัวเถิด


คอลัมน์ รื่นร่ม รมเยศ

โดย เสฐียรพงษ์ วรรณปก

*วันนี้มีความในใจจะบอกกันสักเล็กน้อย ก่อนจะบอกก็ขอเล่าอะไรให้ฟังก่อน ตามสไตล์การเขียนหนังสือของผม (ผม นี้คือ "ข้าพเจ้า" มิใช่เส้นผมนะฮะ)

สมัยหนึ่งมีภิกษุรูปหนึ่ง ซึ่งเคยนับถือศาสนาพราหมณ์มาก่อน มาบวชเป็นสาวกของพระพุทธเจ้า ท่านผู้นี้เนื่องมาจากเคยศึกษาพระเวท เรียนแต่เรื่อง "อภิปรัชญา" การเก็งความจริงใกล้ตัว คุ้นเคยกับการอนุมานคาดเดาเอาตามความคิดเห็น และความรู้สึก วันหนึ่งเธอก็มานั่งตั้งคำถามแก่ตัวเอง ตั้งแล้วก็ตอบไม่ได้

คำถามเช่น โลกนี้มีที่สิ้นสุดหรือไม่ ชีวะ (จิต หรือวิญญาณ) กับ สรีระ (ร่างกาย) เป็นอย่างเดียวกันหรือคนละอย่างกัน แยกกันอยู่ได้โดยอิสระจากกันหรือไม่ พระผู้สำเร็จ (พระอรหันต์) ตายไปแล้วยังคงอยู่หรือไม่ เป็นต้น

เมื่อตอบไม่ได้ ก็ไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ทูลถามขอคำตอบจากพระองค์ ให้หายสงสัย พระพุทธองค์แทนที่จะตอบ กลับประทับนิ่งเฉย

เมื่อไม่ได้คำตอบ ท่านผู้นี้ก็รุกว่า ถ้าพระองค์ไม่ตอบ ข้าพระองค์จะสึกไปนับถือศาสนาอื่นนะ พระพุทธองค์ตรัสว่า "มาลุงกยะ (ชื่อท่านผู้นี้) เราสองคนเคยทำสัญญากันไว้ก่อนหรือเปล่าว่าเมื่อเธอมาบวชกับเราแล้ว เราจะตอบปัญหาเหล่านี้ของเธอ ถ้าเราไม่ตอบ เธอจะต้องสึกไปนับถือศาสนาอื่น"

"ไม่เคยทำสัญญาดังว่านี้ พระเจ้าข้า" พระหนุ่มยอมรับ

"ก็เมื่อเราไม่เคยทำสัญญากัน เธอจะไปไหนก็ไป แต่จะมาคาดคั้นเอาคำตอบจากเรา เราไม่ตอบ" พระองค์ตรัสตอบ แล้วทรงยกตัวอย่างมาว่า

สมมุติว่านายคนหนึ่งถูกเขายิงด้วยลูกศรอาบยาพิษ จะตายมิตายแหล่ ญาติพี่น้องหามไปหาหมอ หมอจะถอนลูกศรออกรักษาให้เขา เขายังมีสติอยู่ห้ามว่า อย่าถอนลูกศรออก ข้าอยากรู้ว่าใครมันยิงข้า ชื่ออะไร โคตรอะไร ผิวสีอะไร เกิดในวรรณะไหน มันโกรธข้าด้วยเรื่องอะไร ... จนกว่าข้าจะรู้รายละเอียดทั้งหมด ข้าจึงจะให้ถอนลูกศรออก "เธอคิดว่านายคนนี้โง่ หรือฉลาด" ประโยคสุดท้ายทรงหันไปถามภิกษุหนุ่ม

"โง่ พระเจ้าข้า เขาควรจะรีบให้หมอรักษาเขาให้หายเสียก่อน ค่อยสืบเอาภายหลังก็ได้ว่าใครยิง หาไม่เขาจะไม่มีโอกาสรู้เลย เพราะจะตายเสียก่อน"

"เช่นเดียวกันนั้นแหละ มาลุงกยะ หลายต่อหลายเรื่องในโลกนี้ ไม่มีความจำเป็นจะต้องไปรู้ไปสนใจ ถึงจะรู้หรือไม่รู้เรื่องเหล่านั้น คนเราก็ยังตกอยู่ในห้วงแห่งความทุกข์ ในสังสารวัฏคือ เกิด แก่ เจ็บ ตาย อยู่

หลายต่อหลายเรื่อง มิใช่เรื่องรีบด่วนที่จะต้องรู้ ควรหันมาสนใจเรื่องรีบด่วนที่จำเป็นจะต้องรู้มากกว่า

ปัญหาที่เธอถามนั้นมัน "ไกลตัว" เกินไป ถึงจะรู้หรือไม่รู้ ก็ไม่ทำให้พ้นจาก เกิด แก่ เจ็บ ตายไปได้ ตถาคตจึงไม่ตอบ

ส่วนเรื่องที่จำเป็น "ใกล้ตัว" ที่สุดที่ควรจะใส่ใจรู้ ก็คือ ทุกข์ กับการดับทุกข์ อะไรคือปัญหาของชีวิต มีวิธีการอย่างใดจะพึงแก้ปัญหานั้นได้

สรุปตรงนี้ก็คือ เมื่อถูกเขายิงด้วยลูกศรอาบยาพิษ อย่าไปมัวสนใจว่าใครยิง ยิงทำไม ควรรีบหาหมอมารักษาด่วน

เมื่อเกิดมาแล้ว อย่าไปมัวสนใจอยากรู้ว่า เราเกิดมาจากไหน ตายแล้วจะไปไหน ควรสนใจว่า เราจะทำชีวิตของเราให้ดีขึ้นอย่างไร ฉันใดก็ฉันนั้น

     เมื่อมีคนถามท่านหลวงพ่อปัญญานันทะ หลังจากปาฐกถาจบวันหนึ่งว่า "หลวงพ่อครับ โลกหน้ามีจริงหรือเปล่า"

หลวงพ่อปัญญานันทะตอบว่า "โลกหน้า ภาษาบาลีเขาว่า ปรโลก ปรโลก แปลว่าโลกอื่น โลกพระจันทร์ พระอังคาร ก็เป็นโลกอื่นนะ" ว่าแล้วท่านก็สอนเรื่องให้ตั้งใจละชั่วทำดี โดยเฉพาะปุถุชนให้ห่างอบายมุขมากๆ เทศน์สอนเรื่องใกล้ๆ ตัว มองเห็นๆ กันนี่แหละ เล่นเอาผู้อยากรู้ว่า "โลกหน้ามีจริงหรือเปล่า" นั่งเซ่ออยู่คนเดียว

จะหาว่าหลวงพ่อท่านไม่รู้คำตอบ ก็ไม่ได้ เรื่องอย่างนี้ทำไมท่านจะไม่รู้ ท่านเห็นว่าตอบไปก็ไม่ทำให้อะไรดีขึ้น จึงไม่ตอบ

     หลวงพ่อพุทธทาส เมื่อเห็นคนสนใจแต่เรื่องห่างไกลตัวเกินไป ท่านก็ดึงคนให้มาสนใจปัจจุบันนี้มากขึ้น เช่น เรื่องนรกสวรรค์ ที่จะพึงได้พึงถึงในภายหน้าหลังตายแล้ว ท่านก็มาเน้นว่า สวรรค์ นรก มีอยู่เดี๋ยวนี้ขณะนี้ ขณะใดมีกิเลสตัณหาทำให้ใจเร่าร้อน ขณะนั้นแหละเรียกว่าตกนรก ขณะใดจิตใจปลอดจากตัณหาอุปาทาน มีความยึดมั่นน้อยลง ขณะนั้นแหละเรียกว่าขึ้นสวรรค์

นิพพานก็เช่นกัน มิใช่ว่าสิ่งที่จะพึงได้พึงถึงต่อเมื่อตายแล้ว นิพพานเราสามารถเข้าถึงได้เดี๋ยวนี้ขณะนี้ในชาตินี้ นิพพานอย่างต่ำ หรืออย่างอนุโลม ก็คือ การที่ใจสงบเย็น ดับความร้อนด้วยอำนาจโลภ โกรธ หลง ได้ชั่วคราว ก็เท่ากับว่าได้เข้าถึงนิพพานชั่วขณะแล้ว ถ้าดับได้หมดไม่มีเหลือเลย ก็เรียกว่านิพพานที่แท้จริง

ที่ท่านเน้นอย่างนี้ มิใช่ว่าท่านปฏิเสธนรกสวรรค์ ในชาติหน้าแต่อย่างใด ท่านยอมรับตามพุทธวจนะ แต่จะมีประโยชน์อะไรที่จะไปเน้นมากเกินไป เน้นมากไปคนแทนที่จะหันมาสนใจพัฒนาตนในปัจจุบัน กลับจะฝันหรือรอคอยจะเอาแต่ในชาติหน้าโน้น ผลที่สุดก็จะตายเปล่า

นี่แหละครับคือความในใจผม ผมเห็นว่าคนเราทุกวันนี้มักสนใจแต่เรื่องไกลตัว เรื่องใกล้ตัว หรือ "ในตัว" กลับไม่สนใจ

เรื่องผลของการทำดีทำชั่ว ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่พูดกันมาก หลายคนตัดพ้อว่า "ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป" ที่เข้าใจกันผิดเลยเถิดอย่างนี้ เพราะเล็งผลเลิศเกินไป

     "เล็งผลเลิศเกินไป" คือหวังผลมาก มากเกินกว่าการกระทำ ทั้งๆ ที่ผลของการกระทำดีนั้นได้รับแล้ว แต่ทำเป็นไม่รู้ หรือรู้ก็ไม่พอใจผลแค่นั้น อยากได้มากกว่านั้น ยกตัวอย่างเช่น เรียนจบมาได้งานทำ มีเงินเดือนกิน เก็บเงินได้ ผ่อนบ้านหลังย่อมๆ ได้หลังหนึ่ง หลายปีต่อมาก็มีเงินพอจะผ่อนรถได้สักคัน ไม่ถึงกับมีเงินเก็บ แต่ก็มิได้เดือดร้อนอะไรมากนัก

พอเห็นคนอื่นมีฐานะดีกว่า มีบ้านมีรถใหญ่ และโก้หรูกว่าตน ก็นึกน้อยใจว่าเราก็อุตส่าห์ขยันทำมาหากิน ทำงานด้วยความซื่อสัตย์ไม่คดไม่โกง ทำไมจึงไม่เจริญก้าวหน้าเหมือนคนอื่น

ความจริง ถ้าจะดูกันอย่างพินิจพิจารณาจะเห็นว่านายคนที่ว่านี้ได้ "ก้าวหน้า" หรือ "ได้ดี" เหมาะสมกับเหตุที่เขาทำมาแล้ว ความเป็นอยู่ขนาดนี้ ไม่ถึงกับเดือดร้อน ลำบากอะไรมากนัก ก็น่าจะพอใจแล้วว่า เราทำมาแค่นี้ก็ได้ผลแค่นี้

เมื่อนำไปเปรียบกับคนอื่นที่ร่ำรวยกว่า มีชีวิตที่สบายกว่า ก็นึกน้อยใจ คนที่ร่ำรวยกว่า ฐานะมั่นคง สุขสบายกว่าเรา เขาอาจมีพื้นฐานอย่างอื่นส่งเสริมเช่น พ่อแม่รวยอยู่แล้วก็ได้ เขามิได้เริ่มจาก "ศูนย์" เหมือนเรา เราเริ่มจากไม่มีอะไร มาได้ถึงขนาดนี้ก็นับว่าดีที่สุดแล้ว นี่แหละผลแห่งความซื่อสัตย์ ขยันหมั่นเพียร

ผลได้อีกประการหนึ่งที่มักไม่มองกันก็คือ ผลทางจิตใจ และการรับรู้ของสังคม เราสุจริต ขยันหมั่นเพียร ประกอบสัมมาอาชีพ เราได้ความภาคภูมิใจ ความสุขใจ นึกถึงการกระทำของเราทีไร เราไม่หวาดวิตกกังวลหรือกลัว เพราะ "สันหลังเราไม่หวะ" นี้คือผลของความดีที่เราทำ เราได้เห็นๆ อยู่แล้ว แต่ไม่รู้เอง หรือรู้แต่ไม่นึกว่ามันสำคัญเอง

ลองนึกถึงคนที่ทุจริตฉ้อโกงได้เงินมามากมาย แต่เขาไม่มีความสุข จะนั่ง จะนอนก็ไม่เป็นสุข ไปไหนก็ต้องมีมือปืนคอยคุ้มกันเป็นขบวน นึกดูแล้วจะเห็นว่า ตัวเราไม่ต้องกระวนกระวาย เดือดเนื้อร้อนใจอย่างนั้น ช่างเป็นสุขเสียจริงๆ

ผลได้อีกอย่างหนึ่งคือ เมื่อใครรู้เห็นว่าเราเป็นคนซื่อสัตย์สุจริต ทำมาหาเลี้ยงชีพด้วยความขยันหมั่นเพียร เขาก็สรรเสริญ ถึงไม่ชมออกมาตรงๆ ก็นึกชมอยู่ในใจการรับรู้ของสังคม ว่าเราเป็นคนดีนี้ มีคุณค่ามหาศาล ถึงเขาจะไม่ได้มอบโล่ห์รางวัล หรือประกาศให้เป็นคนดีตัวอย่างก็ตาม สังคม โดยเฉพาะสังคมของวิญญูชน (ผู้รู้) รับรู้และชื่นชม เป็นรางวัลอันมีค่ายิ่งกว่ารางวัลใดๆ เสียอีก

ประการสุดท้าย ผลดีที่ได้แน่ๆ ก็คือ ตัวเราเองรู้ด้วยตัวเราเองว่าตัวเราได้ทำดี มีความซื่อสัตย์สุจริต ไม่คดไม่โกงใคร เราทำดีมากดีน้อยแค่ไหน เรารู้แก่ใจเรา นี้เป็นผลได้เหมาะๆ เจ๋งๆ อยู่ในตัวแล้ว

ทางพระท่านว่า ผลแห่งการทำดีข้อหนึ่งที่สำคัญมากคือ ตัวเราติเตียนตัวเราไม่ได้ นึกถึงการกระทำของตนมาเมื่อใด มีแต่ความภาคภูมิใจ ไม่มีอะไรตำหนิติเตียนตนได้เลย

เรียกว่ายกมือไหว้ตัวเองได้สนิทใจ ว่าอย่างนั้นเถิด

นึกให้ลึก และนึกเข้ามาใกล้ตัวอย่างนี้สิครับ จะเห็นได้ว่า เราทำดี เราทำได้แน่นอน ได้หลายชั้นด้วย


ขอขอบคุณ
ที่มา :
มติชนรายวัน วันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2551

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์


H O M E



Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2553 21:15:26 น. 0 comments
Counter : 944 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.