Group Blog
 
<<
กันยายน 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
19 กันยายน 2551
 
All Blogs
 
ฝึกฝน-ฝึกปรือ - ธรรมะใต้ธรรมาสน์

เสฐียรพงษ์ วรรณปก


*เคยอ่านนิทานกำลังภายใน เรื่องอะไรก็จำไม่ได้ เด็กหนุ่มคนหนึ่ง พ่อของเขาถูกนายทหารผู้ใหญ่ฆ่าตาย เขาโกรธแค้นมากวิ่งเข้าใส่นายทหารคนนั้น เพื่อจะฆ่าล้างแค้น ทั้งๆ ที่ไม่มีอาวุธอะไรติดมือ นายทหารผู้นั้นผลักเขาล้มลงแล้วเดินจากไปไม่หันมามองเสียด้วยซ้ำ

ด้วยความแค้นสุมอยู่ในอก เขาได้พยายามฝึกฝนวิทยายุทธ์จนเชี่ยวชาญ จนเวลาผ่านไปหลายปี วันหนึ่งพบนายทหารผู้นั้นจึงควงดาบเข้าต่อสู้ หวังจะแก้แค้นแทนบิดา ก็สู้ไม่ได้อีก นายทหารผู้นั้นยังพูดใส่หน้าว่า

'เอ็งจงกลับไปฝึกวิทยายุทธ์อีกสิบปีแล้วค่อยมาสู้กับข้า'

     เขากลับไปมุมานะฝึกวิทยายุทธ์อย่างต่อเนื่องเป็นเวลาสิบปี จนวิทยายุทธ์ได้ถึงจุด 'สุดยอด' แล้ว วันหนึ่งเขาได้ข่าวว่านายทหารผู้นั้นผ่านมายังที่ๆ เขาอยู่ จึงคว้าดาบหมายใจว่าจะไปชำระหนี้แค้นแทนบิดา แต่ภาพที่เขาเห็นมิใช่นายทหารผู้ยิ่งใหญ่อีกต่อไปแล้ว หากแต่เป็นตาแก่คนหนึ่ง ที่ถูกถอดจากยศศักดิ์ และเนรเทศออกจากเมือง ด้วยความผิดฉกรรจ์ ซึ่งเขาไม่รู้ว่าเรื่องอะไร สภาพของเขาน่าสงสารมากกว่าจะต่อสู้กันด้วยอาวุธ

เมื่อเขาบอกชายแก่คนนั้นว่าเขาคือใคร ชายแก่บอกเขาว่า 'ถ้าเช่นนั้นวันนี้ก็เป็นโอกาสที่เขาจะแก้แค้นแทนพ่อได้แล้ว เชิญลงมือเลย'

เขาบอกชายแก่ว่า 'ผมไม่ฆ่าคนที่มีบุญคุณแก่ผมเป็นอันขาด'

'ก็ฉันฆ่าพ่อเธอมิใช่หรือ' ชายแก่ถามขึ้น

'ถูกแล้ว แต่ก่อนนี้ผมมีแต่ความแค้น ทุกครั้งที่เข้ามาเพื่อจะฆ่าท่านก็ถูกท่านหยามหน้าให้ไปฝึกฝนวิทยายุทธ์ให้ เก่งก่อน แล้วค่อยมาสู้ เพราะถูกหยามนี่เอง ทำให้ผมมุมานะฝึกฝนฝึกปรือจนวิทยายุทธ์บรรลุขั้นสุดท้าย มองอีกแง่หนึ่งเท่ากับท่านได้ช่วยให้ผมมายืนอยู่จุดนี้ได้ ท่านจึงเป็นผู้มีบุญคุณต่อผม ผมฆ่าท่านไม่ลง' ชายหนุ่มอธิบาย

ไม่น่าเชื่อว่าความแค้นได้กลายมาเป็นความเคารพ และซาบซึ้งในบุญคุณไปได้ เรื่องอย่างนี้ยากที่จะเกิดขึ้นในชีวิตจริง แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเสียทีเดียว

     ท่านคงเคยได้ยิน หรือได้ทราบว่าบางคนได้ดิบได้ดี เช่น ศึกษาวิชาการจนจบปริญญาสูงๆ หรือทำการทำงานจนประสบความสำเร็จมีตำแหน่งใหญ่โต หรือมีทรัพย์สินมั่งคั่ง เพราะถูกคนอื่นดูถูกเหยียดหยามว่าไม่เอาไหนมาแล้ว เพราะ 'แรงแค้น' นั้นเอง ทำให้เขาพากเพียรพยายามต่อสู้มาจนบรรลุถึงจุดนี้ได้

เมื่อเขาก้าวขึ้นมาถึงจุดนี้แล้ว เขาจะนึกขอบใจคนที่ดูหมิ่นเหยียดหยามเขาเป็นอย่างยิ่ง เพราะถ้าไม่ถูกหยามเขาก็คงไม่ฮึดสู้ คงจะปล่อยชีวิตไปตามยถากรรม

     ผมอยากให้นักต่อสู้เพื่อชีวิตมองใน 'มุมกลับ' อย่างนี้บ้าง จะช่วยได้มากทีเดียว สมัยนี้คนมักดูถูกดูหมิ่นกันง่ายๆ ยิ่งเรายากจนไม่มีอะไรอยู่แล้ว มักจะถูกคนที่มีอะไรเหนือกว่าเราพูดจาดูถูกดูหมิ่นได้ง่าย บางคนตัวเองก็ไม่มีอะไรวิเศษไปกว่าคนอื่นดอก แต่นิสัยสันดานชอบดูถูกคน ชอบพูดให้คนอื่นเจ็บใจก็มี

ถ้าถูกคนอื่นด่าว่า ดูถูกเหยียดหยาม เช่น หาว่าเราปัญญาทึบโง่เง่า ไม่จำเป็นจะต้องไปโกรธเขา ให้หาทางเอาชนะให้ได้ เช่น ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน ฝึกฝนตนให้ 'หายโง่' ให้คิดไว้เสมอว่า ไม่มีใครโง่ตลอดไปได้ ถ้าสนใจเรียน วันหนึ่งเราก็เป็นคนฉลาดได้ ดังสุภาษิตว่า 'ความรู้อาจเรียนทันกันหมด'

     พระพุทธเจ้าตรัสว่า คนที่ด่าว่าเรา หรือดูถูกเรา เป็นเสมือนคนมาชี้บอกขุมทรัพย์ ไม่ว่าเราจะเป็นจริงตามที่เขาว่าหรือไม่ก็ตาม ถ้าคิดเสียว่าเขามาชี้ขุมทรัพย์ให้ เราก็ได้ประโยชน์

ถ้าเราเป็นตามที่เขาว่า ก็พยายามปรับปรุงตัวเสียใหม่

ถ้าเราไม่ได้เป็นตามที่เขาว่า เราก็รู้ว่าเรามิได้ชั่ว มิได้เลวเช่นนั้น แล้วพยายามทำให้ดีขึ้นยิ่งกว่าเดิม เราก็มีแต่ทางได้กับได้ไม่มีทางเสียเลย

ลองหัดมองอย่างนี้ดูบ้าง ถึงชีวิตอาจจะไม่โรจน์รุ่งมากนักแต่ที่แน่ๆ คือ จิตใจเราจะมีความสุขอย่างยิ่ง


ชีวิตต้องสู้

     หนังสือเล่มที่ท่านอ่านเป็นประจำอยู่นี้ ตั้งชื่อได้เหมาะสม 'ชีวิตต้องสู้' คือ เกิดมามีชีวิตอยู่ในโลกนี้ต้องสู้ เกิดมาแล้วไม่สู้แสดงว่าตายตั้งแต่เกิด ถึงแม้ว่าจะมีลมหายใจอยู่ก็ไม่ต่างอะไรกับคนตายแล้ว

เรามีคำพังเพยหรือสุภาษิต (แล้วแต่จะเรียก) ว่า 'ชีวิตคือการต่อสู้ ศัตรูคือยาชูกำลัง' ศัตรูในที่นี้หมายเอา 'อุปสรรค' ที่ขัดขวางความก้าวหน้านั้นเอง คงไม่หมายไปไกลถึงคนที่เป็นอริ หรือข้าศึกที่คอยตามล้างตามผลาญอะไรขนาดนั้น

     การต่อสู้ชีวิตจะสามารถเอาชนะได้ หรือประสบความสำเร็จในการต่อสู้ อย่างน้อยต้องมีองค์ประกอบ 2 อย่าง คือ

1) ความพากเพียรพยายาม องค์ประกอบนี้สำคัญมากความเพียรมาจากคำว่า วิริยะ วิริยะมาจากคำว่า วีระ (ซึ่งแปลว่า กล้าหาญ) เพราะฉะนั้น คนที่พากเพียรก็คือคนกล้า กล้าสู้กล้าบุกไม่ย่อท้อ ไม่ถอดใจง่ายๆ แม้ว่าอุปสรรคจะใหญ่โตมากมายเพียงใดก็ตาม

     นึกถึงนิทานชาดกเรื่อง 'มหาชนก' มหาชนกเป็นพ่อค้าเดินทางไปค้าขายทางเรือกับพ่อค้าและประชาชนอีกจำนวนมาก เรือล่มกลางมหาสมุทร ผู้คนตายกันหมด เหลือแต่มหาชนกคนเดียว เกาะแผ่นกระดานแหวกว่ายอยู่ท่ามกลางมหาสมุทรเวลาผ่านไป 7 วัน มหาชนกก็ยังพยายามว่ายน้ำอยู่ จนนางมณีเมขลาปรากฏกายขึ้นถามว่า 'มหาสมุทรกว้างใหญ่ไพศาล มีแต่น้ำกับฟ้า ท่านว่ายก็ตาย ไม่ว่ายก็ตาย แล้วท่านจะพยายามว่ายอยู่ทำไม' พูดง่ายๆ ว่าไม่มีทางรอดดอก ปล่อยใหจมน้ำตายเสียดีกว่า

มหาชนกกล่าวตอบ (ซึ่งถือว่านี่แหละคือ 'หัวใจของนักสู้ชีวิต') ว่า 'เกิดเป็นคนต้องพยายามจนถึงที่สุด' รู้อยู่ว่ามหาสมุทรกว้างไพศาล รู้ว่ามีแต่น้ำกับฟ้า แต่หน้าที่ของเราต้องพยายามจนให้รู้ดำรู้แดง ถ้าพยายามจนถึงที่สุดแล้ว ไม่ถึงฝั่งก็ให้รู้ว่าไม่ถึง และจะไม่เสียใจ เพราะได้ทำถึงที่สุดแล้ว

     คนสู้ชีวิตต้องคิดอย่างนี้ครับ ไม่ใช่ว่าเห็นอะไรขวางอยู่ข้างหน้า บางทีนิดเดียว ขอ 'ถอดใจ' เสียแล้ว ทั้งๆ ที่ตัวเองมีศักยภาพ มีความพร้อมทุกอ่าง ถ้าหากกล้าทำ กล้าสู้เสียอย่าง งานนั้นสำเร็จแน่นอน

วันก่อนได้อ่านเรื่องของเด็กแขนด้วนทั้งสองข้างคนหนึ่ง (ไม่ทราบว่าจาก 'ชีวิตต้องสู้' หรือจากหนังสือพิมพ์เล่มไหนอ่านมากด้วยกันจนจำไม่ได้) เกิดมาแขนด้วนถึงไหล่ทั้งสองข้าง ไม่เคยท้อถอยพยายามสู้ชีวิต เข้าโรงเรียน มือไม่มีจะเขียนหนังสือก็ใช้เท้าเขียน ฝึกหัดเขียนด้วยเท้า จนลายมือสวยเหมือนเขียนด้วยมือ ตอนแรกๆ เพื่อนๆ ก็รังเกียจ แต่เมื่อเห็นความเข้มแข็ง ความตั้งใจจริงของแก ก็เห็นใจ และช่วยเหลือเกื้อกูลอย่างนี้

เด็กคนนี้มีความฝันยาวไกลว่า จะศึกษาเล่าเรียนให้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ และอยากออกมาทำงานช่วยเหลือสังคม

     นี่คือตัวอย่างของคนสู้ชีวิต คนที่มีมือมีเท้าบริบูรณ์ ควรจะได้คิด และหันมาสู้ชีวิตบ้าง ขนาดคนเขาอวัยวะร่างกายไม่สมบูรณ์เขายังไม่ท้อแท้ และเรามีครบทุกอย่าง ยังจะอ่อนแอยอมแพ้หรือ

2) องค์ประกอบอันที่สอง เนื่องมาแต่องค์ประกอบแรก คือ 'กำลังใจ' คนสู้ชีวิตต้องมีกำลังใจ และสร้างกำลังใจให้เข้มแข็งอยู่เสมอ เพื่อเป็นทุนในการต่อสู้ คนที่ขาดกำลังใจแม้จะแกร่ง หรือแข็งแรงขนาดไหน ก็กลายเป็นคนอ่อนแอโดยฉับพลัน คนเช่นนี้เรียกว่า 'ตัวเท่าช้างใจเท่ามด'

     เคยเห็นนักมวยร่างยักษ์ หมัดหนัก ถ้าต่อยเข้าจังๆ สักหมัด คนถูกต่อยรับรองสลบเหมือด นักมวยร่างยักษ์ขึ้นชกกับแชมป์โลกร่างเล็กกว่า แต่ได้ชื่อว่าเป็นมวยอันตราย มวยร่างยักษ์มัวแต่กลัว 'ศักดิ์ศรี' ของแชมป์โลก ได้แต่ระวังตัวแจไม่ปล่อยหมัดสักที ทั้งที่บางครั้งสบโอกาสก็ไม่ยอมทำ ผลที่สุดถูกเขาน็อกตามระเบียบ อย่างนี้เรียกว่า กำลังใจอ่อนแอ ใจไม่สู้ ชกกี่ครั้งๆ 'ช้างใจเท่ามด' เช่นนี้ก็ไม่มีทางเอาชนะเขาได้

     จำไว้เถิดครับ คนที่พากเพียรจริง มีกำลังใจเข้มแข็งมั่นคงจริง ไม่มีอะไรจะมาขวางกั้นเขาไว้ได้ อย่าว่าแต่คนเลยต่อให้เทวดาก็กีดกันไม่ได้


H O M E



Create Date : 19 กันยายน 2551
Last Update : 19 กันยายน 2551 22:20:15 น. 0 comments
Counter : 906 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.