สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า.. ไบโพลาร์! : เรื่องเล่าครั้งที่ 4.อดนอน
4.อดนอน
ผมตื่นลืมตาขึ้นมาตอนบ่ายสามโมงของวันถัดไป ซึ่งเท่ากับว่าผมใช้เวลาหลับไป 20 ชั่วโมงเต็มๆ ตั้งแต่เมื่อวานที่น็อคเพราะฤทธิ์ยาในตอนช่วงประมาณหนึ่งทุ่ม
อ้า.... นี่ละคือสิ่งที่เราต้องการมานานแสนนาน... ก็คือการนอนนี่เอง!
ใช่แล้วครับ! ผมเพิ่งรู้ตัวว่าผมไม่ได้นอนติดต่อกันเป็นเวลาเกือบ 2 สัปดาห์! เพราะอาการหลงผิด คิดว่าหากตัวเองหลับไป มนุษยชาติต้องล่มสลาย เนื่องจากตัวเองเป็นจุดศูนย์รวมของสายใยชีวิตมนุษย์ เหมือนในหนังเรื่องอวตาร (Avatar) ที่เพิ่งไปดูมา
อืม... สดชื่นจริงๆ เลย...
สมองผมปลอดโปร่งโล่งสบายเหมือนได้เกิดใหม่อีกครั้ง! ความรู้สึกสับสนอลหม่านดั่งมีพายุสึนามิในหัวหายไปจนหมดสิ้น แม้นจะเป็นช่วงเวลาบ่ายสามโมง แต่ผมรู้สึกเหมือนเป็นตอนเช้าที่อากาศแจ่มใส
เอ... นี่เราอยู่ที่ไหนกันเนี้ย ? เป็นโลกของความฝันหรือความเป็นจริงวะ ?
แม้นสมองจะปลอดโปร่งแต่ความสับสนยังไม่จางคลาย มันเหมือนเป็นโลกในมิติของกาลเวลาที่ทับซ้อนกันไปมา
ผมสำรวจดูตัวเองก็รู้สึกถึงความเปียกชื้นบริเวณหว่างขา เอ้ย!... ผมปัสสาวะรดที่นอน! แต่ไม่แปลกใจ เพราะก่อนหน้าที่จะมาอยู่ในโรงพยาบาลแห่งนี้ ผมเคยถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคเครียด และหมอก็จ่ายยานอนหลับอย่างแรงให้ ทำให้ผมปัสสาวะรดที่นอนแทบจะทุกคืน เพราะไม่สามารถบังคับตัวเองได้เลยเมื่อยาออกฤทธิ์แล้ว
ผมมองดูไปรอบๆ พบผู้ป่วย 4-5 คนที่ผมเจอเมื่อวาน บางคนนั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง บางคนเดินไปเดินมาเหมือนคนสติไม่ดี คนตัวใหญ่ๆ (ที่ผมเห็นหายตัวเข้าไปในห้องน้ำเมื่อวาน) กำลังนั่งสมาธิอยู่ ส่วนอีกสองคนนั่งดูทีวี ไม่มีใครสนใจใคร ทุกคนเหมือนอยู่ในโลกของตัวเองอย่างสมบูรณ์!
ท่าน ท่าน ท่าน!!
ท่านครับ ท่าน ท่าน
เอ้ยยยย!!... อะไรวะ ?? หัวเราะ
ผมตกใจอย่างสุดขีด! เมื่อมีผู้ชายสูงอายุคนนึง ยื่นหน้าขาวๆ ที่เต็มไปด้วยแป้งเข้ามาหา!
ท่านนะละ เป็นยังไงบ้าง นอนหลับสบายดีไหม ?
ดะ ดะ ดี ดี ดีครับดี!
ผมตอบไปแบบเสียไม่ได้เพราะรู้สึกหวาดกลัวมาก (หลังจากนั้นอีกหลายชั่วโมง ผมจึงรู้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนนิสัย ดี แต่เป็นผู้ป่วยจิตเภทที่อาการหนักมากที่สุดในหอผู้ป่วย)
ผมคุยกับเขาอีกสองสามประโยค ซึ่งจำไม่ได้ว่าคุยอะไรกันไป เพราะสื่อสารกันไม่รู้เรื่อง เหมือนพูดกันคนละภาษา
นี่ผมบ้า หรือเขาบ้ากันวะเนี้ย ?
ผมนึกงงๆ ในใจ
ในช่วงระหว่างนี้ไม่มีใครมายุ่งกับผมมากนัก ผมจึงมีเวลาพอที่จะมองไปรอบๆ ตัว เพื่อสังเกตความเป็นไปต่างๆ ในหอผู้ป่วยจิตเวช ห้องที่พวกเราอยู่เป็นห้องที่มีกรงขนาดใหญ่ล้อมรอบ (แต่เหล็กไม่หนาเหมือนในคุก) มีส่วนหนี่งเป็นที่ทำงานของหมอและพยาบาลอยู่ด้านหน้า มีช่องหน้าต่างเปิด-ปิดให้พอติดต่อสื่อสารกันได้ มองออกไปเกือบสุดทางออกก็มีลูกกรงกั้นอีกหนึ่งชั้น อธิบายโดยภาพรวมก็ต้องบอกว่า.. ระบบการป้องกันแน่นหนาดี น้องๆ ห้องขังในทัณฑสถานเลยละ
---------------------- 4.1 การนอน
ก่อนที่ผมจะเล่าเรื่องราวสนุกๆ ต่อจากนี้ ผมขออนุญาตคั่นเวลาด้วยเรื่องที่ผมเห็นว่าเป็นประโยชน์มากที่สุด และสำคัญมากที่สุดจริงๆ สำหรับผู้ป่วยจิตเวชที่ผมเพิ่งจะรู้ด้วยตัวเองเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา นั่นคือ...
เรื่องของการนอนครับ!
สำหรับผู้ป่วยจิตเวชโดยเฉพาะโรคไบโพลาร์ การนอนหลับมีความสำคัญเทียบเท่ากับยาที่ผู้ป่วยจำเป็นต้องกินกันเลยครับ เพราะมีผลวิจัยออกมามากมายว่า.. ในผู้ป่วยโรคไบโพลาร์แทบทุกคนมักมีประวัติการนอนที่ไม่ปกติ
และการนอนไม่เพียงพอนี่ละ เป็นการทำลายสมองโดยตรงเลยทีเดียว ผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดพบว่า การที่คนเราอดนอนมากๆ นั้น จะมีผลต่อสมองเทียบเท่ากับการดื่มเหล้าจนเมามาย ถึงแม้นว่าคุณจะไม่ได้เป็นคนรักการดื่มก็ตาม
ทุกครั้งที่ผมไปหาหมอ หมอมักจะถามว่า เป็นยังไงบ้างช่วงนี้โอเคไหม ? ถ้าผมตอบว่า ปกติดีครับหมอ จากนั้นหมอจะพูดสรุปว่า การนอน,การออกกำลังกายปกติดีนะ ? ถือเป็นบทสนทนาพื้นฐานที่หมอใช้คุยกับผมทุกครั้งที่ต้องไปรับยาทุกๆ สามเดือน
หากช่วงไหนที่ผมเริ่มไม่ปกติ หมอจะถามทันทีว่า การนอนเป็นยังไงบ้าง ? เล่าให้หมอฟังสิ ก่อนที่จะปรึกษากันเรื่องการปรับเพิ่มหรือลดยา
เมื่อเวลาผ่านมาหลายๆ ปี ผมจึงเริ่มจับทางได้ว่า การนอนนี่ละเป็นเหมือนเทอร์โมมิเตอร์ทางสมองเลยทีเดียว หากช่วงไหนที่อารมณ์เราแปรปรวนไป ไม่ว่าจะเป็นในช่วงแมเนียหรือดีเพรส มันจะเริ่มมีสัญญาณบอกเหตุจากพฤติกรรมการนอนหลับที่เปลี่ยนไป เพราะสาเหตุเกิดจากสารเคมีในสมองที่เริ่มแปรปรวนแล้ว จนส่งผลต่อการนอนหลับ
เมื่อผมทราบเรื่องนี้จึงรีบบอกภรรยา ให้ภรรยาคอยจับตาดูพฤติกรรมของผม เมื่อใดก็ตามที่ผมนอนดึกโดยไร้สาเหตุอันควร ให้เธอสังเกตุดูให้ดี เพราะนั่นอาจจะหมายถึงผมกำลังอยู่ในช่วงแมเนียโดยไม่รู้ตัว..... อยู่.. ก็.. เป็น.. ได้...ตึง!! (กรุณาอ่านออกเสียงแบบรายการผีนะครับ!)
จะเล่นมุขทำไม ? ยิ้ม
เอาละมาจริงจังกันต่ออีกหน่อย.. อย่าเพิ่งเบื่อนะครับ (ฮ่าๆ)
สิ่งที่ผมอยากจะย้ำเป็นที่สุดสำหรับหลายท่านที่ (อาจ) เป็นเพื่อนร่วมโรคด้วยกันคือ..
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฟ้าจะถล่ม แผ่นดินจะทลาย เมื่อช่วงเวลากลางคืนมาถึง.. คุณต้องนอน คุณต้องนอน และคุณต้องนอน!
ขอให้ท่องไว้ในใจแบบนี้เลย เพราะเรื่องนี้มีความสำคัญกับอาการของโรคมากที่สุด ถ้าคุณต้องทำงานที่ทำให้นอนกลางคืนไม่ได้ ผมแนะนำให้ลาออกไปหางานใหม่เลยครับ! ผมพูดจริงๆ ไม่ใช่พูดเล่น! เพราะโรคนี้มันอดนอนไม่ได้จริงๆ ไม่อย่างนั้นคุณจะไม่มีวันหายหรืออาการดีขึ้นเลย ถ้ามีพฤติกรรมที่ทำลายสมองแบบนี้
หลายคนอาจเกิดคำถามว่า.. เอ.. แล้วอย่างนี้ เรานอนตอนเช้าให้ครบ 6-8 ชั่วโมงแทนไม่ได้หรอ ? ก็ขอแบบตรงๆ เลยว่า ไม่ได้ครับ! เพราะนาฬิกาสมองในตัวคนเรา มันทำงานตามแสงอาทิตย์ ที่จะกำหนดการหลั่งของสารเคมีในสมองไปตามเวลากลางวันและกลางคืน ฉะนั้นการนอนในช่วงกลางวัน แม้นจะใช้เวลามากพอ ก็ไม่สามารถฟื้นฟูความเสียหายของสมองที่ถูกทำลายลงได้ และมีผลวิจัยในเมืองนอกที่ทำกับกลุ่มตัวอย่างเป็นล้านๆ คนพบว่า การนอนน้อยจะส่งผลทำให้เราอายุสั้นลงอีกด้วย!
ถ้าคุณเริ่มมีอาการ.. นอนไม่หลับ หลับๆ ตื่นๆ ฝันร้ายแทบทุกคืน สะดุ้งตื่นกลางดึกแล้วหลับต่อไม่ได้อีกเลย.. หรืออาการของการนอนที่ผิดปกติต่างๆ ติดต่อกันประมาณหนึ่งสัปดาห์ขึ้นไป ผมแนะนำให้เริ่มนัดพบแพทย์ประจำตัวได้เลยครับ เพราะนั่นเป็นการส่งสัญญาณของสมองว่า.. มันเริ่มมีอะไรที่ผิดปกติแล้วละ!
----------------------
(เล่าต่อ)
อ้าว.. พิชิต นั่งสมาธิอีกแล้ว พอเลยๆ ถอดจิตไปเห็นอะไรมาอีกละ นรกหรือสวรรค์ ? พอได้แล้ว.. ลืมตาขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลยครับ!
บุรุษพยาบาลทหารคนที่สัมภาษณ์ผมเมื่อคืน ตะโกนบอกผู้ชายรูปร่างใหญ่ ที่กำลังนั่งสมาธิตัวเกร็งแข็งทื่อเหมือนท่อนไม้
อ้าว.. วิชัยวันนี้กี่ครั้งแล้วเนี้ย ? เข้าห้องน้ำไปช่วยตัวเองอีกแล้ว!
บุรุษพยาบาลทหารคนเดิม ตะโกนบอกคุณอาหน้าขาว ซึ่งเป็นมนุษย์คนแรกที่มาชวนผมคุยตอนตื่นนอน
คนที่นี่.. มันเป็นบ้าอะไรของมันกันวะเนี้ย ?
ผมนึกสบถในใจดังๆ ด้วยความเหนื่อยล้าที่ไม่รู้ว่า.. วันข้างหน้าจะต้องเจอกับอะไรอีกบ้าง ในโรงพยาบาลแห่งนี้ ?
--------------------------------
โปรดติดตามตอนต่อไป..
อ่านย้อนหลังตอนที่ 1 https://pantip.com/topic/36601977 อ่านย้อนหลังตอนที่ 2 https://pantip.com/topic/36604256 อ่านย้อนหลังตอนที่ 3 https://pantip.com/topic/36604290
Create Date : 27 มิถุนายน 2560 |
Last Update : 27 มิถุนายน 2560 11:54:36 น. |
|
0 comments
|
Counter : 468 Pageviews. |
|
|