มนุษย์ ไม่ได้มีตาเพียงสอง แต่มีถึง ๓ ดวง
.
คนเรา เหล่ามวลมนุษย์ทั้งหลายทั้งปวง บนโลกนี้
ทุก ๆ คน ไม่ได้มีดวงตา เพียงแค่สองดวง ที่อยู่บนใบหน้าเท่านั้น
แต่ว่ามีดวงตา อีกดวงหนึ่ง ที่สูงส่ง ยิ่งใหญ่ มีคุณค่า มากกว่าดวงตาสองดวง
ธรรมดา ๆ ที่อยู่บนใบหน้า มากมาย มหาศาลนัก
นั่นก็คือ " ดวงตาแห่งปัญญา "
ซึ่งมีอยู่ในสมอง ของคนเราทุก ๆ คน บนโลกนี้
ตาเนื้อทั้งสองข้างของคนเรานั้น
สามารถมองเห็นได้แต่เพียงรูปลักษณ์ภายนอก ของสิ่งต่างๆ ว่าเป็นเช่นไร
เท่านั้น แต่คนเราจะรู้ เห็น และเข้าใจถึงคุณประโยชน์ โทษภัย ดี ไม่ดี
ของสิ่งต่าง ๆ ทั้งหลายทั้งปวง บนโลกนี้ หรือทั่วทั้งจักรวาล ได้ ก็ด้วยอาศัย
" ดวงตาแห่งปัญญา " ซึ่งมีอยู่ในสมองของคนเราทุก ๆ คน บนโลกนี้
เท่านั้น
ตัวอย่างเช่น
๑. คนเราเกิดหลงป่า จำเป็นต้องกินอาหารที่อยู่ในป่า
ได้ไปเจอเห็ดมากมายในป่าหลายสิบชนิด ถ้าคนที่มีแต่เพียงตาเนื้อ
ทั้งสองข้าง ไม่มีดวงตาแห่งปัญญา ก็จะเก็บเห็ดกินทั้งหมดเลย ผลก็คือ
โอกาสกินเห็ดมีพิษ เช่นเห็ดเมาเข้าไปก็มีสูง
ถ้ามีปัญญา ฉลาดขึ้นมาหน่อย ก็จะรู้ เห็น และเข้าใจว่า
จะไปเก็บเห็ดในป่า กินส่งเดช มั่วซั่วไม่ได้ ก็จะหันไปหาอาหารอย่างอื่น
มากินแทน
ถ้ามี " ดวงตาแห่งปัญญา " มีความรู้ ในเรื่องเห็ด ฉลาดมากขึ้น
ไปอีก ก็จะรู้ เห็น และเข้าใจ ถึงวิธีเก็บเห็ดมากินว่า เห็ดลักษณะใด สามารถ
เก็บเอามากินได้ เห็ดในรูปแบบไหน เก็บเอามากินไม่ได้
" ดวงตาแห่งปัญญา " นั้น
ก็คือ วิทยาการความรู้ ต่าง ๆ ของคนเรา เหล่ามวลมนุษยชาติ
ทั้งหลายทั้งปวงบนโลกนี้ ที่ได้ค่อย ๆ มีการศึกษาพัฒนา ความรู้ในด้าน
ต่าง ๆ สั่งสอนกันมาเป็นทอด ๆ นับตั้งแต่ในยุคอดีตกาล อันไกลโพ้น
มาจนถึงกระทั่ง เป็นวิทยาการอันสูงส่งและยิ่งใหญ่อย่างมากมายมหาศาล
ได้ ในยุคปัจจุบันนี้
" ดวงตาแห่งปัญญา " นี้
เป็นสิ่งที่ยอมรับกันทั่วโลก ว่ามีอยู่จริง ดังเช่น ที่พวกฝรั่ง
เวลาเขารู้ เขาเห็น หรือว่า เข้าใจในเรื่องต่าง ๆ ผมก็เห็นว่าเค้าก็ใช้คำว่า
ไอ ซี ไอ ซี I see I see ฉันเห็น ฉันรู้ ฉันเข้าใจ
กันอยู่บ่อย ๆ นี่ครับ