พระเจ้า ( God )

เป็นสิ่งที่มีพลังสูงส่งและยิ่งใหญ่มากมายที่สุด

บนโลกนี้และทั่วทั้งจักรวาล

คือ

พลังงานแสงสว่าง

เป็น

“ พลังงานทางจิต ”

พลังแห่งจิต พลังสมอง พลังแห่งปัญญา

เป็นสิ่งที่ไม่มีรูปร่าง ไม่มีตัวตน ( ที่แท้จริง )

เป็นอมตะ ไม่มีการเกิด ไม่มีการดับ

มีอยู่ก่อนสิ่งทั้งปวงบนโลกนี้ และทั่วทั้งจักรวาล

อยู่เหนือกาลเวลา ไม่ตกอยู่ใต้อำนาจ ไม่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา

คอยก่อกำเนิด ควบคุม สร้างสรรค์ ให้รางวัล ลงโทษ

หรือทำลาย สรรพสิ่งต่าง ๆ ทั้งหลายทั้งปวง บนโลกนี้ และทั่วทั้งจักรวาล

ให้เป็นไปตาม " กฏของธรรมชาติ " คือ กฎแห่งกรรม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว

" หว่านพืชเช่นใด ย่อมได้รับผลเช่นนั้น "

……………….

เหล่ามวลมนุษย์ และสรรพสัตว์ทั้งหลายทั้งปวง

เกิดขึ้นมา พร้อมกับ “ พลังแห่งจิต พลังสมอง ” และ “ สัญชาติญาณสัตว์ ”

คือ อยากได้ความสุข เกลียดกลัวความทุกข์ โดยไม่ได้มี พลังแห่งปัญญา

ติดตัวมาด้วย

“ ปัญญา ”

เป็นสิ่งที่เกิดขึ้น มีตามมาในภายหลัง

“ ปัญญา” คืออะไร ?

“ ปัญญา ”

คือ

“ แสงสว่าง ” เป็น “ ความรู้ ”

ที่คอยช่วยปัดเป่า แก้ไข เอาชนะความทุกข์เดือดร้อนต่าง ๆ

ของเหล่ามวลมนุษย์

ซึ่งมีอยู่มากมาย สารพัดรูปแบบบนโลกนี้

“ ปัญญา ” เกิดจากอะไร ?

ปัญญา เกิดจากการคิด พิจารณา ศึกษา และเรียนรู้

มีสิ่งต่าง ๆ ( เช่นความผิดพลาด ) ได้เป็นครู ทำให้รู้ว่า สิ่งใดเป็นประโยชน์

หรือว่ามีโทษ พิษสงภัยร้าย ซ่อนตัวอยู่ภายใน

คนเราเมื่อเริ่มมี “ ปัญญา ” เกิดขึ้นมา ด้วยสมอง ในจิตใจ

( เกิดขึ้นด้วยพลังสมอง เกิดมีที่จิตใจ )

ก็จะเริ่มรู้จัก “ หน้าที่ ”

รู้ว่าสิ่งใดดี สิ่งไหนร้าย สิ่งใดจะพาตนให้ฉิpหาย สิ่งไหนจะทำชีวิตของตน

ให้เจริญ รุ่งเรืองก้าวหน้า ดำรงอยู่ และดำเนินไป อย่างมั่นคง โดยแท้จริง

รู้ว่าสิ่งใดมีพิษ อะไรมีประโยชน์ สิ่งไหนมีโทษ อะไรมีคุณ

สิ่งใดที่คอยช่วยค้ำจุน ( เกื้อหนุนโลกของเรา ธรรมชาติ สิ่งที่มีชีวิตทั้งหลาย

ทั้งปวงบนโลกนี้ ) สิ่งไหนที่เป็นตัวบ่อนทำลาย

……………….

เมื่อคนเรามี “ ปัญญา ” ก็จะเริ่มรู้จัก “ หน้าที่ ”

“ พลังแห่งปัญญา ” คือความรู้

ซึ่งช่วยให้เหล่ามวลมนุษย์ สามารถเอาชนะความทุกข์เดือดร้อนต่าง ๆ

ซึ่งมีอยู่มากมาย สารพัดรูปแบบ ทั้งหลายทั้งปวงบนโลกนี้ได้

“ หน้าที่ ”

คือ “ พระเจ้า ” ( God ) และเหล่าทวยเทพ

ที่คอยช่วยปกปักรักษา คุ้มครองโลกของเรา ให้มีความสงบร่มเย็นอยู่ได้

ตราบนานเท่านาน