Group Blog
กุมภาพันธ์ 2553

 
1
2
3
4
5
6
7
8
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
 
 
All Blog
โลกของเรา จะต้องเจริญก้าวหน้า อย่างยั่งยืน @ ไม่ใช่ เจริญขึ้นมา อย่างย่ำแย่ ! เช่น ในปัจจุบัน
$$$$$$$$$ $$$$$$$$$$$$$$$$$$$ $$$$$$$$$


" แก่นแท้ของจักรวาล "

เป็น " พลังที่สูงส่งและยิ่งใหญ่ที่สุด ในจักรวาล "

คือ " กฏของธรรมชาติ " ที่ได้คอย ก่อกำเนิด ควบคุม สร้างสรรค์

ให้รางวัล ลงโทษ หรือทำลาย สรรพสิ่งต่าง ๆ ทั้งหลายทั้งปวง บนโลกนี้

และทั่วทั้งจักรวาล ให้เป็นไปตาม " กฏของธรรมชาติ " คือ กฏแห่งกรรม

ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว " หว่านพืชเช่นใด ย่อมได้รับผลเช่นนั้น "

" กฏของธรรมชาติ " นี้ เป็นสิ่งที่อยู่คู่โลก แต่เกิดก่อนโลก

อยู่คู่จักรวาล แต่เกิดก่อนจักรวาล เพราะถ้าจักรวาล เป็นสิ่งที่มีตัวตน

มีตัว มีตน นั่นก็คือจักรวาล มันก็จะต้องมีการเกิด และก็มีการดับ ไปในที่สุด

ไม่ช้าก็เร็ว

แต่ " แก่นแท้ของจักรวาล " นี้

เป็นสิ่งที่ไม่มีตัวตน ( ที่แท้จริง ) เป็นสิ่งที่เป็นอมตะ คือ ไม่มีการเกิด

และก็ไม่มีการดับ

มีท่านผู้อ่านถามคำถามที่น่าสนใจกันมา

ดังนี้ว่า

๑. แล้วมันคือพลังอะไรอะครับ ใช้ทำประโยชน์อะไรได้บ้าง

๒. อยากได้วิธีนำมาใช้มากกว่าครับ

๓. แล้วรู้เรื่องนี้มันได้อะไรครับ มีประโยชน์ยังไง

คำถามข้อที่ ๑ : พลังนี้ คือ พลังอะไร ?

ตอบว่า

" แก่นแท้ของจักรวาล " คือ " พลังที่สูงส่งและยิ่งใหญ่ที่สุด ในจักรวาล "

สิ่ง ๆ นี้ เป็น รากฐาน ของสรรพสิ่งต่าง ๆ ทั้งหลายทั้งปวง

บนโลกนี้ และทั่วทั้งจักรวาล

เป็นพลังที่ไม่ใช่พลังทางกายภาพ มีตัวมีตน สามารถมองเห็นได้

แต่เป็นพลังทางจิต " พลังแห่งจิต พลังสมอง พลังแห่งปัญญา " ที่ไม่มี

ตัวตน ( ที่แท้จริง ) ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ตาเนื้อ ตาธรรมดา

แต่สามารถศึกษา พิจารณาดู เพื่อรู้ จนเห็น และเข้าใจ

ได้ด้วยสมองของมนุษย์ สามารถสัมผัสกับสิ่ง ๆ นี้ ได้ด้วย " พลังแห่งจิต

พลังสมอง พลังแห่งปัญญา " เพราะว่าเป็นพลังงานชนิดเดียวกัน จึงสามารถ

link สามารถเชื่อมต่อ สามารถสัมผัสกันได้นั่นเอง

คำถามข้อที่ ๒ : พลังนี้มีประโยชน์อะไร และสามารถ

นำมาใช้ ได้อย่างไร ?

ตอบว่า

๒.๑ สิ่ง ๆ นี้ คือ สิ่งที่สูงส่งและยิ่งใหญ่มากมายที่สุด

บนโลกนี้ และทั่วทั้งจักรวาล เพราะฉนั้น สิ่ง ๆ นี้ ก็จึงเป็นสิ่งที่มีคุณค่า

มีประโยชน์ แก่เหล่ามวลมนุษยชาติ มากมายที่สุด ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือน

หรือเทียบเคียงได้ ตามไปด้วย กันนั่นเอง

" พลังนี้ " สิ่ง ๆ นี้ คือ " กฏของธรรมชาติ "

ที่ได้คอย ก่อกำเนิด ควบคุม สร้างสรรค์ ให้รางวัล ลงโทษ หรือทำลาย

สรรพสิ่งต่าง ๆ ทั้งหลายทั้งปวง บนโลกนี้ และทั่วทั้งจักรวาล ให้เป็นไป

ตาม กฏแห่งกรรม คือ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว

" หว่านพืชเช่นใด ย่อมได้รับผลเช่นนั้น "

คนเราเมื่อรู้กฏ ก็คือรู้หน้าที่ มีหน้าที่ ที่จะต้องปฏิบัติ

ให้ถูกต้องตามกฏ เช่น กฏหมาย เป็นต้น ซึ่งกฏหมาย เป็นสิ่งที่มีอยู่ ในทุก ๆ

ประเทศทั่วโลก ก็แตกต่างกันไป เหมือนกันบ้างต่างกันบ้าง ตามแต่ละสถาน

ที่

แต่ " กฏของธรรมชาติ " นี้ เป็นสิ่งที่อยู่คู่โลก แต่เกิดก่อนโลก

อยู่คู่จักรวาล แต่เกิดก่อนจักรวาล เป็นกฏเกณฑ์ เหมือนกฏหมาย ที่บังคับ

ใช้กับสิ่งที่มีชีวิตทั่วทั้งจักรวาล ให้เป็นไปตาม " กฏแห่งกรรม " คือ ทำดี

ได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว " หว่านพืชเช่นใด ย่อมได้รับผลเช่นนั้น " เหมือนกันหมด

ทั่วทั้งจักรวาล ไม่มีการแบ่งแยกหรือแตกต่างกัน แต่อย่างใด

" กฏของธรรมชาติ " ก็เหมือนกับ " กฏหมาย "

คุณมีสิทธิ์ที่จะไม่เชื่อ ไม่สนใจ ไม่รู้ ไม่เห็น ไม่ปฏิบัติตามกฏหมาย

แต่เมื่อได้ทำผิดกฏหมายเข้าไปแล้ว ถ้าถูกจับได้ คุณก็จะต้องถูกลงโทษ

อย่างหนักเบา หรือสาหัสสากัน ได้รับความทุกข์ทรมาณ มากมายแค่ไหน

มันก็ขึ้นอยู่กับว่า คุณได้ทำผิดมากน้อยแค่ไหน และกฏหมายท้องถิ่น ของ

สถานที่ประเทศนั้น ๆ ได้บัญญัติเอาไว้ว่าอย่างไร

กฏหมาย ถ้าคนเราได้กระทำลงไปแล้ว ยังมีโอกาสหนีรอด ยังมี

โอกาสหลบเลี่ยงได้ ถ้าโชคดีหรือมีความสามารถ แต่ " กฏของธรรมชาติ "

เมื่อคนเราได้กระทำกรรม คือการกระทำใด ๆ ลงไปแล้ว ไม่มีโอกาสหนีผล

ของกรรม คือ การกระทำนั้น ๆ พ้น หรือหนีรอดไปได้ ไม่ว่าจะหนีไปอยู่สุด

ขอบ หรือส่วนที่ลึกที่สุดของจักรวาล กันก็ตามที

" กฏของธรรมชาติ " บังคับใช้กับสิ่งที่มีชีวิต ทั่วทั้งจักรวาล

แต่บนโลกนี้ สิ่งมีชีวิตที่จะสามารถ รู้ เห็น และเข้าใจ ในกฏของธรรมชาติ

ได้ มีแต่เพียงคน คือ มนุษย์เท่านั้น เพราะเหตุนี้ " กฏของธรรมชาติ " จึง

เป็น " หน้าที่ของมนุษย์ " ซึ่งคนเราจะต้องศึกษา พิจารณาดู เพื่อรู้ จนเห็น

และเข้าใจ เพื่อประโยชน์แก่ตนเอง และสังคมโดยส่วนรวม กันนั่นเอง

๒.๒ " กฏของธรรมชาติ "

คือ " พลังที่สูงส่งและยิ่งใหญ่ที่สุดบนโลกนี้ และทั่วทั้งจักรวาล "

เป็นสิ่งที่คอย ก่อกำเนิด ควบคุม สร้างสรรค์ ให้รางวัล ลงโทษ หรือทำลาย

สรรพสิ่งต่าง ๆ ทั้งหลายทั้งปวง บนโลกนี้ และทั่วทั้งจักรวาล ให้เป็นไป

ตาม " กฏแห่งกรรม " คือ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว " หว่านพืชเช่นใด ย่อมได้

รับผลเช่นนั้น "

เป็น แก่นแท้ของธรรมชาติ คือ ความลับของจักรวาล

ซึ่งซ่อนอยู่ในธรรมชาติ ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ตาเนื้อ

ตาธรรมดา แต่สามารถศึกษา พิจารณาดู เพื่อรู้ จนเห็น และเข้าใจ ได้ด้วย

สมองของมนุษย์

เป็น " หน้าที่ของมนุษย์ "

เพื่อประโยชน์แก่ตนเองและสังคม โดยส่วนรวม

หน้าที่ของมนุษย์

คืออะไร ?

๑. เห็นแก่ส่วนรวม

๒. มีความสุขก็ดี มีความยากลำบากก็ได้ ขอเพียงแต่ ไม่ไปเบียดเบียน

ตนเอง หรือผู้อื่น ให้ได้รับความเดือดร้อนกัน

แต่คนเราจำนวนมากมายบนโลกนี้

นับสิบล้าน ร้อยล้าน พันล้านคน เห็นแก่ตัว มากกว่าเห็นแก่ส่วนรวม

เพราะอะไร ?

เพราะ คนเราทุก ๆ คน บนโลกนี้

เกิดมาพร้อมกับ " สัญชาติญาณสัตว์ " เพราะ " สัญชาติญาณสัตว์ "

ที่คนเราทุก ๆ คนได้เกิดขึ้นมาบนโลกนี้กัน ก็เพราะยังมี สัญชาติญาณสัตว์

หลงเหลืออยู่

สัญชาติญาณสัตว์

คืออะไร ?

๑. การเห็นแก่ตัว

๒. อยากได้ความสุข อยากมีความสุข อยากเป็นความสุข

ไม่อยากได้ความทุกข์ ไม่อยากมีความทุกข์ ไม่อยากเป็นความทุกข์

ที่ปัจจุบันโลกของเราปั่นป่วน วุ่นวาย

จนใกล้จะวินาศเต็มทีนี้ มีภัยพิบัติอย่างรุนแรงเกิดขึ้นมากมายทั่วโลก

เป็นสัญญาณเตือนก่อนที่โลกจะวินาศลงไป ถ้าไม่รีบแก้ไข ให้ทันท่วงที

กันเสียก่อน มีอาวุธนิวเคลียร์อยู่มากมาย หลายประเทศ ที่สามารถทำลาย

ล้างโลก ได้อยู่ตลอดเวลา

ก็เพราะ คนจำนวนมากมายบนโลกนี้

นับสิบล้าน ร้อยล้าน พันล้านคน ทำตาม " สัญชาติญาณสัตว์ "

โดยไม่สนใจปฏิบัติ " หน้าที่ของมนุษย์ "

เห็นแก่ตัวเอง มากกว่าเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม

ไม่ได้เป็นเพราะความโง่ แต่เป็นเพราะความไม่รู้ ( อวิชชา ) คือไม่รู้

ใน " กฏของธรรมชาติ " มีตาเนื้อ แต่ไม่มีตาปัญญา เห็นเพียงเปลือก แต่

ไม่เห็น " แก่นแท้ของธรรมชาติ "

๒.๓ ปัจจุบันโลกของเราก็เหมือนคนกำลังป่วย

ได้มีภัยพิบัติอย่างรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เกิดขึ้นทั่วโลก

เป็นระยะ ๆ ตลอดหลายปี ที่ผ่านมานี้ ทำให้มีผู้คนบาดเจ็บล้มตาย ได้รับ

ความทุกข์ทรมาณอย่างแสนสาหัสสากัน นับแสน นับล้านคน ทั่วโลก

เสมือนกับเป็นการเตือนกันก่อน ที่โลกจะได้วินาศ

ลงไปจริง ๆ ถ้าเหล่ามวลมนุษยชาติไม่รีบช่วยกันแก้ไข ก่อนที่จะ

สายเกินไป

" พลังที่สูงส่งและยิ่งใหญ่ที่สุดบนโลกนี้ และทั่วทั้งจักรวาล "

คือ " พลังแห่งจิต พลังสมอง พลังแห่งปัญญา "

พลังนี้ สิ่ง ๆ นี้ สิ่งเดียวเท่านั้น

ที่จะสามารถยับยั้งการวินาศของโลกมนุษย์ ที่พวกเราได้อาศัยกันอยู่นี้ ได้

" พลังแห่งจิต พลังสมอง "

ที่ธรรมชาติ หรือว่า พระเจ้า ได้มอบให้แก่คนเรา บนโลกนี้

ติดตัวกันมาทุก ๆ คน เป็นสิ่งที่มีพลังมากมายมหาศาล เมื่อคนเราจำนวน

มากมายบนโลกนี้ นับสิบล้าน ร้อยล้าน พันล้านคน

ได้ใช้ " พลังแห่งจิต พลังสมอง " ไปตามสัญชาติญาณสัตว์

คือ มีความเห็นแก่ตัว อยากได้ความสุข อยากมีความสุข อยากเป็นความสุข

ไม่อยากได้ความทุกข์ ไม่อยากมีความทุกข์ ไม่อยากเป็นความทุกข์

โดยขาด " พลังแห่งปัญญา " คอยควบคุม

ยิ่งวิทยาการความรู้ของคนเรา ก้าวหน้ามากขึ้นเพียงไร ก็สามารถทำลาย

ล้างโลกได้มากขึ้นเพียงนั้น

ก็ยังดีที่คนเรา ทำดีบ้าง ชั่วบ้าง ผสมกันไป ไม่อย่างนั้น

โลกของเราคงจะวินาศลงไปนานแล้ว เพราะการที่คนเราใช้วิทยาการความรู้

อันสูงสุ่ง โดยขาดปัญญาคอยควบคุม เห็นแก่ตัวมากกว่าเห็นแก่ประโยชน์

ส่วนรวม ทำตามสัญชาติญาณสัตว์ โดยไม่สนใจปฏิบัติ " หน้าที่ของมนุษย์ "


......... ๒.๔ โลกของเรา จะต้องเจริญก้าวหน้า อย่างยั่งยืน @ .........

ไม่ใช่ เจริญขึ้นมา อย่างย่ำแย่ ! เช่น ในปัจจุบัน

" พลังแห่งจิต พลังสมอง "

พลังแห่งความรู้ และวิทยาการต่าง ๆ ที่คนทั่วโลกได้คิดค้น

ขึ้นมาใช้กันบนโลกนี้ ตั้งแต่อดีต จนสูงส่งล้ำยุคอย่างน่าอัศจรรย์ เช่นใน

ปัจจุบันนี้ นั้น

จะต้องมี " พลังแห่งปัญญา "

ควบคู่กันไปด้วย จึงจะสามารถทำให้ โลกของเรา เจริญก้าวหน้า

ขึ้นมาได้ อย่างมั่นคง และยั่งยืน ไม่ใช่ เจริญก้าวหน้า ขึ้นมาอย่างโอนเอน

และย่ำแย่ เช่นในปัจจุบันนี้ กันนั่นเอง

ถ้าคนทั่วโลกหันมามอง สนใจ และศึกษา

ในเรื่องของ " พลังแห่งปัญญา " ซึ่งเป็น หน้าที่ของมนุษย์ คือ การเห็นแก่

ส่วนรวม มากกว่าเห็นแก่ตัว กันตั้งแต่เนิ่น ๆ เสียแต่ตอนนี้ ภายในปีนี้ สองปี

นี้ ห้าปีนี้ หรือเต็มที่ไม่เกินสิบปีนี้ ก็อาจจะยังมีโอกาสช่วยยับยั้งการวินาศ

ของโลกเรานี้ ได้ทัน

แต่ถ้าไม่มีใครรีบสนใจในสิ่งที่ " สูงส่งและยิ่งใหญ่ที่สุด " นี้

กันเสียแต่เนิ่น ๆ เอาแต่พากัน มัวเมา ลุ่มหลง บูชาในความสุข ตกเป็นทาส

อยู่ใต้อำนาจของความสุข

เอาแต่ทำตาม " สัญชาติญาณสัตว์ "

โดยไม่สนใจปฏิบัติ " หน้าที่ของมนุษย์ " มัวแต่เห็นแก่ความสุขส่วนตัว

มากกว่าเห็นแก่ประโยชน์สุขสงบร่มเย็น ของสังคมโดยส่วนรวม กัน

โลกของเรา จะต้องพังพินาศลงไป

เหตุการณ์ภัยพิบัติกลียุค เช่นอย่างเฮติ มันจะเกิดขึ้นมา พร้อม ๆ กัน ทั่วโลก

รวมถึง ในประเทศไทยด้วย จากภัยทางธรรมชาติต่าง ๆ ที่มีอยู่มากมาย

สารพัดรูปแบบ อย่างที่ได้เคยเห็นประจักษ์เป็นระยะ ๆ กันมาแล้ว นั่นเอง

ภายในไม่เกิน ๕๐ ปีนี้ เป็นอย่างช้า อย่างเร็วก็ สิบ ยี่สิบ สามสิบปี

หรือเร็วมากกว่านั้นก็อาจจะเป็นไปได้ เพราะว่า อนาคตนั้น เป็นสิ่งที่

ไม่แน่นอน

เรื่องเหลือเชื่อ สิ่งที่ไม่น่าเชื่อ สามารถเกิดขึ้นได้

ทุก ๆ สิ่ง ทุก ๆ อย่าง บนโลกนี้ ถ้าสิ่ง ๆ นั้น เป็นสิ่งที่มีเหตุผล

เหตุก็คือ คนเราทั่วโลก ได้ใช้

" พลังแห่งจิต พลังสมอง " ใช้วิทยาการความรู้ เทคโนโลยีที่ได้คิดค้น

พัฒนาขึ้นมา เอาไปแสวงหาความสุขใส่ตนเอง โดยไม่สนใจว่า จะไป

ทำให้ สังคมโดยส่วนรวม ได้รับความเดือดร้อน กันหรือไม่ ตั้งแต่อดีต

จนถึงปัจจุบันนี้ เป็นจำนวนมากมายนับครั้งไม่ถ้วน ทำตามสัญชาติญาณของ

สัตว์ โดยไม่รู้ ไม่เห็น ไม่สนใจที่จะปฏิบัติตาม หน้าที่ของมนุษย์

ได้ทำลายธรรมชาติ คือ ทำลายโลกของเรา

ทั้งทางตรงและทางอ้อม กันมาแล้ว อย่างมากมายมหาศาล

จนประเมินค่าไม่ได้ ที่ผมเห็น ๆ และพอจำได้เล็ก ๆ น้อย ก็คือ

๑. ประเทศใหญ่ ๆ ชอบทดสอบ ยิงอาวุธนิวเคลียร์ลงไปใต้ดินกัน

ไม่รู้กี่หนต่อกี่หน กันแล้ว

๒. คนทั่วโลกได้ตัดไม้ทำลายป่า ทำลายธรรมชาติกันไป

อย่างมากมายมหาศาล ไม่รู้เท่าไหร่กันแล้ว

๓. ผมเคยเห็นข่าวเรือบรรทุกน้ำมันล่มกลางทะเลอยู่มากมากย

หลายหน ทำให้น้ำมันไหลปนเปื้อนลงสู่ทะเล ไม่รู้กี่แสนกี่ล้านลิตร กัน

มันทำให้ระบบนิเวศน์ใต้น้ำใต้ทะเล ได้ถูกทำลายลงไป เป็นจำนวนมาก

ผมเห็นแล้วก็สงสาร และเสียดายความสมบูรณ์ของธรรมชาติ

๔. คนเราได้ปล่อยควันพิษ สร้างขยะพิษขึ้นมา อย่างมากมาย

มหาศาลทั่วโลก สารพัดรูปแบบ อยู่ตลอดเวลา น้ำเสียเอย โฟม

ถุงพลาสติก ขยะอิเลคโทรนิค ต่าง ๆ เช่น ถ่านไฟฉาย แบตมือถือ

โทรศัพท์มือถือเก่า ไม่รู้นับกี่ล้านเครื่อง เป็นต้น และอีกมากมาย

บรรยายไม่หมด ฯลฯ

( วันนี้ ผมนั่งคิด นั่งพิมพ์นานแล้ว วันหลังค่อยมาต่อใหม่ )











Create Date : 09 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 9 กุมภาพันธ์ 2553 19:07:13 น.
Counter : 705 Pageviews.

2 comments
  
แวะมาเยี่ยม...สวัสดีครับ
โดย: **mp5** วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:21:19:42 น.
  
ขอบคุณครับ ที่แวะมาเยี่ยม
โดย: samma วันที่: 26 เมษายน 2553 เวลา:15:06:45 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

samma
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]