......... ความลับของจักรวาล ซ่อนอยู่ในธรรมชาติ .........
................... ๒.๒ " กฏของธรรมชาติ " ...................
คือ " พลังที่สูงส่งและยิ่งใหญ่ที่สุด ในจักรวาล "
เป็นสิ่งที่คอย ก่อกำเนิด ควบคุม สร้างสรรค์ ให้รางวัล ลงโทษ หรือทำลาย
สรรพสิ่งต่าง ๆ ทั้งหลายทั้งปวง บนโลกนี้ และทั่วทั้งจักรวาล ให้เป็นไป
ตาม " กฏแห่งกรรม " ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว " หว่านพืชเช่นใด ย่อมได้รับ
ผลเช่นนั้น "
เป็น แก่นแท้ของธรรมชาติ คือ ความลับของจักรวาล
ซึ่งซ่อนอยู่ในธรรมชาติ ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ตาเนื้อ
ตาธรรมดา แต่สามารถศึกษา พิจารณาดู เพื่อรู้ จนเห็น และเข้าใจ ได้ด้วย
สมองของมนุษย์
เป็น " หน้าที่ของมนุษย์ " เพื่อประโยชน์แก่ตนเองและสังคม
โดยส่วนรวม
" หน้าที่ของมนุษย์ "
คือ การเห็นแก่ส่วนรวม ( มากกว่าเห็นแก่ตัว )
แต่คนเราจำนวนมากมายบนโลกนี้ นับสิบล้าน ร้อยล้าน พันล้านคน
เห็นแก่ตัว มากกว่าเห็นแก่ส่วนรวม
เพราะอะไร ?
เพราะ คนเราทุก ๆ คน บนโลกนี้ เกิดมาพร้อมกับ " สัญชาติญาณสัตว์ "
เพราะ " สัญชาติญาณสัตว์ " ที่คนเราทุก ๆ คนได้เกิดขึ้นมาบนโลกนี้กัน
ก็เพราะยังมี " สัญชาติญาณสัตว์ " หลงเหลืออยู่
" สัญชาติญาณสัตว์ " คืออะไร ?
" สัญชาติญาณสัตว์ " คือ การเห็นแก่ตัว ( มากกว่าเห็นแก่ส่วนรวม )
ที่ปัจจุบันโลกของเราปั่นป่วน วุ่นวาย
จนใกล้จะวินาศเต็มทีนี้ มีภัยพิบัติอย่างรุนแรงเกิดขึ้นมากมายทั่วโลก
เป็นสัญญาณเตือนก่อนที่โลกจะวินาศลงไป ถ้าไม่รีบแก้ไข ให้ทันท่วงที
กันเสียก่อน มีอาวุธนิวเคลียร์อยู่มากมาย หลายประเทศ ที่สามารถทำลาย
ล้างโลก ได้อยู่ตลอดเวลา
ก็เพราะ คนจำนวนมากมายบนโลกนี้
นับสิบล้าน ร้อยล้าน พันล้านคน ทำตาม " สัญชาติญาณสัตว์ "
โดยไม่สนใจปฏิบัติ " หน้าที่ของมนุษย์ "
เห็นแก่ตัวเอง มากกว่าเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม
ไม่ได้เป็นเพราะความโง่ แต่เป็นเพราะความไม่รู้ ( อวิชชา ) คือไม่รู้
ใน " กฏของธรรมชาติ " มีตาเนื้อ แต่ไม่มีตาปัญญา เห็นเพียงเปลือก แต่
ไม่เห็น " แก่นแท้ของธรรมชาติ "
( วันนี้พอแค่นี้ก่อน วันหลังค่อยมาต่อกันใหม่ )
$$$$$$$$$$$$$$$$$$$
" แก่นแท้ของจักรวาล "
เป็น " พลังที่สูงส่งและยิ่งใหญ่ที่สุด ในจักรวาล "
คือ " กฏของธรรมชาติ " ที่ได้คอย ก่อกำเนิด ควบคุม สร้างสรรค์
ให้รางวัล ลงโทษ หรือทำลาย สรรพสิ่งต่าง ๆ ทั้งหลายทั้งปวง บนโลกนี้
และทั่วทั้งจักรวาล ให้เป็นไปตาม " กฏของธรรมชาติ " คือ กฏแห่งกรรม
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว " หว่านพืชเช่นไร ย่อมได้รับผลเช่นนั้น "
" กฏของธรรมชาติ " นี้ เป็นสิ่งที่อยู่คู่โลก แต่เกิดก่อนโลก
อยู่คู่จักรวาล แต่เกิดก่อนจักรวาล เพราะถ้าจักรวาล เป็นสิ่งที่มีตัวตน
มีตัว มีตน นั่นก็คือจักรวาล มันก็จะต้องมีการเกิด และก็มีการดับ ไปในที่สุด
ไม่ช้าก็เร็ว
แต่ " แก่นแท้ของจักรวาล " นี้
เป็นสิ่งที่ไม่มีตัวตน ( ที่แท้จริง ) เป็นสิ่งที่เป็นอมตะ คือ ไม่มีการเกิด
และก็ไม่มีการดับ
มีท่านผู้อ่านถามคำถามที่น่าสนใจกันมา
ดังนี้ว่า
๑. แล้วมันคือพลังอะไรอะครับ ใช้ทำประโยชน์อะไรได้บ้าง
๒. อยากได้วิธีนำมาใช้มากกว่าครับ
๓. แล้วรู้เรื่องนี้มันได้อะไรครับ มีประโยชน์ยังไง
คำถามข้อที่ ๑ : พลังนี้ คือ พลังอะไร ?
ตอบว่า
" แก่นแท้ของจักรวาล " คือ " พลังที่สูงส่งและยิ่งใหญ่ที่สุด ในจักรวาล "
สิ่ง ๆ นี้ เป็น รากฐาน ของสรรพสิ่งต่าง ๆ ทั้งหลายทั้งปวง
บนโลกนี้ และทั่วทั้งจักรวาล
เป็นพลังที่ไม่ใช่พลังทางกายภาพ มีตัวมีตน สามารถมองเห็นได้
แต่เป็นพลังทางจิต " พลังแห่งจิต พลังสมอง พลังแห่งปัญญา " ที่ไม่มี
ตัวตน ( ที่แท้จริง ) ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ตาเนื้อ ตาธรรมดา
แต่สามารถศึกษา พิจารณาดู เพื่อรู้ จนเห็น และเข้าใจ
ได้ด้วยสมองของมนุษย์ สามารถสัมผัสกับสิ่ง ๆ นี้ ได้ด้วย " พลังแห่งจิต
พลังสมอง พลังแห่งปัญญา " เพราะว่าเป็นพลังงานชนิดเดียวกัน จึงสามารถ
link สามารถเชื่อมต่อ สามารถสัมผัสกันได้นั่นเอง
คำถามข้อที่ ๒ : พลังนี้มีประโยชน์อะไร และสามารถ
นำมาใช้ ได้อย่างไร ?
ตอบว่า
๒.๑ สิ่ง ๆ นี้ คือ สิ่งที่สูงส่งและยิ่งใหญ่มากมายที่สุด
บนโลกนี้ และทั่วทั้งจักรวาล เพราะฉนั้น สิ่ง ๆ นี้ ก็จึงเป็นสิ่งที่มีคุณค่า
มีประโยชน์ แก่เหล่ามวลมนุษยชาติ มากมายที่สุด ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือน
หรือเทียบเคียงได้ ตามไปด้วย กันนั่นเอง
" พลังนี้ " สิ่ง ๆ นี้ คือ " กฏของธรรมชาติ "
ที่ได้คอย ก่อกำเนิด ควบคุม สร้างสรรค์ ให้รางวัล ลงโทษ หรือทำลาย
สรรพสิ่งต่าง ๆ ทั้งหลายทั้งปวง บนโลกนี้ และทั่วทั้งจักรวาล ให้เป็นไป
ตาม " กฏของธรรมชาติ " คือ กฏแห่งกรรม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
" หว่านพืชเช่นไร ย่อมได้รับผลเช่นนั้น "
คนเราเมื่อรู้กฏ ก็คือรู้หน้าที่ มีหน้าที่ ที่จะต้องปฏิบัติ
ให้ถูกต้องตามกฏ เช่น กฏหมาย เป็นต้น ซึ่งกฏหมาย เป็นสิ่งที่มีอยู่ ในทุก ๆ
ประเทศทั่วโลก ก็แตกต่างกันไป เหมือนกันบ้างต่างกันบ้าง ตามแต่ละสถาน
ที่
แต่ " กฏของธรรมชาติ " นี้ เป็นสิ่งที่อยู่คู่โลก แต่เกิดก่อนโลก
อยู่คู่จักรวาล แต่เกิดก่อนจักรวาล เป็นกฏเกณฑ์ เหมือนกฏหมาย ที่บังคับ
ใช้กับสิ่งที่มีชีวิตทั่วทั้งจักรวาล ให้เป็นไปตาม " กฏแห่งกรรม " คือ ทำดี
ได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว " หว่านพืชเช่นใด ย่อมได้รับผลเช่นนั้น " เหมือนกันหมด
ทั่วทั้งจักรวาล ไม่มีการแบ่งแยกหรือแตกต่างกัน แต่อย่างใด
" กฏของธรรมชาติ " ก็เหมือนกับ " กฏหมาย "
คุณมีสิทธิ์ที่จะไม่เชื่อ ไม่สนใจ ไม่รู้ ไม่เห็น ไม่ปฏิบัติตามกฏหมาย
แต่เมื่อได้ทำผิดกฏหมายเข้าไปแล้ว ถ้าถูกจับได้ คุณก็จะต้องถูกลงโทษ
อย่างหนักเบา หรือสาหัสสากัน ได้รับความทุกข์ทรมาณ มากมายแค่ไหน
มันก็ขึ้นอยู่กับว่า คุณได้ทำผิดมากน้อยแค่ไหน และกฏหมายท้องถิ่น ของ
สถานที่ประเทศนั้น ๆ ได้บัญญัติเอาไว้ว่าอย่างไร
กฏหมาย ถ้าคนเราได้กระทำลงไปแล้ว ยังมีโอกาสหนีรอด ยังมี
โอกาสหลบเลี่ยงได้ ถ้าโชคดีหรือมีความสามารถ แต่ " กฏของธรรมชาติ "
เมื่อคนเราได้กระทำกรรม คือการกระทำใด ๆ ลงไปแล้ว ไม่มีโอกาสหนีผล
ของกรรม คือ การกระทำนั้น พ้น หรือหนีรอดไปได้ ไม่ว่าจะหนีไปอยู่สุด
ขอบ หรือส่วนที่ลึกที่สุดของจักรวาล กันก็ตามที
" กฏของธรรมชาติ " บังคับใช้กับสิ่งที่มีชีวิต ทั่วทั้งจักรวาล
แต่บนโลกนี้ สิ่งมีชีวิตที่จะสามารถ รู้ เห็น และเข้าใจ ในกฏของธรรมชาติ
ได้ มีแต่เพียงคน คือ มนุษย์เท่านั้น เพราะเหตุนี้ " กฏของธรรมชาติ " จึง
เป็น " หน้าที่ของมนุษย์ " ซึ่งคนเราจะต้องศึกษา พิจารณาดู เพื่อรู้ จนเห็น
และเข้าใจ เพื่อประโยชน์แก่ตนเอง และสังคมโดยส่วนรวม กันนั่นเอง ...