Malmo to Arvika

From Malmo to Arvika

23 June ,10

วันนี้ตัดสินใจตื่นแต่เช้าอาบน้ำแต่งตัว ลงมาทานอาหารเช้าในโรงแรม เสียแต่ว่า กางเกงยีนส์ตัวเก่งคงทนใส่ไม่ได้เสียแล้ว เพราะว่ากางเกงตัวอื่นอันตรธานหายไปพร้อมกระเป๋า เมื่อวานนี้ ดังนั้นเช้านี้มีเหลือแต่ชุดแซก กับรองเท้าส้นสูง เพราะรองเท้าส้นเตี้ย ก็หายไปเหลืออีกคู่ แต่ไม่น่าเข้าชุดกันได้ ฉันทานอาหารเช้าเสร็จก็นำกระเป๋าใบใหญ่ใส่เสื้อผ้า หนังสือ มาฝากเก็บในห้องเก็บของเหมือนเดิม คงเหลือแต่ของที่จำเป็นต้องติดตัวไปที่Arvika
ฉันเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรมประมาณ แปดโมง แล้วลากกระเป๋าใบเล็กอีกใบไปตามทางเดินในเมืองหลวงของMalmo
เช้านี้ในเมืองหลวงดูเงียบสงัดผิดกับเมื่อวานนี้อย่างมาก อาจเป็นเพราะคนในเมืองนี้ตื่นสาย หรือ เพราะนอนดึก อาจเป็นได้ทั้งสองอย่าง เพราะว่า พระอาทิตย์กว่าจะลาลับจากขอบฟ้าบางคืนก็เกือบ ห้าทุ่ม ฉันเอง หากไม่เอาผ้าม่านลง ก็คงไม่สามารถข่มตาหลับลงได้อย่างแน่นอน เพราะว่า แม้จะ พลบค่ำแล้ว แสงแดดก็ยังสาดส่องไปทั่วเมืองหลวง ยามรุ่งอรุณของวันใหม่ ท้องฟ้าสีฟ้าคราม ไม่มีแม้ก้อนเฆมมาบดบังทัศนียภาพ แสงแดดยามเช้า จะสาดส่องลงมาอ่อน ๆ ไม่แรงเหมือนตอนบ่าย สายลมเย็น ๆ ระหว่างเดินทาง ช่วยให้ฉันรู้สึกว่าหายเหนื่อย แม้จะเดินค่อนข้างไกล และใส่ส้นสูงก็ตาม เหตุเพราะตัดสินใจเดิน เนื่องจาเสียดายเงินค่ารถแท๊กซี่ ลองคิดดูที่นี่อะไรก็คูณด้วย 4 หมด อีกอย่างฉันไม่อยากผลาญเงินทางบ้าน และการเดินก็เป็นการออกกำลังกายที่ดีที่สุดในตัว หากขึ้นแท๊กซี่ จากโรงแรม ถึงสถานีรถไฟต้องจ่ายอย่างต่ำสุด ประมาณ 110 Sek ก็ปาไป 440 บาทไทยเราแล้ว สู้เก็บเงินไว้กินขนมดีกว่า อิอิ ว่าแล้ว อิฉันก็เดินลากกระเป๋าไปตามถนนซีเมนต์ในเมืองหลวงแต่เช้าตรู่ โชคดีไม่มีคน แต่เสียงกระเป๋าของฉันมันก็ดังสนั่นเมืองเหมือนกัน ฉันว่าจะหิ้วก็เกรงใจ เพราะอัดของฝากเพื่อนเยอะเหมือนกัน ที่สำคัญ สัมภาระสำคัญเต็มพิกัดด้วย อีกอย่าง การเดินทางครั้งนี้ เป็นการเริ่มต้นการผจญภัย ไปยังอีกเมืองหนึ่งของฉัน และ ฉันยังไม่รู้เลยว่าจะต้องทำไงบ้างรู้แต่ว่า ต้องซื้อตั๋วรถไฟ และ ใช้เวลาถึงเจ็ดชั่วโมงในการเดินทางครั้งนี้ ฉันตัดสินใจว่าเป็นไงเป็นกัน ไม่สนใจแล้วกับเสียงลากกระเป๋าดังแกร๊กกร๊าก ตามทางเดินเท้า อีกอย่างคนเดินถนนน้อยด้วย ไม่มากมายนัก ฉันจึงไม่ต้องหันไปสนใจใคร คิดเสียว่านี่บ้านฉันเองละกัน
และแล้วใช้เวลาเดินเท้าจากโรงแรม ถึง Centralstation Malmo (สถานีรถไฟ Malmo) ใช้เวลาประมาณ สามสิบนาที แต่ขอบอกว่าเหงื่อไม่ไหลสักหยด เพราะว่าอากาศยามเช้าดีมาก เหลือเกิน เช้านี้คาดว่าน่าจะประมาณ ยี่สิบองศากว่า ๆ ไม่ร้อน ไม่หนาวเกินไป มาอยู่ที่นี่ทำให้ฉันเริ่มปรับอุณหภูมิร่างกายให้เข้ากับสภาพอากาศของประเทศสวีเดนได้มากกว่าครั้งก่อน ไม่ค่อยเป็นหวัดสักเท่าไหร่ และไม่ต้องพึ่งพายามาทานด้วย อ้อ แต่แนะนำว่าพกมาบ้างก็ดีนะ พวกลดน้ำมูก แก้ไข้ หรือยาที่จำเป็น เพราะว่าใช้ได้แน่นอน จะหาตามร้านยาให้เหมือนบ้านเราคงลำบากมาก
กลับมาที่ขายตั๋วดีกว่า วันนี้ฉันเจอคนขายตั๋วคนใหม่ ท่าทางหยิ่ง ๆ แต่เธอก็ยิ้มบางครั้ง คิดว่าน่าจะเป็นลูกครึ่งมากกว่า อาจเป็นลูกครึ่งไทย หรือไม่ก็ไม่ใช่ เพราะพอบอกว่าฉันเป็นคนไทย เจ้าหล่อนดู เหมือนมองด้วยหางตา แต่อย่างน้อย ก็ทำหน้าที่ขายตั๋วได้อย่างดี เพราะฉันถามเรื่องการเดินทาง จากMalmo ไป Arvika เช้าสุด ออกกี่โมง ได้ความว่ามีหลายขบวนอยากไปขบวนไหน เอากับหล่อนซิ ฉันเลยบอกว่า เอาขบวนที่ถึง Arvika หกโมงเย็น หล่อนบอกว่า มันก็มีหลายราคานะ ฉันจึงตอบกลับว่า ถึงหกโมงเปลี่ยน รถไฟน้อยสุด ได้ที่นั่ง ราคาถูกสุด ดูให้เลย และแล้วหล่อนก็บอกว่า มีออกอีกทีตอน สิบเอ็ดโมงสี่สิบห้า เอาไหม ฉันบอกว่า What ever! ฉันเอา ให้ไปถึง Arivka ละกัน เฮ่อ ๆๆๆ การจองตั๋วที่นี่แปลก จริง ๆ แต่ก็ดีนะ ให้เลือกได้ ฉันจ่ายเงิน และถามถึงการเดินทางทำไงบ้าง อย่างเช่นตั๋วของฉันเขียนว่า
Malmo C-Falkoping C 2 Klass
1.Vuxen
Malmo C - Nassjo C X2000 2 kl SJ
Avang Ankomst Tag Vagn Plats
09.15 11.06 530 3 64

หมายความว่า ขบวนรถที่ออกจาก Malmo - Nassjo ขบวนที่เท่าไหร่ จากต้นทาง Malmo ออกเวลา 09.15 เราก็ต้องมอง ที่หน้าจอว่า รถจะจอดที่ชานชาลาไหน หากโชว์ที่หน้าจอว่า จอดที่ชานชาลา 12 ก็ไปขึ้นได้เลย การขึ้นรถไฟที่นี่ไม่ยาก เพราะตรงเวลามาก และ สามารถดูจากมอนิเตอร์ ที่โชว์ข้อมูลการเดินทาง รถไฟได้ตลอดว่า เข้า ออก และ ถึงสถานีปลายทางเวลาไหน
ครั้งนี้การเดินทางของฉันต้องเปลี่ยนรถไฟ ถึง สามขบวน ตอนแรกฉันก็กลัวว่า จะทำไม่ได้ เพราะเดินทางคนเดียวอีกอย่าง ไม่รู้เรื่องอะไรเลยคิดไปต่าง ๆ นาๆ ว่า จะทำได้ไหมหนอ และแล้วการเดินทางครั้งนี้ก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ใช้เวลาในการเดินทาง และ การเปลี่ยนรถไฟของแต่ละสถานี ก็มีเวลาให้เราได้ตั้งหลักอย่างไม่ยากเหมือนที่คิดในตอนแรก เพราะแต่ละสถานีที่ทำการเปลี่ยนการเดินรถไฟ บางทีหากเป็นรถไฟท้องถิ่นขบวนเล็ก พอลงจากขบวนที่เรามาก็สามารถขึ้นอีกขบวนที่จอดตรงข้ามได้เลย ใช้เวลา 10 นาที แต่หากเป็นสถานีใหญ่ และ ขบวนรถไฟที่เป็นโบกี้ใหญ่มากหน่อย ก็มีเวลาให้เปลี่ยนประมาณ 10-20 นาทีในการเดินหาว่า ขบวนรถที่เราจะเปลี่ยน ไปยังต้นทาง จอดอยู่ชานชาลาไหนหนอ เอาเป็นว่าการเดินทางมายัง Arika ของฉันครั้งนี้ ใช้่เวลาเดินทาง ทั้งสิ้น 7 ชั่วโมงเต็ม ไม่ขาดไม่เกิน แต่อาจมีนิดหน่อย หากรถไฟจอดนาน และ ติดขัด แต่ทุกอย่างเป็นการเริ่มต้นการเดินทางครั้งแรกของฉัน จากMalmo ไปยังอีกเมืองหนึ่ง การเดินทางครั้งนี้มีความหมายต่อฉันมากมายนัก เพราะจะได้พบกับเพื่อนคนไทย ที่ฉันเจอเธอในเมืองไทย ครั้งแรก ตอนไปขอวีซ่าท่องเที่ยว ปีที่แล้ว เพื่อนฉันมารอรับฉันที่สถานีรถไฟ ใน Arvika ตรงตามเวลาที่ฉันนัดหมายไว้ ตอนแรกก็กลัวว่าจะไม่เจอกัน เพราะว่าฉันไม่มีโทรศัพท์ และไม่สามารถโทรติดต่อใครได้เลย พอเห็นหน้าเพื่อน เหมือนกับว่าตอนนี้ฉันไม่ได้โดดเดี่ยวอีกต่อไปแล้ว ฉันดีใจมากเลยนะ ที่เพื่อนของฉันมารอรับ ตรงตามเวลา

Create Date : 07 กรกฎาคม 2553		2 comments
Last Update : 13 กรกฎาคม 2553 16:11:47 น.
Counter : 445 Pageviews.
Share Tweet