My life...my dream...My world... ไม่อนุญาติให้ทำซ้ำ หรือนำรูปภาพไปเผยแพร่
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
5 กรกฏาคม 2553
 
All Blogs
 
วันต่าง เวลาต่าง บ้านเมืองก็ต่าง

21 -22 มิย 53


ห่างหายไปหลายวัน มาเริ่มกันวันที่สาม ดีกว่านะคะ วันนี้ มีเวลาว่างจะเล่าย้อนหลังละกัน มีหลายอย่างมากเกิดขึ้น ณ ขณะมาอยู่ต่างแดน ยิ่งเป็นหญิงไทยนะ บอกได้เลยว่า ตอนแรกกลัวมากเหมือนกัน เพราะเรามาคนเดียว ไม่มีเพื่อน ที่เมืองนี้ และ เราไม่รู้จักใคร โชคดีได้เพื่อนใหม่ ที่โรงแรมที่พัก พนักงานที่นี่ให้ความช่วยเหลือฉันได้อย่างมากมาย ทั้งเรื่องฝากกระเป๋า และเรื่องแนะนำสถานที่การเดินทาง อะไรอีกหลายอย่าง หากฉันมีปัญหา เวลาถามฉันจะได้คำตอบจากพนักงานที่นี่ทุกคน ทำให้ฉันรู้สึกว่า เราไม่ได้ ต่างบ้านเมืองเลยนะ แม้วัน เวลา และ สถานที่จะต่างกัน แต่อย่างหนึ่ง คือมิตรภาพใหม่ ๆ ได้เริ่มข้นในเมืองนี้ สำหรับฉัน
วันที่ 21 มิย 53


Svedala
21 มิย 53 การเดินทางไปต่างจังหวัด(นอกเมือง) ของฉันได้เริ่มขึ้น วันนี้ฉันตัดสินใจว่า จะแวะไปเที่ยวนอกเมือง Malmo ด้วยการใช้ รถประจำทาง หรือ รถบัส แบบเมืองไทย แต่ต่างกันตรงที่ว่า ทุกอย่างของเมืองนี้ตรงเวลา และ ต้องมารอก่อนเวลา สายมิได้แม้แต่วินาทีเดียว ตอนแรก ฉันคิดว่า เว่อร์ไปไหมเนี่ย แต่เปล่าหรอกนะ เพราะการที่ประชากรของเมืองนี้ และ กฎของประเทศนี้ ทำให้ฉันได้เรียนรู้ว่า ชีวิตในเมืองกรุง ของฉัน ในประเทศไทย ฉันต้องปรับเปลี่ยนอะไรหลายอย่าง ต้องสลัดคราบความขี้เกลียดทิ้งลง ให้หมด และต้องทำอะไรให้ดีกว่าเดิม เหมือนเป็นการปรับเปลี่ยนตัวฉันเองให้ดีขึ้น ว่างั้นเถอะนะ
ที่นี่สอนให้ฉันเรียนรู้การดำเนินชีวิต แต่อย่างหนึ่งอาจเป็นการโชคดีของฉันก็ได้ การมาอยู่อาศัย ณ สวีเดน ครั้งนี้ มิใช่ประเทศแรก ที่ฉันมาเยือน แต่ต่างกันตรงที่เวลา พำนักพักพิง อาจยาวนานกว่าทุกประเทศ ที่ฉันเคยเดินทาง ณ ดินแดนแห่งนี้ เป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของฉันอย่างมากมาย ทั้งวัน เวลา สถานที่ และการตื่นตัวของตัวฉันเอง
เรากลับมายัง Svedala กันดีกว่า เริ่มต้นการเดินทางมา Svedala ต้องเดินทางจากสถานที่พัก ของฉัน มาที่สถานีรถไฟ ของ Malmo และ ที่นี่จะมีสถานี้รถบัสออกนอกเมืองด้วย ฉันขึ้นรถบัส สีส้ม เพื่อเดินทางมา Svedala เราสามารถดูว่ารถสายไหนมาที่เมืองนี้ได้จากป้าย และ จะมีเวลารถออก การเดินทางมายังเมืองนี้ ใช้เวลาประมาณ ยี่สิบนาที แต่ขอบอกเลยว่า สถานที่สองข้างทางสวยประทับใจฉันมาก เพราะอะไรน่ะเหรอ ก็เพราะว่า อากาศ และ บรรยากาศ เต็มไปด้วย ต้นไม้เขียวขจี ท้องทุ่งสีเขียว ลาดยาวไปตามเนินเขา สลับกันสูงบ้าง ต่ำบ้าง แล้วแต่พื้นที่ บ้างก็มีดงดอกไม้ ขึ้นตามริมทาง ฉันตัดสินใจ นั่งแถวพนักงานขับรถ เขาเป็นชายชรา นิสัยดี น่ารัก และ ที่สำคัญ ฉันต้องการให้เขาเตือนว่า ถึงเมืองนี้ตอนไหน นั่นแหละ คือปัจจัย ว่าทำไม ต้องนั่งใกล้คนขับรถ แต่อีกอย่างหนึ่ง ฉันได้ใช้กล้องคู่ชีพถ่ายภาพวิว สองข้างทางเวลารถวิ่ง วิวสองข้างทาง มีทุ่งข้าว สลับกับป่าไม่เขียวขจี แถมด้วยดอกไม้ สีแดงส้ม ลองทายกันเองนะว่าดอกอะไรเอ่ย

ธรรมชาติสองข้างทางทำให้ฉันนึกถึงบรรยากาศต่างจังหวัดในเมืองไทย แอบภูมิใจว่า บ้านเราก็สวยไม่แพ้ที่นี่เหมือนกัน ยกเว้น อากาศ ฉันคาดว่า ตอนนี้ ที่ประเทศไทยเรา อาจยังคงร้อน และ มีฝนตก ประปราย แต่ ที่นี่ แสงแดด อ่อน ๆ ลมพัด โชยมาเป็นระยะ บวกกับภาพท้องทุ่งที่เขียวขจี สลับกับ ป่าไม้ สูงใหญ่ และ ดงดอกไม้หลากหลายชนิด ตามข้างทางแล้ว ทำให้หายคิดถึงประเทศไทย และ เพลิดเพลินกับการเดินทางคนเดียวได้ดี
สักพัก รถได้มาหยุดยังสถานที่ นัดหมาย ของฉันกับเพื่อนท้องถิ่น ที่พักแถวนี้ นั่นก็คือโทมัส นั่นเอง วันนี้โทมัส อาสา พาเที่ยว ยังเมือง Svedala โทมัสบอกว่า บ้านพักอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ ยี่สิบนาที ณ ขณะนั้น ฉันก็ว่าเออ ไม่เป็นไร เดินเที่ยวเล่น เห็นธรรมชาติ สบาย ๆ ชิว ๆ ดีกว่า ฉันก็เลยตกลงกับโทมัสว่า ดีเหมือนกัน ฉันอยากเห็นธรรมชาติสองข้างทาง และ จะได้เก็บภาพไปในตัวด้วย เราตัดสินใจ แวะ ที่ร้านค้า เพื่อซื้อของไปทำอาหารกลางวันทาน ในวันนี้ ฉันเลือกที่จะทำอาหารไทย เพราะคิดถึงรสชาด อาหารบ้านเรา เหลือเกิน โทมัสจึงให้ฉันเป็นคนจัดการ เลือกทุกอย่าง และ อุปกรณ์ในการทำอาหาร เสร็จจากซื้อของ เราตกลงเดินทาง จากเมืองหลวง ไปตามถนนคนเดิน ตอนแรก ก็เป็นโรงงาน และ สิ่งก่อสร้าง แต่สักพัก สิ่งที่ฉันได้เห็น คือบรรยากาศ ที่งดงาม โทมัสบอกว่า นี่คือทุ่งข้าว ที่นำมาทำ เป็น corn flakes และ อาหารต่าง ๆ เพราะที่นี่ ส่วนมาก เพาะปลูก พืชนี้เป็นส่วนใหญ่ โทมัสเป็นไกด์พาเดิน ไปตามทางลาดเนินสูง ต่ำ สลับกันไป บ้างก็เป็น ไหล่เขา แม้จะเป็นถนน ที่พัฒนา แล้ว สำหรับ คนมีรถขับ และ การจราจรก็ไม่น่ากลัวเหมือนเมืองไทย ส่วนมากการขับรถที่นี่จะมีกฏว่า ขับได้ เท่าไหร่ อย่างเช่น ป้ายบอกว่า 30 ก็ต้องขับตามนั้น หรือ มากสุด 70 ก็ว่ากันไป แต่หากขับไม่ระวัง อาจมีรูปโพสต์ สวย ๆ ส่งมาให้ถึงบ้านก็ได้นะเออ
การเดินทางที่โทมัสบอกไว้ คือประมาณ ยี่สิบนาที แต่ฉันก็เริ่มคิดว่า เอ๋ ทำไม มันเดิน ยี่สิบนาทีก็แล้ว แต่ฉันยังไม่เห็นบ้านโทมัสหว่า เห็นแต่ทุ่งข่าว สูงบ้าง ต่ำ บ้าง ป่าไม้ สองข้างทางบ้าง และ ทุ่งดอกไม้ นานา ชนิด สีสันต่าง ๆ กันมากมาย แม้จะเพลิดเพลิน แต่ว่า ฉันเริ่ม ขี้เกลียดแล้วนะเออ ตัดสินใจถามโทมัสว่า เมื่อไหรถึง นายโทมัส เพื่อนผู้น่ารัก ก็หันมายิ้ม อย่างสบาย อารมณ์พร้อมคำตอบว่า หากฉันเดินคนเดียวนะ ก็ยี่สิบนาที ถึงแล้ว แต่ ยูเดินช้าเอง เอ่อ เป็นว่าฉันผิดเหรอเนี่ย ก็ขาฉันแม้จะยาว แต่ก็ไม่เหมือนกับขานายนะ โทมัส (ฉันแอบเถียงในใจ) ไอ้คำตอบที่ได้มา ทำให้ ฉันเริ่มรู้สึกว่า เอ่อ นายนี่แน่มากเลย หากฉันเลือกได้ คงเกิด เป็นคนขายาวแบบนายแหละ แต่มัน ต่างกันตรงไหนเนี่ย กับการเดินของผู้หญิง กับผู้ชายน่ะนะ
หากไม่เพราะอากาศดี และ ธรรมชาติสวย ฉันก็คงจะหันไปแว๊ดใส่ เพื่อนต่างวัยอันน่ารักของฉันแล้ว แต่คิดได้ว่า เอ่อ โทมัสเพิ่งจะเป็นเพื่อนฉันนี่น่า เราจะเอานิสัยเรามาใช้ได้ไงหว่า

เลยตัดสินใจ เดินไปใช้กล้องถ่ายรูปสวย ๆ ไปดีกว่า การเดินทางมากกว่ายี่สิบนาที ของโทมัส ได้จบลง ด้วยเวล่า เกือบ สี่สิบ ห้านาทีของการเดินเท้าของฉัน พอถึงบ้านที่โทมัสพัก ฉันหายเหนื่อยทันที เพราะอะไรน่ะเหรอ ก็เพราะว่า ละแวกบ้านที่เพื่อนฉันพัก เต็มไปด้วย บ้าน น่ารัก ๆ และ สีเขียวขจีของต้นไม้ ดอกไม้ หลากหลายชนิด เต็มไปหมด หลังบ้านก็มีทุ่งกว้าง สีเขียว ล้อมรอบ โทมัสพาขึ้นบ้านไปพักผ่อนสักพัก ฉันก็เริ่มทำอาหารไทย แบบง่าย ๆ นั่นคือ ไก่หมักซอส และ ข้าวผัด ใส่ข้าวโพด ไข่ เนย แถมด้วย ผัดผักรวมมิตร แบบ ง่าย ๆ เพราะเหนื่อยจากการเดินทาง หลังจากพักทานข้าว และ อิ่มหนำสำราญ กันถ้วนหน้า เราตัดสินใจ ออกเดินชมทิวทัศน์ สองข้างทางกันอีกครั้ง และ สิ่งสำคัญลืมไม่ได้ คือ ต้อง ทำเวลากลับให้ทันรถโดยสารเข้าเมือง Malmo และ แล้ว ก่อนกลับเข้าเมือง Svedala ฉันก็ได้ทำการถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก ก่อนออกเดินทางเข้าเมืองหลวง เพราะว่าวันที่ 22 ฉันต้องเช็คเอ้าท์ ออกจากโรงแรม เพื่อนเดินทางไป ยัง Arvika เยี่ยมเพื่อน คนไทย การอำลา ของเพื่อนโทมัส ด้วยการเดินเท้าเริ่มขึ้นอีกครั้ง ด้วยการเดินกลับไปส่งฉันที่ป้ายรถเมล์ในเมือง Svedala ผลสุดท้าย ได้รู้ว่า โทมัส ได้จอดรถจักรยานคู่ใจของเขาไว้แถวนั้น แต่ใช้การเดิน พาฉันมาบ้าน และ เดินส่งกลับแทน เอ่อ ณ ตอนนั้น ฉันเริ่มเข้าใจแล้วว่า ยี่สิบนาทีของโทมัส เขาเดินทางกันอย่างไร มิใช่แค่การเดินทางเท้าอย่างเดียว

22 มิย 53
วันนี้ฉันได้ไปทำบัตร ที่ สกั๊ด แต่เช้า แต่จนแล้วจนรอด ก็เดินหลงได้อีกนะเออ หลงเมือง หลงทาง แต่ ฉันตัดสินใจถามคนท้องถิ่นเอา คำตอบที่ได้ ก็ต่างกันสิ้นเชิง เหมือนที่บอกแหละ หาคนในเครื่องแบบไว้ อย่าถามคนท้องถิ่น 5555 ฉันตัดสินใจ เดินตรงไปหาตำรวจหญิงคนหนึ่ง ถามว่าฉันจะไปยังไง ทางไหนดี ทำหน้า แบบคนหลงทาง ไม่รู้ไว้เยอะ ๆ ได้ผลนะเออ คนที่นี่ร่ารักมาก โดยเฉพาะพวกคนในเครื่องแบบ ตำรวจหญิง ได้โทรถามทางกับเจ้าหน้าที่ คนหนึ่ง และยื่นให้ฉันคุยกับเจ้าหน้าที่ทางโทรศัพท์ แล้วสักพัก พอได้ความแล้ว ฉันยื่นโทรศัพท์คืนให้ตำรวจคนเดิม เพื่อคุยกัน ปรากฏว่า ตำรวจหญิงคนนี้น่ารักเหลือเกิน บอกฉันว่าให้เดินตามเขามา แม้ว่าคุยกันคนละภาษาก็ตามเธอได้พาฉันมายังสกั๊ด ก่อนเวลา เก้าโมงเช้า ฉันรอจนสกั๊ดเปิดทำการ และ กล่าวลาตำรวจหญิง ก่อนไป แม้ว่าฉันไม่เข้าใจ ภาษาสวีดิชแต่ทำให้ฉันเรียนรู้ว่า ภาษามิใช่อุปสรรค ในการอยู่ที่นี่เลย เราเองต่างหาก สร้างกำแพงนี้ขึ้นมา เวลา ทำการเปิด มีผู้คนมารอ หลายคนมาก ฉันได้คิวคนที่สี่ แล้วพนักงานที่นี่ก็น่ารัก สรุปแล้ว ฉันทำทุกอย่างเสร็จ ด้วยตัวเอง และ มีเจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษา แม้ว่าจะไม่เข้าใจสวีดิชก็ตาม แต่เขาก็คุยสนทนา เป็นภาษาอังกฤษ และ บอกว่า รออีก เก้าวัน หรือ สองอาทิตย์ เราจะได้บัตรประจำตัว หรือ personnumber เจ้าหน้าที่สอบถามว่า ฉันมาอยู่ที่นี่ ใครเป็นคนอุปถัมภ์ หรือเปล่า ฉันบอกว่า ฉันอุปถัมภ์ตัวฉันเอง 5555 เจ้าหน้าที่น่ารักมาก ทุกอย่างได้ความว่า ตอนนี้การทำบัตรประจำตัว หรือ personnumber ไม่จำเป็นต้องทำที่ ที่ เรา ขอวีซ่า แต่สามารถทำได้ จากทุกเมืองแล้ว ดีเหมือนกันนะ
พอเสร็จ จากทำบัตร ฉันก็ไปเก็บของสำคัญ เพื่อนเดินทางไปหาเพื่อนที่ Arvika และ ฝากกระเป๋า ไว้ทางโรงแรม ฉันไปซื้อตั๋ว เดินทาง ที่สถานี Malmo แต่ที่นี่เหตุการณ์ บางอย่างได้เกิดขึ้น และ ที่นี่ ทำให้ฉันรู้สึกว่า อยากกลับเมืองไทย และ ท้อมากเหลือเกิน กระเป๋าเป้ ที่ใส่สัมภาระ มาเต็ม พร้อมของสำคัญ มากมาย ที่เตรียมเดินทาง ไปต่างเมือง
ณ สถานี่รถไฟ Malmo ฉันได้วางเป้ไว้ ไม่ไกลจากที่ขายตั๋ว เพราะคิดว่าเป็นห้องขายตั๋ว และ อีกอย่าง คนที่นี่ดูน่ารัก และ เป็นมิตร ฉันหันดูกระเป๋าของฉันเป็นระยะ แม้จะวางไว้ไม่ไกลมากเท่าไหร่นัก เหตุ เพราะไม่ระวัง ระหว่างจะทำการจ่ายเงิน ค่าตั๋วรถไฟ หันไปอีกที เป้ของฉันอันตรธานไปเสียแล้ว อย่างรวดเร็ว ไร้ ร่องรอย ณ วินาทีนั้น หัวใจของฉัน เหมือนขาดหายไป เพราะของที่สำคัญ ที่ฉันมี หายไปชั่วพริบตาเดียว ฉันได้คำตอบ จากผู้หญิงขายตั๋ว ว่า ยูไปเดินหากระเป๋าก่อนไป เผื่อจะเจอ ฉันเดินออกหากระเป๋าของฉัน เหมือนคนไม่มีชีวิต เพราะสิ่งของในนั้น สำคัญ สำหรับฉันมาก ที่สำคัญที่สุด คือรูป พ่อ กับ แม่ ที่ฉันพกติดตัว ตลอด ไม่ว่าจะไปไหนก็ตาม อีกอย่างคือ ฉันสะเพร่าเองด้วย เหตุเพราะว่าเป้ใบใหญ่ และ หนักมาก จึงวางไว้ข้างหลัง แม้จะไม่ไกลนัก แต่ ก็ไม่สมควร ของหลายอย่างหายไปพร้อมเป้ จี้ที่พ่อให้ฉันไว้ก่อนท่านเสีย สายชาร์ท กล้อง สายชาร์ท โน๊ตบุ๊ค เครื่องสำอางค์ (อยากเป็นลม กับอันนี้มาก มันเสียดายสุด ๆ เครื่องสำอางค์ ที่ฉันใช้ ต้องหายไป เฮ่อ ๆๆๆ) ที่สำคัญ เสื้อผ้า กางเกงยีนส์ ตัวเก่ง พวกที่เหลือ ก็ที่ใส่ ยังไม่หายไปด้วย เฮ่อๆๆๆๆ นอกนั้น หายไปหมด เอาละหว่า จะเอาอะไรใส่กันล่ะทีนี้ อาการเซ็ง และ ซึม บวกกับอารามโมโห วิ่งปรู๊ดเข้ามาทันที ฉันเดินหารอบสถานีรถไฟก็ไม่เห็น ตัดสินใจเข้าไปถามคนขายตั๋วอีกรอบ ที่นี่มีกล้องวงจรปิดไหม คำตอบ คือ ไม่มี ของหายยูก็ไปแจ้งความดิ เอ่อ ดูซิ ดู พูดง่ายดีนะ เวลานั้นโทรหาใครก็ไม่ได้ เอาซิเรา วินาทีสุดท้าย ส่ง เอสเอ็มเอส หาเพื่อนได้ ข้อความสุดท้าย คือ ยกเลิกเดินทาง ของหาย และติดต่อใครไม่ได้เลยสักคน
วินาทีนี้ ฉันเดินเหมือนคนเสียสติ อยากร้องไห้ออกมาดัง ๆ ฉันรู้แต่ว่า ฉันเกลียด สวีเดน เอาล่ะซิ ยังดีพอมีเงินเหลือบ้าง บัตรเครดิตไม่หาย พาสปอร์ตยังอยู่ เดินไปหาซื้อของก็บ่นไป มาที่ร้าน บอดี้ชอร์ป แบบเมืองไทย ซื้อครีมทาผิว เพราะหากไม่ทาครีม ตัวฉันคงลอกคราบแน่ เพราะอากาศเย็นมาก และ อีกอย่าง ผิวแห้งด้วย ฉันก็บอกพนักงานร้าน สาวสวยว่า ฉันโดนลักของ เดินมาไม่เหลืออะไรแล้ว ไม่รู้ทำไงเหมือนกัน เธอคนนี้ก็น่ารักมาก บอกฉันว่าไปแจ้งความ ฉันเล่าให้ฟังถึงพนักงานขายตั๋ว เธอก็เลยบอกว่า ทำไมเขาพูดกับยูแบบนั้นล่ะ รอฉันก่อนนะ ฉันอาจทำอะไรได้บ้าง เธอโทรศัพท์ หาการ์ดคนหนึ่ง เธอบอกฉันว่า ฉันโทรหาคนนี้เขาจะพาคุณไปแจ้งความนะ วินาทีนั้น น้ำตาที่คลอเบ้าอยู่แล้ว มันไหลมาอย่างไม่อายใครแล้ว เพราะความทราบซึ้งในน้ำใจ สาวสวยนางนี้ ฉันมองเห็นเธอเหมือนนางฟ้าของฉันทีเดียวเทียวแหละ การ์ดมาถึงเร็วเหมือนที่เธอบอกฉัน
การ์ดพาฉันเดินไปสถานีตำรวจ ชายคนนี้รูปร่างสูงใหญ่ เขาน่ารักมากสำหรับฉัน คอยถามฉันถึงเรื่องที่ของหาย และ อะไรอีกมากมาย ณ วินาทีนี้ฉันรู้แต่ว่า ฉันเริ่มตื้นตันกับมิตรภาพใหม่ ที่ได้รับใน วันนี้อย่างมากมายเหลือเกิน การ์ดพามาถึงสถานี้ตำรวจ แล้วก็จากไป ฉันขอบคุณเขา ก่อนจะจากลา พอมาถึงสถานีตำรวจ ก็ต้องรอสักพัก ตำรวจนายหนึ่งรูปร่างหน้าตาดี พอใช้ เหมือนในหนัง CFI ในแผ่นฟิล์ม เดินเข้ามาหาฉัน และ ถามไถ่ฉันสักพัก แล้วก็บอกว่าให้รอสักครู่จะมีพนักงานมาดำเนินเรื่องให้ แล้วเขาก็ไปคุยกับคนท้องถิ่นที่มารอก่อนหน้าฉัน ที่นี่ฉันนั่งรอเกือบ สามสิบนาที ฉันเริ่มอึดอัด จึงตัดสินใจ ถามคนที่เดินออกมา ว่าเมื่อไหร่ จะมีคนมาสักที ได้ความว่าสักครู่ แล้ว ก็เกือบสิบนาทีต่อมา ตำรวจหญิง กับตำรวจชายนายหนึ่ง ต่างพากันเดินออกมา และ กล่าวสวัสดี ตำรวจหญิงถามเรื่องต่าง ๆ และ เวลา สถานที่ ฉันเล่าย้อน ให้ฟัง ตั้งแต่ต้น พร้อมกับความอัดอั้นตั้นใจ และ เสียใจ ฉันกล่าวว่า ไม่อยากเชื่อว่าบ้านเมืองคุณจะเป็นแบบนี้ เพราะเท่าที่ฉันรู้ ที่นี่เป็นเมืองน่าอยู่ลำดับที่ เจ็ด ไม่น่าเชื่อว่าจะมีการลักขโมยขึ้น ตำรวจก็น่ารัก ปลอบฉันว่า เราจะทำดีที่สุด ที่นี่ตอนนี้เปิดกว้างมากกว่าเดิม มีคนมาจากหลายประเทศ ตำรวจชายกล่าวกับฉันว่า บางที ที่สถานีขายตั๋วอาจมีกล้อง และเราอาจทำอะไรได้ ฉันจึงบอกเขาว่า ไม่มีหรอก ก็นี่แหละ ฉันถามคนขายตั๋วแล้ว เขาบอกฉันอย่างนี้นะ
ตำรวจทั้งสองคน ก็อึ้ง ไปสักพัก แต่ ฉัน ขณะนี้ ร้องไห้อย่างเดียว เพราะทนไม่ไหว และเริ่มไม่ชอบเมืองนี้ขึ้นมาอย่างทันตาเห็น แต่ฉันก็บอกว่า ในความโชคร้าย อย่างน้อย ก็ยังมีมิตรภาพให้เห็น ฉันก็ต้องขอบคุณพวกคุณด้วยละกัน ที่ ดำเนินเรื่องให้ ตำรวจหญิงสอบถามข้อมูลต่าง ๆ แล้ว ก็กล่าวจากลา กัน พร้อมกันกับ ให้ซองขาวมา เพื่อเขียนว่า อะไรหายไปบ้าง ฉันก็ทำได้แต่ ว่า รับซองมา แล้วเริ่มคิดแนวบวกว่า อย่างน้อย ในความโชคร้าย ฉันก็มีมิตรภาพใหม่ ได้ความรู้ใหม่ กฏหมายที่นี่ อย่างน้อยก็ไม่เลว เพราะเขาให้ความช่วยเหลือ กับคนที่มาอยู่ที่นี่เท่าที่จะทำได้ ฉันเดินกลับไปที่ร้านบอร์ดี้ช๊อป เพื่อขอพบนางฟ้าของฉัน พนักงานที่นี่น่ารักทุกคน พอฉันเจอเธอเท่านั้น ก็ร้องไห้ และ ขอกอดเธอ พร้อมกับขอบคุณ สำหรับมิตรไมตรี และ ความช่วยเหลือ
เธอกล่าวกับฉันว่า วันนี้ ฉันโชคร้าย แต่ ความโชคร้าย ก็จะมีสิ่งดี ๆ ตามมา คุณมาอยุ่ต่างแดน ต่าง วัน เวลา ฉันเข้าใจว่า คุณรู้สึกอย่างไร แต่อย่าท้อนะ ต้องสู้ และ ทำความฝันของคุณให้ได้ วันนี้คุณเหนี่อย กลับไปพัก อาบน้ำ นอน พรุ่งนี้วันใหม่ สิ่งดี ๆ จะกลับมาหาคุณอีกครั้ง ฉันกอดเธอ อยู่นาน และ ร้องไห้ อย่างไม่อาย ต่อสายตาคนในร้าน ฉันรู้แต่ว่า ในวินาทีนี้ แนไม่ได้อยู่คนเดียวอีกต่อไป ฉันยังมีมิตรภาพใหม่ ๆ ประสบการณ์ใหม่ เกิดขึ้นเสมอ อยู่ที่หัวใจของฉันจะเปิดรับกับสิ่งเหล่านี้หรือไม่
ฉันเดินกลับมาที่โรงแรม พร้อมกับบอกว่าขอเช็คอิน ที่นี่พนักงานน่ารักมาก เขารู้เรื่องที่ฉันโดนลักกระเป๋า และ เรื่องราวที่ฉันเจอ เขาบอกว่า ฉันขอโทษที่คุณพบกับเรื่องเลวร้ายในวันนี้ พักผ่อน และ ตื่นมาพร้อมกับวันใหม่ ฉันรู้แต่ว่า วินาทีนี้ ฉันจะอ่อนแออีกต่อไปไม่ได้แล้ว ฉันกลับเข้าห้องพัก อาบน้ำ และ พักผ่อน สิ่งที่ทำได้ คือส่งข้อความจากคอมพิวเตอร์ของโรงแรม บอกเพื่อนว่า เลื่อนเดินทาง เป็นวันพรุ่งนี้ พร้อมเบอร์ห้องพักให้โทรกลับ ณ ที่นี่ ฉันเรียนรู้ว่า "The End is The Beginning หมายถึงอะไร"



Create Date : 05 กรกฎาคม 2553
Last Update : 5 กรกฎาคม 2553 18:57:28 น. 2 comments
Counter : 309 Pageviews.

 
เสียใจด้วยนะครับ ที่คุณ Dov โชคร้ายเกิดเหตุเช่นนี้ขึ้น
ขอเอาใจช่วย ให้สู้ๆต่อไป
กำลังใจ และสติจงกลับคืนมาๆ ท้อแท้ได้ แต่อย่าลืมต้องไม่ท้อถอย นะครับ อะไรที่มันเกิดไปแล้วให้มันผ่านไป เดินหน้าสู้
ต่อไปนะครับ



โดย: konrakcondo วันที่: 7 กรกฎาคม 2553 เวลา:19:09:01 น.  

 
-ขอแสดงความเสียใจด้วนะครับ ผมเข้าใจความรู้สึกดี เพราะว่าผมเคยทำกระเป๋าสตางค์หายที่ malmo เหมือนกัน ไม่รู้หายได้อย่างไร มารู้อีกทีก็อยู่ที่สต็อกโฮมแล้ว ยังดีที่มีเพื่อนสวีดีชให้ความช่วยเหลือ คนสวีดีชเป็นคนดี น่ารัก และซื่อสัตย์ เดี๋ยวนี้ทุกที่ในยุโรปก็ไว้ใจไม่ได้ เพราะมีพวกอพยพมาอาศัยอยู่มาก คนพวกนี้ไว้ใจไค่อยได้ ทำให้คนพื้นเมืองเสียหาย เพื่อนสวีดีชบอกว่าเดี๋ยวนี้ออกจากบ้านต้องล็อกบ้าน ไม่เหมือนเมื่อก่อน เพราะเหตุดังกล่าว ตำรวจก็เอาใจใส่ดีมาก โทรไปแจ้งความจากสต้อกโฮม ยังส่งเอกสารการแจ้งความมาให้เราเพื่อนำไปเป็นหลักฐานต่อบริษัทประกัน บริการดีมาก ไม่เหมือน.....ไปด้วยตัวเองยังไม่ได้รับความร่วมมือเลย คุณภาพของตนไม่เหมือนกัน กรรมของเรา ขอให้โชคดีนะครับ ถือว่าของหายหาใหม่ได้ แต่มิตรภาพหายาก


โดย: ว. นิเวศน์ วันที่: 23 กรกฎาคม 2553 เวลา:23:57:57 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

dov
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add dov's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.