Bloggang.com : dov : คนไทยใน Arvika

คนไทยใน Arvika

ฉันมาถึงArvika หกโมงเย็น และเพื่อนสาวก็มารับที่สถานีรถไฟตรงตามเวลาเป๊ะ ไม่ขาดไม่เกิน สิ่งแรก ที่พอเห็นหน้าเพื่อนสาว คือต้องกระโดดกอดเธอ แรง ๆ แต่ทำไม่ได้ เพราะว่าความสูงของเราสองคนต่างกันเหลือเกิน เฮ่อ ๆๆๆ เลยได้แต่กอดกันเฉยๆ มิตรภาพของคนไทยต่างแดน ของสองสาวเริ่มต้นขึ้น ณ วันนี้

สิ่งแรกที่เจอหน้ากัน คำแรกที่เพื่อนถามว่า เหนื่อยไหมกับการเดินทาง ฉันบอกได้คำเดียวเลยว่า เหนื่อย เพราะเป็นการเดินทางครั้งแรก และยาวนานมาก เหมือนเดินทางด้วยรถไฟ ในเมืองไทย แต่เดินทางด้วยรถไฟในสวีเดน ดีกว่ามาก และสะดวกกว่าไม่เหนื่อยเหมือนรถไฟที่เมืองไทยเรา อีกอย่างรถไฟที่นี่ก็สะอาด และ ที่นั่งก็ดีด้วย พร้อมมีเครื่องอำนวยความสะดวกทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเพลง ก็เสียบหูฟัง ๆ เพลงได้เลย หรือว่าจะเล่นคอม หรือ ก็มีปลั๊กไฟให้เสียบด้วย หากพลังงานสำรองอ่อนก็เสียบเล่นได้โดยไม่เสียตังค์ แถมมีที่รองให้วางของอีก สะดวกสบายมาก และที่สำคัญ รถไฟที่นี่เร็วมากด้วย ตรงตามเวลาเป๊ะ
เพื่อนสาวพาฉันไปที่พักของเธอ เพื่อนของฉันเธอชื่อ "แดง" แดงเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ผิวขาว ตอนแรกก็แปลกใจ เพราะตอนเจอแดงครั้งแรกที่สถานทูตปีที่แล้ว แดงผิวคล้ำ ๆ ไม่ขาวเหมือนตอนนี้ ปรากฎว่า การมาอยุ่ต่างแดน กอปรกับสภาพแวดล้อม และ อาหาร รวมทั้งน้ำดื่มช่วยได้เยอะมาก เห็นความต่างอย่างได้ชัดเจน จากผิวของเพื่อนสาวที่เปลี่ยนไป เป็นสีขาว อมชมพู ไม่ขาวมาก และ ไม่คล้ำ แต่ผิวของเพื่อนสาว สวยกว่าเดิมมาก เห็นความต่างชัดเจน รวมทั้งผมด้วย สีดำยาวเป็นเงา ถึงกลางหลัง ผมของแดง สีดำสวยงามมาก ได้ความว่า เพื่อนย้อมผม แต่ยังไง ก็ดำเงาเป็นธรรมชาติดี ฉันชอบผมสีดำของเธอมาก ผิดกับเส้นผมของฉัน ไม่ได้ย้อมสี แต่ กลับกลายสภาพ ยิ่งสระ ยิ่งกลายเป็นสำน้ำตาลอ่อน เข้าทุกวัน จำได้ว่าปีที่แล้ว ตอนมาเที่ยวที่นี่ใหม่ ๆ ยิ่งสระผม ยิ่งเป็นสีน้ำตาล จนเพื่อนทักว่า ไปทำไรกับผมมา ฉันบอกว่า ไม่ได้ทำไรเลยนะ แปลกเหมือนกัน หรืออาจเป็นเพราะน้ำ ฉันก็ไม่แน่ใจ แต่พอกลับไทย แล้ว ผมก็เป็นสีดำ แต่ไม่ดำมาก ครั้งนี้ก็เช่นกัน เรื่อง ผม ๆๆ เริ่มเปลี่ยนสี เป็นน้ำตาลอ่อน ลงทุกวัน ฉันได้แต่หวังว่า คงไม่เหมือนคนท้องถิ่นเขาละกัน เพื่อนเคยบอกว่า คนสวีเดน เขาเรียกกันว่า เมืองคนผมทอง เฮ่อ ๆๆๆ ว่ากันไป เพราะเจอแต่คนผมทอง ทุกที่เลย แต่ผมทองก็สวยดีนะ แต่ยังไง ผมของฉันก็ไม่เป็นสีทองแน่นอน อย่างน้อยก็น้ำตาฃ อ่อน แล้วก็จะกลับสภาพเป็นสีดำอ่อน เหมือนเดิม
จากเรื่อง ผม ๆๆ ผ่านไปดีกว่าเพราะยังไง ผมก็งอก และเปลี่ยนสีใหม่ได้ 5555 เพื่อนสาวกับแฟน พาฉันไปที่รถของเขาที่่จอดไว้ข้างทาง แล้วก็ขับรถพาฉันไปห้องพัก ของพวกเขา เมืองนี้เป็นเมือง เล็ก ๆ ติดกับทะเลสาป ฉันเรียกว่าทะเลสาปละกัน เพราะดูไงไม่น่าใช่ทะเล เพราะสองข้างฝั่งเต็มไปด้วยป่าไม้ และ ต้นไม้รกทึบ ที่นี่เห็นสัตว์ป่า อาทิกวาง และ กระต่ายป่า เยอะมาก

ฉันได้ถ่ายรูปไว้เยอะพอสมควรกับการมาพักกับเพื่อนที่อัลวิก้า แต่แบตเจ้ากรรมดันหมดลงก่อนเวลา จึงได้แต่ภาพถ่ายในเมืองอัลวิก้า บางรูปเท่านั้น ตอนนี้ได้แต่หาร้านที่มีที่ชาร์ทแบต ของ กล้องถ่ายรูป Sony
พอมาถึงที่พัก เพื่อนกับแฟนเพื่อนทำอาหารให้ฉันทาน เวลาพลบค่ำพอควร กอปรกับ แม้อาทิตย์ไม่ลาลับขอบฟ้า ก็ตาม แต่เวลาก็ยังคงเดินหน้า ต่อไป เพื่อนทำอาหารง่าย ๆ ให้ทาน คือผัดกระเพา และ ก็ไก่ผัดเผ็ด ทานกับข้าวสวยร้อน ๆ เพื่อนให้ดูต้นพริกที่เพาไว้ในกระถางเล็ก ๆ ที่นี่พื้นที่จำกัด ไม่เหมือนเมืองไทย ห้องพัก สามารถเพราะปลูกต้นไม้ได้ ตาม ระเบียง และจัดแจงพื้นที่ไว้ ได้เหมาะกับสภาพของห้องแต่ละห้อง แล้วแต่ว่าเจ้าของจะจัดให้พื้นที่ตรงนี้มีอะไรตั้งวางไว้บ้าง อาทิห้องของแดง ที่ระเบียงจะจัดวางโต๊ะทานข้าว สำหรับสี่ท่าน และ มีพื้นที่เล็ก ๆ ทำเป็นที่เพราะชำต้นกล้าของพันธุ์ผัก ชนิดต่าง ๆ เช่น มะเขือเทศ พริก และ ผักสำหรับทานกับสลัด จัดตกแต่งไว้ที่ระเบียงใกล้กับโต๊ะทานอาหาร
บรรยากาศยามเย็น แม้จะพลบค่ำแล้วก็ตาม ฉันดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือ 19:30 น แต่บรรยากาศ เหมือนกับ เพิ่งเป็นเวลาบ่าย อ่อน ๆ แสงแดด ที่แผดร้อนของเวลาสาย ๆ ยังสาดส่องมา ณ เวลานี้ แต่พวกเราก็ตัดสินใจนั่งทานอาหารกันข้างนอก อย่างสบายอารมณ์ และ ได้ความว่า แฟนของเพื่อนสาว ชอบนั่งทานอาหารตากแดดอย่างมาก เพราะว่า แสงแดด ไม่มีให้เห็นบ่อย ๆ หลังทานอาหารเสร็จ ฉันกับเพื่อนก็นั่งคุยกันสักพัก แล้วต่างก็ลากันไปนอน เพื่อนถามว่า ฉันนอนที่โซฟาได้ไหม เพราะเพื่อนมีห้องนอน ห้องเดียวเท่านั้น ส่วน ห้องครัว ก็ถัดไป เพราะเป็นห้องพักเล็ก ๆ ฉันบอกว่า เรื่องที่นอน ไม่สำคัญ ณ เวลานี้ ขอได้แค่มีเพื่อน เท่านั้นพอ เพราะฉันอ่อนล้า ในหัวใจเหลือเกิน ไหนจะเรื่องของที่หายไป ไหนจะเรื่องหาที่พัก ยังไมไ่ด้ ต้องพักที่โรงแรม ต่อไปหากห้องพักยังหาไม่เจอก็คงต้องพักโรงแรมไปก่อน นี่ดีนะ เพื่อนฉันให้ฉันมาพักกับเธอได้สักพัก ฉันตัดสินใจอยู่กับเพื่อนถึงวันจันทร์ 28 มิย และก็จะกลับไป Malmo ต่อ เพื่อหาห้องพักต่อไป และแล้ว ก็ต่างกันแยกย้ายไปนอน ก่อนไป เพื่อนได้เอาม่านหน้าต่างลง ให้ เพราะว่าแสงแดงยังสาดส่องมาเหมือนเดิม อีกอย่างเมืองนี้ใกล้กับประเทศ นอร์เวย์ ดังนั้นจึงทำใจเลยว่า กว่าพระอาทิตย์จะลาลับจากขอบฟ้าไป ก็เกือบเที่ยงคืนได้ เมืองนี้จึงสว่างทั้งเมืองโดยไม่ต้องใช้ไฟฟ้าเลยก็ว่าได้ ฉันเอาผ้าปิดตา ที่ได้มาจากบนเครื่องบิน มาปิดตา และล้มตัวลงนอนบนโซฟา สีฟ้าเข้ม ถัดจากห้องนอนของเพื่อน ด้วยความเหนื่อล้า จากการเดินทาง และหัวใจของฉันเหนื่อยอ่อนจากเรื่องราว ที่ฉันพบเจอ บวกกับพลังงานที่เริ่มถดถอย ทำให้ฉันหลับลงได้อย่างรวดเร็ว ณ วินาทีนี้รู้แต่ว่า เช้าของวันใหม่ กำลังก้าวย่างเข้ามาอย่างช้า ๆ ในไม่กี่วินาที เพื่อนบอกว่า พรุ่งนี้เช้าแฟนจะต้องตื่น ตีสี่ เพื่ออาบน้ำไปทำงาน หากมีเสียงดังต้องขอโทษด้วยนะ ฉันบอกว่าไม่ต้องเกรงใจหรอก เพราะยังไงฉันก็นอนได้ เนื่องจากว่าเหนื่อยเหลือเกินแล้ว และแล้วทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี และไม่มีเสียงอันใดมารบกวนการนอนของฉันได้เลย

Create Date : 13 กรกฎาคม 2553

Last Update : 13 กรกฎาคม 2553 17:26:12 น.

3 comments

Counter : 419 Pageviews.

สวัสดียามเย็นทานข้าวให้อร่อยนะคะ ^^

โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว

วันที่: 13 กรกฎาคม 2553 เวลา:18:29:43 น.

นอนหลับ ฝันดี นะครับ

โดย: konrakcondo

วันที่: 14 กรกฎาคม 2553 เวลา:7:33:32 น.

ขอให้มีความสุขนะคะ ต่อจากนี้เรายัังมีอะไรให้พอเจออีกเยอะ

โดย: แม่ยูอะ

วันที่: 14 กรกฎาคม 2553 เวลา:8:37:58 น.