|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | |
|
|
|
24 กุมภาพันธ์ 2553
|
|
|
|
ใต้แมวดำ
ใต้แมวดำ
เด็กชายปิดหนังสือลงก่อนเอนหลังลงบนเตียงด้วยหัวใจซึ่งเต้นไม่ค่อยปกตินัก เพราะหนังสือเล่มนั้นเป็นงานเขย่าขวัญคลาสสิกของเอดการ์ อลันโพ เพิ่งอ่านจบลงไปคือเรื่อง แมวดำ บรรยากาศหลอนน่าสะพรึงกลัวแทบทั้งเรื่อง ฉากสุดท้ายของเรื่องเป็นการเปิดเผยความลับของศพถูกฝังในผนังห้องพร้อมแมวดำตาบอดข้างหนึ่งซึ่งมีที่มาเร้นลับและนำมาซึ่งความหายนะ แต่ฉากอันน่าขนลุกของเด็กชายเพิ่งเริ่มต้น เมื่อเขาได้ยินเสียงแมวร้องดังแว่วมาแต่ใกลในความมืด
ความจริงมันก็เป็นเสียงแมวธรรมดา แต่ร้องตอนกลางคืนหลังการอ่านเรื่องสยองขวัญจบใหม่ๆ แบบนี้มันวังเวงน่ากลัวเป็นพิเศษ เด็กชายนึกภาพแมวดำตัวเขื่องเกาะอยู่บนบ่าของศพภรรยาเจ้าของบ้าน กำลังแสยะแยกเขี้ยวร้องพร้อมดวงตาข้างเดียวแดงจ้าราวมีไฟนรกลุกโชนอยู่หลังผนังปูนอันเย็นยะเยือกหม่นมัวเต็มไปด้วยกลิ่นไอแห่งความตาย
หันไปมองหน้าต่างซึ่งเป็นกรอบสี่เหลี่ยมดำมืดบนผนัง ด้านนั้นของตัวบ้านไม่มีบ้านเรือนอยู่ใกล้เคียงเพราะเป็นพื้นที่รกร้างเต็มไปด้วยพืชนรรณนานาชนิด ไม้พุ่มและต้นไม้ยืนต้นใหญ่น้อยเรียงรายไกลออกไปสู่เทือกสวนไร่นา ชาวบ้านเคยลือว่าเคยเห็นงูเหลือมขนาดใหญ่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้น ทำให้ไม่มีใครล่วงล้ำเข้าไปถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ
เสียงแมวดังแว่วมาอีก เขาจับทิศทางไม่ได้ว่าดังมาจากไหน บางทีอาจเป็นจากป่ารกร้างนั่น หรือไม่ก็เป็นใต้ชายคาบ้าน หรืออาจจะเป็นข้าง ๆ บ้าน
หรือบางทีอาจจะดังมาจากในผนัง ! คิดอะไรบ้า ๆ...เด็กชายอยากลุกขึ้นเตะก้นตัวเองสักป๊าบ แมวบ้าอะไรจะมาร้องในผนังบ้านหนาทึบแบบนี้ นึกแล้วอยากจะฝืนหัวเราะปลอบใจตัวเอง แต่จนใจว่าตอนนี้ไม่มีปัญญาหัวเราะ เขาบอกกับตัวเองว่าไม่น่าอ่านเรื่องน่ากลัวแบบนี้ก่อนนอนเลย มันเป็นความผิดของพ่อกับแม่ที่ชอบซื้อหนังสือประเภทนี้เข้าบ้าน
แสงไฟบนเพดานดูหม่นมัวจนซีดชอบกล คืนนี้อะไรก็ดูวังเวงน่ากลัวอย่างแปลกประหลาด หรือจะเป็นเพราะอาถรรพ์ของเรื่องสยองขวัญนั่น ถึงจะอ่านจบไปแล้วแต่เรื่องแมวดำปีศาจเหมือนจะตอกตรึงอยู่ในความรู้สึกแนบแน่นอย่างสลัดไม่หลุด ฉากและเหตุการณ์ในเรื่องราวกับเป็นภาพยนตร์มาฉายอยู่ในห้วงความคิดวนเวียนไปมาไม่รู้จบสิ้น
เสียงร้องของแมวดังมาอีกแล้ว
คราวนี้เหมือนดังใกล้เข้ามากว่าทุกครั้ง แต่ยังจับทิศทางไม่ได้อยู่ดี เด็กชายรู้ว่าแถวนี้ไม่มีบ้านไหนเลี้ยงแมว และปกติก็ไม่ค่อยได้ยินเสียงแมวมาร้องให้ได้ยินบ่อยครั้งนัก ไม่แน่....บางทีมันอาจซ่อนอยู่ใต้เตียงนี่เอง
จะบ้ากันใหญ่ แมวบ้าไหนจะมาซ่อนอยู่ใต้เตียง มันเป็นไปไม่ได้และไม่มีทางเป็นไปได้เลยสักนิด
นอกจากว่าจะเป็นแมวผี!
คิดแบบนั้นทำให้หัวใจเต้นรัว แมวผีซึ่งเป็นวิญญาณอาฆาตเร่ร่อนวนเวียนหลอกหลอนผู้คนโดยไร้เหตุผล มันเดินทางออกมาจากนรก โผล่ขึ้นมาจากหลุมศพอันอุดอู้ในยามราตรีอันเยือกเย็นวังเวง หรือไม่ก็เป็นแมวผีซึ่งตะกุยหลุดออกจากผนังเกรอะกรังคราบเลือด!
ผนังซึ่งมีศพซ่อนอยู่ พร้อมขวานเล่มใหญ่จามติดคาหัว ไม่รู้ว่าความคิดบ้า ๆ นี่มันทะลึ่งเข้ามาอยู่ในสมองได้อย่างไร นี่มันบ้านของเขา ไม่ใช่นิยายสยองขวัญ จะมีศพมาซ่อนได้อย่างไร คิดบ้าคิดบอไปไกลสุดกู่แล้ว
นอกจากว่าจะมีการฆาตกรรม! เด็กชายนอนไม่ติด เขาลุกขึ้น รู้สึกคอแห้งผาก ถ้าได้น้ำเย็น ๆ ลงแก้วคงจะดีไม่น้อย แต่ตู้เย็นอยู่ชั้นล่าง ตอนนี้อะไรๆก็ดูวังเวงน่ากลัว และยิ่งนึกได้ว่าแม่ยังไม่กลับบ้าน ส่วนพ่อยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ ไม่กลับบ้านสองสามวันแล้ว ยิ่งคิดยิ่งทำให้รู้สึกอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ถ้าเดินลงไปแล้วเกิดมีใครบางคนดักรออยู่พร้อมด้วยขวานเล่มโต คงวิ่งหนีไม่ทัน หรือไม่ก็เป็นซากศพเน่าเปื่อยตะกุยตะกายไขว่คว้าออกมาจากผนัง แค่คิดก็ขนลุกแล้ว
เขาเปลี่ยนใจ ยอมทนหิวกระหายจนกว่าพ่อแม่จะกลับดีกว่า ตอนนี้ความหวาดกลัวไร้สภาพมันก่อตัวเติบโตขึ้นมาอย่างช้าๆ ฝีงรากเง่าแห่งความประหวั่นพรั่นพรึงไปทั่วเส้นประสาทและไขสันหลัง
ใต้เตียง......มันต้องไม่มีแมว แต่จะให้แน่ใจต้องก้มลงไปดู ใต้เตียงซึ่งเป็นอาณาเขตของความมืด เป็นมุมอับน่ากลัวเต็มไปด้วยความไม่รู้ ก็แค่ก้มลงไปมองเท่านั้น เรื่องที่จะทำไม่ยากอะไรเลย ต้องดูให้รู้แน่
อย่างช้า ๆ เขาค่อย ๆ ชะโงกหน้าลงไปมองด้วยใจสั่นระทึกทั้งที่ไม่ใช่เรื่องตื่นเต้นอะไรมากมาย พยายามคิดแบบนั้น แต่บางทีความรู้สึกคนเรามันช่างไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย เพราะยิ่งก้มลงไปมากเท่าไรขนยิ่งลุกเกรียวไล่เป็นละลอกจนเห่อชาหนาไปทั้งตัว
เงาดำทะมึนอยู่ใต้เตียง อะไรบางอย่างอยู่ที่นั่น
เด็กชายตาเบิกโพลง แทบหลุดปากร้องออกมาดัง ๆ หัวใจเหมือนกระเด็นออกจากร่าง แทบจะนึกถึงแมวดำตาลุกเป็นไฟกระโจนเข้ามาใส่หน้า หรือไม่ก็ซากศพตาเหลือกถลนปากอ้าแสยะกำลังยื่นมือออกมากระชากลากตัวหายไปไต้เตียง ถ้าไม่เป็นเพราะความทรงจำบางอย่างวิ่งเข้ามาช่วยสติไม่ให้แตกแบบเฉียดฉิว
นั่นมันกล่องกระดาษบุบบิบบู้บี้เก่าๆ สำหรับใส่ของเล่นที่เบื่อแล้วซึ่งซ่อนไว้ใต้เตียง ไม่ใช่ภูติผีปีศาจอะไรสักนิด เราท่าจะประสาทกิน....คิดเป็นจริงเป็นจังไปได้ถึงขนาดนี้ เด็กชายนึกอยากหัวเราะให้กับตัวเอง แต่หัวเราะไม่ออกเพราะยังมีจุดน่าสงสัย ผนังคอนกรีต..กำแพงอาจซ่อนศพใครบางคนเอาไว้ บ้านหลังนี้เป็นบ้านมือสองพ่อแม่ซื้อต่อมาจากคนอื่น มันก็อาจเป็นไปได้ว่ามีศพฝังซ่อนอยู่ข้างในรอการทลายผนังปลดปล่อยวิญญาณร้ายให้ไปผุดไปเกิด
เหงื่อไหลชุ่มโชกอีกแล้ว เขาลุกพรวดพรวดก่อนสูดลมหายใจยาว ๆ พยายามประคองสติให้มั่นคง ทำไมต้องนึกโน่นคิดนี่ เรื่องดี ๆ ไม่คิด มาคิดเรื่องประสาทเสียแบบนี้ หรือเป็นอาถรรพ์นิยายของเอดการ์ อลัน โพ จริง ๆ เพราะเรื่องฆาตกรรมซ่อนรอยนักเขียนคนนี้ถนัดนัก
มันไม่มีอะไรก็แล้วไป แต่ถ้ามีอะไรอยู่หลังกำแพงนั่นล่ะ เช่นซากศพซึ่งจ้องมองผ่านเบ้าตากลวงมืดดำทะลุผนังออกมา แอบดูความเคลื่อนไหวของเขาอย่างเงียบงันมานาน เพื่อรอคอยโอกาสวันเวลา ด้วยจุดมุ่งหมายอะไรบางอย่าง มันคงน่าขนลุกขนพองสยองเกล้าและน่าสพรึงกลัวที่สุดในการถูกจับจ้องเฝ้ามองด้วยสายตาของคนตายแบบนั้น
เด็กชายกัดริมฝีปาก พยายามระงับความสงสัยและเลิกคิดบ้า ๆ แบบนั้น แต่ดูเหมือนจะไร้ผล ภาพซากศพแห้งกรังแทบจะลอยปรากฏให้เห็นออกมาจากผนัง นี่เขาต้องหาค้อนมาพังกำแพงดูให้รู้แน่ว่าไม่มีอะไรจริง ๆ จึงจะนอนหลับ หรืออย่างไร
เสียงร้องของแมวดังอีกครั้ง คราวนี้ถนัดชัดเจนเหลือเกิน มันดังใกล้ ๆ นี่เอง
ไม่..มันจะต้องไม่ดังออกมาจากผนัง แค่ชะโงกมองลงไปจากหน้าต่าง บางทีอาจจะเห็นแมวต้นเหตุเดินอยู่ข้างล่าง มันก็แค่แมวธรรมดา แต่พอนึกต่ออีกว่าขณะเดินไปหน้าต่าง จู่ ๆ ภาพผู้หญิงหน้าซีดผมยาวศีรษะแบะเลือดโชกจากรอยขวานโผล่พรวดขึ้นมาจะทำอย่างไร ตอนนี้อยู่คนเดียวใครจะช่วยได้
เขากระโจนขึ้นเตียง คว้าผ้าห่มมาคลุมโปง ขดตัวเป็นแมวนอนหวด ไม่ต้องรับรู้ต้องเห็นอะไรทั้งนั้น จะร้อนก็ต้องทน รอให้พ่อแม่กลับมาทุกอย่างคงดีขึ้น ถ้าไม่ไหวจริง ๆ ค่อยไปขอนอนห้องพ่อแม่ก็ได้
การอยู่คนเดียวในค่ำคืนอันอ้างว้างมันเป็นสิ่งเลวร้ายเหลือเกิน ยิ่งเผลออ่านเรื่องน่ากลัวยิ่งตอกย้ำให้เลวร้ายหนักลงไปอีก เขาสาบานว่าต่อไปนี้จะไม่แตะต้องนิยายสยองขวัญก่อนนอนเด็ดขาด มันทำให้ฝันร้ายทั้งที่ยังลืมตา
อย่างเช่นตอนนี้ เขาต้องมานอนคลุมโปงทั้งที่อากาศคืนนี้ค่อนข้างร้อนอบอ้าว แต่สมมุติว่ามีใครบางคนกำลังอยู่ในห้องนี้ล่ะ เพราะการนอนคลุมโปงจึงทำให้มองไม่เห็นผู้หญิงหน้าซีดผมยาวเลือดท่วมตัวกำลังยืนข้างๆเตียงอย่างสงบเงียบ รอให้เปิดผ้าห่มออกมาประจันหน้าแบบประชิด แบบนั้นคงได้ชักดิ้นชักงอกันคอตายคาเตียง ยิ่งนึกยิ่งขนลุก อาการใกล้บ้าเป็นแบบนี้เอง เด็กชายพรวดพรวดลุกจากเตียง ร้องสุดเสียงเหวี่ยงหลับหูหลับตาเหวี่ยงผ้าห่มไปมาเหมือนคนสติแตกไปแล้ว มาสิโว้ย ไอ้ผีบ้า.. เขากระโดดเตะต่อยอากาศไปมาจนเหนื่อย เอาความบ้าดีเดือดมาข่มความหวาดกลัว ผีจะหลอกคนบ้าก็ให้มันรู้ไป.. จนรู้สึกเหนื่อยเหงื่อท่วมตัวจึงนั่งลงหอบข้างเตียง ได้บ้าไปยกหนึ่งรู้สึกดีขึ้นไม่น้อย
ใจยังไม่ทันหายสั่นเสียงแมวก็ร้องให้ได้ยินอีก ทีนี้จับทิศทางได้แล้ว เสียงร้องนั่นไม่ได้มาจากผนัง แต่ดังอยู่ในบ้านนี่เอง และน่าสิ่งขนหัวลุกที่สุดคือเสียงฝีเท้าเดินเป็นจังหวะขึ้นมาจากห้องนั่งเล่นชั้นล่างพร้อมกับเสียงร้องของแมวดังเป็นระยะ ภาพนรกปรากฏขึ้นในหัวทันที ผู้หญิงตาเหลือกค้างศีรษะท่วมเลือดกำลังเดินถือขวานเล่มโตเดินลากเท้าช้าๆ ขึ้นมา โดยมีแมวดำเกาะบ่ามาด้วย อาภรรพ์ของเรื่องแมวดำกำลังจะกลายเป็นจริง เขาไม่ควรอ่านมันเลย ถ้าเลือกอ่านเรื่องกระต่ายกับเต่า ป่านนี้คงนอนหลับฝันเห็นเจ้าเต่าน่ารักต้วมเตี้ยมไปมามุ่งหน้าสู่เส้นชัยโดยมีเจ้ากระต่ายหน้าตาตื่นใล่กวดมาห่าง ๆ
เสียงร้องของแมวอยู่หน้าประตูนี่เอง พร้อมกับเสียงเคาะประตูแรง ๆ เด็กชายแหกปากร้องสุดเสียง ผีอะไรหลอกแบบไม่เกรงใจคนเลย ขนาดมาเคาะประตูแบบนี้มันเกินไปแล้ว ผมเผ้าตั้งชันจนรู้สึกว่าหัวตัวเองขยายขึ้นหลายเท่า แต่ก่อนขวัญจะกระเจิดกระเจิงไปจนกู่ไม่กลับ ในหูได้ยินเสียงแสนคุ้นเคย
ลูกเป็นอะไรไป นี่แม่เอง เปิดประตูที ความรู้สึกพลิกผันวูบกะทันหัน แม่มาแล้ว....ไม่ใช่ภูตผีปีศาจที่ไหน เขาแทบหัวเราะออกมาสุดเสียงด้วยความดีใจรู้สึกเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ ฝันร้ายหยุดลงแล้ว ในที่สุดแม่ก็กลับมา แต่อาการดีใจยังไม่ขึ้นเต็มพิกัดก็ต้องชะงักค้างทางอารมณ์เมื่อเปิดประตูออกไป
แม่ไม่ได้มามือเปล่า มีแมวตัวหนึ่งติดตัวมาด้วย มันยังโตไม่เต็มที่ และมันเป็นแมวดำ เขาจ้องมองอย่างมึนงงสับสนปนไม่ไว้ใจครู่หนึ่งก่อนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า แม่เอาแมวมาทำไมครับ.. แม่ยิ้มอย่างอ่อนโยน ลูบหัวเจ้าแมวตำในอ้อมแขนไปมาอย่างเอ็นดู ซึ่งได้รับการตอบสนองโดยการร้องเมี้ยว ๆ อย่างแสนประจบตามประสาแมว ไม่ใช่แมวปีปีศาจเลยสักนิด แม่เห็นมันเดินวนเวียนอยู่ข้างบ้านเรานี่เอง สงสัยหลงมาจากที่อื่น ลูกจะเลี้ยงมันเป็นเพื่อนก็ได้นะ แต่มันเป็นแมวดำนะแม่ แล้วไง....
ผู้เป็นแม่เลิกติ้วถามอย่างสงสัย แต่พอมองเห็นหนังสือรวมเรื่องสั้นของเอดการ์ อลัน โพ วางอยู่โต๊ะหัวเตียงจึงยิ้มและพยักหน้าอย่างเข้าใจ
ลูกอ่านหนังสือนี้ใช่ไหมล่ะ เด็กชายยิ้มแห้ง ๆ เป็นการยอมรับในที ผู้เป็นแม่ส่ายหน้าอย่างอ่อนอกอ่อนใจ ก่อนยื่นแมวดำมาให้ตรงหน้า นั่นมันเรื่องแต่ง แต่แมวตัวนี้เป็นเรื่องจริง ลองอุ้มดูสิจ๊ะ ขนนุ่ม ๆ ฟู ๆ นี่ล่ะชีวิต แต่.... ลูกผู้ชายอะไรขี้กลัวเป็นเด็กผู้หญิง ประโยคนั้นคือไม้ตายกำราบลูกผู้ชายอย่างเขา เด็กชายเอื้อมมือไปรับเจ้าแมวคำมาทันทีเพื่อลบล้างคำปรามาทของแม่... ใช่แล้ว ...อย่างที่แม่ว่า ตัวอุ่น ๆขนฟู ๆ นุ่ม ๆ นี่ล่ะความมีชีวิต ตอนนี้มันหันมามองตาแป๋ว เลียมือเขาไปมาแบบประจบเจ้านายอีกคน เด็กชายหัวเราะออกมาได้ ความรู้สึกไม่ดีหายวับไปทันทีเมื่อเจอความน่ารักของแมวขี้ประจบ
ให้มันนอนกับลูกก็ได้ แม่สั่งก่อนคว้าหนังสือสยองขวัญเจ้าปัญหาติดมือไปด้วย ก็ดีแล้ว..แม้ว่ายังเหลืออีกหลายเรื่องยังไม่ได้อ่านก็ไม่เป็นไร เพราะอ่านแล้วทำให้สติแตก เจ้าแมวตัวนั้นถ้ายิ้มได้คงยิ้มไปแล้ว เพราะได้นอนบนที่นอนนุ่ม ๆ หลังเดินตากยุงอยู่นาน แกคงไม่ได้หลุดออกมาจากผนังนะเจ้าแมว... ถามแบบไม่ตั้งใจ ขณะเกาคางให้เจ้าแมวตัวนั้น พอถามแล้วก็อยากตบปากตัวเองทันที เพราะคำถามนั้นชี้นำไปสู่จินตนาการสยองซึ่งเพิ่งจางหายไปให้ทำท่าจะหวนกลับอีกครั้ง สมมุติว่าเจ้าแมวนี่หลุดออกมาจากผนังหลังความตายอันเยือกเย็น แล้วใครกันล่ะที่ถูกฝังไปด้วย ภรรยาเจ้าของบ้านผู้โชคร้ายซึ่งถูกจามด้วยขวาน โดยฝีมือของสามีในขณะพยายามปกป้องแมวดำก่อนถูกซ่อนศพในผนัง ถ้าแมวออกมาได้ ร่างไร้วิญญาณของหญิงสาวคนนั้นก็ต้องออกมาได้ ความคิดอุบาทว์เริ่มเรียงหน้าออกมาแบบควบคุมไม่อยู่ สมมุติว่าความจริงคือพ่อของเขาได้ฆ่าผู้เป็นภรรยาของตัวเอง แล้วฝังไว้หลังกำแพงบ้านล่ะ เขาพยายามสลัดความคิดอันน่ากลัวทิ้งไป อย่างน้อยคนนี้ก็มีเพื่อน อุ้มแมวตัวนั้นมานอนแนบข้าง และมันไม่ปฏิเสธไมตรีจิตที่หยิบยื่นให้ มันน่ารักและขี้อ้อนอย่างควรจะเป็น นั่นก็น่าจะเพียงพอแล้ว และเด็กชายไม่พยายามใส่ใจกับแมวดำคัวนี้
ที่มันตาบอดข้างหนึ่ง !
หญิงสาววัยแม่เก็บหนังสือของเอ็ดการ์ อลันโพ บนหิ้งหนังสือบนหัวนอนอย่างระมัดระวังและทะนุถนอม หนังสือคลาสสิกแห่งความน่าสะพรึงกลัวและสะท้อนแรงบันดาลใจสยดสยองของความคิดอันเต็มไปด้วยความเก็บกดต่อปัญหาของนักเขียนผู้นี้น
งานของเอ็ดการ์ อลันโพ สะท้อนถึงความเกลียดชังระดับรุนแรงต่อญาติผู้ใหญ่และสังคม การซ่อนเร้นงานประกอบอาชญากรรมเร้นร้ายแสดงถึงถึงปมร้ายภายในใจและจิตสำนึกอันพลุ่งพล่านสับสนกึ่งสิ้นหวัง บทเรียนจากงานเขียนสยองระทึกนี้เป็นแบบแผนแสนดีกับหญิงสาว ขอบคุณสำหรับงานดี ๆ แบบนี้เธอ ยิ้มอย่างเป็นสุข ก่อนเอนหลังลงบนเตียงนอนอ่อนนุ่ม จะมีอะไรทำให้ครอบครัวจะสุขมากกว่านี้ ลูกที่ดี สามีที่ดี
สามีที่น่าจะดีกว่านี้ถ้าเขาไม่กำลังจะขอเลิกรากับเธออย่างเป็นทางการเพื่อไปอยู่กับหญิงอื่นที่สาวกว่าและสวยกว่าเธอ ผู้ชายมักมากและไม่รู้จักคำว่าเมียพอเพียง แต่อย่างไรเขาก็เป็นพ่อของลูก เป็นสามีของเธอ ตอนนี้เขาไม่มีทางหนีไปไหนได้อีกแล้ว ไม่มีวันทำแบบนั้นเป็นอันขาด
เพราะเขากำลังจ้องมองผ่านดวงตาเบิกโพลงอันเต็มไปด้วยสีดำคล้ำของเลือดที่ยังไม่แห้งสนิท และใบหน้าบิดเบี้ยวผิดรูปจนน่ากลัวผ่านกำแพงอิฐซึ่งเธอเพิ่งก่อเสร็จหมาด ๆ ในวันนี้เอง ....ที่รัก...ต่อไปนี้คุณจะไม่ไปไหนอีกแล้ว คุณจะอยู่หลังกำแพงมิดชิดนั่นนานแสนนาน จนกว่าจะเน่าเปื่อยผุพังไปตามกาลเวลาอันโหดร้าย คอยเฝ้ามองความเป็นไปและความเคลื่อนไหวของพวกเราอย่างเงียบงัน ปราศจากสุ้มเสียง และไม่มีแมวดำมาร้องส่งสัญญานฆาตกรรม เพราะเธอตรวจผลงานอย่างละเอียดรอบคอบ แม้ว่าขวานตัดฟืนเล่มใหญ่บนศีรษะอาจก่อปัญหาให้เขาบ้างก็ตาม
ไม่มีความผิดผลาดอย่างแน่นอน เพราะเธอไม่ได้ฝังแมวดำไปด้วย !
.
Create Date : 24 กุมภาพันธ์ 2553 |
|
11 comments |
Last Update : 2 มีนาคม 2553 7:35:27 น. |
Counter : 968 Pageviews. |
|
|
|
| |
โดย: มาล่ะเน้อ 24 กุมภาพันธ์ 2553 19:25:50 น. |
|
|
|
| |
โดย: มะกลัวผีแต่กลัวพี่แทนอ่ะ (Setakan ) 24 กุมภาพันธ์ 2553 20:21:52 น. |
|
|
|
| |
โดย: เจียวต้าย 24 กุมภาพันธ์ 2553 20:49:10 น. |
|
|
|
| |
โดย: Setakan 24 กุมภาพันธ์ 2553 20:56:10 น. |
|
|
|
| |
โดย: ธารน้อย 25 กุมภาพันธ์ 2553 15:06:11 น. |
|
|
|
| |
โดย: ju (กระจ้อน) IP: 113.53.115.63 4 มิถุนายน 2553 10:03:28 น. |
|
|
|
| |
โดย: มาโซคิส 26 ตุลาคม 2555 21:02:01 น. |
|
|
|
| |
|
|
Psycho man |
|
|
|
|