เรื่องราวเรื่อยๆ´¯)

MOnKEy_PrAi
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ก็แค่ผู้หญิงธรรมดา เกิดมาในสมัยที่เครื่องพิมพ์ดีดยังรุ่งเรือง เรียนทางด้านวิทยาศาสตร์ ถึงแม้หน้าตาและท่าทางน่าจะไปเรียนช่างยนต์ ช่างซ่อมมากกว่าก็เถอะ 555+ สนใจทุกเรื่องที่ผ่านเข้ามาในชีวิต จะไม่สนใจก็แค่เรื่องที่ไม่น่าสนใจเท่านั้น เอ๊ะยังไงหว่า ชอบทำอะไรตามใจ ที่ไม่ได้ไปทำให้ใครเดือดร้อน เลยกลายเป็นผู้หญิงแปลก ผสมกับ สติแตกนิดๆ ใครจะเกลียดจะหมั่นไส้ไม่สนใจ ตราบใดที่ยังไม่รู้ว่าคนคนนั้นเป็นใคร 555+

ทุกท่านที่เดินผ่านมาในบล๊อก เราก็ดีใจ แต่ถ้าท่านจากไปโดยไม่ฝากคอมเมนท์ไว้ให้ เราก็แอบเคืองล่ะค่ะ ก้ากกกกก+
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
16 มีนาคม 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add MOnKEy_PrAi's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 
ห้องแห่งความลับ+ไปรษณีย์ และเด็กน้อยบนรถไฟ

ว่าจะอัพแบบรวบยอด หกเรื่องในหนึ่งบล๊อค ก้ดูช่างกล้าาา! จนเกินไป

ก็เลยขอแบ่งออกเป็นบล๊อคละสามเรื่องละกันค่ะ

ในใจตอนตั้งต้นเขียนก็คิดว่า แต่ละเรื่องมันนิดๆหน่อยๆเองค่ะ พอพิมพ์ๆไป เอ๊ะ ไหงมันจบไม่ลง ยาวออกๆ ใครก็ด๊ายยย ส่งบันไดมาให้ลงที 55555+

อ่านแล้วถูกใจในความไร้สาระ ก้เม้นท์บ้างอะไรบ้างก็ดีนะคะ รู้อยู่หรอกน้าา ว่ามีขาซุ่มรออยู่ ซุ่มมากๆระวังขาใหญ่ ไม่ปรากฎตัวให้เห็น คนเขียนน้อยใจ ปิดบล๊อคหนีนะเอออ คิดเข้าข้างตัวเองสุดๆ 55555555+


"ปิดบล๊อคหนี ก็เรื่องของเมิงงงงงง" เอ๊ะเสียงใครตะโกนเข้ามาคะ

ไม่พูดพร่ำทำเพลงมาเริ่มไร้สาระไปกับชีวิตอัมพิกาได้เลยค่ะ

ห้องแห่งความลับ
อัมพิกาก็ตั้งชื่อให้มันเท่ห์ไปงั้นแหละค่ะ ไม่ได้เป็นความหลอกความลับอ่ะหรอก 55555+ เรื่องมันมีอยู่ว่า ที่ประเทศญี่ปุ่น เค้าจะคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัย ไมว่า จะดิน น้ำ ลม ไฟ ตรี คฑา จักร สังฆ์ เค้าระแวดระวังไปหมด เพราะว่าเมืองเล็ก แต่ประชากรหนาแน่น กันไว้ดีกว่าแก้ค่ะ ถ้าแก้ไม่ทันก็ละเลงมันทั้งชุดนั้นแหละ

ดังนั้นสถานีรถไฟ ตึกสูงใหญ่ จะมี ทางหนีไฟบอกอย่างชัดเจน มีอุปกรณ์กระโดดจากระเบียงลงไปสู่ข้างล่างหากเกิดเหตุฉุกเฉิน แบบนั้นเลย และด้วยความที่ตึกที่อัมพิกาสิงอยู่เนี่ย เป็นตึกเคมี สารพัดสารเคมีก็กองอยู่ตรงนั้น
แต่ที่นี่แตกต่างจากเมืองไทยตรงที่ว่า สารพวกไวไฟ จะถูกเก็บไว้อย่างมิดชิด ในห้องที่ควบคุมอุณหภูมิไว้ที่ ยี่สิบห้า องศาเซลเซียส

เป็นเมืองไทยน่ะหรอคะ สารเคมีพวกนี้ ก็ทนแดดทนร้อน เหมือนคนในแลปนั่นแหละค่ะ อยู่ที่ อุณหภูมิเดียวกันไม่มีน้อยหน้าไปกว่ากัน วันดีคืนดีก็ได้ยินเสียงขวดระเบิดมั่ง อะไรมั่ง ก็ชิน ชิน ชิว ชิว กันไป

แล้วไอ้ห้องที่ใช้เก็บสารเคมีพวกไวไฟเนี่ยค่ะกว่าจะเข้าไปเนี่ย ต้องไขประตูถึงสองชั้นเลยนะคะ ไขเสร็จอย่าคิดว่าจะได้สารเคมีมาใช้ง่ายๆ ต้องเอากุญแจไขตู้เข้าไปอีก เอาสารออกมาใช้แค่ปริมาณที่ต้องการ แล้วก็เอามาเก็บที่เดิม และต้องลงเวลาเข้าออกห้องนี้ด้วยย

อุเหม่....เดาว่า หากมันระบ่งระเบิดมาก็จะได้รู้ว่า อินี่แหละตัวการ



----------------------------
ไปรษณีย์

หัวข้อนี่ว่าด้วยการบริการไปรษณีย์ของที่นี่ค่ะ (กุจะใช้ศัพท์วิชาการไปทำไมวะเนี่ย) ในตอนแรกที่มาอยู่ อัมพิกายังไม่กล้าให้ใครส่งของมาให้ เพียงเพราะว่าไม่มีรหัสไปรษณีย์ และเนื่องจากว่า (ยังยังจะใช้ศัพท์ทางการ) ปีนี้เป็นปีของทัดดาว บุษยา หรือเป็น ปีชง (กาแฟให้เจ้าฮะ) น้องที่น่ารักจึงอยากจะส่งของมาให้แก้กรรมกันหน่อย ไม่ได้หวังว่ามันจะดีขึ้นหรอกค่ะ แต่ก็ไม่อยากให้มันเลวร้ายกวาที่เป็นอยู่ อีกอย่างทำแล้วมันก็สบายจายยยยยย

ตอนแรกก็ยังนึกไม่ออกว่าจะไปหารหัสไปรษณีย์ได้ที่ไหน กว่าจะนึกออกเขาก็งอกโง้วว จนจะทิ่มตาอยู่ละ ก็พ่อใหญ่กู้ (google) สุดที่รักของเราไง
เอาล่ะ ก็ได้เวลาที่ของมนต์ดำทั้งหลายจะได้นั่งเครื่องออกนอกประเทศกันบ้างล่ะ ช่วงนั้นเป็นช่วงวันหยุดปีใหม่ วันอาทิตย์ซะโด้ยย มีคนมาเคาะ อัมพิกาก็ไม่เปิด เพราะเปิดไป กุก็คุยกะใครไม่รู้เรื่องอยู่แล้ว

พอตกเย็นเดินไปข้างนอกเพื่อไปหาของมาสักการะกะเพาะอาหารจึงได้รุ้ว่า ที่เคาะประตูนั้น คือบุรุษไปรษณีย์ งานเข้าแล้วโว้ยยยยยค่ะ

แทนที่จะได้ของ กลับได้แผ่นกระดาษสีเหลือง ที่ไม่มีอะไรที่อัมพิกาเข้าใจได้เลย -*-



ตอนแรกก็นึกว่าจะเหมือนบ้านเรา ที่เอาจดหมายรักอันนี้ไปยื่นที่ที่ทำการ.. อัมพิกาคิดผิดอย่างแร๊งงงงงงง อุตส่าห์หนีออกจากห้องแลปมาตอนกลางวัน ไปยังที่ทำการใกล้หอ.. เอาไปยื่นให้เจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ก็งงเต๊ก อัมพิกาก็งงตายยย สุดท้ายเค้าก็บอกว่า เดี๋ยวอีกสองวันค่อยมารับ
ไม่เข้าใจนิ ของไม่ได้อยู่ที่ไปรษณีย์นี้หรอกรึ แต่ก็เดาว่า (เดามาตลอด) คงจะมีศูนย์จำหน่ายจ่ายแจกโดยเฉพาะละม้างงง

หลังจากของชิ้นนี้ส่งมาไม่นาน มีของกินจากทางบ้านส่งมาให้อีก นี่แหละค่ะ ตะตะตะตะแต่... ปัญหามันอยู่ที่ว่า อัมพิกา ออกจากห้องเจ็ดโมงเช้า กลับถึงห้องเร็วสุดก็สองทุ่มครึ่ง แล้วอัมพิกาจะอยู่รอรับของได้ยังไง แน่นอนว่า อัมพิกาต้องได้จดหมายสื่อรัก yellow letter อีกตามเคย คราวนี้ก็ไปไปรษณีย์อีก เค้าก็จัดการให้อีก... ก็ยังไม่ทำให้หายสงสัยได้

แล้วเมื่ออาทิตย์ก่อนมีของส่งจากไทยมาหาอัมพิกาอีก คราวนี้อัมพิกาตัดสินใจถือ yellow letter ฉบับนี้มาที่ตึก แล้วยื่นให้เด็กคนนึง บอกว่าช่วยหน่อย
จึงได้รู้ว่า....

เวลามีพัสดุส่งมาถึงบ้าน แล้วเราไม่อยู่ เค้าก็จะทิ้งแผ่นเหลืองนี้ไว้ให้ ซึ่งข้างหลังเนี่ย จะเป็นเบอร์โทร คือให้เราโทรไปบอกว่า จะให้มาส่งที่บ้าน หรือที่ทำงาน ช่วงเวลากี่โมง เค้าจะมีระบุไว้เลยค่ะ หรือว่าจะไปรับเองที่ไปรษณีย์
อ๋อออออออออออออ ยาวๆ มันเป็นอย่างนี้....

ก็อ่านไม่ออกไม่ออกนี่คะ ตะตะตะตะแต่ (อีกแล้ว) พอลองหาอ่านดุดีๆ จะเห็นได้ว่า ข้างล่างสุดของกระดาษษ ตัวเล้กๆๆๆ เขียนไว้ว่า สำหรับท่านที่ต้องการภาษาอังกฤษ ให้โทรตามเบอร์ข้างล่างนี้ ช้าไปต๋อยยย!!

นอกจากรับพัสดุแล้ว อัมพิกาก็ยังเคยไปส่งพัสดุด้วยค่ะ และด้วยความที่สื่อสารไม่ได้เนี่ยแหละ อัมพิกาเลยเตรียมพร้อมเลย ปริ้นท์ชื่อที่อยู่ ผู้ส่งผู้รับ ถือของไปที่ทำการเลยค่ะ.. แล้วบอกว่าจะส่งของไปไทยต้องทำยังไง

โชคดีจริงๆวันนั้น ที่เจ้าหน้าที่พูดอังกฤษได้ ไม่งั้นอาจจะสื่อสารกันจะเมื่อยมือ หรืออาจจะถึงขึ้นจบหลักสูตรวิชาวาดเขียนกันเลยเจ้าหน้าที่บริการทุกระดับประทับใจจริงๆค่ะ คงเห็นหน้าตาบ้านๆ โง่ๆ ดูแล้วชีวิตอินี่คงลำบากอยู่แล้ว ก็เลยสงสาร ก็เลยช่วยอย่างเต็มที่

ค่าส่งของไปไทยไม่แพงเลยค่ะ ถ้าคิดเทียบกับส่งของจากไทยมาที่นี่ แต่มีข้อระวังนิดนึงเวลาส่งของไปไทย อย่าส่งของราคาแพงไปนะคะ ของอาจจะไม่พัง แต่สรรพากรอาจจะฟันราคาภาษีซะเราหัวแบะ อ้อ อีกอย่างง ของที่ส่งต้อง no alcohol ด้วยจ้า

----------------------------------------------
เด็กน้อยบนรถไฟ

อัมพิกาเป็นชอบเด็กๆนะคะ ถึงหน้าตาน่าจะไปชอบพวกนักมวยปล้ำก็เหอะ เด็กญี่ปุ่นนี่หน้าตาน่ารักมากจริงๆค่ะ ยิ่งพวกเด็กอนุบาลไปจนถึง ป.สอง ป.สามนะคะ
แต่งตัวกันน่าร๊ากกกก

เป้นเพราะญี่ปุ่นเป็นเมืองนึงที่เป้นต้นแบบของศิลปะด้วยมั้งคะ เก็บรายละเอียดเล็กๆน้อยๆได้เยี่ยมมาก ดูจากชุดเครื่องแบบนักเรียนอนุบาลก็ได้ค่ะ
ต้องมีหมวกเหมือนกัน กระเป๋าเหมือนกัน รองเท้าเหมือนกัน ถุงเท้าเหมือนกัน มองแล้วน่ารักดีจัง ช่างคิดช่างทำกันได้

ทุกๆเช้าอัมพิกาก็จะขึ้นรถไฟพร้อมๆกับเด็กน้อยพวกนี้นี่แหละค่ะ แต่ด้วยความที่ตอนเช้าๆอารมณ์อยากยกกล้องขึ้นมาถ่ายมันไม่ได้เลย แล้วตอนนี้เด้กก็ใกล้จะปิดเทอมกันแล้ว ต้องถ่ายไว้ให้ได้นิดนึงก็ยังดี

จะไปบอกว่าพี่ขอถ่ายรูปหนูหน่อยนะจ๊ะ ด้วยหน้าตาอันน่าพิศวงของอัมพิกาอาจจะทำให้แตกตื่นกันได้ เอาเป็นว่าแอบถ่ายละกัน นิดหน่อยๆ พอให้ได้มีรูปบ้างค่ะ



ทีนี้เรื่องมันเกิด พอตอนออกจากรถไฟ อัมพิกาเดินตามหลังเด็กนักเรียนผู้ชายสองคน ก็เลยถ่ายรูปด้านหลังไว้ จู่ๆ มีเด็กผู้ชายอีกคนนึงวิ่งแซงไป ไปสะกิดเพื่อนสองคนข้างหน้าใหญ่เลย แล้วก็มองมาทางอัมพิกา ประมาณ อิป้านี่มันถ่ายรูปพวกแกแหละ

แต่อัมพิการึ ก็ทำเป็นไม่สนใจ เดินแซงผ่านไปเฉยๆ ในใจก็คิดว่า เกิดเด็กไปฟ้องพ่อกะแม่ละก็ งานใหญ่กว่าสิ่งใดในสามโลกเข้ากุเลยล่ะ ไม่ได้กลัวอะไรนะคะ กลัวจะคุยกันไม่รู้เรือ่งนี่แหละ แต่เหตุการณ์ก็ผ่านไปไม่มีอะไรค่ะ

ต่อมาอีกวัน เหตุการณ์บนรถไฟฟ้าเช่นเดิม เด็กนรกคนเดิมคนเดียวกับที่วิ่งหน้าตาตื่นไปบอกเพื่อนมัน ยังกะกล้องอัมพิกาถ้าถ่ายแล้วมันจะดูดวิญญาณเด็กออกจากร่างงั้นแหละ เด็กคนนี้ตอนแรกยืนอยู่ประตูถัดไป สบตากับอัมพิกาปั๊ป เดินมาอยู่ประตูเดียวกับอัมพิกา... แล้วก้คอยสังเกตการณือัมพิกาเป็นระยะ

ว่าจะแปลงร่างเป้นปอบหยิบแกล้งซะ กุไม่ทำไรเมิงหรอก เด็กเปรตตต

พอออกจากรถไฟฟ้าก็เดินแซงหน้าอัมพิกาไป มีแอบชำเลืองนิดหน่อย
อัมพิกาถึงได้เข้าใจ อ๋อออ อยากโดนถ่ายรูปเหมือนเพื่อนล่ะซี่......
เสียใจด้วยย่ะ วันนี้ป้าไม่มีอารมณ์

แต่ยังไงซะเด้กที่นี่ก้ยังน่ารักอยุ่ดีค่ะ ตัวเล้กนิดเดียว ขึ้นรถไฟเอง เดินข้ามถนนสี่เลนเอง ก็อย่างว่า บ้านนี้เมืองนี้ วินัยเค้าดีอ่ะนะคะ

โฮ้ยยยย หอบแฮ่กกกก !!




Create Date : 16 มีนาคม 2553
Last Update : 22 มีนาคม 2553 6:28:29 น. 4 comments
Counter : 555 Pageviews.

 
อุ๊ยๆ บลอกนี้ได้เจิมด้วย รักเดก็กเหมือนกันคร่า อิอิ


โดย: piGipo วันที่: 16 มีนาคม 2553 เวลา:21:23:10 น.  

 
พี่น่ะชอบระบบการจัดการของญี่ปุ่นมากเลยนะคะ


โดย: pim(พิม) วันที่: 16 มีนาคม 2553 เวลา:22:25:08 น.  

 
ฮ่าๆ เหนื่อยแทนคนเขียน แต่คนอ่านสิ อ่านเพลินเลยค่ะ

เห็นไปรษณีย์แล้ว เหวออค่ะ เป็นเราคงงง ดีนะมีเจ้าหน้าที่ช่วย

เรื่องเด็กๆ รักเหมือนกันค่ะ เว้นเด็กแสบๆ


โดย: KOok_k วันที่: 18 มีนาคม 2553 เวลา:20:30:49 น.  

 
เรื่องที่ 1 no comment.
เรื่องที่ 2 อยากมีแฟนเป็น Mr.postman
เรื่องที่ 3 น่ารักเนอะ


โดย: kim_tiger วันที่: 21 มีนาคม 2553 เวลา:11:36:50 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.