เรื่องราวเรื่อยๆ´¯)

MOnKEy_PrAi
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ก็แค่ผู้หญิงธรรมดา เกิดมาในสมัยที่เครื่องพิมพ์ดีดยังรุ่งเรือง เรียนทางด้านวิทยาศาสตร์ ถึงแม้หน้าตาและท่าทางน่าจะไปเรียนช่างยนต์ ช่างซ่อมมากกว่าก็เถอะ 555+ สนใจทุกเรื่องที่ผ่านเข้ามาในชีวิต จะไม่สนใจก็แค่เรื่องที่ไม่น่าสนใจเท่านั้น เอ๊ะยังไงหว่า ชอบทำอะไรตามใจ ที่ไม่ได้ไปทำให้ใครเดือดร้อน เลยกลายเป็นผู้หญิงแปลก ผสมกับ สติแตกนิดๆ ใครจะเกลียดจะหมั่นไส้ไม่สนใจ ตราบใดที่ยังไม่รู้ว่าคนคนนั้นเป็นใคร 555+

ทุกท่านที่เดินผ่านมาในบล๊อก เราก็ดีใจ แต่ถ้าท่านจากไปโดยไม่ฝากคอมเมนท์ไว้ให้ เราก็แอบเคืองล่ะค่ะ ก้ากกกกก+
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2552
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
3 ธันวาคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add MOnKEy_PrAi's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 
อยากเขียนอะไรก็จะเขียนล่ะจ้า

มีเรื่องเยอะแยะ แต่ไม่รู้จะผูกเรื่องยังไง เพราะบางเรื่องมันก็ไม่ได้เข้ากันเลย เขียนเป็นข้อๆ เหมือน สอนหนังสือละกันง่ายดีค่ะ

1.จับผิดรถไฟฟ้า
จะเรียกว่าจับผิดก็ไม่ใช่ซะทีเดียว บังเอิญว่าเป็นคนช่างสังเกต(ในเรื่องที่ไม่จำเป็น 555+) ด้วยความที่หนึ่งชั่วโมงสิบนาทีของแต่ละวันคือการเดินทาง ก็มองนั่นมองนี้ไปเรื่อยตามประสา บางสถานี ขาไปกะขากลับ จะหันหลังให้กัน บางที่อยู่คนละชั้น บางที่ ก็หันหน้าเข้าหากัน แล้วไอ้สถานีที่อัมพิกาต้องไปเปลี่ยนสายรถไฟฟ้าเนี่ย บังเอิญว่า ขาขึ้นขาล่องหันหน้าเข้าหากัน ก็ได้แต่มองหน้าคนฝั่งตรงข้ามไปพลางๆเพื่อ ฆ่าเวลา

และทุกครั้งรถไฟฝั่งตรงข้ามจะมาถึงก่อนฝั่งที่อัมพิกาอยู่เสมอ แล้ววันนึง หลังจากมีเสียงผู้ชายพูดเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า รถไฟกำลังจะมาแล้วเด้อ ก่อนหัวรถไฟฝั่งตรงข้ามจะผ่านอัมพิกาไปเพื่อจอดนั้น อัมพิกาก็สายตายาวไปเห็นนาฬิกาบอกเวลาของฝั่งนั้นเข้า ว่า 7.33 รถไฟจะมา เวลาขณะนี้คือ 7.33 ก็เลยหันมาดูฝั่งตัวเองบ้าง ปรากฎว่า เวลา 7.33 รถไฟจะมา ขณะนี้คือเวลา 7.32


และแล้วเวลาของเราก็ไม่เท่ากันอีกครั้ง มิน่าล่ะ รถไฟพี่ยุ่นถึงได้มาถึงตรงเวลาตลอด... ก็พี่เล่นปรับเวลาให้เข้ากับรถไฟ ไม่ใช่ขับรถไฟให้ทันเวลานี่หว่า แต่ก็คงเป็นแค่บางสถานีมั้งคะที่เป็นแบบนี้ แต่สถานีที่อัมพิกาต้องเดินทางทุกวันเนี่ย เป็นอย่างนี้ทุกวันจริงๆค่ะ


2.วันที่เจอคนเยอะๆบนรถไฟ
เคยเขียนไปแล้วล่ะ ว่าเวลาคนเยอะแต่คนเยอะแค่ไหน แออัดยังไง แต่ที่มาเขียนอีกครั้งเพราะได้เจอประสบการณ์ใหม่ ด้วยความที่รถไฟที่อัมพิกานั่งขากลับห้องเนี่ย ประตูจะเปิดฝั่งขวาถ้าหันหน้าไปทางหัวรถไฟทุกสถานียกเว้นสถานีที่อัมพิกาลง พอขึ้นรถไฟได้ อัมพิกาก็จะเดินไปชิดประตูฝั่งที่ตัวเองจะลง จะได้ลงได้ง่าย และไม่เลยป้ายด้วย

แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า ตอนที่อัมพิกาขึ้นมาคนไม่เยอะไงคะ แล้วก็เริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ เบียดกันเข้า เบียดกันเข้ามาอีก เบียดจนหน้าอัมพิกาจะแนบกับกระจกประตูรถไฟฟ้าอยู่แล้ว เรียกได้ว่าแทบจะสิงร่างเข้าไปในประตูรถไฟฟ้า จนจะกลายเป็นผีร้ายประจำประตูอยู่แล้ว ยังยังไม่พอ มีวันนึงหากลยุทธใหม่ ไม่หันหน้าเข้าประตูละ หันหน้าออก บ้าง ปรากฏว่า คนที่อยู่ด้านหน้าอัมพิกาเปนผู้ชาย เอ้า เบียดกันได้อีก จนแทบจะได้เสียกะอิคนข้างหน้าอยู่แล้ว ทุกวันขึ้นรถไฟฟ้า อัมพิกาก็เลยต้องหันข้างไว้ก่อนเลยล่ะค่ะ

พอถึงสถานีที่อัมพิกาต้องลงแค่นั้นแหละ ประตูเปิดแค่นั้นแหละ นึกว่าเขื่อนแตก ด้วยความที่ึคนแน่น แ้ล้วอัมพิกาก็โดนเบียดจนติดประตู ประตูเปิดปั๊ป ถลาออกมาแบบไม่ต้องใช้แรง f=ma เลยยยย หน้าแทบจะพุ่งติดกับกำแพงสถานีเลยทีเดียว... คนที่ญี่ปุ่นเค้าก็มีความอดทนกันดีนะคะ นี่อัมพิกาแค่มาอยู่ชั่่วคราวเฉยๆนะเนี่ยย


-3.She teach you about esperiment and you teach her about english language
ประโยคที่เขียนตรงหัวข้อ เป็นประโยคจากอาจารย์คนนึง และมีประโยคคล้ายๆกันนี้จากอาจารย์อีกหลายๆคน

เอ่อ sensei คะ ตัวหนูเองยังจะเอาตัวไม่รอดเลย เรื่อ่งภาษาน่ะ จะไหวหรอคะน่ะ
ไอ้เราก็พูดได้แค่ไก่กาๆ พอให้ดำรงชีวิต ได้ของที่ต้องการ และทำงานได้อย่างราบรื่น แค่นั้นเอง แกรมหมอกแกรมม่่า ไม่มี ศัพท์ก็มีน้อย อาศัยแต่คำง่ายๆ
เกรงว่าจะได้แต่อะไรที่ผิดๆไปน่ะสิคะ sensei

ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ sensei ขอให้ช่วยดูและถามคำถาม เด็กที่จะไปนำเสนอผลงานแบบอินเตอร์เนชั่นแน้ววว นั่นคือ นำเสนอผลงานภาษาปะกิด อยู่ 3-4 คน ด้วยความรู้ด้านวิทยาศาสตร์แขนงนี้ก็มีอยู่น้อยนิด อาศัยโหมดเพลย์เซพตลอด ถามกลางๆ และแนะนำวิธีเอาตัวรอดแบบที่อิัฉันแอบใช้ไปด้วย5555+

ปรากฎว่า ครั้งล่าสุด เด็กได้รับรางวัลกลับมาด้วยย Saito sensei คนที่มาขอให้ช่วยดูเด็กนั้น มาขอบคุณอัมพิกาใหญ่ มาชวนไปทานอะไรกันกลางวันเพื่อเลี้ยงฉลอง แต่อัมพิกาไปไม่ได้ sensei เลยซื้อขนมไฮโซโก้หรู มาให้แทน

โอวว มายพระพุทธเจ้า อยากจะบอกเหลือเกินว่า ไม่เป็นไรค่ะ และอยากจะถามด้วยว่า อัมพิกาไปช่วยอะไรตอนไหนหว่า เท่าที่สมองซีรีบรัมขนาดเท่่าเม็ดถั่วเขียวของอัมพิกาจำได้ แทบจะไม่ได้ช่วยอะไรเลยด้วยซ้ำ เรียกว่าไม่ได้ช่วยอะไรเลยดีกว่า

เด็กได้รางวัลกลับมาก็เพราะว่า เด็กเค้าตั้งใจละตอบคำถามงานตัวเองได้มากกว่า ตอน sensei เอาขนมมาให้ อัมพิกาก็ตอบกลับไป ว่าขอบคุณมากๆค้าาา เอามือทาบอกทำท่าประหลาดใจเล็กน้อยย ไม่ใช่ละค่ะ แค่พูดว่าขอบคุณมากๆเฉยๆ sensei ตอบกลับมาว่า ไม่สิ ต้องเป็น ฉันที่ต้องกล่าวคำว่าขอบคุณกับคุณ อัมพิกาก็เหวอสิคะ หนูยังไม่ได้ช่วยอะไรเลยค้าาาา sensei ในรูปเป็นขนมที่ seisei เอาให้ และก็ ของที่ระลึกจากเด็กที่อัมพิกาไปนั่งฟังเค้าพรีเซนต์ค่ะ


4.น้ำใจเล็กๆน้อยๆที่ได้รับจากที่นี่
ในแลปที่อัมพิกาอยู่ อัมพิกาเป็นนักศึกษาต่างด้าวคนแรกที่มาทำงานที่นี่ ความารู้ก็ไม่มี อาศัยทำหน้าตาดีไปวันๆ แค่นั้น อยากได้อะไร อยากขอให้ใครช่วยก็ไปสะกิดๆเอา เค้าก็ช่วยกันอย่างเต็มอกเต็มใจนะคะ แม้บางคนจะไม่ค่อยอยากพูดอังกิดก็เถอะ อัมพิกาก็จะเชื่อมสัมพันธ์ด้วย มนต์รักต้มยำกุ้งบ้าง มาม่่าบ้าง ช๊อกกะแลตบ้าง... เพียงเพราะอยากทำให้เค้าเห็นว่า เราเป็นมิตรอยู่น้าา คุยได้ยิ้มได้ ไม่กัด สะกิดได้แตะได้ ไม่เละไม่เน้าน้าาา

ซึ่งก็ทำให้บรรยากาศดีขึ้นจริงๆ เราก็ดูผ่อนคลาย เด็กๆก็ดูผ่อนคลาย แล้วอัมพิกาก็มักจะได้ขนมเล็กๆน้อยๆ นิดๆหน่อยตอบแทนเป็นประจำ


มีวันนึงอัมพิกาเอาถุงดินสอน่ารักๆไปให้เด็กคนนึง เด็กคนนี้ก็อวดเพื่อนว่าเนี่ยอัมพิกาเอาให้นะ อัมพิกาซึ่งกำลังจะหาเรื่องคุยกะเด็ก บวกกับเป็นเฒ่าทารกอยู่แล้วก็ไปเห็นตุ๊กตาตัวเล็กๆ วางอยู่บนโต๊ะแลปของคนนึง ซึ่งจริงๆก็เห็นมานานแล้วล่ะ และก็รู้สึกว่าชอบตุ๊กตาหน้าตาแบบนี้มากๆ ก็เลยชี้มือไป แล้วพูดว่าเนี่ย อัมพิกาชอบตุ๊กตาตัวนี้แหละ

เด็กในแลปบอกว่า เป็นของเด็กคนนึงชื่อ โยชิโน่ อัมพิกาก็บอกว่า อัมพิกาลืมว่าใครคือโยชิโน่จริงๆแล้วคือไม่เคยจะจำเลยมากกว่า เด็กตอบกลับมาว่า เดี๋ยวถ้าโยชิโน่มา จะบอกว่าอัมพิกาชอบ ต่อด้วยประโยคว่า You can get it. ระบบประมวลผลความเร็วต่ำ แรมก็น้อยของอัมพิกาก็รวนๆ งง เก็ทอะไร ไม่ได้อยากได้ซักหน่อย บอกว่าชอบเฉยๆ

พอโยชิโน่มา เค้าก็คุยกันเป็นภาษาญี่ปุ่น โตะๆเนะๆ กันไป ฟังไม่เข้าใจหรอก แล้วก็เรียก อัมพิกา แล้วก็ยื่นตุ๊กตาตัวนึงให้ เฮ่ยยยยยยยยยยย ให้จริงเหรอเนี่ย ขอบคุณแล้วก็รับมาชื่นชมสมอารมณ์หมาย แล้วเอาไปวางที่โต๊ะแลป แล้วก็เดินออกจากห้องแลปไป

พอกลับมาเข้ามาอีกที จากตุ๊กตาตัวเดียว กลายเป็นสี่ตัวเลยค่ะ ให้อัมพิกาเจงๆหรอเนี่ย รีบไปถามใหญ่ว่า เอาให้หรอ เด็กตอบว่าใช่ เอาให้เป็นของขัน

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด น่ารักเจงๆเลย ใจดีอีกด้วยยย

ขอบคุณนะจ๊ะเด็กๆของป้า



นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่าคิดจะได้รับ หากยังไม่เคยคิดที่จะให้
บุญรักษา คุณพระคุ้มครองค่ะ


Create Date : 03 ธันวาคม 2552
Last Update : 4 ธันวาคม 2552 14:15:16 น. 4 comments
Counter : 508 Pageviews.

 
ขอบคุณนะคะ ที่แวะไปชมกันซึ่ง ๆ หน้า..

แวะมาชมบ้าง

อัมพิกาน่ารักดีค่ะ เล่าสนุกน่าอ่าน... ต้องลองทำตามแล้วล่ะ ทำหน้าตาดีไปวัน ๆ ... คิคิ ชอบ

ช่างสังเกตน่ะดีแล้วค่ะ เรื่องเล็กเรื่องใหญ่ไม่ต้องไปเกี่ยง.. มีมุมมองดี ๆ ก็เอามาแลกเปลี่ยนค่ะ

ไว้จะแวะมาใหม่นะคะ อ่านแล้ว อารมณ์ดี..


โดย: poongie วันที่: 3 ธันวาคม 2552 เวลา:22:03:44 น.  

 
อัมพิกาเนี่ยดูเป็นที่รักของใครต่อใครดีจังน้า
แลปที่ตัวเองไปทำงานน่าสนุกดีอ้ะ
พอดีพัชกำลังเรียนภาษาญี่ป่นด้วย ถ้ามีโอกาสไปอยู่
ท่ามกลางคนญี่ปุ่นแบบนั้นน่าสนุกดีเนอะ
คงจะฝึกภาษากันมันเลยทีเดียว

อยากรู้รายละเอียดจังว่าอัมพิกาไปทำงานที่นั่นได้อย่างไร
ได้ทุนไปวิจัยเหรอคะ


โดย: GutChy วันที่: 4 ธันวาคม 2552 เวลา:12:58:33 น.  

 
This is a good story to show a good behavior.

ถ้าเด็กๆ พวกนั้น ฟังภาษาไทยเข้าใจ จะบอกว่า เด็กๆ พวกนั้น คงขำจนไส้แตก กันได้เจงๆ ฮ่าๆ

รู้จักท่าน อัมพิกา น้อยไป

ขอให้โชคดีนะคะ


โดย: Apichayachai IP: 89.101.70.64 วันที่: 4 ธันวาคม 2552 เวลา:17:34:04 น.  

 
น่ารักจังอ่ะพี่ส้ม ห้องแลปนี้


โดย: prapha IP: 172.168.1.141, 114.128.51.33 วันที่: 13 ธันวาคม 2552 เวลา:21:27:03 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.