เหตุสมควรโกรธ ไม่มีในโลก..2..
วิธีปฏิบัติในการเจริญเมตตาภาวนา
วิธีที่ 1 น้อมเข้ามาที่ลมหายใจ
ข้าศึกต่อความสุข คือความคิดผิด ความคิดไม่ดีของตนเอง ไม่ใช่การที่เขากระทำดีหรือไม่ดีต่อเรา ไม่ว่าเขาจะไม่ดีขนาดไหน ถ้าใจเราดีแล้ว ไม่มีปัญหาอะไรเลย ศัตรูร้ายกาจที่แท้จรงิ คือ ใจไม่ดี ความคิดไม่ดีของตนนั่นเอง
ผู้เจริญเมตตาภาวนา ควรระวังรักษาใจ ระวังความคิดผิดให้มากที่สุด อะไรไม่ดี อย่าคิดเลย สุขภาพไม่ดี อากาศไม่ดี รัฐบาลไม่ดี ถึงแม้ใครทำอะไรผิดจริง ๆ ผิดมากขนาดไหน ก็ไม่ต้องคิดว่า “ใคร” หรือ “อะไร” ไม่ดี
เริ่มต้นปรับท่านั่งให้สบาย ๆ หยุดคิด ทำใจสบาย ๆ หายใจสบาย ๆ บางครั้งจิตใจไม่เบิกบาน มีความรู้สึกไม่ดี เศร้า ๆ ไม่สบายใจ ทุกข์ใจ หายใจเข้าลึก ๆ หายใจออกยาว ๆ
ทำความรู้สึกคล้ายกับว่า หนีจากความรู้สึกไม่ดี ไม่สบายใจ ทุกข์ใจ น้อมเข้าไปอยู่กับลมหายใจ เอาลมหายใจเป็นที่พึ่ง ที่ระลึก ตั้งสติสัมปชัญญะ มีความรู้สึกตัวทั่วถึงลมหายใจ
ปรับลมหายใจสบาย ๆ หายใจเข้าสบาย หายใจออกสบาย น้อมเข้าไปอยู่กับลมหายใจ ละลายความรู้สึกเข้าไปในลมหายใจ จนรู้สึกกลมกลืน เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับลมหายใจ มีความรู้สึกตัวทั่วถึง ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก
พร้อมกับระลึกถึงปีติ สุข ทุกครั้งที่ หายใจเข้า หายใจออก จิตใจของเราจะเบิกบาน สงบ สบาย มีปีติสุข เท่ากับว่า หายใจเข้า หายใจออก คือ สุขใจ สบายใจ หายใจเข้าสบาย ๆ มีปีติสุข สบายใจ สุขใจ หายใจออกสบาย ๆ มีปีติสุข สบายใจ สุขใจ
วิธีที่ 2 ดึงปีติสุขในใจออกมา
เริ่มต้น ปรับท่านั่งสบาย ๆ หยุดคิด ทำใจสงบ ปรับลมหายใจสบาย ๆ น้อมเข้าไป ตั้งสติที่กลางกระดูกสันหลัง ระดับหัวใจ สมมติว่าศูนย์กลางของจิตใจ อยู่ที่นั่น เป็นจิตประภัสสร บริสุทธิ์ ผ่องใสโดยธรรมชาติ ความเบิกบานใจ ปีติสุข อยู่ที่นั่น ทำความรู้สึกว่า จุดนั้นเป็นจุดร้อน ๆ ความรู้สึกร้อน ๆ และปีติสุข ลักษณะเหมือนไอน้ำ ระเหยออกมาจากที่นั่น
หายใจเข้า ดึงเอาปีติสุขออกมา คล้ายกับว่า ใช้นิ้วค่อย ๆ ดึงออกมาเรื่อย ๆ หายใจออก ตั้งสติอยู่ข้างใน ความรู้สึกที่ดี ดันออกมาข้างหน้าต่อเนื่องกันไปเรื่อย ๆ อุปมาเหมือนกับว่ามีหมอนใบหนึ่งมีรูเล็ก ๆ อยู่ตรงกลาง เราเอานิ้วจับอยู่ที่ปุยนุ่นแล้วค่อย ๆ ดึงออกมาเรื่อย ๆ
สมมติให้กลางกระดูกสันหลัง เป็นจุดศูนย์กลางของจิตประภัสสร เป็นจุดสัมผัสกับพุทธภาวะ คือภาวะแห่งผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน เป็นพระมหากรุณาธิคุณของพระพุทธเจ้า และอริยะสาวกทั้งหลาย เป็นเมตตา กรุณา ปีติสุข ที่มีอยู่ในจักรวาล ไหลออกมาผ่านจุดศูนย์กลางจิตใจของเรา อุปมาเหมือนท่อที่มีสายน้ำไหลแยกออกมาจากทางน้ำใหญ่
เมื่อเราฝึกจนชำนาญแล้ว จะรู้สึกว่าการหายใจคือปีติสุข ความรู้สึกไม่สบายใจ ทุกข์ใจ สัมผัสกับเราแต่เพียงส่วนหน้า เราน้อมเข้าไป ตั้งสติอยู่ที่สุดกลางกระดูกสันหลัง เมื่อความรู้สึกที่ดี ปีติสุข ไหลออกมาแล้ว ความรู้สึกที่ไม่ดี ย่อมตั้งอยู่ไม่ได้ ในใจเราจะมีปีติสุข เป็นความรู้สึกที่ดี สบายใจ สุขใจ
เมื่อชำนาญแล้ว เราไม่ต้องตั้งใจหรือใช้อุบาย เมื่อหายใจเข้า หายใจออก ตามปรกติ ความรู้สึกที่ดี และปีติสุขจะไหลออกมาเรื่อย ๆ เหมือนลมหายใจและปีติสุขเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
วิธีที่ 3 ปล่อยวางความโกรธให้เร็วขึ้น
เมื่อเรามีนิสัย ขี้โกรธ ขี้โมโห เห็นอะไร ได้ยินอะไร กระทบอารมณ์ คงจะห้ามความโกรธไม่ได้ ก็ไม่ต้องห้าม ให้โกรธตามเคยนั่นแหละ แต่พยายามปล่อยวางให้เร็วขึ้น ไม่ผูกใจเจ็บ ให้อภัย ให้อโหสิกรรมให้เร็วขึ้น เช่น เรารู้อยู่ว่าปกติโกรธขนาดนี้ จะไม่สบายใจอยู่ 3 วัน พยายามปล่อยวางภายใน 2 วัน จากนั้นลดให้เหลือ 1 วัน 3 ชั่วโมง จนเหลือ ครึ่งชั่วโมง เป็นต้น
การต่อสู้กับอารมณ์โกรธ ให้เอาหัวใจนักกีฬามาสู้
อย่าเอาจริงเอาจังกับเหตุการณ์ณ์จนเกินไป โอปนยิโก น้อมเข้ามาดูใจ ดูอารมณ์ เอาสติปัญญา ต่อสู้กับอารมณ์ตัวเอง ให้มีความพอใจ ความสุขในการแก้ปัญหา แก้อารมณ์ของตน เมื่อเราเห็นความก้าวหน้า ในการต่อสู้กับอารมณ์แล้ว ลึก ๆ ภายในใจก็จะมีความพอใจ ในท่ามกลางความโกรธได้เหมือนกัน
พิจารณาธรรมชาติของอารมณ์โกรธ ตามสติกำลังของตัวเองก่อน เมื่อเข้าใจดีแล้ว ปล่อยวางความรู้สึกโกรธ ตั้งสติที่ท้อง หายใจออกยาว ๆ สบาย ๆ หายใจเข้าตามปกติ เน้นที่หายใจออกยาว สบาย ๆ ทำเช่นนี้จะช่วยผ่อนคลาย กายเย็น ใจเย็น อารมณ์สบาย ๆ มีความสบายใจ
ฆ่าความโกรธได้ อยู่เป็นสุข
ความโกรธ ไม่ว่ามากหรือน้อย โกรธนาน หรือไม่นาน ล้วนทำลายความสุข ทำลายสุขภาพ เป็นโทษต่อตัวเอง และคนรอบข้าง สำหรับผู้มีสติปัญญาแล้วจะเห็นความโกรธ เป็นอารมณ์ของผู้ไร้ปัญญา ย่อมหลีกเลี่ยงคนมักโกรธ
ตัดความโกรธด้วยความมีสติข่มใจ และถอนรากเหง้าของความโกรธด้วยเมตตาภาวนา
พระพุทธองค์ตรัสสรรเสริญการฆ่าความโกรธไว้ว่า
บุคคลฆ่าความโกรธได้ ย่อมอยู่เป็นสุข บุคคลฆ่าความโกรธได้ ย่อมไม่โศกเศร้า
พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก
วัดสุนันทวนาราม
บ้านท่าเตียน ตำบลไทรโยค อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี
----------------------
จบแล้วค่ะ
ขอให้ทุกท่านจงเป็นผู้ไม่โกรธค่ะ
--------------------
เหตุสมควรโกรธนั้น.............มีหรือ ตรองตรึกดูทีฤา..................ฝากไว้ เพียรโกรธจักทุกข์ถือ..........วนอยู่ นานนอ หากละวางเสียไซร้..............จิตนั้นสว่างไสว ฯ
Create Date : 27 มิถุนายน 2551 |
|
92 comments |
Last Update : 28 มิถุนายน 2551 8:26:26 น. |
Counter : 1250 Pageviews. |
|
|
เจริญธรรม..
ขอรับ อิอิ