วันที่ 6 11 เม.ย. 2554 เที่ยว Ephesus Selsuk และ Kusadasi

เช้านี้ต้องรีบทำเวลานิดหน่อย เพราะต้องไปหลายที่ เริ่มจาก Ephesus, Selcuk Archeology Museum, Bacilica of St. John และอาจต่อไปหาแสงสีที่ Kusadasi ถ้ามีเวลา

วันนี้กินอาหารเช้าที่โรงแรม น่ากินมาก ๆ รวมทั้งเขาจัดห้องอาหารได้น่ารัก อาหารก็เหมือนที่อื่น ๆ ที่กินทุกวัน คือไข่ต้ม ขนมปัง กับสารพัดที่ทาหน้า เช่น แยม เนย น้ำผึ้ง ช๊อกโกแลต ฝักก็มี แตงกวา และมะเขือเทศ มะกอกดอง ที่อร่อยพิเศษ คือ เปาะเปี๊ยะห่อชีสทอด อร่อยจริง ๆ เสียดายว่าเพื่อนเร่งให้ทำเวลา เลยกินไปไม่กี่แท่ง เอาไว้กินพรุ่งนี้ก็ได้ เพราะต้องนอนที่นี่อีกคืน

อาหารเช้าลุดอลังการที่พวกเราลงความเห็นว่าดีที่สุดในทริปนี้


ดูกันใกล้ ๆ อีกที


อาหารเช้าเปี่ยมคุณค่าของเรา


ดื่มด่ำกับอาหารเช้าแล้ว เราออกเดินทางไปเที่ยว Ephesus โดยรถ Dolmuc ซึ่งจะมีออกไปส่งผู้โดยสารทุก ๆ 1ชั่วโมง ซึ่งเวลาปกติรถคันนี้จะไปถึง Pamucakkale ซึ่งเป็นชายหาดที่พักผ่อนหย่อนใจ แต่ช่วงที่ไปนี้ ยังถือว่าเป็นหน้าหนาวอยู่ จึงส่งสุดทางที่บริเวณทางเข้า Ephesus โดยขากลับก็มารอรถที่เดิม

แอบเสียเวลากับดอกไม่ข้างทาง


เมื่อมาถึง เสียค่าเข้า คนละ 20 TL แล้วก็ออกเดินเที่ยวกันไปตามทางที่มีไม้ใหญ่ปลูกเรียงไปตลอด 2 ข้างทาง


เริ่มแวะที่ Great Theater ก่อน อลังการตามเคย แต่สภาพบริเวณเวทีที่ Pammukale ดูสมบูรณ์กว่า ระหว่างที่นั่งเล่นพักเหนื่อย เราก็นั่งฟังเพลงโอเปร่าจากนักท่องเที่ยวหลาย ๆ กลุ่มที่มาทดสอบประสิทธิภาพของเสียงที่ theater แห่งนี้กัน









ถัดจากนั้น เราก็เดินไปตาม Marble road เพื่อมาแวะที่ Library of Celsus เป็นห้องสมุดประจำเมืองที่นี่เป็นอีกจุดหนึ่งที่เป็น Highlight ของ Ephesus เพราะเป็นสิ่งก่อสร้างที่สวยงามและสมบูรณ์ที่สุด





ด้านหน้ามีรูปปั้นทั้ง 4 เทพีที่มีความหมายดังนี้
องค์แรกคือ Sophia เทพีแห่งปัญญา
องค์ที่สองคือ Arete เทพีแห่งความถูกต้อง คุณธรรม
องค์ที่สามคือ Ennoia เทพีแห่งความคิด
ท้ายสุดคือ Episteme เทพีแห่งความรู้

เนื่องจากทิ้งระยะเวลาในการ review มาปีกว่าแล้ว ยังงงๆอยู่ ว่าทำไมเราถ่ายรูปเทพีมาแค่ 3 องค์ก็ไม่รู้


จากนั้น เราก็เดินเที่ยวต่อไป ไปตาม Marble road ผ่านวัด และสถานที่ต่าง ๆ ที่เรียงรายไปตามทาง ซึ่งเราไม่ได้สนใจจะหาว่า คือที่ใด ชื่ออะไร ได้แต่ชื่นชมความงามของซากปรักหักพังไปเรื่อย ๆ ตามทาง อากาศวันนี้ก็แสนดี ช่างเป็นใจ อากาศเย็นกำลังดี แดดสดใส น่าเดินเป็นที่สุด









โลงศพแถว ๆ นั้น ตั้งเรียงกันอยู่กลางทุ่งหญ้า มีหลายขนาด โดยเฉพาะขนาดเล็ก ไม่แน่ใจว่าเป็นของเด็ก หรือสำหรับใส่กระดูก





Thearter เล็ก ๆ อีก 1 แห่ง

พี้นกระเบี้องดังเดิม ที่ยังคงเหลืออยู่


จาก Ephesus เราก็กลับมาเก็บตกที่เที่ยวในเมืองกันดีกว่า ก่อนอื่นมาแวะกินข้าวกลางวันร้านที่เล็งไว้ดีกว่า ร้านนี้ตั้งอยู่บนห้องน้ำสาธารณะ จัดร้านได้น่ารักมาก เหมือนนั่งกินข้าวอยู่ในสวนองุ่นเลย อาหารวันนี้เป็นเนื้อ Kebab มีทั้งแบบเนื้อสับปั้นก้อน และเนื้อเสียบไม้ปิ้ง เสิร์ฟพร้อมขนมปัง และสลัด อร่อยอีกแล้ว

ร้านตั้งอยู่บนห้องน้ำ ถ้าเห็นป้ายห้องน้ำ ก็แสดงว่าถึงร้านแล้วจ้า

บรรยากาศในร้าน นั่งกินกันใต้ร่มไม้เลื้อย

ป๋าเจ้าของร้าน คุณพ่อปิ้ง ลูกชายเสิร์ฟ ธุรกิจครอบครัว

อาหารเรียกน้ำย่อย ฟรีจ้า

อาหารของเรา


จบจากอาหารกลางวันเราก็ออกเที่ยวกันต่อเลย ที่ Selcuk Archeology Museum ที่นี่เป็นที่เก็บรวบรวมของจาก Ephesus ที่ค่อนข้างมีความสมบูรณ์อยู่มาก

ภายนอกพิพิธภัณฑ์

ภายในพิพิธภัณฑ์

ม้าศึก ที่เอามาปะติดกันจนเป็นตัว

ไฮไลท์ของที่นี่เลยทีเดียว สำหรับรูปปั้นเทพีแห่งความอุดมสมบูรณ์

รูปปั้นของใครคนหนึ่งที่จำไม่ได้ซะแล้ว

จบจากที่นี่เล้ว เราก็ไปเก็บตกกันต่อที่ Basilica of St. John โบส์นี้เป็นที่ฝังศพของนักบุญ Saint John ที่เข้ามาเผยแพร่ศาสนาคริสต์ในคริสตศตวรรตที่4 เดินเที่ยวกันแบบเหี่ยว ๆ เพราะเมื่อเช้าเดินท้าแดดเริงร่ามากไปหน่อย

วิวรอบนอก

จากนั้น เพื่อจะเที่ยวให้ได้ตามแผนที่เราวางไว้แต่เช้า เราจึงนั่งรถ Dolmuc ไปKusadasi กันต่อ เหมือนเป็นภาระหน้าที่ที่ต้องทำให้ลุล่วงไปตามแผนที่วางไว้

ระหว่างทางที่นั่งรถไป รถได้วิ่งผ่านไปตามถนนสายเล็ก ๆ ค่อนข้างเปลี่ยว แล้วเราก็เจอกับเรื่องระทึกขวัญ คือรถเราก็โดนตำรวจเรียกตรวจ ตกใจกลัวเหมือนกัน ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง เพราะทั้งคันนั้น ดูหน้าตาเป็นพวกเดียวกันหมด ยกเว้นหน้าดำ ๆ ตาตี่ 1 2 คนที่แปลกแยก ตำรวจเรียกตรวจบัตรประชาชน พอทุกคนควักบัตรกันออกมา เราเลยรู้ว่าเกือบทั้งคันเป็นคนชาติอื่นกันหมด มีคนตุรกีจริง ๆ แค่ 2-3 คนเท่านั้น ส่วนพวกที่เหลือก็เป็นพวกที่มาจากประเทศใกล้เคียง เช่นอิหร่าน กรีซ ปรากฏว่า คุณตำรวจเลือกตรวจเฉพาะคนตุรกีเท่านั้น เฮ้อ โล่งอก เพราะถ้าเราโดนตรวจ คงลำบากแย่เลย แถวนั้นไม่มีรถผ่านมาเลย

วิ่งไปอีกซักพัก ก็เจออุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซด์ชนกัน มีคนเจ็บนอนอยู่บนถนน โดยเจ้าหน้าที่ปิดถนนไว้ เพื่อรอลำเลียงผู้บาดเจ็บที่นอนรอรถพยาบาลอยู่บนถนน ไม่มีการย้ายคนเจ็บก่อน ปล่อยให้นอนกลางถนนไป โดยดามส่วนต่าง ๆ ไว้ รอผู้เชี่ยวชาญมาขนย้าย ซึ่งก็เพื่อความปลอดภัยของคนเจ็บ แต่ รถที่จอดติดอยู่ก็แถวยาวเหยียดไปหลายร้อยเมตร

ในที่สุดเราก็มาถึงเมือง Kusadasi กันแล้ว เมืองนี้ดูคึกคักมากกว่า Selcuk ที่เราจากมา เนื่องจากเป็นเมืองท่าที่คนมาจากกรีซมาข้ามมาขึ้นตุรกีที่นี่ ทั้ง 2 ข้างทาง แต่เรา 2 คน เดินกันอย่างเหี่ยวเฉา เนื่อจากไปเที่ยวกันมาหลายที่แล้ว รู้สึกหนาว และเหนื่อยเหลือเกิน จนสุดท้าย ไปหย่อนตัวจิบกาแฟกะโกโก้ร้อน ๆใน Starbuck

วิวเมือง Kusadasi จากร้าน Starbuck     

ไม่คิดเลยว่าการแวะจิบกาแฟร้อน ๆ กันคนละถ้วยจะทำให้เรามีแรงเที่ยวต่อไปกันได้ คาเฟอีนช่วยให้เราเริงร่าขึ้นมาใหม่ได้จริง ๆ  แต่ก็เดินเที่ยวอีกซักพักก็กลับ เนื่องจาก ช่วงนี้ เป็นช่วงรอยต่อของฤดูหนาวกับฤดูใบไม้ผลิ รถ Dolmuc จะหมดเร็วกว่าปกติ เพื่อไม่ประมาท กลับแต่เนิ่น ๆ ดีกว่า

คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่ Selcuk แล้ว พรุ่งนี้ต้องออกเดินทางแต่เช้า เพราะรถออก 7 โมงเช้า อดกินอาหารเช้าแสนอร่อยอีกแล้ว เสียดายชีสทอดจัง เขาทำให้ไม่ทัน

Create Date : 26 พฤษภาคม 2555
Last Update : 26 พฤษภาคม 2555 11:03:13 น.		3 comments
Counter : 1621 Pageviews.
Share Tweet