Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2554
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
31 พฤษภาคม 2554
 
All Blogs
 

สุริยาแห่งหทัย ตอนที่ 02


คุยกันก่อนอัพ


ระยะสามวันดีสี่วันไข้ค่ะ T^T
ช่วงนี้พยายามพักผ่อนให้มากขึ้น
แต่พอนึกถึงเวลาที่หายไปเกือบครึ่งปีมันก็อดพะวงกับตารางต่างๆที่กะเอาไว้ไม่ได้

ชีวิตที่เร่งรีบนี่ไม่ดีเลยนะคะ
มันทำให้เราเครียดได้แม้ว่าจะไม่ตั้งใจ

การเรียนรู้เพื่อที่จะผ่อนคลายในหลายหนมันยากเสียยิ่งกว่าทำอะไรให้จบๆลงเสียอีก

ปล่อยชีวิตให้ราบเรียบลงบ้างน่าจะดีค่ะ
จะเร็วจะช้าถ้ายังมีความสุขอยู่บ้างก็ โอ.เค. ^ ^

Ploy666.



**************

สุริยาแห่งหทัย
ตอนที่ ๐๒

ผู้แต่ง Ploy666 (สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย)



คนปากคอร้ายกาจ...หากแต่...มิใช่ชั่วร้าย...

อสิตาง่วนอยู่กับการเลือกสรรกลีบดอกไม้หอมเบื้องหน้าร้อยลงกับเข็ม ความร้อนรุ่มอย่างขัดใจแปลกๆค่อยคลายเป็นความระรื่นเยือกเย็น มยุราซึ่งเพิ่งเสร็จจากงานเดินผ่านประตูห้องพักซึ่งเปิดกว้างไว้รับลมเย็น ลิ่วตรงมานั่งเคียงกันบนเตียงไม้ซึ่งประกอบด้วยเครื่องนอนแต่ถูกแปรสภาพกลายเป็นที่นั่งกรองมาลัยชั่วคราว สีหน้าของนางกำนัลผู้เข้ามาใหม่ดูตื่นเต้น

“มีคนเอามาลือกันว่าเห็นเจ้าเดินเล่นกับทหารรูปงามอยู่ในอุทยาน แต่ไกลเกินกว่าจะเห็นหน้าเขาได้ถนัด จริงเท็จยังไงกันอสิตา”

เข็มร้อยมาลัยแฉลบจนคนถูกถามสะดุ้งหันขวับมาจ้องตาค้างโดยพลัน

“ใครเห็น!”

...ก็ว่า ดูซ้ายดูขวาดีแล้วนะนี่...

“สินี” คนเฉลยยิ้มแป้น ดึงเอาเข็มร้อยมาลัยออกจากมืออีกฝ่ายเพื่อดึงเข้าสู่การสนทนาจริงจังขึ้น “นางเห็นตอนผ่านไปธุระแถวนั้นแต่กำลังรีบเลยไม่ทันเข้าไปดูให้รู้แน่ว่าเจ้าอยู่กับบุรุษผู้ใด เดาว่าหนุ่มๆในวังก็มีแต่ทหารยาม”

“ข้าหารู้ไม่ว่าเขาเป็นใคร คงเป็นพวกทหารเข้าวังมาใหม่ยังไม่เห็นสวมเครื่องแบบ เขาช่วยข้าเก็บดอกไม้เพราะเห็นบ่ายคล้อยเต็มที”

อสิตาละประเด็นที่นางนอนเล่นจนเป็นที่ขัดตาเขาเข้าแลโดนเอ็ดมากลายๆ

นางไม่ชินกับการถูกชายแปลกหน้าแตะเนื้อต้องตัว แต่ทว่ากลับกรณีชายหนุ่มผู้นี้นางกลับรู้สึกได้ถึงนิสัยอันสมควรแก่การเว้นกติกานั้นไว้

มีบางอย่าง ‘คู่ควร’ ต่อการไว้วางใจ

บางสิ่งที่ประดุจม่านบางๆคลี่กระจายรอบกายเขา ชวนให้นางสัมผัสได้ค่อนข้างชัดเจน...

“มีเพื่อนใหม่บ้างจะเป็นไร ใครกำหนดว่าเพื่อนใหม่ต้องมีแต่สตรีเท่านั้นเล่า” อสิตาหาข้ออ้างโมเม

เมื่อนึกถึงคนที่ถูกเหมาเอาดื้อๆว่าเป็นสหายใหม่ คงไม่รู้สึกยินดีแน่กับสถานะนั้น นางก็ได้แต่อมยิ้ม

มยุราหรี่ตาลงอย่างเท่าทันด้วยวัยไล่เลี่ยกัน

“นั่นแน่ อสิตา เจ้ายิ้มแบบนี้ข้าว่าต้องมีอะไรมากกว่าที่เพิ่งบอกมาแน่แท้เชียว”

“หาได้มีไม่!” อสิตาปฏิเสธแบบไม่หยุดคิด

“เจ้าพูดถึงเขาแล้วยิ้มด้วยเหตุใดเล่า”

คนเจ้าคารมตาพราวสดใสนัก

“ข้าแค่ขำที่ผู้ชายตัวโตช่วยเก็บดอกไม้แบบมือเบา เจ้าดูนี่สิมยุรา ดอกไม้ในตะกร้าข้าเหล่านี้แทบมิได้ช้ำเลย”

ส่วนที่ช้ำนั่นน่ะ ฝีมือนางเองล้วนๆ

เพราะปกติอสิตาใจร้อนขณะทำงานเป็นทุนเดิมที่ติดตัวมา

‘มือ’ ซึ่งช่วยยื่นไปเด็ดดอกไม้จากกิ่งสูงลงสู่ตะกร้าให้ เป็น ‘มือ’ เดียวที่นางมองเห็นความเอาใจใส่ต่อดอกไม้แลสิ่งรอบกายมากกว่าใครทั้งนั้น

เขาทำให้นางอุ่นในหัวใจ

อสิตามิต้องยกมือแนบอกบัดนี้ก็ราวกับจะระลึกรู้ สิ่งที่อยู่ลึกลงไปราวกับมีดวงสุรีย์ดวงใหม่ส่องแสงสว่างกระจ่างเจิดจ้าอ่อนหวานนัก ใบหน้าเข้มขรึมคมคายของคนซึ่งนางลอบมองด้วยหางตาบ่อยหนเมื่อบ่ายที่ผ่านมา ตรึงสู่ดวงตาของนาง

อสิตารู้ดีว่าตนควรเป็นผู้ซื่อตรงต่อใจ!

“ข้าชอบเขา แต่ข้าหาได้รู้ชื่อของเขาไม่”

“อสิตา! ช่างบอกข้าออกมาได้ นี่เจ้ารู้ตัวไหมว่าเอ่ยวาจาเยี่ยงไร” มยุราหัวเราะออกมาแม้จะขบขันแต่ก็ระคนไปกับความตกใจ

คนถูกถามกล่าววาจาอ่อนหวานโต้ตอบทันควัน

“ข้าแค่ถูกใจชายแปลกหน้าเท่านั้น หาได้ทำผิดกฎระเบียบใดๆนี่นา”

“เจ้าชักจะร้ายขึ้นทุกวัน”

เพื่อนสนิทใช้ปลายนิ้วจิ้มจมูกโด่งแหลมเล็กของอสิตาอย่างหมั่นไส้

อสิตาเอนกายหนีจากการเย้าแหย่แต่เพียงเท่านั้น สายตาของนางมุ่งมั่นจริงจังผิดแปลกกว่าทุกวัน

“อย่างไรเสียการได้เข้าเฝ้าองค์หริทัศว์ต้องมาเป็นอันดับแรก เรื่องในวันนี้อีกหน่อยข้าคงลืมไปเอง”

ใช่ว่าคนเราจะมีโอกาสประสบพบหน้ากันบ่อยเท่าที่ใจอยากให้เป็น...

อารมณ์ระรื่นกลายเป็นความใจหายหดหู่ แต่เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่างยังคงเห็นท้องนภาพร่างด้วยแดดยามเย็นสีแดงก่ำที่ส่องลอดเมฆาสีขาวสร้างพิภพให้สดใส อสิตาจึงปัดความเสียดายนั้นออกพ้นความคิดคำนึงไป

หน้าที่ควรมาก่อนใช่หรือไม่

เรื่องอื่นๆที่อาจไขว้เขวไปบ้างหากมิใช่ผลดีต่อใคร นางยังรู้จักสะกดใจตนเองแม้จะหวั่นไหวกับการตัดสินใจนั้นเต็มที



อสิตาบอกตัวเองเป็นครั้งที่สามร้อยว่านางแยกแยะได้ กระนั้นอีกสองวันถัดมาบ่ายที่ว่างนางยังมีแก่ใจย่องแยกจากเพื่อนเจียดเวลาพัก หิ้วตะกร้าบรรจุมาลัยซึ่งร้อยเองกลับมายังอุทยาน ความหวังวูบลับชะงัดนักเมื่อพื้นที่โอบล้อมด้วยร่มไม้แลพุ่มกุสุมามิได้ปรากฏเงาร่างผู้ใด

วันนี้สุริยาทิตย์ราวกับจะดับแสงลง ณ ใจนางนั้น...

เสียงสนทนาของคนกลุ่มใหญ่ซึ่งนางได้สดับทำให้อสิตาหันรีหันขวางอย่างตกใจ บุรุษกลุ่มใหญ่โผล่พ้นกำแพงพุ่มพฤกษ์ที่ตัดแต่งกิ่งใบเอาไว้หนาตาค่อนข้างกะทันหัน

“นั่นใครขวางทางเสด็จเจ้าชายฉัตริน!” เสียงตวาดจากนายทหารราชองครักษ์ผู้กรูกันเข้ามาหาดังลั่น

อสิตาทรุดลงคุกเข่ายังพื้นหญ้าอย่างหมดข้อกังขาในกลุ่มผู้มาใหม่นี้

สายตาของนางจรดต่ำลง ขณะที่คมศาสตราวุธแตะลงยังคอด้านข้างทันที ความเย็นยะเยือกของปลายหอกด้ามยาวนี้ทำให้ความทรงจำเมื่อค่ำคืนหนึ่งหวนกลับมาจนใจสั่นรัวด้วยความกลัวอย่างฉับพลัน

“ไม่เป็นไร...ปล่อยนางเถิด คงเป็นนางกำนัลที่มาเก็บดอกไม้ละแวกนี้”

อสิตาได้ยินพระสุรเสียงอ่อนโยนเจือกระแสสรวลด้วยซ้ำ

นางลืมตัวเงยขึ้นสบพระเนตรบุรุษผู้หนึ่งซึ่งกำลังทอดตรงมา

ยังทรงหนุ่มฉกรรจ์...แต่ชันษาเจ้าชายพระอนุชาแห่งชญบดีก็ยี่สิบห้า มากพอที่จะทำให้นางกำนัลใหม่อย่างอสิตาระลึกได้ว่าตัวเองในวัยสิบแปดปีช่างดูไร้เดียงสาราวดรุณีแรกรุ่นขาดความน่าเชื่อถือสำหรับทุกคำแก้ตัวที่มาเดินเที่ยวท่องในเขตอุทยานหลวงแบบนี้

ฉัตรินทรงทำราวกับว่าสตรีซึ่งกำลังคุกเข่าเบื้องพระพักตร์นั้นคุ้นเคยยิ่ง

เจ้าชายพระอนุชาแห่งชญบดีปัดหอกออกพ้นจากนางแทนบัญชาระงับโทษทัณฑ์ของการขวางทางเสด็จแบบไม่ตั้งใจ พระฉวีค่อนข้างขาว วรกายสูงโปร่งอยู่ในฉลองพระองค์สีเขียวเข้ม พระแสงดาบยังอยู่ในฝักประดับมรกตฝังเพชรเม็ดเล็กเรียงราย...เครื่องหมายบอกพระอิสริยยศอันสำคัญแห่งราชวงศ์อันทรงศักดาซึ่งได้รับการพระราชทานให้จากพระราชบิดาผู้เป็นกษัตริย์องค์ก่อนแห่งชญบดี

บัดนี้พระเชษฐาขึ้นครองราชย์ได้หลายปีมาแล้ว หากองค์หริทัศว์ราชันเป็นเกศแก้วซึ่งปวงชนเทิดไท้ องค์ฉัตริน...พระอนุชาก็ถูกลือขานไปไกล ด้วยพระอัจฉริยภาพอีกหลายด้านอันมิได้ด้อยไปกว่ากัน

บัดนี้อสิตาได้ทัศนาหนึ่งในเชื้อพระวงศ์พระองค์สำคัญของแคว้นชญบดีแล้วในระยะประชิดด้วยสายตาของนางเอง!

“เจ้า...ลุกขึ้นสิ”

“ขอบพระทัยเพคะ” อสิตาพยายามลุกแต่เพราะความกลัวที่แล่นปราดจับเมื่อครู่ทำให้เข่าอ่อนลงไปอีกครั้ง

พระหัตถ์อีกฝ่ายรั้งต้นแขนนางไว้ ฉัตรินทรงขยับมาประชิดทันควัน

“ระวังหน่อย” สายพระเนตรที่อยู่ใกล้นั้นทอแววขบขันจากพระทัย

ความใกล้ชิดอันเป็นไปโดยธรรมชาตินั้นทำให้ชายสูงวัยซึ่งติดตามมาในขบวนส่งเสียงกระแอมออกมา อสิตาทรงตัวได้จึงถอยห่าง นางย่อตัวอีกครั้งถวายบังคมก่อนยิ้มนิดๆ ตาเบิกกว้างติดจะตื่นๆด้วยซ้ำ

“ขอประทานอภัยเพคะ หม่อมฉันมาหาดอกไม้ไปร้อยมาลัย ไม่ทันคิดว่าแถวนี้จะมีผู้ใดใช้ทาง”

“ฝ่าบาท...เสด็จต่อเถิดพระเจ้าค่ะ”

“จะรีบไปไหนกันท่านรณชิต แค่งานปรับปรุงอุทยานเล็กน้อย เจ้าพี่หริทัศว์ไม่ได้คาดโทษใครเอาไว้ อันที่จริงให้เสนาบดีวังอย่างท่านรับไปเองเลยก็ไม่เห็นจะเป็นไร” ฉัตรินทรงแสดงพระอาการมิสู้ใส่พระทัยในราชกิจซึ่งได้รับมอบหมายมา มากไปกว่าการสนทนากับนางกำนัลหน้าใสชวนเอ็นดูนางเดียวซึ่งบังเอิญได้พบพาน

เสนาบดีวังจึงได้แต่ฝืนยิ้ม ถอยห่างออกมา

มาลัยดอกไม้ของอสิตากลายเป็นของที่สายพระเนตรเจ้าชายฉัตรินจับนิ่ง

“เจ้าร้อยเองรึ...ชื่ออะไรกัน”

“หม่อมฉันชื่อ...อสิตา เพคะ” คนตอบเองละม้ายยังงงๆ

คราวนี้ฉัตรินซึ่งทรงยืนอยู่ใกล้ สรวลเต็มสุรเสียงได้ยินกังวานไกล

“ข้าถามชื่อดอกไม้ ไม่ได้ถามชื่อเจ้า”

“อ้าว หม่อมฉันไม่รู้นี่เพคะ...” คนซึ่งปกติช่างจำนรรจาอุทานออกมาเสียอย่างนั้น ก่อนแก้เก้อด้วยการยิ้มกว้าง ส่งให้ดวงหน้าโสภายิ่งจับตาคนกำลังทอดพระเนตรมายังนางอย่างพึงพระทัยลึกๆในที

“ไม่รู้ว่าข้าถามเรื่องใด หรือไม่รู้ว่าดอกไม้นั่นชื่อว่าอะไรกัน”

นางสารภาพตามจริงเมื่อเริ่มตั้งหลักได้ “ทั้งสองประการเพคะ คงต้องขอประทานอภัยอีกที”

บุรุษผู้ครองพระยศเป็นรองเพียงกษัตราธิราชเจ้าทรงคว้ามาลัยในตะกร้าไปถือด้วยพระอากัปกิริยาผ่อนคลายยิ่ง

“ถ้าเช่นนั้นมาลัยนี่ ข้าขอ”

“แต่ว่า...” มือนางทำเหมือนจะขยับตามมาลัยพวงนั้นแล้วก็ชะงักเมื่อนึกถึงฐานะอีกฝ่าย

ฉัตรินทรงสังเกตทัน เนตรหรี่ลงอย่างทรงครึ้มพระทัยรับสั่งถามทันที

“มาลัยนี้มีเจ้าของแล้วรึ”

...เจ้าของที่ไม่อยู่ที่นี่น่ะหรือ...

อสิตาอยากจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกไปดัง ตัดใจทูลไปว่า

“ถือว่าหม่อมฉันถวายเป็นการไถ่โทษเถิดเพคะ”

“ตกลงตามนั้น” ทรงรับคำง่ายๆตามพระอุปนิสัยที่มี “ขอบใจนะอสิตา นับแต่นี้ข้าจะจำชื่อเจ้าเอาไว้ด้วยเช่นกัน”

“หม่อมฉันเป็นเพียงนางกำนัลหาได้มีความสำคัญอันใด”

“แถวนี้มี ‘คนสำคัญ’ เยอะเกินไป” รับสั่งมีนัย

อสิตาเผลอมองไปทางเสนาบดีวังที่กำลังทำหน้ายุ่ง ร่างผอมสูงของชายวัยหกสิบสี่อยู่ในเสื้อผ้าเนื้อดี ศีรษะซึ่งล้านเลี่ยนไปครึ่งไม่ได้ลดความภูมิฐาน ทว่าท่าทางลำบากใจราวกับต้องตัดสินใจเรื่อง ‘พระสหาย’ แทนฉัตรินเสียเองอสิตาก็เริ่มเข้าใจได้ว่าพระอนุชากำลังแกล้งเหน็บชายสูงวัยเล่น อาจจะเขม่นกันมาก่อนหน้านี้

นางหลุดเสียงหัวเราะออกมา พาเอาฉัตรินเองทรงแย้มโอษฐ์ละไมเฉกกัน...

“ท่านลุงของหม่อมฉันก็เป็นคนสำคัญนะเพคะ ท่านเป็นเสนาบดีการต่างประเทศ”

“เจ้าเป็นหลานท่านเมธางั้นหรือ ดีจริง” รับสั่งแสดงความประหลาดใจทว่าท้ายๆคล้ายจะทรงยอมรับผู้ที่กำลังเอ่ยถึงอยู่พอสมควรตามฐานะอีกฝ่ายซึ่งถูกแต่งตั้งมา

อสิตาน้อมรับอย่างเต็มความภูมิใจ “แคว้นชญบดีเลือกเสนาบดีการต่างประเทศหาผิดคนไม่”

“เจ้าเองก็น่าสนใจ”

ฉัตรินยอมรับกับพระองค์เองว่าน้อยครั้งนักที่จะเจอสตรีผู้สนทนากับพระองค์ได้อย่างไม่น่ารำคาญพระทัย จังหวะการพูดจาของอสิตาแม้นว่าแรกนั้นนางดูตกอกตกใจอยู่บ้าง ครั้นตั้งตัวได้นางก็เจรจาฉะฉานอย่างมั่นใจในตัวเองเห็นได้ชัด โดยปกติเหล่านางกำนัลหรือสตรีอื่นซึ่งทรงได้พบมามีแต่มักถูกสอนให้หลบสายพระเนตรบ้าง หรือไม่ก็ติดเขินอายดั่งธรรมชาติสตรีเมื่อพบบุรุษซึ่งทรงศักดิ์แลสง่างาม ไม่เป็นอันคุยกันรู้เรื่องแทบทุกคนจนเจ้าชายพระอนุชาแห่งชญบดีทรงทอดพระเนตรผ่านๆเจรจากับนางเหล่านั้นพอให้พ้นกันไป

ด้วยลักษณาการนี้เจ้าชายพระอนุชาจึงทรงมีพระปฏิสันถารสั้นๆ

“ข้าถูกใจเจ้า แหวนวงนี้แทนรางวัลจงรับเอาไปสิ”

ดวงตาวาววับกอปรไปด้วยน้ำหล่อเลี้ยงของแทบนางสะท้อนบนพระธำมรงค์ประดับเพชรซึ่งฉัตรินถอดจากพระกนิษฐายื่นประทาน

“จะดีหรือเพคะ...” อสิตาลังเล

มิใช่เพราะเพชรงาม ทว่าสิ่งที่กำลังจะรับคือน้ำพระทัย

อีกฝ่ายรับสั่งหนักแน่น “รับไปอสิตา ค่าแห่งมิตรภาพหาประเมินได้ด้วยสิ่งของใดๆ ที่ข้าบอกนี้ออกมาจากหัวใจ วันนี้เจ้าเป็นคนแรกที่ทำให้ข้าหัวเราะออกมาได้ แหวนวงนี้แทนสัญญาผูกมัดระหว่างเราไว้ เจ้าจะได้หนึ่งอย่างที่ต้องการเมื่อเอ่ยปากขอมา แลสิ่งนั้นมิเหลือบ่ากว่าแรงเกินกว่าข้าสามารถสรรหาหรือทำให้ได้”

ประกายความหวังจุดวูบในดวงตาใสจนสว่าง

อสิตามิรู้ดอกว่าจะได้ใช้ธำมรงค์สัจจานี้เมื่อใด แต่สังหรณ์เร้นลับกลับปรากฏในจิตใจลึกลงไป วันหนึ่งฉัตรินจะทรงมีความหมายต่อวิถีชีวิตของนาง...



ฉัตรินเสด็จจากไปพร้อมข้าราชบริพารแล้ว คนซึ่งเอนกายซุ่มเงียบมานานบนคาคบไม้สูงมองตามร่างบางของนางกำนัลใหม่ซึ่งถอนใจเฮือก ยกตะกร้ามาเขย่าราวกับอยากให้มีปาฏิหาริย์บังเกิดมาลัยงอกจากความว่างเปล่า...เห็นแล้วรอยยิ้มนิดๆก็ผุดขึ้นบนริมฝีปากเขาง่ายดายยิ่ง นัยน์ตาสีดำนิลฉายแสงแรงกล้าเกินกว่าจะปิดบังความขบขันประดามี

“เจ้านี่...ไม่ไหวจริงๆอสิตา...” คำพึมพำอย่างระอาแต่แฝงความเอ็นดูแปลกๆดังออกมาอย่างแผ่วเบา

เขาเอื้อมมือไปเขย่ากิ่งไม้จนใบขยับส่งเสียงกราวลั่น

นางที่อยู่เบื้องล่างห่างออกไปจากโคนไม้สะดุ้งเฮือกหันขวับ เงยมองมาราวกับกำลังเห็นภูตผี

ดวงตากลมโตของนางเบิกกว้างแต่เขาเห็นชัดว่ามันวาววับดุจอัญมณี

“ท่านอยู่ที่นี่!”

นางอุทานบางประการที่เขาจับใจความไม่ทัน ก่อนก้าวไวๆเข้ามาหา

น่าเสียดายที่ใบหน้าคมสันถูกเกลื่อนด้วยเค้าเฉยชา เรียบเรื่อย ก่อนที่นางทันได้เห็นบางสิ่งซึ่งซ่อนอยู่ภายในอารมณ์เมื่อครู่นี้

อสิตามองตามร่างสูงซึ่งเหวี่ยงกายกลับลงมายืนยังพื้นพอดิบพอดี เพิ่งสังเกตแบบชัดๆเต็มตาเป็นหนแรกว่าอีกฝ่ายมีเรือนกายสูงประกอบด้วยไหล่กว้าง หลังตรงสง่า แข็งแรงบึกบึน

“ท่านเป็นใครกันแน่จึงได้เดินเที่ยวไปทั่วอุทยานหลวงเช่นนี้” ข้อสงสัยของนางกึ่งประชดในที

เขาตอบเรียบๆเกินกว่าจะตีความในน้ำเสียงได้ว่า

“ข้าหาใช่เจ้าชายฉัตรินที่เจ้าได้เข้าเฝ้าเมื่อครู่นี้ก็แล้วกัน”

“อ้อ...ท่านเห็น” อสิตายิ้มร่าเริงขึ้นได้อีกครั้ง “เช่นนั้นท่านคงเห็นแล้วว่ามาลัยของท่านถูกยึดเอาไป ข้าไม่กล้าพอจะปฏิเสธรับสั่งขอจากเจ้าชายพระอนุชา”

ชายหนุ่มทอดถอนใจยาว “ข้าไม่อยากได้มาลัยของเจ้า”

“แต่ข้าทำมาให้ท่านนี่นา” อสิตามิวายดึงดัน

กิริยาสดใสของนางทำให้สายตาของคนกำลังมองมาฉาบด้วยความอ่อนอกอ่อนใจอยู่พอสมควร

“อสิตา...เจ้าควรเป็นนางกำนัลที่สำรวมกว่านี้ รู้หรือไม่ว่าอิสตรีที่ดีไม่ควรเที่ยวร้อยมาลัยให้แก่บุรุษคนไหน ข้าไม่ใช่คู่หมั้นคู่หมายเจ้า ไม่ใช่คนรู้จักด้วยซ้ำไป”

นางไม่แปลกใจที่ได้ยินชื่อตัวเองหลุดจากปากเขาเพราะเมื่อครู่คำสนทนาระหว่างนางกับเจ้าชายฉัตรินหาได้เบานัก

“ที่นรธาไม่เห็นมีใครสนใจข้า...” อสิตานับนิ้วทันทีทันใด “ท่านช่วยข้าเก็บดอกไม้ร้อยมาลัย ท่านไม่เอาเรื่องข้าไปฟ้องพี่ปารวตีทั้งที่ท่านน่าจะพอรู้จักนางจากที่ข้าคาดคะเนไว้”

“นั่นเพราะข้าไม่อยากยุ่งเรื่องไร้สาระ หาใช่ข้าเป็นคนดี” เขาขัด

แต่ก็เหมือนที่ผ่านมาเพราะนางดื้อรั้นจนเกินกว่าจะสนใจ

“ข้าว่าท่านดี ท่านก็จงรับคำชมไป ส่วนที่ท่านจะดีจริงหรือไม่เอาไว้คบหากันไปนานๆค่อยว่ากันอีกที”

รอยยิ้มของสตรีตรงหน้าพราวพราย

นางโมเมแกมบีบบังคับเขาควรจะโมโหด้วยซ้ำไป ทว่าลึกลงไปชายหนุ่มกลับเพียงสัมผัสได้ถึงไออุ่นที่อวลในหัวใจแผ่วโชย ลูบไล้ ประหนึ่งสายลม...

เขายืนกอดอก จับจ้องยังนางด้วยความกังขา

สองวันที่ผ่านมาเขาพาตัวเองมาหยุดยังอุทยานหลวงแห่งนี้ด้วยความหวัง เสียงเจื้อยแจ้วของนางน่าจะชวนรำคาญแต่กลับทำให้เขาสบายใจ อย่างน้อยในแต่ละถ้อยคำที่ผ่านโสตให้สดับหาได้เคลือบแฝงคำลวงหลอกใดๆเฉกที่คนรอบกายของชายหนุ่มมักกระทำ

เขาพินิจดวงตานางระเรื่อยจนถึงแก้มเนียนใส

“ศลิษา...” เขาพึมพำ

นางสะดุดหูในถ้อยคำนั้นพอจะย้อนถามกลับไป “ท่านกล่าวว่ากระไร”

“ดอกศลิษา” เขาย้ำอย่างตั้งใจ ตาคมกระหวัดจับตะกร้าเปล่าอธิบายเนิบนาบกึ่งรำคาญนัยๆ “ชื่อดอกไม้ที่เจ้าสู้อุตส่าห์ลากข้าไปตากแดดยามบ่ายเด็ดมา คราวหน้าคราวหลังจะได้รู้ว่านำดอกอะไรมาร้อยเล่น ไม่จำเป็นจะได้ไม่บอกชื่อใครออกไปเพื่อแลกกับแหวนเพียงวงเดียว”

...แหวนเพียงวงเดียว...

ประโยคนั้นสำหรับนางช่างฟังขัดหู

ฝ่ามือที่ยื่นไปแทบชิดจมูกเขาบอกอย่างหมั่นไส้ระคนอวดโอ่น้อยๆ

“ท่านเห็นหรือไม่ นี่ธำมรงค์ประดับเพชร”

นางไม่ทันตั้งตัวเมื่อเขาฉวยข้อมือนางยึดไว้มั่นคง อีกมือหยิบพระธำมรงค์นั้นไปว่องไว เขาวางแหวนอีกวงซึ่งทำจากทองคำสลักลวดลายแบบเรียบๆน่าจะเตรียมไว้ก่อนหน้านี้มาแทนที่ให้

ข้อมือนางอุ่นจนร้อนผ่าวจากสัมผัส...

จังหวะการหายใจของอสิตาปั่นป่วนด้วยซ้ำไป...

ทว่าน้ำเสียงเรียบเย็นของอีกฝ่ายเสมือนน้ำทิพย์ชโลมใจ

“แหวนวงนี้มีค่ามากกว่าธำมรงค์จากเจ้าชายพระองค์ไหน” สายตาแน่วแน่เปี่ยมจับมายังนางไม่คลาดไป “อย่ารับของจากบุรุษใดง่ายๆ เจ้ายังเป็นหนี้มาลัยข้าหนึ่งพวง จำเอาไว้ให้ดีอสิตา!”



หนี้มาลัยหรือหนี้แห่งดวงใจกันแน่...

นางยิ้มในความมืดของห้องพัก เพียงแค่แตะลงบนเรือนแหวนทองสุกปลั่งก็ราวกับจะระลึกรู้คำตอบในทุกคำถาม

ลมหายใจแผ่วของมยุราสหายร่วมห้องดังแว่วมาสอดประสานกับลมดึกที่พัดผ่านหน้าต่างซึ่งเปิดค้างไว้ ม่านไหวพะเยิบพะยาบเบาๆ เงาไม้วูบวาบก่อนหน้านี้เคยก่อความหวั่นหวาดแก่อสิตาผู้เก็บเอาความหวังลึกลงไปในอกถึงการเข้าเฝ้าราชันแห่งชญบดี

“ลมเอยบอกที ข้ามิถวาย ‘ดวงเนตรแห่งนรธา’ แก่หริทัศว์ราชันได้หรือไม่...”

เสียงพึมพำของนางแทบไม่พ้นลำคอเลยออกไป ตามมาด้วยเสียงทอดถอนใจยาวอย่างอ่อนล้าเหนื่อยหน่ายเต็มที

หน้าที่...บัดนี้หนักหนาเสียแล้ว

เมื่อ ‘รัก’ ปรากฏราวกับโชคชะตาเล่นกลต่อนางดังนี้

ความเขลา...ความเยาว์วัย...หรือสิ่งอื่นที่อสิตาควรจะโทษซัดดี

ทว่าบุรุษเดียวที่นางไม่อาจโทษได้คือคนที่นางได้พบในอุทยานหลวงแห่งชญบดี ผู้ซึ่งนางไม่รู้แม้กระทั่งชื่อเสียงเรียงนามหรือที่มาที่ไป!

ยามที่นางรั้งข้อมือกลับมาได้ ร่างสูงก็ถอยห่างแล้วตัดบทเพียงว่า

“ข้าต้องรีบไปทำงานก่อน หากว่างจึงมาที่นี่อีกได้”

“ข้าจะรู้ว่าท่านว่างได้ยังไง” นางต่อว่าแกมบ่น

คนฟังประสงค์แสดงท่าทีไม่อาทรร้อนใจ

ทว่าสายตาดำจัด บัดนี้กลับทอประกายละมุนตามความรู้สึกภายใน

“สิ่งใดที่เจ้ารอคอยมานาน จงเรียนรู้ที่จะเฝ้ารอต่อไปอีกนิดเถิดอสิตา”

นางมองหาคนซึ่งนางอยากพบ

เมื่อเจอแล้วจึงค้นพบบางสิ่งในดวงใจซึ่งมีพลังแกร่งกล้า

ภาระแห่งนางคือต้องหาทางเข้าเฝ้าราชันผู้ครองแคว้นชญบดีเพื่อถวายเครื่องราง ‘ดวงเนตรแห่งนรธา’ อันมีค่าควรแผ่นดิน แต่สิ่งเดียวที่นางปรารถนาได้ยินขณะนี้คือการที่หริทัศว์จะไม่ทรงยินดีในสิ่งซึ่งนางนำมาถวายให้

...มีหรือราชันใต้โค้งฟ้านี้จะไม่ปรารถนาอำนาจ...

นฤบดีแคว้นนรธาหรือแคว้นชญบดีคงไม่ต่างกันสักเพียงไหน

เปลือกตาที่ปิดลงเต็มไปด้วยความหนักใจ อสิตาไม่รู้ว่านางจักต้องเจรจาต่อรองเช่นไรเพื่อสักวันจะได้มีอิสระในจิตใจอันแท้จริงเสมือนหนึ่งพระพาย...












 

Create Date : 31 พฤษภาคม 2554
4 comments
Last Update : 31 พฤษภาคม 2554 12:32:53 น.
Counter : 646 Pageviews.

 


มาเยี่ยมชม มาทักทายครับ

ท่าทางว่าคงจะเป็นนิยายเรื่องยาวแน่ ๆ เลย คงต้องมีตอนต่ออีกหลายตอนแน่ ๆ เอาเปห็นว่าผมมาลงชื่ออ่านไว้ก่อนนะครับ

อิอิ

 

โดย: อาคุงกล่อง 31 พฤษภาคม 2554 14:09:18 น.  

 

คุณ อาคุงกล่อง
ลุ้นประกวดเรื่องสั้นอยู่ใช่ไหมคะ
ขอให้โชคดีค่ะ ^ ^

 

โดย: ploy666 (ploy666 ) 31 พฤษภาคม 2554 14:57:09 น.  

 

เข้ามาติดตามอ่าน และเป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ

 

โดย: แม่ขุนศึก 31 พฤษภาคม 2554 17:53:30 น.  

 

คุณ แม่ขุนศึก
ขอบคุณ (อีกครั้ง) นะคะ

 

โดย: ploy666 (ploy666 ) 1 มิถุนายน 2554 2:02:59 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ploy666
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




หนังสือที่มีวางจำหน่ายเฉพาะในบล็อก
https://ploy666.bloggang.com




ชื่อเรื่อง : เศวตธามัน (บัลลังก์ศศิธรา)
นามปากกา : สิตาปางค์
ประเภท : จินตนิยาย , โรแมนติก
รูปเล่ม : ขนาด 700 หน้า A5
ออกแบบปก : Little thing

ราคา : 850.- บาท
สินค้าหมด

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=ploy666&group=28

สั่งซื้อที่ : .........

หมายเหตุ : งดใส่ลายเซ็นนักเขียนทุกกรณีค่ะ

** ***********************************



ชื่อเรื่อง : เงาบรรณ
นามปากกา : ลายน้ำ
ราคา : 259.- บาท
สั่งซื้อที่ (ยุติการสั่งซื้อ)

สินค้าหมดค่ะ



****************

นิยายที่อัพล่าสุดคือเรื่อง

รอยทรายบนลายรัก
...และ...
กระต่ายในใจจันทร์



***********

เมื่อไหร่ที่รู้สึกว่า
ทนไม่ไหวแล้ว...
จงเรียนรู้ ที่จะขอความช่วยเหลือ

โลกไม่ได้โหดร้ายเกินไปนัก
ผู้คน ก็ไม่ได้ใจร้ายไปซะทั้งหมด

เป็นกำลังใจให้ค่ะ...


Ploy666.



************

หมายเหตุสักนิดค่ะ...

ถ้าเป็นไปได้ งดการแปะรูปใส่คอมเม้นท์นะคะ
เจ้าของบล็อกเข้าหน้าจอไม่ได้จ้า เน็ตห่วยมากมาย

ขอบคุณคนใจดีทั้งหลายล่วงหน้าค่ะ


**************

เนื้อหาต่างๆที่อัพในบล็อก
สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย


Friends' blogs
[Add ploy666's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.