|
สุริยาแห่งหทัย ตอนที่ 03
คุยกันก่อนอัพ
**ต้นเรื่องขออัพไวนิดนะคะ**
เดี๋ยวนี้ถ้าออกจากบ้านสักทีต้องนับเงินในกระเป๋าให้ดีๆค่ะ แป๊บเดียวหายวับ กลับบ้านทีไรกระเป๋าเบาโหวงถึงจะแค่ตั้งใจว่าออกไปกินข้าวเฉย
แต่ถ้าถามว่าทำไมยังไปอยู่ได้ เพราะบางทีการอยู่แต่ในบ้านไม่ได้เสพบรรยากาศใหม่ๆมันทำให้ชีวิตครึ่งหนึ่งรู้สึกเฉาน่ะค่ะ
ยิ่งถ้าบ้านเป็นแค่กล่องเล็กๆแคบๆแบบเอาไว้แค่นอนกับนั่งทำงานด้วยแล้ว การออกไปดูคนอื่นๆเดินผ่านไปผ่านมาเป็นเรื่องที่สำคัญไม่ใช่น้อย
เสียเงินไปบ้างดีกว่ามานั่งบ่นว่าต้องอดทนกับการอยู่บ้านทุกวัน อะไรที่มันมีความสุขก็ทำเสียบ้างเถอะค่ะ ทำแต่พอดีๆไม่ถึงขนาดเดือดร้อนตัวเองหรือคนรอบข้าง
อย่ามีชีวิตแบบที่วันหนึ่งอาจต้องมานั่งเสียดายอะไรซึ่งผ่านแล้วผ่านเลย ^ ^
Ploy666.
**************
สุริยาแห่งหทัย ตอนที่ ๐๓
ผู้แต่ง Ploy666 (สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย)
สายวันนี้มยุราลิ่วโลดมาหาขณะที่เหล่านางกำนัลใหม่ทั้งหลายยังออกอยู่ในศาลาพักผ่อนเพื่อหัดเรียนรู้ชนิดผ้าต่างๆสำหรับเย็บปักถักร้อยซึ่งปารวตีให้นิยามหน้าที่นี้ว่า สำคัญยิ่ง อสิตาถูกจัดในข่ายเรียนรู้ได้ยากเย็นถึงถูกดึงให้มานั่งใกล้หัวหน้านางกำนัล สินีนั้นอยู่ห่างออกไปกำลังสาละวนกับการเลือกผ้าจากพับใหญ่เพื่อนำมาตัดปักลวดลายตามคำสั่งพี่เลี้ยงอีกนาง
ข่าวใหญ่เจ้าค่ะพี่ปารวตี เมื่อครู่นี้มหาดเล็กฝากข้ามาบอกว่าฝ่าบาทจะเสด็จเทวะสถานหลวงตั้งแต่รุ่งสาง ให้นางกำนัลใหม่เตรียมจัดการข้าวของสำหรับบูชา มยุรายืนหอบตัวโยนอย่างหมดความระวังกิริยา
ตาเป็นประกายของคนนำสารหันไปทางอสิตาซึ่งเงยหน้ายิ้มกว้างไม่อาจปิดบังความยินดีเฉกเดียวกัน
กิริยานั้นทำให้ปารวตีค้อนขวับออกมา
เจ้าเอาข่าวมาบอกข้าหรือบอกอสิตากันแน่
ก็อยู่ด้วยกันนี่เจ้าคะ...บอกใครก็ได้ยินทั่ว อสิตากล่าวแก้ตัวแทนเพื่อน
ปลายเล็บที่อยู่ใกล้จึงหยิกลงมาให้ได้อุทานลั่น
โอ๊ย! เจ็บเจ้าค่ะ นางร้องลั่น
เจ็บแล้วเจ้าก็ควรจำ เรื่องที่เจ้าอยากเข้าเฝ้านั่นเขารู้กันทั่ววังแล้วกระมังป่านนี้ อสิตา...เมื่อใดจึงจักรู้กาลควรไม่ควร
แม้เจ็บหากแต่อสิตาก็มีแก่ใจรวนอุบอิบว่า
หากรู้ทั่ววังจริงเหตุใดเรื่องจึงมิถึงพระเนตรพระกรรณเสียที...
แน่ะ! มือของปารวตีเงื้อง่า
สินีเสียอีกที่รีบขัดตาทัพว่า อย่าตำหนินางเลยเจ้าค่ะ นางยังเด็กก็อยากรู้อยากเห็นไปเรื่อย
เด็กเสียทีไหน นี่ถ้าอยู่นอกวังป่านนี้ถูกจับแต่งงานมีลูกมีหลานไปแล้วมั้ง ปารวตีกล่าวขึ้น
สินีพูดก็ถูกนะเจ้าคะ มยุรารับลูกทันควัน ใครบ้างมิปรารถนาเข้าเฝ้าหรือแม้แต่ได้พบพระพักตร์ราชัน องค์หริทัศว์หากไม่ออกนอกวังเยี่ยมชาวบ้านก็ประทับแต่ส่วนพระที่นั่งองค์ที่มีทางเดินเชื่อมกับพระตำหนักใหญ่ด้านโน้นอันเป็นเขตฝ่ายหน้า ฝ่ายในอย่างพวกเรามีน้อยนิดเท่านั้นที่ได้เข้าไปถวายการรับใช้จริงๆ
จะมีก็แต่ปารวตีกระมังที่เข้านอกออกในพระตำหนักได้อย่างทั่วถึงกัน
กระนั้นก็อย่างหวังให้บอกเล่าใดๆด้วยหัวหน้านางกำนัลอย่างนางเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยแก่ราชวงศ์จากต้นตระกูลเก่าแก่ของปารวตีซึ่งรับตำแหน่งสำคัญถวายการรับใช้มายาวนาน
พวกเจ้าเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย อสิตาน่ะตัวยุ่งเห็นหรือไม่ ขนาดเสนาบดีการต่างประเทศเป็นลุงของนางยังไม่ตามใจ แล้วข้าเป็นใครกันจึงต้องให้ท้ายนาง...พอที พรุ่งนี้เช้าอสิตาต้องอยู่ที่วังห้ามตามออกไปยังเทวสถานหลวง ปารวตีสั่งเฉียบขาด
ทำให้คนปรารถนาเข้าเฝ้าต้องอ้าปากค้างอย่างคาดไม่ถึง
พี่ปารวตีเจ้าคะ ข้าจำเป็นต้องเข้าเฝ้าสักครั้งจริงๆ คราวนี้น้ำเสียงของอสิตาหาได้เจือทีเล่นทีจริงอีกต่อไป
หากแม้นไม่ได้พบ มีหรือจะหาข้อสรุปลงได้...
อนาคตนางเล่าจักเป็นเช่นไร คงต้องอยู่กับความรับผิดชอบในหน้าที่ไปจนถึงวันสิ้นลมหายใจโดยไม่มีวันได้ทำตามคำสั่งที่ตกทอดสืบต่อมา
อสิตายอมให้เป็นเช่นนั้นไม่ได้เหมือนกัน!
ก่อนเที่ยงวันนางจึงนัดแนะพบปะกับสองสหายเป็นการส่วนตัวในมุมลับตา
พรุ่งนี้ก่อนรุ่งอรุโณทัยข้าจะลอบออกจากวังตามหลังพี่ปารวตีไปแน่ คนวางแผนไม่เสียเวลาหยุดคิดแม้แต่น้อย
สินีลังเลที่จะปล่อยอีกฝ่ายดำเนินการ
เหตุใดเจ้าไม่ลองขออนุญาตท่านลุงของเจ้าอีกสักครั้ง เขาอาจมีช่องทางพาเจ้าเข้าเฝ้าในฐานะหลานสาวเสนาบดีการต่างประเทศ ไม่ต้องลักลอบปะปนกับพวกเราที่ได้รับอนุญาตออกจากวัง
ข้าทำไม่ได้... สีหน้าของอสิตาราวกับจวนร้องไห้เต็มที ท่านลุงเมธาไม่มีทางยอมอนุญาตแน่ ที่ข้าต้องมาติดอยู่ที่นี่ก็เพราะท่านลุงแค่อยากให้ข้าเข้าเฝ้าไม่สะดวกเข้าไว้ ถึงอยู่ในวังก็เหมือนอยู่ในคุกที่ข้าไร้อิสระด้วยซ้ำไป ข้าจะเอาเวลาที่ไหนไปตามข่าวองค์หริทัศว์ หากมิเรียกว่าท่านลุงวางกุศโลบายไว้แยบคายข้าก็ไม่รู้อีกแล้วควรเรียกประการใด!
ข้อตกลงก่อนนี้เมธาบอกว่ามีไว้เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องวุ่น
เขาดูแลให้นางรู้สึกปลอดภัยด้วยวิสัยทัศน์แลความเมตตาที่มี ทว่าไม่อาจสนับสนุนชนวนเหตุใดๆอันอาจเป็นศึกสองแคว้นขึ้นมาได้ สถานะของอสิตาต้องถูกปิดตายอีกยาวไกล
เมธาฉลาดพอที่จะพานางมาไว้ใกล้องค์หริทัศว์ แต่รู้ว่าด้วยสถานะนางกำนัลหน้าใหม่คงอีกไกลกว่าที่อสิตาจะเข้าเฝ้าได้ตามตั้งใจ ซ้ำยังมีหูตานางกำนัลอื่นๆคอยสอดส่องดูแลคงทำให้ไม่อาจโผล่ไปไหนมาไหนตามชอบได้ ดีกกว่าปล่อยนางให้อยู่ที่เคหะเสนาบดีในช่วงที่เขาเองก็มีกิจธุระต่างๆตามหน้าที่อันมากมาย
บางทีเราควรช่วยอสิตาสักครั้งนะสินี หากนางสัญญาว่าหากพ้นคราวนี้จะไม่มีคำขอตามมาแล้ว...ใช่ไหม ตอนท้ายมยุราหันไปคาดคั้นตัวต้นเหตุ
อสิตาพยักหน้าด้วยความจำนนในยามนั้น
สินีมองนางกำนัลผู้อ่อนวัยกว่า
เมื่อหมดทางเลือกอสิตาจึงจำต้องลั่นสัจจะวาจาออกมาดังๆ
หากแม้นข้าไร้โอกาสเข้าเฝ้าองค์หริทัศว์ทั้งที่พยายามถึงเพียงนั้น ข้าให้สัญญาว่าต่อไปจะเป็นนางกำนัลผู้อยู่ในกฎของวังอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตน!
...โดย หน้าที่ นางมิอาจหลบเร้นปล่อยดวงเนตรแห่งนรธาหายสาบสูญไปได้
...โดย หัวใจ นางมิประสงค์ให้เรื่องนี้ยืดเยื้อต่อไป ปรารถนารุนแรงจักทูลเรื่องราวทั้งหมด ขอพึ่งพระบารมีกษัตริย์หริทัศว์เพื่อให้ความเลวร้ายที่ตามจองล้างนางแลมาตุภูมิอยู่ ได้จบลงหมดสิ้น
บริราชจักมิวางหัตถ์ตราบใดมิได้ดังจินต์
ยามวิกฤตเช่นนี้หากแคว้นนรธาไร้กษัตริย์ผู้สามารถปกครองแผ่นดินอย่างแท้จริง เครื่องรางแห่งนรธาย่อมเป็นสิ่งเดียวซึ่งบ่งชี้ความชอบธรรมเพื่อปลดแอกให้แก่ปวงชน หลอมรวมสองแผ่นดินเป็นหนึ่งเดียว!
กษัตริย์บริราชแห่งนรธาทรงพระชันษาสามสิบเก้า พระวรกายสูงใหญ่ ฉวีคล้ำ พระพักตร์แลเห็นข้างปรางเป็นสันเด่นหนา บัดนี้พักตร์แลกระด้างด้วยความกริ้ว บูดบึ้ง สายพระเนตรเย็นชา ข้าราชบริพารทั้งท้องพระโรงต่างพากันหัวหดเมื่อพระแสงดาบถูกฟาดลงกับโต๊ะเตี้ยวางเครื่องสูงใกล้เคียงจนแยกออกเป็นสองเสี่ยงบังเกิดเสียงก้องกังวานชวนสะท้านสู่ทุกดวงใจผู้ได้ยิน
คำสั่งข้าให้ตามล่าดวงเนตรแห่งนรธากลับคืนมา ตอนนี้ไปถึงไหน พระสุรเสียงกึกก้องตวาดเลื่อนลั่น
คนของเรากำลังเข้าใกล้แล้วพระเจ้าค่ะ หนึ่งในเสนาอำมาตย์ทูลตอบลนลาน ไวภพส่งข่าวมาว่าอีกไม่ช้าคงมีข่าวคืบหน้ามาโดยไว เขาค่อนข้างมั่นใจว่าน่าจะจับอสิตากลับมาได้ เพื่อปรามนางมิให้ทำเรื่องบานปลายต่อไป
นางกำแหงกับข้าถึงเพียงนี้น่าบั่นคอเสียนี่กระไร บริราชทรงคับแค้นพระหทัย
ทว่าทุกคนต่างรู้ดีว่าทรงมีพระราชประสงค์อันใหญ่หลวงยิ่งกว่านั้นในตัวนางผู้หนีไปจากแคว้นนรธา
ตอนนี้นางอยู่ที่แคว้นใกล้ๆ ไวภพแจ้งว่ากษัตริย์ชญบดีไม่น่าจะทรงไหวพระองค์เพราะทุกอย่างทางโน้นยังคงเป็นปกติดี เข้าใจว่าอสิตาดิ้นรนหนีไปซ่อนตัวที่นั่นหาได้มีผู้ใดช่วยเหลือก่อนหน้านี้ไม่ เกรงว่าการเข้าเฝ้าเจ้าแผ่นดินใดยากเย็นมิใช่น้อยสำหรับผู้พลัดแผ่นดินไปตามลำพังอย่างนาง
ใครบ้างเข้าถึงพระองค์กษัตริย์แต่ละแว่นแคว้นได้โดยง่าย
ข้ออ้างของนางที่นำดวงเนตรแห่งนรธาซึ่งหายสาบสูญติดมาด้วย ยิ่งฟังเลื่อนลอยอย่างยิ่ง
มีสักกี่คนกันเคยเห็นเครื่องรางแห่งแคว้นนี้...ครั้นดำริเช่นนั้นบริราชก็ทรงแย้มพระโอษฐ์เยือกเย็น หากจับเป็นอสิตามาได้การจลาจลภายในนคราวุ่นวายที่ต้องกำราบก็จะราบลง ด้วยทรงมีข้ออ้างว่าเป็นกษัตราธิราชพระองค์ใหม่แห่งนรธาอันชอบธรรมเสียที!
บัดนี้ถึงเวลาแล้ว ดวงแก้วอันพิศุทธิ์ต้องถูกนำมาบดขยี้เพื่อป้องกันการหนีหาย...อีกหน
บอกไวภพ จงระวังหริทัศว์ราชันไว้อีกพระองค์ ข้ามิสงสัยเลยว่าถ้าทรงทราบเรื่องอสิตาจะมีบัญชาลงมาให้ทหารช่วยปกป้องนาง
หริทัศว์ตามกระแสข่าว มิได้ฝักใฝ่อำนาจ
ทว่าบริราชจะทรงประมาทก็หาได้ไม่...ใครจะรู้หัวใจใคร
กษัตริย์แห่งนรธาพระองค์ใหม่ทรงยอมรับโดยพลันว่าคงไม่หวั่นหากอีกฝ่ายดำรงด้วยความชั่วร้ายเลวทราม แต่ที่ต้องตั้งคำถามคือหริทัศว์เป็นคนดีที่มากพอจะช่วยสตรีนางหนึ่งพ้นภัย หรือหนักไปกว่านั้นคือหมายช่วยให้ประชาชนชาวนรธาทั้งดินแดนพ้นจากการเป็นแคว้นที่ถูกกดขี่ใต้เบื้องบาทแห่งพระองค์!
คำเล่าลือโจษขานอสิตาได้ยินมานานนัก หลายปีหลังจากกษัตริย์พระองค์ก่อนแห่งชญบดีทรงสละราชสมบัติยกบัลลังก์ให้พระโอรสองค์ใหญ่ครอบครอบ ก่อนที่เจ้าเหนือชีวิตพระองค์ก่อนจะทรงสิ้น หริทัศว์ทรงเป็นราชันผู้ปกครองที่ดีแห่งแผ่นดิน ใต้ร่มพระบารมีทรงสถิตด้วยความผาสุกเที่ยงธรรม กองทัพอันกล้าแข็งของพระองค์หาได้เคยรุกรานใครก่อนเว้นแต่เพื่อปกป้องประโยชน์อันสมควรตามเหตุผลนับเนื่องมา
ลุปีนี้ล่วงเข้ารอบปีที่แปดหลังครองราชย์ เหมาะแก่การเสด็จสู่เทวะสถานหลวงเพื่อบวงสรวงแสดงความเคารพต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งปวงซึ่งคุ้มครองบ้านเมืองมาตลอดทุกยุคทุกสมัย หริทัศว์ทรงมีพระราชปรารภว่าน่าจะเปิดโอกาสให้นางกำนัลหน้าใหม่มีโอกาสได้ร่วมขบวนจัดเตรียมข้าวของตลอดจนทัศนาพิธีการต่างๆ ทั้งภายนอกอันจัดงานรื่นเริงแลภายในสถานที่ประกอบพิธีศักดิ์สิทธิ์เพื่อเรียนรู้เอาไว้
ปารวตีสั่งห้ามอสิตาเข้าร่วมการณ์นี้ด้วยเล็งเหตุจากนิสัยของนางที่หมกมุ่นกับความต้องการเข้าเฝ้าองค์หริทัศน์จนสรรหาวิธีต่างๆนานาเรื่อยไป
ไม่ได้เฉลียวใจว่าในวัยแห่งอสิตา ยิ่งห้ามเสมือนหนึ่งยิ่งยุยงโดยมีสหายนางกำนัลอีกสองคนยินยอมให้ความร่วมมือแบบไม่ค่อยจะเต็มใจ...
ข้าทำหน้าที่คอยติดตามพี่ปารวตี หากนางบังเอิญเฉียดไปในระยะใกล้เจ้า ข้าจะหันเหเบี่ยงเบนความสนใจเอาไว้ สินีบอกบท
มยุราเองก็กำลังเตรียมใจ ถามไปอย่างเกรงๆว่า
ที่บอกอยากเข้าเฝ้าองค์หริทัศว์เจ้าหมายถึงใกล้เพียงใดกันอสิตา
ใกล้ขนาดที่ข้าสามารถทูลบางสิ่งได้ สายตาของอสิตาบอกเค้ามุ่งมั่นอย่างยิ่ง ข้าเคยบอกพวกเจ้าแล้วว่าข้ามีบางสิ่งจะถวายแก่องค์ราชัน หากไม่อาจบรรยายสรรพคุณ ของสิ่งนั้นคงต้องถูกทิ้งขว้างไว้ข้างทางโดยไม่ทรงไยดี
เช่นนั้นเจ้าต้องเตรียมตัวให้ดี ได้ยินว่าจะทรงอาชาเสด็จพระราชดำเนิน มยุราแอบหนักใจ
สินีเป็นผู้กล่าวว่า
ไม่ควรพากันตีตนไปก่อนไข้ แม้ทรงอัสดรศึกแต่ระหว่างก็มีประชาชนถวายข้าวของมากมาย ยังไงก็น่าจะทรงหยุดรับบ้าง เท่าที่ได้ยินมาทรงเป็นกษัตริย์ผู้มีน้ำพระทัยต่อประชาชนของพระองค์
...นั่นแหละ ที่อสิตาติดขัดก็ตรงนี้...
ตรงที่นางเองหาใช่ชาวชญบดีไม่
ข้าเป็นชาวนรธา แม้เพียงสายพระเนตรอาจไม่ทอดมาด้วยซ้ำไป
ปัญหาประดังมามากมายแต่บัดนี้นางไม่มีเวลาที่จะใคร่ครวญ ได้แต่ตัดสินใจเผชิญเอาดาบหน้า หากคลาดกับจอมกษัตริย์ก็คงได้แต่รอว่าเมื่อใดเมธาจะให้ความกรุณาแก่นางผู้ซึ่งเขารับเป็นหลานบุญธรรมจำแลง เหตุแห่งนางจักนำสัญญาณศึกมาสู่ ในฐานะเสนาบดีการต่างประเทศย่อมรู้ว่าหาควรให้นางแสดงตัวออกไปไม่ แต่อสิตาตั้งมั่นในการทำหน้าที่สรรหานรราชอันสมควรแก่การปลดเปลื้องเคราะห์กรรมชาวนรธาแม้จะต้องทำศึกข้ามดินแดน
ด้วยปณิธานแน่วแน่พานางมาจนถึงชญบดี บัดนี้นางควรเริ่มกระทำหน้าที่แห่งตนให้ลุล่วงเพื่อหมายพ้นบ่วงภาระแล้วจักคิดอ่านต่อไปในธุระแห่งหัวใจ!
เสียงกลองย่ำเป็นจังหวะหนักๆ ราชธวัชตลอดจนธงเสริมชูขึ้นสุดเสาถือสูงจากเหล่าทหารนำขบวนเป็นแถว ทหารราบ ตามด้วยเหล่าทหารม้าถวายอารักขาส่วนพระองค์ นางกำนัลซึ่งนำไปจัดเตรียมข้าวของล่วงหน้าพร้อมปารวตีไม่ได้หลงเหลือระหว่างทางจากวังสู่เทวะสถานหลวง อสิตาแลมยุราจึงสามารถปลอมปนมากับเหล่าประชาชนทั่วไปซึ่งมาร่วมเป็นสักขีพยานราชพิธีอันแสดงพระเกียรติยศครั้งนี้
สตรีสองนางพากันเดินปะปนเสาะหาช่องทางเข้าใกล้ถนนให้มากที่สุดโดยหลีกเลี่ยงทหารซึ่งกันพื้นที่เข้มแข็งเกินยินยอมให้ฝ่าด่านเข้าไปได้บ้าง
ไม่นานนักมยุราก็สะกิดให้เล็งด้านขวามือนางซึ่งมีร้านรวงปิดประตูเอาไว้ มุมด้านข้างตัวเคหสถานยังพอเบียดได้บ้างเพราะมีกลุ่มคนบางตา ล้วนแต่ถือข้าวของคนละเล็กละน้อยมาถวายเช่นเดียวกัน
ตรงนี้บางทีอาจทรงหยุดลงรับของถวายบ้าง แต่ถ้าโชคไม่เข้าข้างเจ้าก็คงได้เจอแค่นายทหารเดินมารับของแทนให้ ไหนล่ะอสิตาเครื่องรางจากนรธาที่เจ้านำมา มยุรากระซิบถาม
อสิตาพยายามเบียดแทรกจนเข้าไปยืนด้วยกันสำเร็จก่อนสูดลมหายใจลึกๆ
มันอยู่ที่นี่แล้ว เรื่องนั้นอย่าได้ห่วง
...เหลือเพียงแต่จะทำเช่นไรให้แน่ใจได้ว่าองค์หริทัศว์หยุดม้าทรงลงรับของด้วยพระหัตถ์...
ด้วยจำนวนคนคลาคล่ำราวกับเกิดโกลาหลเยี่ยงนี้ นางผู้มาจากวิหารหลวงแห่งนรธายังมิอาจคาดหวังได้เลย!
อีกสักครู่เสียงอึกทึกเหล่านี้จะยุติลงสิ้น มยุรากระหยิ่มมีแก่ใจยิ้มหัว อย่างที่สินีเคยบอกไว้ เวลาเสด็จหากเริ่มพิธีการจะมีการรัวกลองแล้วให้หมอบราบโน้มตัว แม้ปลายพระบาทยังมิอาจเงยมอง แต่อย่ากลัวว่าจะพลาดไป
ข้าจะสังเกตว่าเสด็จถึงแล้วได้อย่างไรเล่า อสิตายอมรับความเขลาในหนนี้
นางหรือจะเคยเห็นขบวนเสด็จของชญบดี...
มยุราไขปริศนาทันที คอยสังเกตทหารม้าที่จับกลุ่มเรียงเป็นระเบียบเอาไว้ หากเมื่อใดพ้นไปสู่ม้าเดี่ยวบางตาก่อนตามติดด้วยกลุ่มม้าอีกขบวนใหญ่ นั่นควรเป็นม้าทรงขององค์หริทัศว์กับเจ้าชายฉัตรินได้
พระนามฉัตรินทำให้อสิตารู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย
ฉวยทำผิดประการใดคงเตือนให้ระลึกได้ถึงพระธำมรงค์ซึ่งเคยประทานให้ นางอาจได้ละเว้นโทษตาย
ทว่ายังไม่ทันไรนางกลับใจหายวาบเมื่อนึกได้ว่าบัดนี้ธำมรงค์เพชรถูกเปลี่ยนเป็นแหวนทองคำอย่างจงใจจากบุรุษหนุ่มอีกรายที่นางหาได้ทราบชื่อ...
กลองระรัวขึ้นแล้ว ขบวนเสด็จคงเริ่มบ่ายหน้ามาทิศทางนี้ตามที่กำหนดเอาไว้
อสิตาไม่มีเวลาครุ่นคิด ได้แต่นั่งคุกเข่าหมอบศีรษะลงไปเบื้องหน้าตามคนอื่นๆข้างกาย ถนนทั้งสายที่วุ่นวายเมื่อครู่เงียบกริบ ประชาชนจำนวนมหาศาลพากันโน้มกายต่ำถวายความเคารพเป็นระลอก ราวลูกคลื่นใต้แสงตะวันอันมลังเมลืองจับตาผู้มีโอกาสทัศนาก่อนจะก้มหน้าหลบลงตามสมควร!
นานกว่าที่นางคาดเอาไว้...
ขบวนพลเคลื่อนเข้ามาใกล้ได้เพียงช้าๆ
คงหยุดทักทายกับประชาชนระหว่างทาง มยุราอธิบายอย่างระมัดระวัง
อสิตาอดทนรอท่ามกลางแดดแรงจ้าจนกระทั่งทหารหมู่แรกเดินเท้าผ่านถนนตรงหน้านางเรียงแถวเป็นระเบียบงดงามประดุจสายน้ำซึ่งกำลังทยอยเคลื่อนตัวเป็นระลอกตามกันไป
เครื่องแบบสีเทาของชญบดีดูเข้มแข็ง บัดนี้อสิตามิอาจบอกถึงสิ่งที่นางสดับอื้ออึงจากสรรพเสียงแลภาพต่างๆซึ่งผ่านแวบรำไรเข้าสู่หางตามาได้ ใจนางเริ่มเต้นระส่ำเมื่อได้ยืนเสียงกีบเท้าม้ากระทบดินแข็งจนดินบางส่วนฟุ้งกระจาย ขบวนม้ากำลังเคลื่อนใกล้มาถึงส่วนที่นางอยู่ แขนก็พลันถูกกระชากให้ต้องลุกยืนขึ้นทั้งตัวอย่างตะลึง บุรุษข้างตัวคือใครคนหนึ่งซึ่งนางคุ้นตา
ไปกับข้า...เดี๋ยวนี้! น้ำเสียงสั่งเต็มไปด้วยความแข็งกร้าว
อสิตานึกยินดี แต่เพียงชั่ววูบแววตานางก็พลันเปลี่ยนไป
เหตุใดท่านมาที่นี่ ท่านหาข้าเจอได้ยังไงกัน
...เขาตามนางมาจากวังงั้นหรือ...
...ด้วยสาเหตุอันใด...
ความจริงบางประการที่นางตระหนักแน่แก่ใจปรากฏเป็นภาพเลือนรางขึ้นในสติ
ค่อยถามได้หรือไม่อสิตา!
นั่นมิใช่คำตอบของชายในฝันที่นางเพ้อหา อสิตามองเห็นประกายบางอย่างสอดแทรกเข้ามา...ความเย็นชายากจะหยั่ง...นางระลึกถึงแววตาละม้ายกันจากค่ำคืนหนึ่งซึ่งทำให้ต้องหนีซมซานจากบ้านเกิดเมืองนอน!
ทหาร! ช่วยข้าด้วย คนผู้นี้จะทำร้ายเพื่อนข้า! มยุราที่เพิ่งหายตกใจตะโกนก้องขึ้น
ณ บัดดลนั้นรอบกายอสิตาก็มีเสียงฝีเท้าอื้ออึง ชั่วครู่เดียวคนซึ่งซุ่มซ่อนในกลุ่มคนก็กรูกันออกมาพร้อมอาวุธเข้าปะทะทหารกล้าแห่งชญบดีจนผงคลีฟุ้งตลบทั่วอาณาบริเวณนั้นในชั่วพริบตา
อสิตา เจ้าอยู่ไหน มยุรากระแอมไอแต่ไม่หยุดร้องเรียกหาเพื่อน
คนถูกเรียกนามได้สติพอที่จะรั้งข้อมือซึ่งกำลังฉุดนาง
ข้าไม่ไปกับท่าน...ท่านเป็นใครกันแน่
ความฝันสวยงามของนางสลายลงในพริบตาด้วยเสียงคำรามขู่ก้องจากอีกฝ่าย
ข้าเป็นทหารชื่อไวภพ ไปกับข้าเสียดีๆอสิตา องค์บริราชสั่งให้พาเจ้ากลับนรธาเพื่อหยุดสิ่งที่เจ้ากำลังคิดทำ!
ไวภพกระชากแขนนางเข้าใกล้ เขาลากอสิตาที่กำลังดิ้นรนแต่ยากสะบัดหลุดจากการเหนี่ยวรั้งด้วยเรี่ยวแรงมหาศาล
ระหว่างทางมีทหารโผล่มาเกะกะขวางทาง นางมองเห็นไวภพใช้อาวุธประทุษร้ายใส่ฝ่ายตรงข้ามโดยแทบไม่ต้องอาศัยความพยายาม ทุกครั้งที่ดาบเขาสะบัดโลหิตพลันหลั่งออกจากฝั่งตรงข้ามพร้อมเสียงร้องลั่นโหยหวนดังแว่วมา
อสิตาสำลักฝุ่น น้ำตานางไหลเป็นทางเมื่อภาพต่างๆเริ่มพร่าไหวไปเกือบหมดสิ้น
หูยังแว่วยินเสียงอาชาจากทิศทางต่างๆโลดเข้ามาใกล้
ปล่อยข้าไวภพ ปล่อยข้าไป สองมือของนางตะเกียกตะกายพยายามดิ้นรนด้วยการทำร้ายเขา
แม้นั่นจะไม่ต่างอะไรกับนางกำลังทำร้ายหัวใจดวงเปราะบางของนางเอง
ในที่สุดอสิตาก็หลุดออกมาได้เมื่อซัดกำปั้นสะเปะสะปะไปโดนใบหน้าของไวภพเข้า นางกระเสือกกระสนหนีท่ามกลางการรบราฆ่าฟันอย่างหลงทิศหลงทาง ร่างสูงของนายทหารผู้เป็นบริวารแห่งกษัตริย์นรธาติดตามนาง ราวกับฝันร้ายเมื่อกาลก่อนได้ย้อนคืนสนองทั้งที่พิภพยังบรรจบกับแสงสุรีย์!
หนี...แลหนีเท่านั้น
ครั้งหนึ่งในชั่วระยะเวลาสั้นๆนางโดนลูกหลงดาบไม่ทราบฝ่ายไหนเรียกเลือดจากต้นแขนไปหนึ่งแผล หัวเข่าถลอกจากการล้มลงยังก้อนกรวดริมทางแต่นางลุกได้ก่อนที่ไวภพจะถลาตามเข้ามา บัดดล อสิตาก็หลุดขึ้นไปอยู่บนถนนที่เป็นจุดรวมพลของทหารกล้าแห่งชญบดี
ธุลีบางลงจนนางเห็นร่างหนึ่งกระโดดจากหลังม้าก้าวฝ่าอย่างมั่นคงตรงเข้ามาสู่ผงคลี จากเงาร่างดำทะมึนค่อยๆชัดกลายเป็นบุรุษอีกรายที่สูงใหญ่องอาจ เค้าพระพักตร์ประกอบไปด้วยเหลี่ยมสัน แววเนตรคมแลกระด้าง หัตถ์ที่จับพระแสงดาบข้างหนึ่งกระชับมั่นดุจหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน สุรเสียงตะโกนราวกับแผดสีหนาท ณ กาลนั้น
ใครกล้าดีมาขวางทางข้า...หริทัศว์ราชันแห่งชญบดี!
บัดนี้นางได้ชะงักแล้ว
แววตาตื่นๆราวกับนางกวางของอสิตากำลังหมดซึ่งรัศมี มีแต่ความหวาดกลัวที่ทับถมร้อยเท่าพันทวี นางเบือนหน้าไปยังไวภพที่กำลังดิ่งตรงมาก่อนยั้งเท้าด้วยวาจานั้น อสิตาหันกลับตัดสินใจวิ่งถลาเข้าไปสู่อ้อมพระพาหาข้างที่ยังว่างอยู่ของราชันผู้กางออกรับโดยพลัน ทรงหมุนเอาร่างนางพลิกแผ่นหลังมาอิงแนบกับพระอุระกว้างดุจปราการแกร่งคอยป้องกัน
ชั่วเวลาแห่งรัศมีความเป็นแลความตายกระจายในเงาฝุ่นนั้น
อสิตาเงยมองพระเนตรที่ทอประกายเจิดจ้าโดยนางมิอาจรวบรวมถ้อยคำเปล่งนิยาม
ทว่าแววพิโรธอันมหาศาลราวกับจะเผาผลาญทุกสิ่งเบื้องพระพักตร์ให้สิ้นไปได้ด้วยไฟประลัยกัลป์ ทำให้นางมิสงสัยอีกแล้วว่านี่คือหริทัศว์ราชัน...ดวงตะวันหนึ่งเดียวแห่งชญบดีพระองค์จริง!
Create Date : 02 มิถุนายน 2554 |
Last Update : 2 มิถุนายน 2554 15:24:57 น. |
|
2 comments
|
Counter : 549 Pageviews. |
|
|
|
โดย: แม่ขุนศึก วันที่: 2 มิถุนายน 2554 เวลา:17:20:24 น. |
|
|
|
โดย: ploy666 IP: 115.87.107.10 วันที่: 3 มิถุนายน 2554 เวลา:15:00:13 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]
|
หนังสือที่มีวางจำหน่ายเฉพาะในบล็อก https://ploy666.bloggang.com
ชื่อเรื่อง : เศวตธามัน (บัลลังก์ศศิธรา) นามปากกา : สิตาปางค์ ประเภท : จินตนิยาย , โรแมนติก รูปเล่ม : ขนาด 700 หน้า A5 ออกแบบปก : Little thing
ราคา : 850.- บาท สินค้าหมด
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=ploy666&group=28
สั่งซื้อที่ : .........
หมายเหตุ : งดใส่ลายเซ็นนักเขียนทุกกรณีค่ะ
** ***********************************
ชื่อเรื่อง : เงาบรรณ นามปากกา : ลายน้ำ ราคา : 259.- บาท สั่งซื้อที่ (ยุติการสั่งซื้อ)
สินค้าหมดค่ะ
****************
นิยายที่อัพล่าสุดคือเรื่อง
รอยทรายบนลายรัก ...และ... กระต่ายในใจจันทร์
***********
เมื่อไหร่ที่รู้สึกว่า ทนไม่ไหวแล้ว... จงเรียนรู้ ที่จะขอความช่วยเหลือ
โลกไม่ได้โหดร้ายเกินไปนัก ผู้คน ก็ไม่ได้ใจร้ายไปซะทั้งหมด
เป็นกำลังใจให้ค่ะ...
Ploy666.
************
หมายเหตุสักนิดค่ะ...
ถ้าเป็นไปได้ งดการแปะรูปใส่คอมเม้นท์นะคะ เจ้าของบล็อกเข้าหน้าจอไม่ได้จ้า เน็ตห่วยมากมาย
ขอบคุณคนใจดีทั้งหลายล่วงหน้าค่ะ
**************
เนื้อหาต่างๆที่อัพในบล็อก สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย
|
|
|
|
|
|
|
ลุ้นมากค่ะ อยากรู้ๆๆ