Group Blog
 
<<
กันยายน 2549
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
27 กันยายน 2549
 
All Blogs
 
seasons change : จากร้อนสู่ฝนจนถึงหนาว

[หนังสือเล่มอื่น]



seasons change : จากร้อนสู่ฝนจนถึงหนาว behind-the-scene novel จากภาพยนตร์เรื่อง seasons change เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย

หนังสือประเภท"เบื้องหลังภาพยนตร์"เล่มนี้ ไม่ได้มีบทสัมภาษณ์ของตัวละครหลักในเรื่องทุกตัว ไม่ได้มีการ review ชีวิตส่วนตัวของดาราที่คุณ ๆ ชื่นชอบ ไม่ได้มีการจับเข่าคุยกับทุกคนที่เกี่ยวข้อง ไม่ได้เล่าเกร็ดเฮฮาเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือบอกเล่าฉากหลุด ๆ อันน่าขบขันที่ไหนในเล่ม

แต่ว่า.. ผู้เขียนได้มองเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในมุมมองใหม่ เธอบอกเล่าชีวิต ความฝัน ของคน 3 คน ...

พระเอก 1 .. นางเอก 2 .. หรือเปล่านะ ?

ไม่ใช่นะครับ!!


หนังสือเล่มนี้บอกเล่าเรื่องราวของ"ชาย" 3 คน ซึ่งมีความสำคัญอย่างมากต่อภาพยนตร์เรื่อง "Seasons Change เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย"

(ผู้เขียนใช้ประโยคว่า 'ชนิดจะขาดคนใดคนหนึ่งไปเสียไม่ได้')

ชาย 3 คนที่ว่านี้ คนแรกคือ อาจารย์สุกรี เจริญสุข ผู้อำนวยการวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ผู้ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้

คนต่อมาคือ บอล - วิทวัส สิงห์ลำพอง เด็กหนุ่มผู้รับบท ป้อม ซึ่งเป็นพระเอกของเรื่อง และคนสุดท้ายก็คือ ต้น - นิธิวัฒน์ ธราธร ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง "Seasons Change เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย"

ผู้เขียนบรรยายเรื่องราวออกมาในรูปแบบของ "นวนิยาย" เล่มหนึ่ง โดยนวนิยายเล่มนี้ได้กล่าวถึง "ความฝัน" และเน้นย้ำความเชื่อมั่น ความมุ่งมั่น ความอดทน ความเพียรพยายามที่จะทำทุกอย่าง

เพื่อไล่ตามความฝันนั้น โดยไม่ปล่อยทิ้ง หรือ ลืม ให้มันหลงค้างไว้ที่ไหน

ดังนั้น ถ้าใครหวังจะให้มี review หรือ สัมภาษณ์นางเอกอย่างละเอียดล่ะก็ ผิดหวังนะครับ ฮะ ฮะ

ขอยกตัวอย่างเรื่องของอาจารย์สุกรี เจริญสุข นะครับ กล่าวคืออาจารย์สุกรี มีความมุ่งมั่น มีฝัน ฝันที่จะเปิดโรงเรียนดนตรี พูดถึงตรงนี้ ผมชอบบทหนึ่งในหนังสือครับ บทนั้นชื่อ "As Time Goes By"

ในบทนี้จะเล่าถึง เมื่อตอนที่ทางมหาวิทยาลัยมหิดล ได้อนุมัติโครงการจัดตั้งวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ (ประมาณปี พ.ศ. 2537) โดยจะได้รับงบประมาณ 158 ล้านบาทเพื่อสร้าง "อาคารภูมิพลสังคีต" ซี่งก่อนหน้านี้โครงการที่ว่ามีอุปสรรคขัดขวางมากมายโดยตลอด

หลังจากที่อาจารย์สุกรีรู้สึกยินดีได้ไม่นาน ก็ได้มีข่าวแว่วมาว่า ทางสำนักงบประมาณแผ่นดิน จะไม่อนุมัติงบประมาณจำนวนนี้

อาจารย์สุกรีฮึดสู้ด้วยการบุกเข้าไปที่กระทรวงการคลัง เข้าหาผู้อำนวยการสำนักงบประมาณแผ่นดิน ควักเอา Saxophone ขึ้นมาเป่าเพลง As Time Goes By โดยไม่แนะนำตัวก่อน

บรรเลงเพลงจนจบ อาจารย์สุกรีก็ถามขึ้นว่า "ผมได้ยินข่าวว่าท่านกำลังจะตัดงบประมาณของผมหรือครับ" ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณหัวเราะบอกว่า "เปล่านี่" อาจารย์สุกรีกล่าวว่า "ถ้าอย่างนั้น ผมรบกวนเวลาท่านเท่านี้นะครับ" หลังจากนั้นก็ถือ Saxopone เดินจากไป

นี่ก็เป็นเกร็ดเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเรื่องราวของการอนุมัติงบประมาณสร้างอาคารภูมิพลสังคีต อาคารเรียนในฝันของอาจารย์สุกรี (และเป็นอาคารที่ใช้ถ่ายทำเป็นฉากในภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย)

(ส่วนเรื่องของบอล และ ต้นนั้น ขอไม่พูดถึงในที่นี้ครับ)

หลังจากอ่านหนังสือเล่มนี้ดูแล้ว ตามความเห็นส่วนตัวคิดว่า ถ้า"ไม่"คิดว่า นี่เป็นหนังสือรูปแบบ"นิยาย" เมื่อพิจารณาดูเฉพาะเนื้อหาที่จัดเป็น"ข้อเท็จจริง"ของ"อาจารย์สุกรี"จะพบว่า เนื้อหานั้นมากกว่าของคนอื่น

ส่วนของ"บอล"กับ"ต้น" นั้น ผมรู้สึกว่าไม่ค่อยมีเนื้อหาที่เป็นข้อเท็จจริงมากเท่าของอาจารย์สุกรี (เทียบสัดส่วน)


ทว่า..ถ้ามองว่าเป็น"นิยาย"แล้ว การบรรยายในส่วนของ"บอล"และ"ต้น"จะมีมาก และ ดูเด่นกว่าของอาจารย์สุกรีค่อนข้างมากทีเดียว โดยผู้เขียนจะเน้นมากในส่วนของอารมณ์ ความรู้สึก ความฝัน การพยายามเพื่อไปให้ถึงฝัน ของทั้งบอลและต้น

ส่วนหนึ่งอาจเพราะว่า คนหนึ่งเป็นผู้กำกับและอีกคนหนึ่งนักแสดง ทำให้สองคนนี้มีปฎิสัมพันธ์ระหว่างกันเกือบจะตลอด จึงสามารถเรื่องเล่าในส่วนอารมณ์ความรู้สึก การกระทบกระทั่งต่าง ๆ ได้มาก อ่าน ๆ ไปในส่วนนี้ก็ค่อยเหมือนอ่านเบื้องหลังการถ่ายทำ ทว่า เป็นการเน้นเฉพาะจากมุมมองของบุคคลสองคนนี้เท่านั้น

นอกจากนี้ การที่ผู้เขียนหนังสือกับผู้กำกับภาพยนตร์เป็นเพื่อนกัน จึงทำให้ผู้เขียนบรรยายความรู้สึก และความคิดออกมาได้ค่อนข้างชัดเจนมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเทียบกับบอลและอาจารย์สุกรี

เมื่อดูการเล่าถึงอาจารย์สุกรี จะค่อนข้างลอยออกไป ดูเหมือนจะห่างออกจากหนังไปค่อนข้างมาก อาจเพราะไม่ได้มีปฎิสัมพันธ์กับนักแสดงเลย จะกับผู้กำกับก็ค่อนข้างน้อยมาก (แม้จะเป็นส่วนสำคัญในการสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดภาพยนตร์เรื่องนี้ขึ้น)

และอาจเพราะผู้เขียนไม่ได้รู้จักอาจารย์สุกรีมากนัก จึงทำให้บรรยายความคิดความรู้สึกไม่ได้มากนัก คงเป็นการบรรยายข้อเท็จจริงในรูปของพรรณาโวหารมากกว่า (ผมคิดแบบนี้นะ)

อย่างไรก็ตาม ในความเห็นของผม ผู้เขียนสามารถถ่ายทอดเรื่องราวออกมาได้ดี น่าติดตาม อ่านสนุก แม้ว่าในตอนจบนั้นจะค่อนข้างห้วน และดูเหมือนยังไม่จบก็ตาม

และเมื่ออ่านจนจบแล้ว ก็เกิดความรู้สึกคล้อยตามกับประเด็นที่ผู้เขียนพยายามจะเน้นในเรื่องความพยายามและการไล่ตามความฝัน ซึ่งผู้เขียนได้สรุปทิ้งท้ายที่คำนำไว้ว่า "..จึงได้เรียนรู้ว่า แดด ลม และฝนที่ผันเปลี่ยนเวียนว่าย ก็ยังต้องพ่ายต่อหัวใจที่มุ่งมั่น"



seasons change : จากร้อนสู่ฝนจนถึงหนาว
โสภณา เชาว์วิวัฒน์กุล : เขียน
อลงกรณ์ คล้ายสีแก้ว, ธีปนันท์ เพ็ชร์ศรี : ผู้แต่งร่วม
สำนักพิมพ์ a book
พิมพ์ครั้งที่ 1 : สิงหาคม พ.ศ. 2549
264 หน้า
ISBN 974-94678-2-5







[หนังสือเล่มอื่น]


Create Date : 27 กันยายน 2549
Last Update : 12 เมษายน 2550 2:29:48 น. 13 comments
Counter : 3197 Pageviews.

 
"..จึงได้เรียนรู้ว่า แดด ลม และฝนที่ผันเปลี่ยนเวียนว่าย ก็ยังต้องพ่ายต่อหัวใจที่มุ่งมั่น"

มาเยี่ยมค่ะ แล้วได้ข้อคิดดีๆกลับไปเสมอ
ขอบคุณค่ะ


โดย: komi_to วันที่: 27 กันยายน 2549 เวลา:19:13:02 น.  

 
เห็นแต่ไม่ได้หยิบมาค่ะ

สนใจการ์ตูนมากกว่าอ้ะ แต่หาซื้อไม่ได้


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 27 กันยายน 2549 เวลา:19:41:11 น.  

 
แวะมาอ่านจ้า เป็นหนังสือที่อยากมีไว้ในครอบครองจังค่ะ


โดย: Malee30 วันที่: 27 กันยายน 2549 เวลา:20:30:40 น.  

 
อยากดูและอยากอ่าน แต่...ยังไม่ได้ผ่านสายตาทั้งหนัง และ หนังสือเลยค่ะ สงสัยคงต้องรอให้หนังออกมาเป็นแผ่นมั้งคะ ถึงจะได้ดู

มาเยี่ยมค่ะ สบายดีนะคะ


โดย: PANDIN วันที่: 28 กันยายน 2549 เวลา:15:59:22 น.  

 
ไม่รู้นะนี่ว่ามีเป็นหนังสือ


โดย: ดาริกามณี วันที่: 28 กันยายน 2549 เวลา:20:20:56 น.  

 
ยังไม่ได้อ่านหนังสือค่ะ แต่หนังเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่อยู่ในใจเราแล้วล่ะ


โดย: พิมลพัทธ์ วันที่: 28 กันยายน 2549 เวลา:22:46:33 น.  

 
ดูหนังเสร็จผมก็รีบพุ่งไปหาซื้อหนังสือเล่มนี้ แล้วก็ไม่ผิดหวังครับ


โดย: นายเบียร์ วันที่: 29 กันยายน 2549 เวลา:4:56:49 น.  

 
หมู่นี้ไม่ได้เข้าร้านหนังสือเลยค่ะ
จะว่าไม่ค่อยมีเวลาก็ได้
เห็นเล่มนี้เเล้วก็อยากได้มาอ่านเหมือนกัน
หนังก็ไม่มีเวลาไปดูเลย หรือว่าไม่ยอมสละเวลาไปกันนะ


- - - - เพื่อไล่ตามความฝันนั้น โดยไม่ปล่อยทิ้ง หรือ ลืม ให้มันหลงค้างไว้ที่ไหน - - - -

โดยจากคำพูดประโยคนี้
แทงใจดำของแสงตะวันมากค่ะ

เมื่อมองย้อนดูตัวเองบ้าง

เมื่อในชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่ง ไม่เป็นไปตามที่ฝัน
อยากไล่ตามฝัน แต่ก็ทำไม่ได้ ด้วยเหตุผลใดๆก็ตามแต่ ไม่อาจพูดตรงนี้ได้ ซึ่งไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้
ชีวิตต้องผกผันไปอีกแบบหนึ่ง

ชีวิตเราจะมีค่ามากเลย ถ้าได้เดินตามทางที่ฝันไว้

นึกถึงเพลงของวงGlay วงดนตรีญี่ปุ่น มีท่อนหนึ่งที่ชอบมากๆ

Tooku made...
Koeru made..
Karetu made..
Todoku made...

ช่างห่างไกล หลุดพ้นไป
ชัยชนะ เอื้อมไปจนถึง....








โดย: เเสงตะวัน วันที่: 2 ตุลาคม 2549 เวลา:21:40:38 น.  

 
อยากทำอะไรบ้าบิ่นอย่างอ.สุกรีจัง (แต่ไม่กล้าหรอก ได้แต่คิด) เพลงAs Time Goes By ทำให้นึกถึงCasablanca เห็นภาพฮัมฟรี่ย์ โบการ์ต "Play it Sam,Play'As time goes by"


โดย: coming soon IP: 61.90.160.163 วันที่: 3 ตุลาคม 2549 เวลา:11:46:07 น.  

 
แล้วตอนนี้คุณพี่เลือกใครอยู่ล่ะ season change บ่อยเหมือนกันนี่นา ฮิฮิฮิ
สู้เขานะคะ เอาใจช่วยค่ะ


โดย: เด็กโง่ IP: 202.28.181.9 วันที่: 23 ตุลาคม 2549 เวลา:21:08:53 น.  

 
^
^
^
เฮ้ย !! ใครอ่ะ !!!!


โดย: Plin, :-p วันที่: 23 ตุลาคม 2549 เวลา:21:16:50 น.  

 
"..จึงได้เรียนรู้ว่า แดด ลม และฝนที่ผันเปลี่ยนเวียนว่าย ก็ยังต้องพ่ายต่อหัวใจที่มุ่งมั่น"

ชอบประโยคนี้จังค่ะ



โดย: คอเล่า IP: 202.44.135.35 วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:14:49:44 น.  

 
โดนใจมาก


โดย: ซาน่า IP: 118.173.207.235 วันที่: 23 สิงหาคม 2552 เวลา:11:59:02 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Plin, :-p
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]









Instagram






บันทึก ท่องเที่ยว เวียดนาม


e-mail : rethinker@hotmail.com


Friends' blogs
[Add Plin, :-p's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.