รัฐปัตตานี ใน ศรีวิชัย เก่าแก่กว่ารัฐสุโขทัยในประวัติศาสตร์
[หนังสือเล่มอื่น]
ประวัติศาสตร์ ปกปิด ของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รัฐปัตตานี ใน ศรีวิชัย เก่าแก่กว่ารัฐสุโขทัยในประวัติศาสตร์
ประมวลภาพเสด็จพระราชดำเนินเมืองปัตตานี ของ รัชกาลที่ 5 รัชกาลที่ 6 รัชกาลที่ 7
ประชุมงานค้นคว้าและวิจัยทางวิชาการ ของ ศรีจักร วัลลิโภดม, ประพนธ์ เรืองณรงค์, รัตติยา สาและ, ปรามินทร์ เครือทอง และบทนำเกียรติยศของ ธงชัย วินิจจะกูล สุจิตต์ วงษ์เทศ : บรรณาธิการ
(จากปกหน้า)
(ส่วนนี้เป็นบทนำต่อข้อเขียนแนะนำหนังสือชิ้นนี้ โดยข้าพเจ้าเอง ไม่เกี่ยวกับหนังสือ ถ้าอยากรู้เรื่องหนังสือ ข้ามไปในส่วนแนะนำหน้งสือเลยครับ)
ปตานี ดารุสสะลาม... มีใครเคยได้ยินชื่อนี้บ้าง
ในพุทธศตวรรษที่ 22 หรือประมาณ 300 - 400 ปีมาแล้วนั้น ปตานี(กรือเซะ)ได้รับสมญานามว่า เป็นเมืองท่าพี่น้องกับเมืองฮิราโดะ ประเทศญี่ปุ่น... มีใครเคยทราบหรือเปล่า
แล้วเรื่องที่ว่า ก่อนหน้านี้ปัตตานีเป็นรัฐอิสระ มีเอกราช เป็นอีกประเทศหนึ่ง ไม่ได้ขึ้นต่อสยามแต่อย่างใด เคยทราบมาก่อนหรือไม่ ว่า.. ปัตตานีเพิ่งถูกตีแตก และแยกเป็น 7 หัวเมืองในสมัยรัชกาลที่ 1 และเพิ่งจะผนวกเข้ากับสยามในสมัยรัชกาลที่ 5 นี้เอง โดยที่ดินแดนส่วนหนึ่งตกเป็นของอังกฤษ และกลายเป็นส่วนหนึ่งของประเทศมาเลเซียในปัจจุบัน
ถ้าท่านรับทราบประวัติศาสตร์ของประเทศไทย แต่เพียงจากการอ่านตำราที่มีสอนในโรงเรียนเท่านั้น ท่านก็ไม่น่าจะเคยได้ยินเรื่องราวข้างต้นมาก่อน รวมถึงอาจจะไม่เคยรู้สึกเลยก็ได้ว่า แท้จริงแล้วนอกจากปัตตานีที่เคยเป็นเอกราชมาก่อนนั้น อณาจักรล้านนาในอดีตก็ไม่ใช่สยามด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ก็คงต้องดูว่านโยบายในการสร้างชาติของผู้นำ-ผู้ปกครองในขณะนั้น รวมถึงภาวะการเมืองภายในและระหว่างประเทศเป็นเช่นไร ทำไม... ถึงได้มีตำราประวัติศาสตร์ที่ ปกปิด สาระสำคัญ หรือ ข้อเท็จจริงบางอย่างเอาไว้
แม้ในอดีตภาคเหนือจะยังมีความัดแย้งกับรัฐบาลกลางในสมัยรัชกาลที่ 5 แต่ปัจจุบัน ดินแดนทั้งหมดนั้น ก็ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของไทยอย่างสมบูรณ์ไปแล้ว วัฒนธรรมผสมผสานจนคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว พลันนึกไปว่าวัฒนธรรมภาคเหนือบางอย่างเป็นของภาคกลางเสียด้วยซ้ำ การทำให้ล้านนาเป็นไทยนั้นดูเหมือนจะประสพความสำเร็จไปด้วยดี ถ้าตอนนี้คิดจะมารื้อฟื้นเรื่องราวในอดีตว่าอยุธยากับเชียงใหม่เคยรบกันอย่างไรนั้น (เช่นในหนังเรื่องสุริโยทัยก็มีฉากดังกล่าวให้เห็นด้วย) ก็ไม่อาจสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นได้โดยง่าย
อาจเป็นเพราะ ชาติพันธุ์ ภาษา วัฒนธรรม ระหว่างสยามกับล้านนามีความใกล้เคียงกันในระดับหนึ่ง
ตรรกะแบบเดียวกันนี้ คือ (ในมุมมองของภาคกลาง) การ ปกปิด ว่า เขา (คนปัตตานี) เป็นคนต่างชาติ และในขณะเดียวกันก็ทำให้เขา (คนปัตตานี) เป็นเรา (ไทย) นั้น ดูเหมือนจะใช้กับสามจังหวัดชายแดนภาคใต้แทบจะไม่ได้เลย เพราะไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ เขาก็ยังรู้สึกว่าเป็นเขา ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเราขึ้นมาแม้แต่น้อย และยังคงรักษาเอกลักษณ์ของชนชาติต่อไป
เป็นความจริงว่าทั้งชาติพันธุ์ ภาษา วัฒนธรรม ระหว่างสยามกับปัตตานี้นั้น แตกต่างกันอย่างมาก ไม่อาจจะทำให้กลมกลืนกันได้อย่างสนิทเลย ดังนั้น การทำให้คนมลายูปัตตานีเป็นคนไทย (แล้วปกปิดประวัติศาสตร์เอาไว้) นั้นจึงไม่อาจทำได้สำเร็จ
แต่กลับทำให้มีการต่อต้านจากชาวบ้าน พวกเขาสะสมความแค้น มากขึ้นเรื่อย ๆ จน... ในทีสุด ก็ ระเบิด
ที่กล่าวมานี้ ไม่ได้เป็นการทำให้มีการแตกแยกแต่อย่างใด เพราะที่ถูกแล้ว การยอมรับความแตกต่าง และเคารพในเอกลักษณ์ของกันและกัน โดยอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงต่างหากเล่า จึงจะเป็นการลดความแตกแยก ที่เกิดจากการบาดหมางทางจิตใจ ลงได้
(แนะนำหนังสือ)
หนังสือเล่มนี้ชื่อยาวมาก อ่านแต่ละประโยคแล้วก็ชวนให้สงสัยว่า อะไรหรือที่ปกปิด และจริงหรือที่ว่าเก่าแก่กว่าสุโขทัย ถ้าใครดูเพียงปกแล้วไม่หยิบอ่าน อาจคิดไป (พร้อมกับเข้าใจผิด ๆ ไป) ว่า ปัตตานีเป็น "รัฐอิสลาม" มาก่อนที่จะเกิดอณาจักรสุโขทัย
ซึ่งไม่ใช่แบบนั้นครับ
หนังสือเล่มนี้พยายามชี้ให้เห็นว่า การเรียนการสอนประวัติศาสตร์ไทยในปัจจุบันนั้น เป็นการรับใช้อุดมการณ์ทางการเมืองในอดีต นอกจากนี้แล้ว ยังเป็นการศึกษาที่ตั้งกรอบไว้ไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ที่พบใหม่ ๆ ด้วย
กล่าวคือ ในตอนนี้เรารับรู้ว่าประเทศไทยมีขอบเขตเป็นรูปขวาน เราก็จะศึกษาประวัติศาสตร์โดยวางกรอบว่าในอดีตหลายร้อยปีมานี้ พื้นที่ขวานนี้เป็นไทยมาก่อน และประชากรที่อยู่ในขอบเขตนี้ก็จะต้องเป็นคนไทยด้วย ซึ่งที่จริงแล้วอาจจะไม่ได้เป็นแบบนั้นก็ได้
นอกจากนี้ยังชี้ให้เห็นว่า การศึกษาประวัติศาสตร์ไทยในอดีต ได้รับอิทธิพลจากนักวิชาการชาวต่างชาติหลายท่าน ซึ่งอาจจะไม่ได้คุ้นเคย หรือ ลึกซึ้งกับวัฒนธรรมในภูมิภาคแห่งนี้ดีพอ ทำให้มีโอกาสที่จะตีความเอกสารต่าง ๆ ผิดไปจากที่ควรจะเป็น
ความจริงจึงอาจจะไม่ใช่แบบที่เราเรียน หรือ ถูกบอกต่อ ๆ มาเรื่อย ๆ ก็ได้
หนังสือเล่มนี้เป็นการรวบรวมงานค้นคว้าและวิจัยทางวิชาการของนักวิชาการหลายท่าน เพื่อชี้ว่า (จากหลักฐานที่พบในปัจจุบันนั้น) ในอดีตมีรัฐ ๆ หนึ่ง ซึ่งเป็นสมาชิกของสหพันธรัฐศรีวิชัย มีพัฒนาการเป็นบ้านเมืองตั้งแต่ราวพุทธศตวรรษที่ 11 12 (ก็คือมากกว่าพันปีมาแล้ว ในขณะที่ลายสือไทยที่เชื่อว่าสร้างในสมัยพ่อขุนรามคำแห่งนั้นอายุประมาณ 700 ปี) รัฐที่ว่านี้แต่เดิมนับถือพุทธศาสนานิกายมหายาน ต่อมาก็กลายเป็นรัฐอิสลามเมื่อราว 500 ปีก่อน และในที่สุดก็แตกสลายลงถูกผนวกเข้ากับสยาม (และบางส่วนเข้ากับมาเลเซีย) ประมาณร้อยกว่าปีมานี้เอง
รัฐที่ว่านี้คือ "ลังกาสุกะ" เป็นรัฐปัตตานีในอดีต จังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาสเคยเป็นรัฐเดียวกันมาก่อน
แม้หนังสือเล่มนี้ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ ปี พ.ศ. 2547 แต่บทความในหนังสือเล่มนี้หลายบท ถูกเขียนขึ้นก่อนหน้านานแล้ว และเขียนโดยนักวิชาการหลายท่าน ทางบรรณาธิการได้นำมารวบรวมไว้เข้าเป็นเล่ม ตามความเห็นส่วนตัวของข้าพเจ้าแล้ว หนังสือหนากว่า 350 หน้าเล่มนี้ มีเนื่อหาที่ซ้ำกันหลายจุดทีเดียว ถ้าหากพยายามเรียบเรียงเขียนขึ้นใหม่ อาจทำให้ได้หนังสือที่เนื้อหากระชับมากกว่านี้
เนื้อหาในเล่มแบ่งเป็น 4 ส่วนใหญ่ ๆ ส่วนแรกเป็นบทนำ ส่วนต่อมาเป็นการแสดงและอ้างอิงหลักฐานทางโบราณคดีว่ามีรัฐโบราณเกิดขึ้นในคาบสมุทรนี้มานานมากแล้ว ส่วนที่สามเป็นเรื่องเกี่ยวกับปัตตานีในสมัยที่นับถือศาสนาอิสลามแล้ว และส่วนสุดท้ายเป็นภาคผนวก
ดังที่กล่าวไว้แล้ว่า เนื้อหาหลายตอนซ้ำกันอย่างมาก และยิ่งถ้าท่านไม่ได้มีความสนใจในเชิงหลักฐานทางโบราณคดีแล้วล่ะก็ เพื่อไม่ให้เสียในการอ่านมากนัก ข้าพเจ้าขออนุญาติแนะนำให้ท่านอ่านเพียงไม่กี่บท เพื่อให้ได้รับทราบข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ของภูมิภาคนี้ ซึ่งไม่ใคร่ได้มีการเปิดเผยให้รับทราบในวงกว้างเท่าใดนัก และเข้าใจพื้นฐานทางวัฒนธรรมของปัตตานีได้ดียิ่งขึ้น
บทที่แนะนำให้อ่านคือ
- คำนำบรรณาธิการ โดย สุจิตต์ วงษ์เทศ
- เรื่องเล่าจากชายแดน โดย ธงชัย วินิจจะกูล
- ปตานี ดารุสสะลาม (มลายู-อิสลาม ปตานี) สู่ความเป็น จังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส โดย รัตติยา สาและ
- พญาตานี ปืนใหญ่ใส่อดีตอันรุ่งเรืองของกษัตริยาแห่งปัตตานี โดย ปรามินทร์ เครือทอง
อยากให้ทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ที่ลงไปในพื้นที่ ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ เชื่อว่า การเข้าใจพื้นฐานทางประวัติศาสตร์ และ วัฒนธรรมนั้น จะทำให้การแก้ไขปัญหาความรุนแรงในภาคใต้ ได้ตรงจุด และเข้าใจ เขา มากยิ่งขึ้น
ตามตำราประวัติศาสตร์ไทยที่ใช้เรียน-สอนกันในโรงเรียนทั่วประเทศฯมาช้านาน บอกว่าคนไทย "อพยพ" มาจากที่อื่นทางทิศเหนือ แล้วตั้งสุโขทัยเป็นราชธานีแห่งแรก เมื่อราว พ.ศ. 1800 ก็แสดงว่า "คนไทย" ไม่ใช่เจ้าของดินแดนประเทศไทยทุกวันนี้ แต่เป็น "แขก" แปลกหน้าเพิ่งอพยพเข้ามาเมื่อราว พ.ศ. 1800 แล้วรุกรานขับไล่เจ้าของดินแดนที่แท้จริงให้ไปอยู่ที่อื่น
แล้วใครล่ะเป็นเจ้าของ? ใครเป็นคนดั้งเดิมที่อยู่ดินแดนนี้ก่อน
หนังสือเล่มนี้จะชี้ให้เห็นพยานหลักฐานที่เป็นคนตอบทั้งหมด แล้วยังเตือนล่วงหน้า ว่า
ไฟใต้อาจดับชั่วคราว แต่ "อำนาจ" แท้จริงยังครอบงำอยู่ ย่อมเกิดไฟใต้ได้อีกเสมอ นั่นคือ "ประวัติศาสตร์ไทย" หนทางที่จะทำให้ไฟใต้ดับได้ค่อนข้างถาวรและยั่งยืน ก็ต้องดับไฟ "ประวัติศาสตร์ไทย" ที่ล้าหลังคลั่งชาติดูแคลนคนอื่น
(จากปกหลัง)
รัฐปัตตานี ใน "ศรีวิชัย" เก่าแก่กว่ารัฐสุโขทัยในประวัติศาสตร์ สุจิตต์ วงษ์เทศ : บรรณาธิการ สำนักพิมพ์มติชน พิมพ์ครั้งแรก : เมษายน 2547 ISBN 974-323-183-8
[หนังสือเล่มอื่น]
Create Date : 12 มกราคม 2550 |
Last Update : 12 เมษายน 2550 2:28:35 น. |
|
16 comments
|
Counter : 5180 Pageviews. |
|
|
สาวใหมแนะนำเว็ปนี้ค่ะ
//www.angkor-planet.com/UK-hase.html
และกระทู้นี้ค่ะ
//www.pantip.com/cafe/library/topic/K4950974/K4950974.html