Group Blog
 
<<
มกราคม 2550
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
12 มกราคม 2550
 
All Blogs
 
รัฐปัตตานี ใน “ศรีวิชัย” เก่าแก่กว่ารัฐสุโขทัยในประวัติศาสตร์

[หนังสือเล่มอื่น]




ประวัติศาสตร์ “ปกปิด” ของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
รัฐปัตตานี ใน “ศรีวิชัย”
เก่าแก่กว่ารัฐสุโขทัยในประวัติศาสตร์


ประมวลภาพเสด็จพระราชดำเนินเมืองปัตตานี ของ
รัชกาลที่ 5 รัชกาลที่ 6 รัชกาลที่ 7

ประชุมงานค้นคว้าและวิจัยทางวิชาการ ของ
ศรีจักร วัลลิโภดม, ประพนธ์ เรืองณรงค์, รัตติยา สาและ, ปรามินทร์ เครือทอง
และบทนำเกียรติยศของ ธงชัย วินิจจะกูล
สุจิตต์ วงษ์เทศ : บรรณาธิการ



(จากปกหน้า)





(ส่วนนี้เป็นบทนำต่อข้อเขียนแนะนำหนังสือชิ้นนี้ โดยข้าพเจ้าเอง ไม่เกี่ยวกับหนังสือ ถ้าอยากรู้เรื่องหนังสือ ข้ามไปในส่วนแนะนำหน้งสือเลยครับ)



ปตานี ดารุสสะลาม... มีใครเคยได้ยินชื่อนี้บ้าง

ในพุทธศตวรรษที่ 22 หรือประมาณ 300 - 400 ปีมาแล้วนั้น ปตานี(กรือเซะ)ได้รับสมญานามว่า เป็นเมืองท่าพี่น้องกับเมืองฮิราโดะ ประเทศญี่ปุ่น... มีใครเคยทราบหรือเปล่า

แล้วเรื่องที่ว่า ก่อนหน้านี้ปัตตานีเป็นรัฐอิสระ มีเอกราช เป็นอีกประเทศหนึ่ง ไม่ได้ขึ้นต่อสยามแต่อย่างใด เคยทราบมาก่อนหรือไม่ ว่า.. ปัตตานีเพิ่งถูกตีแตก และแยกเป็น 7 หัวเมืองในสมัยรัชกาลที่ 1 และเพิ่งจะผนวกเข้ากับสยามในสมัยรัชกาลที่ 5 นี้เอง โดยที่ดินแดนส่วนหนึ่งตกเป็นของอังกฤษ และกลายเป็นส่วนหนึ่งของประเทศมาเลเซียในปัจจุบัน

ถ้าท่านรับทราบประวัติศาสตร์ของประเทศไทย แต่เพียงจากการอ่านตำราที่มีสอนในโรงเรียนเท่านั้น ท่านก็ไม่น่าจะเคยได้ยินเรื่องราวข้างต้นมาก่อน รวมถึงอาจจะไม่เคยรู้สึกเลยก็ได้ว่า แท้จริงแล้วนอกจากปัตตานีที่เคยเป็นเอกราชมาก่อนนั้น อณาจักรล้านนาในอดีตก็ไม่ใช่สยามด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ก็คงต้องดูว่านโยบายในการสร้างชาติของผู้นำ-ผู้ปกครองในขณะนั้น รวมถึงภาวะการเมืองภายในและระหว่างประเทศเป็นเช่นไร ทำไม... ถึงได้มีตำราประวัติศาสตร์ที่ “ปกปิด” สาระสำคัญ หรือ ข้อเท็จจริงบางอย่างเอาไว้

แม้ในอดีตภาคเหนือจะยังมีความัดแย้งกับรัฐบาลกลางในสมัยรัชกาลที่ 5 แต่ปัจจุบัน ดินแดนทั้งหมดนั้น ก็ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของไทยอย่างสมบูรณ์ไปแล้ว วัฒนธรรมผสมผสานจนคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว พลันนึกไปว่าวัฒนธรรมภาคเหนือบางอย่างเป็นของภาคกลางเสียด้วยซ้ำ การทำให้ล้านนาเป็นไทยนั้นดูเหมือนจะประสพความสำเร็จไปด้วยดี ถ้าตอนนี้คิดจะมารื้อฟื้นเรื่องราวในอดีตว่าอยุธยากับเชียงใหม่เคยรบกันอย่างไรนั้น (เช่นในหนังเรื่องสุริโยทัยก็มีฉากดังกล่าวให้เห็นด้วย) ก็ไม่อาจสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นได้โดยง่าย

อาจเป็นเพราะ ชาติพันธุ์ ภาษา วัฒนธรรม ระหว่างสยามกับล้านนามีความใกล้เคียงกันในระดับหนึ่ง

ตรรกะแบบเดียวกันนี้ คือ (ในมุมมองของภาคกลาง) การ “ปกปิด” ว่า เขา (คนปัตตานี) เป็นคนต่างชาติ และในขณะเดียวกันก็ทำให้เขา (คนปัตตานี) เป็นเรา (ไทย) นั้น ดูเหมือนจะใช้กับสามจังหวัดชายแดนภาคใต้แทบจะไม่ได้เลย เพราะไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ เขาก็ยังรู้สึกว่าเป็นเขา ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเราขึ้นมาแม้แต่น้อย และยังคงรักษาเอกลักษณ์ของชนชาติต่อไป

เป็นความจริงว่าทั้งชาติพันธุ์ ภาษา วัฒนธรรม ระหว่างสยามกับปัตตานี้นั้น แตกต่างกันอย่างมาก ไม่อาจจะทำให้กลมกลืนกันได้อย่างสนิทเลย ดังนั้น การทำให้คนมลายูปัตตานีเป็นคนไทย (แล้วปกปิดประวัติศาสตร์เอาไว้) นั้นจึงไม่อาจทำได้สำเร็จ

แต่กลับทำให้มีการต่อต้านจากชาวบ้าน พวกเขาสะสมความแค้น มากขึ้นเรื่อย ๆ จน... ในทีสุด ก็ “ระเบิด”

ที่กล่าวมานี้ ไม่ได้เป็นการทำให้มีการแตกแยกแต่อย่างใด เพราะที่ถูกแล้ว การยอมรับความแตกต่าง และเคารพในเอกลักษณ์ของกันและกัน โดยอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงต่างหากเล่า จึงจะเป็นการลดความแตกแยก ที่เกิดจากการบาดหมางทางจิตใจ ลงได้



(แนะนำหนังสือ)



หนังสือเล่มนี้ชื่อยาวมาก อ่านแต่ละประโยคแล้วก็ชวนให้สงสัยว่า อะไรหรือที่ปกปิด และจริงหรือที่ว่าเก่าแก่กว่าสุโขทัย ถ้าใครดูเพียงปกแล้วไม่หยิบอ่าน อาจคิดไป (พร้อมกับเข้าใจผิด ๆ ไป) ว่า ปัตตานีเป็น "รัฐอิสลาม" มาก่อนที่จะเกิดอณาจักรสุโขทัย

ซึ่งไม่ใช่แบบนั้นครับ

หนังสือเล่มนี้พยายามชี้ให้เห็นว่า การเรียนการสอนประวัติศาสตร์ไทยในปัจจุบันนั้น เป็นการรับใช้อุดมการณ์ทางการเมืองในอดีต นอกจากนี้แล้ว ยังเป็นการศึกษาที่ตั้งกรอบไว้ไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ที่พบใหม่ ๆ ด้วย

กล่าวคือ ในตอนนี้เรารับรู้ว่าประเทศไทยมีขอบเขตเป็นรูปขวาน เราก็จะศึกษาประวัติศาสตร์โดยวางกรอบว่าในอดีตหลายร้อยปีมานี้ พื้นที่ขวานนี้เป็นไทยมาก่อน และประชากรที่อยู่ในขอบเขตนี้ก็จะต้องเป็นคนไทยด้วย ซึ่งที่จริงแล้วอาจจะไม่ได้เป็นแบบนั้นก็ได้

นอกจากนี้ยังชี้ให้เห็นว่า การศึกษาประวัติศาสตร์ไทยในอดีต ได้รับอิทธิพลจากนักวิชาการชาวต่างชาติหลายท่าน ซึ่งอาจจะไม่ได้คุ้นเคย หรือ ลึกซึ้งกับวัฒนธรรมในภูมิภาคแห่งนี้ดีพอ ทำให้มีโอกาสที่จะตีความเอกสารต่าง ๆ ผิดไปจากที่ควรจะเป็น

ความจริงจึงอาจจะไม่ใช่แบบที่เราเรียน หรือ ถูกบอกต่อ ๆ มาเรื่อย ๆ ก็ได้

หนังสือเล่มนี้เป็นการรวบรวมงานค้นคว้าและวิจัยทางวิชาการของนักวิชาการหลายท่าน เพื่อชี้ว่า (จากหลักฐานที่พบในปัจจุบันนั้น) ในอดีตมีรัฐ ๆ หนึ่ง ซึ่งเป็นสมาชิกของสหพันธรัฐศรีวิชัย มีพัฒนาการเป็นบ้านเมืองตั้งแต่ราวพุทธศตวรรษที่ 11 – 12 (ก็คือมากกว่าพันปีมาแล้ว ในขณะที่ลายสือไทยที่เชื่อว่าสร้างในสมัยพ่อขุนรามคำแห่งนั้นอายุประมาณ 700 ปี) รัฐที่ว่านี้แต่เดิมนับถือพุทธศาสนานิกายมหายาน ต่อมาก็กลายเป็นรัฐอิสลามเมื่อราว 500 ปีก่อน และในที่สุดก็แตกสลายลงถูกผนวกเข้ากับสยาม (และบางส่วนเข้ากับมาเลเซีย) ประมาณร้อยกว่าปีมานี้เอง

รัฐที่ว่านี้คือ "ลังกาสุกะ" เป็นรัฐปัตตานีในอดีต จังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาสเคยเป็นรัฐเดียวกันมาก่อน

แม้หนังสือเล่มนี้ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ ปี พ.ศ. 2547 แต่บทความในหนังสือเล่มนี้หลายบท ถูกเขียนขึ้นก่อนหน้านานแล้ว และเขียนโดยนักวิชาการหลายท่าน ทางบรรณาธิการได้นำมารวบรวมไว้เข้าเป็นเล่ม ตามความเห็นส่วนตัวของข้าพเจ้าแล้ว หนังสือหนากว่า 350 หน้าเล่มนี้ มีเนื่อหาที่ซ้ำกันหลายจุดทีเดียว ถ้าหากพยายามเรียบเรียงเขียนขึ้นใหม่ อาจทำให้ได้หนังสือที่เนื้อหากระชับมากกว่านี้

เนื้อหาในเล่มแบ่งเป็น 4 ส่วนใหญ่ ๆ ส่วนแรกเป็นบทนำ ส่วนต่อมาเป็นการแสดงและอ้างอิงหลักฐานทางโบราณคดีว่ามีรัฐโบราณเกิดขึ้นในคาบสมุทรนี้มานานมากแล้ว ส่วนที่สามเป็นเรื่องเกี่ยวกับปัตตานีในสมัยที่นับถือศาสนาอิสลามแล้ว และส่วนสุดท้ายเป็นภาคผนวก

ดังที่กล่าวไว้แล้ว่า เนื้อหาหลายตอนซ้ำกันอย่างมาก และยิ่งถ้าท่านไม่ได้มีความสนใจในเชิงหลักฐานทางโบราณคดีแล้วล่ะก็ เพื่อไม่ให้เสียในการอ่านมากนัก ข้าพเจ้าขออนุญาติแนะนำให้ท่านอ่านเพียงไม่กี่บท เพื่อให้ได้รับทราบข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ของภูมิภาคนี้ ซึ่งไม่ใคร่ได้มีการเปิดเผยให้รับทราบในวงกว้างเท่าใดนัก และเข้าใจพื้นฐานทางวัฒนธรรมของปัตตานีได้ดียิ่งขึ้น

    บทที่แนะนำให้อ่านคือ

  • คำนำบรรณาธิการ โดย สุจิตต์ วงษ์เทศ

  • เรื่องเล่าจากชายแดน โดย ธงชัย วินิจจะกูล

  • ปตานี ดารุสสะลาม (มลายู-อิสลาม ปตานี) สู่ความเป็น “จังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส” โดย รัตติยา สาและ

  • “พญาตานี” ปืนใหญ่ใส่อดีตอันรุ่งเรืองของกษัตริยาแห่งปัตตานี โดย ปรามินทร์ เครือทอง


อยากให้ทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ที่ลงไปในพื้นที่ ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ เชื่อว่า การเข้าใจพื้นฐานทางประวัติศาสตร์ และ วัฒนธรรมนั้น จะทำให้การแก้ไขปัญหาความรุนแรงในภาคใต้ ได้ตรงจุด และเข้าใจ “เขา” มากยิ่งขึ้น






    ตามตำราประวัติศาสตร์ไทยที่ใช้เรียน-สอนกันในโรงเรียนทั่วประเทศฯมาช้านาน บอกว่าคนไทย "อพยพ" มาจากที่อื่นทางทิศเหนือ แล้วตั้งสุโขทัยเป็นราชธานีแห่งแรก เมื่อราว พ.ศ. 1800 ก็แสดงว่า "คนไทย" ไม่ใช่เจ้าของดินแดนประเทศไทยทุกวันนี้ แต่เป็น "แขก" แปลกหน้าเพิ่งอพยพเข้ามาเมื่อราว พ.ศ. 1800 แล้วรุกรานขับไล่เจ้าของดินแดนที่แท้จริงให้ไปอยู่ที่อื่น

    แล้วใครล่ะเป็นเจ้าของ? ใครเป็นคนดั้งเดิมที่อยู่ดินแดนนี้ก่อน

    หนังสือเล่มนี้จะชี้ให้เห็นพยานหลักฐานที่เป็นคนตอบทั้งหมด แล้วยังเตือนล่วงหน้า ว่า

    ไฟใต้อาจดับชั่วคราว แต่ "อำนาจ" แท้จริงยังครอบงำอยู่ ย่อมเกิดไฟใต้ได้อีกเสมอ นั่นคือ "ประวัติศาสตร์ไทย" หนทางที่จะทำให้ไฟใต้ดับได้ค่อนข้างถาวรและยั่งยืน ก็ต้องดับไฟ "ประวัติศาสตร์ไทย" ที่ล้าหลังคลั่งชาติดูแคลนคนอื่น


(จากปกหลัง)





รัฐปัตตานี ใน "ศรีวิชัย" เก่าแก่กว่ารัฐสุโขทัยในประวัติศาสตร์
สุจิตต์ วงษ์เทศ : บรรณาธิการ
สำนักพิมพ์มติชน
พิมพ์ครั้งแรก : เมษายน 2547
ISBN 974-323-183-8




[หนังสือเล่มอื่น]


Create Date : 12 มกราคม 2550
Last Update : 12 เมษายน 2550 2:28:35 น. 16 comments
Counter : 5180 Pageviews.

 
ถ้าสวใจประวัติศาสตร์
สาวใหมแนะนำเว็ปนี้ค่ะ
//www.angkor-planet.com/UK-hase.html

และกระทู้นี้ค่ะ
//www.pantip.com/cafe/library/topic/K4950974/K4950974.html



โดย: สาวใหม วันที่: 12 มกราคม 2550 เวลา:4:18:54 น.  

 

สมัคสมาชิกที่นี่ค่ะฟรี ฟรี!
บริการฟอร์เวิดเมล์
เพลง ภาพลับเฉพาะ และอีกมากมายค่ะ ฯลฯ
รีบๆสมัครกันมาเลยน่ะค้า...


Click here to join fluffyboy101
คลิกที่นี่ค่ะ




อยากอ่านจังนั่งอ่านตั้งนานอยากรู้เรื่องนี้มานานแล้ว
ได้ยินมาบ้างเช่นกัน...อยากอ่าน ค้า ขอบคุณน่ะค่ะ


โดย: fluffyboy101 วันที่: 12 มกราคม 2550 เวลา:4:23:41 น.  

 
เป็นคนปัตตานีค่ะ อยู่มาแค่ 3 ชั่วอายุคน เพราะตามาจากเมืองจีนจริงๆ ไม่ค่อยรู้ประวัติศาสตร์เท่าไหร่ยิ่งตอนนี้ไม่ได้อยู่ใน พท. อีกแล้วด้วย แวะมาหาความรู้ค่ะ อยากรู้เหมือนกันว่า มันอะไรกันนักหนา และเมื่อไหร่มันจะจบเสียที ไอที่เคยไปก็ไม่กล้าไป ไอที่เคยทำก็ไม่ได้ทำ (เวลาลงไปเยี่ยมบ้านนะคะ)


โดย: lunapee วันที่: 12 มกราคม 2550 เวลา:7:59:51 น.  

 
อืม ต้องบอกว่าไม่เคยเชื่อเรื่องความเป็นปึกแผ่นหนึ่งเดียวกันของรัฐอยู่แล้วนะคะ
เพราะว่าสมัยก่อน การติดต่อสื่อสารยังไม่ง่ายดาย และรวดเร็วเหมือนปัจจุบัน
พรมแดนและเขตแดนก็แปรเปลี่ยนไปตามการรบ และการเอาชนะกันในแต่ละครั้งอีก
ทำให้ความเป็นกลุ่มเป็นก้อนไม่ชัดเจน เปลี่ยนแปลงไปได้เรื่อย ๆ
โดยเฉพาะเมื่อความเป็นรัฐและการมีอำนาจเหนือพลเมืองในชายขอบไม่ชัดเจน

แต่กระบวนการสร้างชาติ และประวัติศาสตร์
ก็เต็มไปด้วย make-belive myth อยู่แล้ว


โดย: หมาเลี้ยงแกะ วันที่: 12 มกราคม 2550 เวลา:15:02:18 น.  

 
.. ขอบคุณจ้า มีข้อมูลดีดี มาฝากอีกแล้วนะคะ .. ดีดี ชอบๆ

..

อืมม เรื่องจม.น่ะ .. แมงป่องก็ไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้นหรอกนะ .. แค่อารมณ์ชั่ววูบ เพราะว่ายังเด็กมาก ไม่รู้จักหรอกว่า จม.แบบนี้มันคืออะไร ..

( ..แค่อยากอธิบายจ้า .. 555 )

..


โดย: แมงป่องไร้พิษ วันที่: 12 มกราคม 2550 เวลา:15:21:36 น.  

 
เด็กๆ น่าจะได้เรียนประวัติศาสตร์ท้องถิ่นมากๆด้วย
จะสนุกมาก เพราะเหมือนต่อแผนที่ไทยในใจได้เอง
ว่าเรานี้เป็นหนึ่งด้วยหลากวัฒนธรรม แต่ชาติเดียว
จะได้รักกัน ๆ


โดย: หน้าม้าแถวบ้าน วันที่: 12 มกราคม 2550 เวลา:15:34:15 น.  

 
ขอความสงบสุขมาสู่สามจังหวัดภาคใต้โดยเร็ววัน


โดย: smartman หล่อสุดๆ วันที่: 12 มกราคม 2550 เวลา:16:10:35 น.  

 
น่าสนใจมากๆ ครับหนังสือเล่มนี้...
น่าอ่าน น่าค้นคว้า.....

เหมือนเรารู้สึกว่าแขกมลายูแดนใต้ไม่มีวัฒนธรรมเก่าแก่เหมือนเรา.. เรารู้สึกแบบนั้นกันมานาน...

ควรเปิดใจให้กว้างแล้วมองอดีตให้ลึกซึ้ง...


โดย: biggg วันที่: 12 มกราคม 2550 เวลา:23:03:02 น.  

 
แวะมาเยี่ยมคุณ Plin ค่ะ เรื่องราวน่าสนใจจัง
อ่านหนังสือเครียดๆ แล้วแวะมาเล่นเกมส์กันนะคะ

Blog Tag:
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=rainam&month=01-2007&date=12&group=3&blog=1


โดย: ไร้นาม วันที่: 12 มกราคม 2550 เวลา:23:16:56 น.  

 
ด้วยความบังเอิญที่หลงเข้ามา เนื่องจากเห็นเนื้อหาที่น่าสนใจ
เลยมาย้ำว่า เดิมนั้น รัฐปัตตานีไม่ได้นับถืออิสลามแต่แรกเริ่ม
หากมาจากการเผยแพร่ศาสนาของพ่อค้าที่มาจากตะวันออกกลางนั่นเอง
จาก1 ขยาย เป็น 2, 4, 8, 16, ไปเรื่อยๆ
ทางการนั้นพยายามเอาวัฒนธรรมที่ขัดกับหลักศาสนาลงไปใส่เพื่อความเป็นไทยจะได้ขยายตัวซึมไปในพื้นที่
เจ้าหน้าที่ที่ส่งไปบังคับคนในพื้นที่มานาน เลยมีการแข็งขืน มีการฝังแน่นมานานเรื่อง ทางการที่ไปวางอำนาจบาตรใหญ่
แต่ปัจจุบันนี้ มีเรื่อง อำนาจ,ยาเสพติด เข้ามาพัวพันเพิ่มขึ้น โดยยกศาสนามาอ้างด้วยก็มี

ต้นตระกูลขอข้าพเจ้าเองก็มาจากปัตตานี จากสมัย ร.5
ที่มาจากการผนึกปัตตานีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทย
ทำให้กลายเป็นคน กทม.ไปโดยปริยาย และถูกจัดให้กระจายๆ ไปตามพื้นที่ต่างๆ
ป้องกันการรวมตัว เลยทำให้ มุสลิมในกทม.มี ที่ทางมากนั่นเอง
เนื่องจาก การกระจายตัวและบุกเบิกทำมาหากินตามที่ที่ถูกปล่อยไว้

วันก่อน เจอหนังสือเล่มหนึ่ง บอกกว่า คลองแสนแสบนั้น ขุดกันเอง สมัย.ร3 เลย
งงว่า ทำไมประวัติศาสตร์ขัดแย้งกันเอง ทั้งที่คลองแสนแสบนั้น ขุดโดยทาสที่มาจากรัฐปัตตานี

นี่แหละประวัติศาสตร์ที่ขัดแย้งกันเองในประเทศไทย
ทำไมต้องปกปิด ...........

ด้วยความเคารพค่ะ




โดย: นะ(รก) วันที่: 15 มกราคม 2550 เวลา:10:17:01 น.  

 


โดย: ่รีร IP: 124.121.112.210 วันที่: 11 เมษายน 2550 เวลา:20:08:38 น.  

 
การยอมรับความแตกต่าง และเคารพในเอกลักษณ์ของกันและกัน โดยอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงต่างหากเล่า จึงจะเป็นการลดความแตกแยก ที่เกิดจากการบาดหมางทางจิตใจ ลงได้

เห็นด้วยกับประโยคนี้มากๆ เลย เมื่อไรเราจะปลูกฝังให้เรียนประวัติศาสตร์อย่างถูกต้องสักที ไม่งั้นปัญหาก็จะแก้ไม่หมด รังแต่จะขยายวงมากขึ้น หากคนยังไม่เข้าใจกันอยู่เหมือนในทุกวันนี้


โดย: เ จ้ า ช า ย น้ อ ย วันที่: 15 มิถุนายน 2550 เวลา:4:28:11 น.  

 
ห้วงเวลาหนึ่ง ปกครองโดยผู้หนึ่ง
อีกห้วงหนึ่ง ปกครองตนเอง โดยอีกผู้หนึ่ง
แข็งแรงบ้าง อ่อนแอบ้าง
ธรรมดาของโลกมั่ก มาก
ไม่มีใครที่เป็นเจ้าของพื้นที่ๆ แท้จริงดอก
ผู้หนึ่งก็อ้าง อีกผู้หนึ่งก็อ้าง และอีกผู้หนึ่งก็อ้าง
ประวัติศาสตร์เป็นสิ่งที่ดี หากมีไว้เพื่อศึกษาและเป็นบทเรียน
การเปิดโลกให้กว้างเพื่ออะไร หรือปิดโลกให้แคบเพื่ออะไร
มองย้อนกลับไปในอดีต มองล่วงหน้าไปในอนาคต
ทั้งประวัติศาสตร์ และคำทำนาย ทั้งสองอย่างเป็นเพียงการศึกษาเป็นข้อมูล
เก็บไปเถิด คิดไปเถิด ดีแล้ว
อยากให้มีทั้งสองอย่าง เพียงเพื่อให้ได้ทำวันนี้ ปัจจุบันนี้ให้ดี
ไม่ใช่เพียงเพราะนำเอาอดีต หรือคำทำนายในอนาคต มาต่อล้อต่อเถียงกัน
เพียงเพื่อ ให้วันนี้ได้ทะเลาะกัน โกรธกัน เข่นฆ่ากัน ชนะกัน
ช่วยกันนะ



โดย: คนไท IP: 58.8.153.148 วันที่: 15 สิงหาคม 2550 เวลา:19:47:19 น.  

 
ขอบคุณสำหรับความรู้ที่หามาให้อ่าน


โดย: oldwomen IP: 117.47.65.120 วันที่: 20 พฤศจิกายน 2550 เวลา:15:42:50 น.  

 
นี่แหละคือประวัติศาสตร์ที่แท้ของ 3จังหวัด อยากหั้ยทุกคนศึกษาให้ลึกเพราะคนในพื้นที่ย่อมรู้ดีกว่า หากรัฐเข้าใจอันแท้จริงของดินแดนศักดิ์สิทธ์แห่งนี้คิดว่า เอกราชรัฐปัตตานีดารุสลาม ที่ประชาชนต้องการมานับชั่วอายุคนนั้นและยากเห็นความสงบสุขในภูมิภาคแห่งนี้ รัฐน่าจะสรุปได้ว่า ปัตตานีต้องการเอกราชเหมือนดินแดนอาเจห์ในอินโดนีเซีย และหลีกเลี่ยงการสูญเสียของเจ้าหน้าของรัฐมากยิ่งขึ้น ยิ่งปัจจุบันทั่วโลกอาหรับเขารู้หมดว่ารัฐปัตตตานีเคยปกครองตนเองในอดีต หากท่านได้ศึกษาต่างประเทศท่านอาจจะได้เห็นวิทยานิพนธ์นับร้อยเล่มที่คนไทยได้ศึกษาและได้เป็นวิทยานิพนธ์ที่ต่างชาติยกย่อง นี่เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสต์ที่น่าค้นหา ยิ่งปัจจุบันประเทศไทยถูกมองว่าเป็นประเทศที่เสี่ยงต่อการก่อการร้าย เพราะเหตุปัจจัยหลายๆอย่าง ไม่ว่าการเมืองปัจจุบัน และภาวะเศษรฐกิจ อยากฝากหั้ยทุกคนที่เกี่ยวข้องและเจ้าหน้าที่รัฐหากจะปฏิบัติหน้าที่เป็นไปได้ควรหลีกเลี่ยงพื้นแห่งนี้มันไม่คุ้มจริงๆกับการสูญเสีย ตัวดิฉันเองพ่อเป็นตำรวจและเสียไปไม่กี่เดือนนี้เอง ดิฉันเข้าใจความต้องการของคนในพื้นที่ดี แต่เมื่ออุดมการณ์ของประชาชนต้องเป็นเอกราช แถมเจาหน้าที่เองทราบดีว่าเขาต้องการอะไร มันไม่คุ้มที่จะกระทำที่ไม่พึงพอใจต่อเขา และนี่อาจเป็นบทเรียนของพื้นที่นี้ แต่แรกคิดว่าโจรทำร้ายเจ้าหน้าที่รู้สึกโกรธแค้นมาก แต่เมื่อได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ปัตตานียิ่งรู้มากยิ่งขึ้นว่าที่ นายกทักษิณบอกว่าเป็นแค่โจรกระจอกนั้นมันไม่ใช่มันเป็นคนที่มีอุดมการณ์ที่หนักแน่นพร้อมที่จะต่อต้านฝายรัฐเสมอ และเหตุการณ์แต่ละวันยิ่งหนักขึ้น ดิฉันก็ต้องปรับตัวมากยิ่งขึ้นแต่คววามสัมพันธ์ระหว่างคนในพื้นที่นี้ไม่แตกแยกเพราะครอบครัวดิฉันทราบถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างดี หากมองรัฐบาลปัจจุบันเหมือนไม่ยอมรับข้อเสนอของบุคคลหนึ่งที่เสนอไป 7ข้อ ซึ่งดิฉันเองได้อ่านบทความดังกล่าวเขาชื่อนายหะยีสุหลง สมัยจอมพล ป พิบูลสงครามดำรงตำแหน่งนายกหลายปีที่แล้ว หากมองชว่งนั้นประชาชนเดือดร้อนกันมากเนื่องการกระทำของเจ้าหน้าที่นี่เป็นต้นเหตุที่ประชาชนไม่ไว้ใจเจ้าหน้าที่จนถึงปัจจุบัน ดิฉันคิดว่าประวัติศาสตร์ที่ฝังใจประชาชนที่นี่มันไม่สามารถลบเลือนได้หากรัฐและประชาชนทุกคนได้เรียนรู้แก่นแท้ของประวัติศาสตร์แน่นอนประเทศไทยสงบสุขตลอดกาล อีกเรื่องมีละครอิงประศาสตร์ปัตตานีทาง itv ลองชมดู เวลา 18.10น. ขอบคุณที่อ่านบทความนี้ จาก ลูก ต.ร.จังหวัดยะลา


โดย: คนไทยพลัดถิ่น IP: 202.29.32.119 วันที่: 3 กรกฎาคม 2551 เวลา:10:27:25 น.  

 
มีหนังสือขายมั้ยคับ


โดย: neek IP: 118.173.53.117 วันที่: 29 พฤษภาคม 2553 เวลา:17:47:43 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Plin, :-p
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]









Instagram






บันทึก ท่องเที่ยว เวียดนาม


e-mail : rethinker@hotmail.com


Friends' blogs
[Add Plin, :-p's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.