Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2551
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
24 พฤษภาคม 2551
 
All Blogs
 
ผานางคอย (ผาพระ) วัดเขาศาลา จังหวัดสุรินทร์

[ภาพ-เล่า-เรื่อง]






ใน entry "แมววัด" ที่ข้าพเจ้าเล่าไว้ครั้งก่อนว่า "ได้มาพบกันที่หน้าผา" ก็เป็น หน้าผาแห่งนี้นี่แหละ




ที่วัดเขาศาลา (อำเภอบัวเชด จังหวัดสุรินทร์) ทางด้านหนึ่งจะมีหน้าผาอยู่ มีชื่อเรียกว่า ผานางคอย ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า มีตำนานอะไร ทำไมจึงเรียกชื่อนี้




แต่ที่ผาเดียวกันนี้ ก็มีอีกชื่อคือ ผาพระ ข้าพเจ้าเองก็ไม่แน่ใจว่า ชื่อไหนเรียกก่อนกัน






ถ้ามองต่อไปทางซ้ายที่มีกวางอยู่บนโขดหิน ก็จะมีรูปปั้นของ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต อยู่




ที่หินก้อนนี้ มองลงมา จะเห็นว่ามีคนเอากิ่งไม้เล็ก ๆ มาวางคล้ายจะค้ำยันไว้อยู่ คล้ายกับที่เอามาค้ำยันรอยพระพุทธบาทที่เอามาให้ชมกันครั้งก่อน (แต่ตอนนั้นเป็นกิ่งที่ใหญ่กว่านี้มาก)




บริเวณเดียวกันนั้น ถอยมาสักหน่อย แล้วมองไปทางขวา จะมีรูปปั้นของหลวงปู่ดูลย์ อตุโล ซึ่งไม่ไกลกันเท่าไหร่นัก




ถ้าไปทางขวาต่อเรื่อย ๆ ก็จะถึงบริเวณวัด จุดที่มีพระพุทธบารมีสยามบุรีพิทักษ์ประดิษฐาน




ในวันที่ข้าพเจ้าไปที่วัดเขาศาลานั้น มีคณะเด็กนักเรียนจากโรงเรียนแห่งหนึ่ง มาเข้าค่ายปฏิบัติธรรมกันพอดี




ตอนนั้น เจ้าแมวน้อย ชวนข้าพเจ้าไปทางซ้าย ข้าพเจ้าก็เลยเดินตามไปก่อน




แถบนี้ต้นไม้เยอะหน่อย ก็เลยค่อนข้างร่ม




เดินตามเจ้าแมวไปไม่ไกล ก็เห็นมีรูปปั้นพระธุดงค์อยู่




พอเข้ามาดูใกล้ ๆ ก็เห็นว่าท่านมีกาต้มน้ำคล้องแขนข้างขวาอยู่ด้วย




ว่ากันว่า พระธุดงค์ในสมัยก่อนจะนำกาต้มน้ำติดไปด้วย เพื่อจะได้ต้มน้ำสะอาดไว้ฉัน


[ภาพ-เล่า-เรื่อง]


Create Date : 24 พฤษภาคม 2551
Last Update : 29 กุมภาพันธ์ 2555 1:36:41 น. 18 comments
Counter : 10960 Pageviews.

 
สวัสดีค่ะ เป็นคนสุรินทร์แท้ๆ แต่ยังไม่เคยไปเที่ยวที่นั่นเลยค่ะ ขอบคุณที่เอาภาพมาให้ชื่นชมค่ะ ^^

คิดถึงบ้านจัง


โดย: TATOO วันที่: 24 พฤษภาคม 2551 เวลา:18:11:10 น.  

 
คล้ายๆว่า แถวสุรินทร์ ศรีสะเกษเดิมเป็นถิ่นเขมร เรียกว่าเขมรสูง ส่วนบริเวณที่เป็นเขมรปัจจุบันเป็นดินแดนเขมรต่ำ ใช่รึเปล่าคะ?

มะยมเคยไปยืนมองเขมรบริเวณเป้ยตาดี ที่นั่นมองลงไปเหมือนทะเลหมอก เห็นเงาลางๆของภูมิประเทศข้างล่าง ไม่ทราบว่าบริเวณนี้ ต่างระดับมากเหมือนกับที่เขาพระวิหารหรือเปล่าคะ แต่ดูวิวสวยมากนะคะ


โดย: มะยม IP: 222.123.166.251 วันที่: 24 พฤษภาคม 2551 เวลา:22:03:16 น.  

 
ยังไม่เคยขึ้นเขาพระวิหารเลยครับ


โดย: Plin, :-p ไม่ได้ login IP: 58.8.83.101 วันที่: 24 พฤษภาคม 2551 เวลา:22:17:13 น.  

 
คุณพอลน่าจะเล่านิทานเรื่องผานางคอยด้วยนะคะ จะได้รู้ว่านางคอยใครอยู่

ที่จริงเข้าใจว่ามีผานางคอยหลายที่นะคะ เช่นที่เขตอำเภอร้องกวาง นางคอยของที่นี่มีชื่อว่าอรัญญาณีและก็มีผานางคอยที่ จ.เลยอีกที่ ทำไมถึงมีแต่นิทานที่ให้หญิงคอยก็ไม่รู้นะ ไม่เห็นมีผู้ชายคอยมั่งเลย...


โดย: มะยม IP: 222.123.162.221 วันที่: 26 พฤษภาคม 2551 เวลา:5:00:55 น.  

 
พอดีไม่ทราบนิทานเรื่องผานางคอยครับ

ผู้ชายไม่ได้คอย เพราะ ผู้ชายเป็นคนเดินทาง มั้งครับ ออกจากบ้านไปล่าสัตว์บ้าง เป็นทหารไปรบบ้าง ไปบวชบ้าง ธุดงค์บ้าง

คนที่คอย ก็คือ คนที่อยู่กับที่ คอยให้คนที่เดินทางไป กลับมาหา ส่วนใหญ่ก็จะเป็นผู้หญิง


โดย: Plin, :-p ตัวจริง ไม่ได้ login IP: 202.28.62.245 วันที่: 26 พฤษภาคม 2551 เวลา:8:58:51 น.  

 
เห็นรูปปั้นพระธุดงค์ ที่คุณ Plin ถ่ายภาพมา ทำให้นึกถึง"พระสีวลี" ทีแรกที่เห็นยังคิดว่าเป็นพระสีวลีจริงๆ

พระสีวลี เป็นพระสงฆ์ในสมัยพุทธกาล ท่านบวชโดยการชักชวนของพระสารีบุตร มีข้อความที่คัดลอกมาจาก Dhamma media channel ว่า...

"...พระสารีบุตรซึ่งเป็นผู้บวชให้ จึงให้กรรมฐานเบื้องต้น คือ ตจปัญจกกรรมฐานทั้ง ๕ ได้แก่ เกสา(ผม) โลมา(ขน) นขา(เล็บ) ทันตา(ฟัน) ตโจ (หนัง) ให้พิจารณาของทั้ง ๕ เหล่านี้ว่าเป็นของไม่งามเป็นของสกปรก ไม่ควรเข้าไปยึดติดหลงใหลในสิ่งเหล่านี้

พระสีวลี ได้ฟังพระกรรมฐานนั้นแล้วนำไปพิจารณาในขณะที่กำลังจับมีดโกนเพื่อโกนผมครั้งแรกนั้นท่านได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน โกนผมครั้งที่ ๒ ท่านได้บรรลุเป็นพระสกทาคามี โกนลงครั้งที่ ๓ ท่านได้บรรลุเป็นพระอนาคามี และเมื่อโกนผมเสร็จ ท่านได้บรรลุเป็นพระอรหันต์"

พระสีวลีท่านได้ชื่อว่า "ภิกษุผู้เป็นเลิศในด้านสักการะ" เพราะไม่ว่าจะเสด็จไปในป่าที่ทุรกันดารขนาดไหน ก็มักจะมีเหล่าเทวดา จัดที่พักและอาหารบิณฑบาตรไว้ถวายเสมอ

"...จึงได้รับการยกย่องจากพระบรมศาสดาว่า เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายในด้านลาภสักการะ เป็นหนึ่งในมหาสาวก ซึ่งได้ช่วยแบ่งเบาภาระพระศาสดาและได้ช่วยงานพระศาสนาเป็นอย่างมาก ท่านดำรงชีพอยู่สมควรแก่กาล ก็ดับขันธปรินิพพาน"

รูปสักการะของพระสีวลี จะอยู่ในรูปของการธุดงค์เสมอ (บางรูปจะยืนอยู่บนหลังเต่า) แต่ที่เหมือนกันก็คือ มีกลดที่ไหล่ซ้าย ศอกซ้ายคล้องกาต้มน้ำ ส่วนมือขวาถือไม้เท้า

ก็คงเป็นแบบที่คุณ Plin ตั้งข้อสังเกตว่า พระธุดงค์มีกาต้มน้ำคล้องแขนไว้ แต่ในภาพนี้คล้องที่แขนข้างขวา อันนี้ก็ต้องถามผู้ที่รู้จริงต่อไปดีกว่าค่ะ



โดย: มะยม IP: 222.123.165.155 วันที่: 26 พฤษภาคม 2551 เวลา:21:54:20 น.  

 
ภาพนี้ แขนซ้าย คล้องลูกประคำด้วยนะครับ


โดย: Plin, :-p ตัวจริง ไม่ได้ login IP: 64.62.138.105 วันที่: 26 พฤษภาคม 2551 เวลา:22:29:34 น.  

 
แหม...มะยมลืมบอกถึงสิ่งสำคัญที่สุดคือ ไหล่ซ้ายท่านสะพาย"บาตร"ด้วยนะคะ

พอดีเช้านี้กำลังเตรียมใส่บาตรค่ะ วันนี้วันพระด้วย...

...ลูกประคำ ? เราน่าจะดูเรื่องลูกประคำด้วยนะคะ เพราะเท่าที่ทราบลูกประคำมักเห็นในมหายานนะ???





โดย: มะยม IP: 222.123.163.213 วันที่: 27 พฤษภาคม 2551 เวลา:4:56:31 น.  

 
คือ รูปปั้นสักการะพระสีวลี ที่ห้องพระที่บ้านไม่คล้องลูกประคำไงคะ ก็เลยมาดูว่าที่จริงแล้วลูกประคำมีมาตั้งแต่เมื่อไหร่ และก็ด้วยความชินตา(ของข้าพเจ้าเอง)มักจะเห็นพระมหายานใช้มากกว่า

...ก็เลยรู้ว่า ลูกประคำนี้เป็นสิ่งที่ฤาษีแห่งเมืองมอญ ได้ทำขึ้นเพื่อระลึกถึงพระพุทธเจ้า หลังจากที่ปรินิพพานแล้ว 225 ปี โดยพระคุณพระพุทธเจ้ามีจำนวน ๕๖ ดังบทสวดพระพุทธคุณ (อิติปิโสภควา) คุณพระธรรมเจ้ามีจำนวน ๓๘ ดังบทสวดพระธรรมคุณ (สวากขาโต) และคุณพระสังฆเจ้ามีจำนวน ๑๔ ดังบทสวดพระสังฆคุณ (สุปฏิปันโน) เมื่อรวมกันแล้ว คุณพระศรีรัตนตรัยมีจำนวนทั้งสิ้น ๑๐๘

ฉะนั้นลูกประคำจึงมี 108 เม็ดและมียอดของสายประคำได้ใส่ลูกประคำไว้อีก ๓ เม็ดเพื่อแทนพระศรีรัตนตรัยเจ้าทั้งสามคือพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า และพระสงฆเจ้า

ส่วนลูกประคำ 9 เม็ดนั้น มีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลแล้ว โดยใช้เป็นเครื่องระลึกนึกถึงพระพุทธคุณอันได้แก่ “อะ สัง วิ สุ โล ปุ สะ พุ ภะ”(รายละเอียดดูที่เว็บ Pantown.com พระธรรมเทศนาโดยหลวงพ่ออุตตมะค่ะ)

ก็แสดงว่า รูปปั้นพระธุดงค์ที่คล้องลูกประคำ 108 ลูก ไม่น่าจะใช่รูปปั้นพระสีวลี...มั้ง?


โดย: มะยม IP: 203.147.36.34 วันที่: 28 พฤษภาคม 2551 เวลา:15:06:37 น.  

 
เอ...น่าจะเรียกว่า ผานี้ น่าจะถูกเรียกว่า ผานางคอยก่อนนะ ภายหลังถูกเรียกว่า ผาพระ ตามรูปปั้นพระสงฆ์ที่นำมาประดิษฐานอยู่บนหน้าผาแห่งนี้ในภายหลัง

คุณ Plin พบน้องแมวที่ผานี้เหรอ น่ารักจัง *^O^*


โดย: Maple IP: 202.129.59.2 วันที่: 29 พฤษภาคม 2551 เวลา:17:18:59 น.  

 
ใช่แล้วขอรับ ที่ผานี้เลย


โดย: Plin, :-p วันที่: 29 พฤษภาคม 2551 เวลา:17:23:10 น.  

 
เอ.... จากชื่อ...ผานางคอย ...เป็นผาพระ.... ต่อมาอาจจะเป็น..... ผาแมวคอย ก็ได้นะคะ "-"


โดย: จอย IP: 58.8.141.179 วันที่: 17 มิถุนายน 2551 เวลา:19:10:55 น.  

 
ไม่เห็นมีอะไรเลย


โดย: คนกรุง IP: 58.10.12.209 วันที่: 22 ตุลาคม 2553 เวลา:14:47:23 น.  

 
เป็นคนอำเภอนี้โดยกำเนิดค่ะ เคยขึ้นไปบนเขาศาลา ตอนมีการบวชภาคฤดูร้อน มีพระเดินบิณฑบาตรหลายรูป เป็นภาพที่ประทับใจมากค่ะ อยากให้มีการเผยแพร่สถานที่แห่งนี้เป็นที่รู้จักให้มากขึ้นค่ะ


โดย: muary IP: 110.49.240.236 วันที่: 26 เมษายน 2555 เวลา:10:42:38 น.  

 
บ้านเราโชคดีมีธรรมชาติที่สมบูรณ์พร้อมมีธรรมมะที่ยั่งยืนอีกด้วยค่ะ


โดย: บ้านเรา IP: 210.1.8.254 วันที่: 18 กันยายน 2555 เวลา:18:01:49 น.  

 
เป็นคนสังขะ ไปมาเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วเปลี่ยนไปมาก


โดย: ptt IP: 61.90.163.130 วันที่: 16 ตุลาคม 2555 เวลา:14:42:41 น.  

 
เคยไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน ประทับใจมากมาย เงียบ สงบ สงัด ตอนนั้นยังไม่มีไฟมั้ง หรืออาจจะไม่ค่อยใช้ไฟ


โดย: โอม IP: 125.26.21.115 วันที่: 5 มิถุนายน 2556 เวลา:20:43:17 น.  

 
มันเปงอะไรทีสวยงามและสงบ


โดย: เอกวัตร วงค์บุดดี IP: 182.52.39.240 วันที่: 26 พฤษภาคม 2557 เวลา:14:00:24 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Plin, :-p
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]









Instagram






บันทึก ท่องเที่ยว เวียดนาม


e-mail : rethinker@hotmail.com


Friends' blogs
[Add Plin, :-p's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.