Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2550
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
10 พฤษภาคม 2550
 
All Blogs
 
เวียดนาม (2) : ระหว่างทางไปอ่าวฮาลอง

[ภาพ-เล่า-เรื่อง]


[อ่าน ท่องเที่ยว เวียดนาม ตอนอื่น ๆ]

<< ตอนที่แล้ว

ตอนต่อไป >>





มาช้าดีกว่าไม่มา... ในที่สุดพวกเราทั้ง 40 ชีวิตก็จะได้ออกจากสนามบินสุวรรณภูมิซักที



Vietnam Airlines เป็นสายการบินแห่งชาติ ดำเนินกิจการโดยรัฐบาลเวียดนาม ตราสัญลักษณ์ของสายการบิน ที่เป็นเป็นสีเหลือง ๆ ทอง ๆ นี้คือ "ดอกบัว"

ทั้งนี้ ไกด์ท้องถิ่นได้บอกกับเราว่า เพราะ ดอกบัว เป็นดอกไม้ประจำชาติของประเทศเวียดนาม



เวลาประมาณบ่ายสามโมง ของวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2550 พวกเราก็มาถึงสนามบินน่อยไบ๋ (Nội Bài International Airport) ในเขตเมืองฮานอย (อันที่จริงแล้วตัวสนามบินจะอยู่ห่างจากตัวเมืองฮานอยประมาณ 45 กิโลเมตร)

เรามาถึงเวียดนามกันแล้วก็กล่าวสวัสดีกันเสียหน่อย การทักทายสวัสดีกันนั้น ที่นี่ใช้คำว่า "ซินจ่าว" ซินจ่าวเวียดนาม !!



สนามบิน Nội Bài นี้เป็นเสมือนประตูที่จะนำนักท่องเที่ยวเข้าสู่เวียดนามเหนือ สนามบินนี้ใหม่กว่าและทันสมัยกว่า สนามบินนานาชาติอีกสองแห่งที่เมืองดานัง และ ไซ่ง่อน (แต่ว่าNội Bài มีขนาดเล็กกว่า)


(ภาพจาก //www.luxurytravelvietnam.com)


สนามบินอยู่ในเขตเมืองฮานอยก็จริง แต่ว่าวันนี้เราจะยังไม่เข้าไปในตัวเมืองฮานอย พวกเรานั่งรถไปทางทิศตะวันออก มุ่งสู่ "อ่าวฮาลอง" (Halong Bay หรือ Vịnh Hạ Long) ซึ่งเป็นแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติที่สำคัญ กันก่อน



รถยนต์ที่เวียดนามนี้พวงมาลัยจะอยู่ข้างซ้าย ขับรถชิดเลนขวา (สังเกตุได้จาก VDO ที่แสดงไว้) ที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือ แม้ว่าถนนหนทางจะอยู่ในเกณฑ์ดี แต่รถยนต์ไม่สามารถขับด้วยความเร็วมาก ๆ ได้

ทั้งนี้เพราะมีกฎหมายไม่ให้ขับรถเร็วเกินกว่า 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (ทางไกด์บอกว่า ที่จริงก็มีการขับเร็วกว่านี้กันบ้าง และในไม่กี่เดือนข้างหน้าจะมีการแก้กฎหมายให้ได้ถึง 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง...ณ วันนี้อาจจะมีการแก้กฎหมายให้เป็นแบบนั้นไปแล้ว)

บ้างก็ว่า เพราะไม่ต้องการให้เกิดอุบัติเหตุกับมอเตอร์ไซค์ ที่มีปริมาณค่อนข้างมาก



พื้นที่สองข้างทางที่เราผ่านไปนั้น จะเป็นทุ่งนา เราได้รับการบอกกล่าวว่า ที่เวียดนามนี้สามารถปลูกข้าวได้อย่างน้อยปีละสองครั้ง ในระยะแรก ๆ นั้น ทางรัฐบาลเวียดนามเร่งปลูกข้าวปริมาณมาก เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการภายในประเทศ จึงไม่ได้คำนึงถึงคุณภาพมากนัก

เมื่อปริมาณข้าวมีเพียงพอ ทางรัฐบาลจึงใส่ใจในคุณภาพมากขึ้น จนในที่สุดในวันนี้ เวียดนามสามารถผลิตข้าวเพื่อส่งออก และแข่งขันกับประเทศไทยได้แล้ว



เรานั่งมองนาข้าวเขียวขจีเพลิน ๆ ก็สังเกตุว่า บ้านเรือนที่ปลูกในเวียดนามนี้มีความพิเศษอย่างหนึ่ง คือจะสร้างในลักษณะติด ๆ กัน พอจะมองออกว่าแต่ละหลังจะมีความยาวในแนวตั้งมากกว่าแนวนอน นอกจากนี้ ยังไม่มีการทาสีบ้านทางด้านข้างอีกด้วย พวกเขาทาเฉพาะด้านหน้าเท่านั้น

ซึ่งไม่เพียงแต่นอกเมืองเท่านั้น แม้แต่ในตัวเมืองเองก็เป็นเช่นนี้

มีคำอธิบายคือ เวียดนามมีพื้นที่ภูเขามากกว่าพื้นที่ราบ จึงมีแนวคิดใช้พื้นที่ให้ได้คุ้มค่ามากที่สุด ก็เลยพยายามสร้างอาคารให้ติด ๆ กัน ทำให้อยู่ในแนวตั้ง ด้านข้างของอาคารก็ไม่ทาสี เพราะเผื่อจะมีการสร้างต่อ (นอกจากนี้ยังประหยัดสีอีกด้วย)



ในภาพนี้มีอะไรแปลก ๆ อยู่ในท้องนา ไม่ทราบว่าสหายพอจะมองเห็นหรือไม่ ทางซ้ายล่างของภาพจะมีอะไรบางอย่างอยู่



ในทีแรกเราก็ไม่แน่ใจว่าคิดไปเองหรือเปล่า หรือว่าตาฝาดไป แต่ว่าเราก็เห็นมันอยู่เรื่อย ๆ แถมบางพื้นที่มีค่อนข้างแน่นหนาเสียด้วย



ดูกันให้ชัด ๆ ใช่แล้วล่ะ มันคือฮวงซุ้ย !! สุสานในท้องนา !! ในตอนแรก ข้าพเจ้าเข้าใจว่า มันคือหลุมศพของผู้ที่เสียชีวิตในสงครามเวียดนาม แต่คุณไกด์บอกว่าไม่ใช่อย่างนั้น

เนื่องจากพื้นที่ไม่ค่อยมี จึงเกิดความคิดที่จะใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด บวกกับ ลัทธิบูชาบรรพบุรุษ (ลัทธิขงจื้อ) ก็เลยทำให้มีการทำสุสานบรรพบุรุษในท้องนา.. พื้นที่ทำกินของตัวเอง แบบนี้

แต่ว่า ไม่ใช่ฝ้งสด ๆ ตรงนี้เพื่อเป็นปุ๋ยนะ ไม่ได้ลูกทุ่งแบบนั้น พวกเขาจะนำศพไปเผาที่อื่นตามพิธีตามลัทธิกันก่อน แล้วจึงนำเถ้ากระดูกมาบรรจุใส่โลงดินเผาขนาดเล็ก หลังจากนั้นค่อยมาไว้ที่สุสานอย่างที่เห็น



ที่จริงแล้วอ่าวฮาลอง ห่างจาก เมืองฮานอยประมาณ 170 กิโลเมตร แต่เพราะไม่สามารถขับรถเร็ว ๆ ได้ ก็เลยใช้เวลาสามชั่วโมงกว่า ๆ จึงจะถึง



พวกเราพักรับประทานอาหารกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ก่อนจะเข้าพักกันที่โรงแรม Halong Spring Hotel

แล้วพรุ่งนี้เราจะไปล่องเรือกัน


<< ตอนที่แล้ว

ตอนต่อไป >>


[อ่าน ท่องเที่ยว เวียดนาม ตอนอื่น ๆ]



[ภาพ-เล่า-เรื่อง]


Create Date : 10 พฤษภาคม 2550
Last Update : 7 กรกฎาคม 2551 22:03:11 น. 19 comments
Counter : 2655 Pageviews.

 
ได้เห็นท้องนาสีเขียวๆเป็นผืนกว้างแล้วรู้สึกดีค่ะ

แต่มีสุสานด้วยนี่แปลกๆแฮะ

พรุ่งนี้จะมาดูล่องเรือค่ะ


โดย: random-4 วันที่: 10 พฤษภาคม 2550 เวลา:5:17:42 น.  

 
หวังว่าจะได้ไปอีกสักครั้ง
ชอบวิถีชาวบ้านเค้า ชอบ ๆๆๆๆ


โดย: nakwan6 วันที่: 10 พฤษภาคม 2550 เวลา:9:53:16 น.  

 
การที่มีสุสานบรรพบุรุษในที่ดินของตัวเอง
น่าจะมีผลให้คนเวียดนามย้ายถิ่นฐานน้อยลง(หรือช้าลง)
เป็นเรื่องที่น่าสนใจทีเดียวครับ..

จะรออ่านเรื่องเวีดนามต่อนะครับ


โดย: หมีเซอะ วันที่: 10 พฤษภาคม 2550 เวลา:9:59:28 น.  

 
เพื่อนๆก็เพิ่งไปเที่ยวเวียดนามมาเมื่อปลายเดือนที่แล้ว (ไปแอร์เอเชียถูกกว่าเวียดนามแอร์ไลน์ตั้ง4เท่า) เห็นบอกว่าประทับใจที่ซาปามากๆ เหมือนสวิสเซอร์แลนด์ แต่ที่ฮานอย กับฮาลองเบย์เฉยๆ เด๋วรอหมอพอลพาล่องเรือที่ฮาลองเบย์


โดย: coming soon IP: 61.90.160.163 วันที่: 10 พฤษภาคม 2550 เวลา:10:15:06 น.  

 
เหวอ.. สุสานกลางทุ่งนา..


โดย: smartman หล่อสุดๆ วันที่: 10 พฤษภาคม 2550 เวลา:10:22:11 น.  

 
อ่า..อยากไปเว้..ดานัง (ซะงั้น)


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 10 พฤษภาคม 2550 เวลา:11:53:51 น.  

 
เป็นอีกประเภทที่อยากไป


โดย: PADAPA--DOO วันที่: 10 พฤษภาคม 2550 เวลา:16:22:50 น.  

 
สวัสดีครับ
ดูในวีดีโอแล้ว เห็นได้ชัดว่า
น่าไปขับขี่รถเล่นจริงๆ
บรรยากาศคงคล้ายๆ กับบ้านเราบางพื้นที่นะครับ
ขอบคุณครับ เรื่อราวเนื้อหาน่าติดตามมากครับ
นับเป็นบุญของผมนะเนี่ย ดีครับ ชอบๆ


โดย: <๙ยันต์เกราะเพชร๙> วันที่: 10 พฤษภาคม 2550 เวลา:20:07:27 น.  

 
ทำให้รู้ว่าเขาเครงกฏจารจรมาก ต่างกับไทยเน้อ หรือเพราะกฎหมายเขาดี แต่เรื่องทุ่งนานี้ผมชอบจริง แต่ต่างจังหวัดเรา เริ่มน้อยลงเรื่อยๆแล้วล่ะ จะกลายเป็น มมเตอร์เวย์ หมดล่ะ


โดย: zoetic IP: 58.9.173.148 วันที่: 11 พฤษภาคม 2550 เวลา:0:43:43 น.  

 
รออ่านต่อนะคะ


ไม่มีเม้นใดๆ


โดย: vodca วันที่: 11 พฤษภาคม 2550 เวลา:10:20:42 น.  

 
น่าสนใจไปเที่ยวครับ รอดูภาคต่อ


โดย: Eyes Open IP: 58.136.98.209 วันที่: 11 พฤษภาคม 2550 เวลา:23:38:30 น.  

 
ตามมาชมเวียดนามด้วยคนครับ

- ชาวนาเวียดนามน่าจะรวยนะครับนั่น เห็นบ้านเรือนเป็นตึกทั้งนั้นเลย ที่จริงข้าวก็เพิ่งส่งออก ไทยเสียอีกส่งมานานแล้ว...

- ฮวงชุ้ยก็แปลกบรรพบุรุษมิต้องนอนแช่น้ำรึนั้น


โดย: เขาพนม วันที่: 13 พฤษภาคม 2550 เวลา:10:30:16 น.  

 
อ่า ห่างไปนาน ได้มาอัพตอนสองนะจ๊ะนาย


โดย: cottonbook วันที่: 14 พฤษภาคม 2550 เวลา:13:09:35 น.  

 
น้องพอลคะ

ไม่ผิดหวังที่รอคอยซะนาน สนุกและระลึกถึงยามเดินทางด้วยกันเลยค่ะ

ส่งข่าววิธีนี้ดีจังค่ะ จะคอยติดตามค่ะ

ขอบคุณค่ะ
น้ายุ้ย MK


โดย: srisu@mengraikilns.com IP: 124.157.165.27 วันที่: 27 พฤษภาคม 2550 เวลา:19:08:50 น.  

 
ชอบมากกกกกกกกกกกกกก ชอบบรรยากาศท้องนาแบบนี้สุด ๆ เลยค่ะ แบบว่าสบายตา สบายใจ เห็นแล้วนึกถึงอดีต... อิอิ

ดูธรรมชาติดีจังเลย.... แถมเค้าประหยัดกันดีจัง อยากให้คนไทยเป็นแบนี้บ้าง...

... แต่สุสานในทุ่งนา นี่.... อึ้งค่ะ....


โดย: largeface วันที่: 8 กรกฎาคม 2550 เวลา:11:18:44 น.  

 
แวะมาดูคนชอบเที่ยวเหมือนกันครับ

เก็บข้อมูล เก็บข้อมูล เก็บข้อมูล เก็บๆ ข้อมูล





โดย: มิสเตอร์ฮอง วันที่: 3 กันยายน 2550 เวลา:3:02:58 น.  

 
++ ทุ่งนาสวยดีจังเลยนะ อยากปั่นจักรยานเล่น ตอนเย็นๆ ใกล้พระอาทิตย์ตกเย็น แล้วมีลมพัดเอื่อยๆ

++ เอ!!!! ที่ทุ่งนามีนกกระยางด้วยรึเปล่า จำได้ว่าตอนเด็กๆ บ้านคุณปู่มีทุ่งนาด้วย มีนกกระยางเยอะมาก ขาวโพลนเชียว (คุณปู้เรียกนกกระยางว่า....นกดอกบัว) ว่าแล้ว คิดถึงคุณปู่จัง

++ แล้วพรุ่งนี้ จะตามไปล่องเรือด้วยนะคะ


โดย: จอย IP: 58.181.143.189 วันที่: 3 เมษายน 2551 เวลา:10:17:28 น.  

 
เห็นนกขาว ๆ ครับ แต่ไม่รู้ว่ากระยางหรือเปล่า


โดย: Plin, :-p วันที่: 4 เมษายน 2551 เวลา:11:33:06 น.  

 


โดย: จอย IP: 58.181.143.189 วันที่: 7 เมษายน 2551 เวลา:0:22:13 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Plin, :-p
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]









Instagram






บันทึก ท่องเที่ยว เวียดนาม


e-mail : rethinker@hotmail.com


Friends' blogs
[Add Plin, :-p's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.