ประสบการณ์ไม่มีขาย อยากได้ต้องเรียนรู้เอง
การ นั่งนิ่ง ๆ ของฉันวันนี้ เป็นการนั่งนิ่งเพื่อที่จะคิด แต่ไม่ได้คิดเรื่อยเปื่อย มันเป็นการคิดเพื่อหาคำตอบ หาในสิ่งที่แม้แต่ตัวฉันเองก็ยังไม่รู้ว่าตอนจบจะเป็นเช่นไร ฉันอาจใช้ความพยายามากเกินไป ที่จะทำสิ่งต่าง ๆ ให้ออกมาดี(ตามความคิดตัวเอง)
บางครั้งบางอย่าง ฉันก็ทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร แต่มันเป็นสิ่งที่ฉันคิดว่าดีแล้ว แต่กลับกลายว่าพอปฏิบัติจริง ๆ กลายเป็นว่ามันไม่ดี
การ กระทำตามความคิดของฉันเหล่านั้น กลายเป็นว่า เป็นการทำให้เด็กไม่รู้จักยืนด้วยตัวเอง ต้องมีการขีดเส้น มีการบังคับ หรือบอกให้ทำอยู่ตลอดเวลา
การ ฝึกให้เด็กมีระเบียบวินัย ใช้ได้กับเด็กบางคน แต่กับเด็กอีกหลาย ๆ คน กลับใช้ไม่ได้ บางทีการเลี้ยงเด็ก มันก็เหมือนการลองผิดลองถูก แต่ไม่ได้เอาเด็กมาเป็นหนูทดลอง
เช้า ๆ พี่เลี้ยงต้องคอยปลุกเด็กตื่น คอยเรียกน้องรวมกินยา กินข้าวก็ต้องยกข้าวมาตักให้กิน เด็กก็ทำอะไรที่มันเหมือนอัตโนมัติ เป็นตารางชีวิต
ฉัน คิดว่ามันดูเป็นระเบียบ เด็กก็ทำ แต่ตอนหลังมานี้ มีคนทักฉันว่า แล้วอย่างนี้ถ้าเด็กไปอยู่ข้างนอก เด็กจะใช้ชีวิตด้วยตัวเองได้มั้ย
ฉัน ต้องมานั่งปรับกลยุทธ์ใหม่ นั่งครุ่นคิดคนเดียวหัวแทบแตก คิดยังไงก็คิดไม่ออก เวลาที่ฉันทุกข์ฉันนึกมักถึงแม่ แล้วแม่ก็ช่วยฉันได้ แม่ฉันเป็นม่ายตอนอายุ 32 ต้องเลี้ยงลูก 2 คนด้วยตัวเอง แถมยังต้องอุ้มท้องน้องที่ยังไม่ลืมตาดูโลกอีก 1 คน แม่ฉันประสบกับมรสุมในชีวิตหลายอย่าง แม่ฉันยังผ่านมาได้เลย ณ วันนี้ ฉันอายุจะ 34 ฉันต้องพยายามทำให้ได้อย่างแม่
ฉันไม่ได้โทรหาแม่หรอกนะ ฉันไม่ได้ถามอะไรแม่ แต่ฉันใช้ความเป็นลูกของแม่ มาทำหน้าที่แม่
แม่ ฉันเลิกปลุกฉันไปโรงเรียนหลังจากที่ฉันขึ้นป.1 แต่แม่ฉันมีวิธีให้ฉันรักการไปโรงเรียน มีวิธีให้ฉันชอบเรียนหนังสือและรักการอ่าน แม่ฉันมักจะหาหนังสือ หาวรรณกรรมเยาวชนมาให้ฉันอ่านเสมอ ๆ ถึงแม้ฉันจะยังอ่านหนังสือไม่ออก แต่ภาพประกอบในหนังสือ มักจะทำให้ฉันอยากรู้เองว่าเนื้อเรื่องเป็นยังไง กลายเป็นว่าฉันมักมาหัดผสมคำกับแม่เสมอ ๆ แล้วถามว่าคำนั้นคำนี้มีความหมายอย่างไร
แม่ ไม่เคยบังคับให้ฉันแปรงฟันก่อนเข้านอน แต่แม่บอกว่าถ้าไม่แปรงฟัน ฟันจะเป็นแมงแล้วปวดฟัน ฉันไม่เคยเชื่อแม่เลย จนวันที่ฉันไปหาหมอฟัน หลังจากนั้นฉันแปรงฟันเองด้วยความเต็มใจ
แม่ไม่เคยบังคับให้กินยาเวลาฉันไม่สบาย แต่ฉันต้องรีบกินยาเพราะฉันรู้ว่า ถ้าไม่กินยาแล้วฉันต้องไปหาหมอฉีดยา แล้วฉันก็กลัวเข็มมาก
แม่ไม่เคยบอกว่า ถ้าไม่อาบน้ำก่อนนอนจะเป็นยังไง แต่ฉันก็รู้ว่า ฉันนอนไม่สบายตัว
แม่ไม่เคยบอกว่า ถ้ากินข้าวไม่เป็นเวลาจะเป็นยังไง เพราะถ้าถึงเวลาที่ทุกคนกินข้าวแล้วฉันไม่ไปกิน ฉันก็จะไม่มีอะไรกิน
แม่ ไม่เคยบอกว่าฉันต้องซักผ้าตอนไหน แต่แม่หัดให้ฉันซักผ้าเองตั้งแต่เด็ก ๆ แรก ๆ แม่จะซักไว้ให้ แล้วให้ฉันเอาไปตากเอง ต่อมาแม่ซักให้แล้วให้ฉันไปซักน้ำสะอาดเอง ฉันจำไม่ได้แล้วว่าตอนไหนที่ฉันเริ่มที่จะทำเองทุกอย่าง เพราะถ้าฉันไม่ทำเองฉันจะไม่มีเสื้อผ้าใส่
แม่ไม่เคยบอกว่ากินข้าวแล้วต้องล้างจานเอง แต่แม่ให้ลูกทุกคนมีจานประจำตัว ฉันเลยรู้ว่าถ้าไม่ล้างฉันก็ไม่มีจานใส่ข้าวกิน
แม่ ไม่เคยบอกว่าตักข้าวเท่าไหร่ถึงจะพอกิน แต่ฉันก็รู้ว่า ถ้าฉันตักเองฉันต้องกินให้หมด เหลือไม่ได้ ทำให้ต่อมาฉันรู้ได้เองว่าฉันควรตักข้าวเท่าไหร่
แม่ ไม่เคยบังคับให้ฉันเรียนหนังสือ แต่ฉันรู้ว่าการไปโรงเรียนคือวิธีการเดียวที่จะทำให้ฉันได้ออกจากบ้านและไป เจอเพื่อนฝูง และสุดท้ายการเรียนก็ทำให้ฉันได้เรียนรู้ โลก เรียนรู้สังคม และทำให้ฉันมีงานทำ
แม่ไม่เคยบังคับให้ฉันหัดว่ายน้ำ แต่ถ้าฉันอยากเล่นน้ำฉันต้องว่ายน้ำให้เป็น
แม่ไม่เคยบอกว่าไฟมันร้อน แต่ฉันก็รู้ได้เองว่าไฟมันร้อนยังไง
หลาย ๆ เรื่องหลาย ๆ อย่าง ฉันรู้ว่าไม่ต้องให้ใครบอก ต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง ฉันจะเอาสิ่งที่แม่ฉันปฏิบัติกับฉันมาเป็นแนวในการดูแลเด็ก แรก ๆ อาจเละเทะไปบ้าง แต่ฉันหวังว่าลึก ๆ แล้วมันน่าจะดี
ระหว่างที่ฉันเขียนบทความนี้ ฉันนึกถึงคำพูดที่ว่า "ความดีไม่มีขาย อยากได้ต้องทำเอง" มันก็คงคล้าย ๆ กันกับ "ประสบการณ์ไม่มีขาย อยากได้ต้องเรียนรู้เอง"
Create Date : 06 กุมภาพันธ์ 2553 |
|
5 comments |
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2553 11:07:44 น. |
Counter : 2647 Pageviews. |
|
|
|