Journey Journal with NineNoname

<<
พฤศจิกายน 2557
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
5 พฤศจิกายน 2557
 

เที่ยวโอซากะด้วย Kansai Thru Pass (KTP)





     มีหลายคนถามถึงการเดินทางในโอซากะว่ายากไหม อย่างไร ผมเลยขอเอามาเขียนแยกออกมาต่างหากเลยหละกัน เผื่อจะเป็นประโยชน์กับเพื่อน ๆ ที่ต้องการไป และ กับตัวผมเองที่อาจจะลืม ... การเดินทางในโอซากะก็เหมือนเมืองต่าง ๆ ทั่วไป ที่มีรถโดยสารสาธารณะให้เลือกใช้มากมายทั้งรถประจำทาง รถแท็กซี่ รถไฟใต้ดิน รถไฟความเร็วสูงที่ ฯลฯ แต่ถ้าพูดถึงวิธีการเดินทางหลัก ๆ ของคนญี่ปุ่นก็คงหนีไม่พ้นรถไฟ บริษัทที่เห็นให้บริการอยู่เป็นส่วนใหญ่ในภูมิภาคคันไซก็คือ JR และ Nankai ซึ่งแต่ละบริษัทก็จะมีสายรถไฟของตัวเองวิ่งรับส่งผู้โดยสาร มีบัตรราคาพิเศษสำหรับนักท่องเที่ยว โดยในส่วนของ JR ก็จะมี JR-West Rail Pass ส่วนของ Nankai ก็จะเป็น Kansai Thru Pass  

     จำได้ว่าไปญี่ปุ่นครั้งแรกนี่ใช้บริการ JR ซื้อไปจากกรุงเทพฯ แบบ 7 วันเที่ยวทั่วญี่ปุ่น เนื่องจากเป็นแบบใช้ได้ทั่วญี่ปุ่น ราคาก็เลยแพงพอสมควร วิธีการก็คือ พอไปถึงที่ญี่ปุ่นก็เอาไปแลกเป็นบัตร ใช้งานได้ตามจำนวนวัน โดยนับตั้งแต่วันแรกที่เริ่มใช้งานไปจนหมดจำนวนวันที่ซื้อ ใช้หรือไม่ใช้ก็นับ ตอนนั้นก็ถือว่าใช้คุ้มทีเดียว เพราะใช้ทุกวัน ไปทุกเมืองแถมใช้นั่งรถไฟขินคันเซนจากโอซากะไปโตเกียวจนขึ้นภูเขาไฟฟูจิด้วย ... วางแผนเที่ยวแบบใช้ตั๋วให้คุ้ม ... แต่พออายุมากขึ้น (ไม่ได้แก่ขึ้นนะ) จำนวนวันที่เที่ยวน้อยลง พื้นที่ที่จะเดินทางน้อยลง ถ้ามาแถบคันไซก็จะใช้ KTP แทน

     สนนราคาของ KTP (ณ.ตุลาคม 57) แบบ 2 วันก็ 4,000 เยนแบบ 3 วันก็ 5,200 เยน ใช้งานสะดวกมาก ใช้ได้ทั้งรถเมล์ รถไฟฟ้า รถราง ฯลฯ ของบริษัท Nankai ในเมืองโอซากะ เกียวโต นารา ฮิเมจิ โกเบ วากายามะ จนถึง โคยะซัง ข้อดีอย่างหนึ่งของ KTP คือใช้แบบเว้นวันได้ (นับจากรถไฟเที่ยวแรกถึงเที่ยวสุดท้ายของวัน) เช่นถ้าเราไปเที่ยว 4 วันก็สามารถใช้ KTP แบบ 3 วันได้ โดยวางแผนใช้แบบหยอดเหรียญในวันที่เดินเล่นอยู่ในเมือง เป็นต้น

     ที่นี้เรามาพูดถึงการเดินทางบ้างดีกว่า ในโอซากะสำหรับ JR ถ้าจำไม่ผิดนี่ออกแนวเหมือน BTS บ้านเราคือวิ่งด้านบน ซึ่งก็จะมีสถานีจอดตามจุดต่าง ๆ สำหรับ KTP ก็จะใช้กับรถไฟใต้ดินเหมือน MRT บ้านเรานั่นเอง ส่วนสถานีต่าง ๆ สามารถดูได้จาก ที่นี่ ส่วนการเดินทางไปนอกเมืองผมขอพูดถึงแต่ส่วนของการใช้ KTP เท่านั้นนะครับ เพราะหลัง ๆ ไม่ได้ใช้ JR เลย ขอเอามาจดสรุปไว้ที่นี่เลยแล้วกัน ... ช่วงนี้ยิ่งความจำสั้นสันหลังยาวอยู่ ... ไม่ได้เป็นคนขี้ลืมนะครับ แค่เมมโมรี่เต็ม แค่นั้น ... เข้าใจตรงกันนะ


มุมมหาชนที่ย่าน Dotonbori

     เริ่มจากที่ไหนดี เอาที่พักที่ผมไปพักบ่อย ๆ แถว Shinsaibashi ก่อนเลยแล้วกัน ... จากสนามบินนั่งรถไฟแบบ Limited Express (จ่ายเพิ่มอีกประมาณ 500 เยน) เข้ามาสถานี Namba แล้วต่อรถไฟสาย Midosuji (สีแดง) ไปลงสถานี Shinsaibashi โรงแรมที่ผมพักบ่อย ๆ อยู่สถานี Nagahoribashi ซึ่งห่างจากนี่แค่สถานีเดียว จะเดินไปก็ออกทางออก 2 แล้วเดิน หรือจะต่อรถไฟไปอีกหนึ่งสถานีก็ได้ขึ้นมาก็เจอโรงแรมพอดี


 
ปราสาทโอซากะ

     ไหน ๆ ก็เข้าเมืองหละ ว่าในเมืองต่อเลยหละกัน มาโอซากะไม่ไปที่นี่คงไม่ได้ Osaka Castle นั่นเอง ขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีแดงมาลงสถานี Honmachi Station (M18) แล้วต่อสายสีเขียวเพื่อไปลงยังสถานี Tanimachi 4-chome station (C18 หรือ C19 ก็ได้ ไกลพอกัน) ซึ่งอยู่บริเวณปราสาทโอซากา ส่วนใครมาด้วย JR Loop line ลงได้ที่สถานี Osakajokoen เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 0900-1630 น. ปิดตอน 1700 น.ครับ ค่าเข้าชมก็ 600 เยน ... อ้อ ... ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงบัตร KTP ใช้เป็นส่วนลดที่นี่ได้ด้วยครับ

     แหล่งช้อปหลัก ๆ ก็ที่เรารู้จักกันก็มี Shinsaibashi, Dotonbori, Namba, Umeda วันนี้มีอีกหนึ่งตลาดมาแนะนำ Tenjinbashisuji Shotengai ให้ขึ้นสาย Sakaisuji (สีเทา) จากสถานี Nagahori ไปลงสถานี Tenjinbashisuji แล้วออกมาเดินช้อปให้เพลิดเพลินได้เลย  


อีกหนึ่งมุมมหาชนที่โกเบ

     ออกจากโอซากะกันดีกว่า ไปต่อกันที่เมือง โกเบ (Kobe) ก่อนเลยหละกัน จากตัวเมืองโอซากะให้ไปขึ้นรถไฟสาย Hankyu ที่สถานี Umeda ไปลงที่สถานี Sannomiya ใช้เวลาประมาณ 40 นาทีเราก็จะได้เที่ยวโกเบหละ แถวสถานีมีย่าน Kitano ที่เป็นบ้านสไตล์ยุโรป แต่ถ้าจะไปแถวท่าเรือก็ขึ้นรถไฟใต้ดินต่อไปลงสถานี Kobe หรือถ้าใครมาถึงสนามบินแล้วอยากจะไปโกเบเลยก็มีอีกหนึ่งวิธีคือนั่งเรือเร็วไป สามารถซื้อบัตรได้ที่ชั้น 1 สนามบิน เรือจะวิ่งตัดทะเลไปถึงโกเบเลย ถ้านั่งเข้าเมืองเสียเวลาอีกเยอะครับ วิธีนี้ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงเท่านั้น อ้อ ... KTP ใช้นั่งเรือไม่ได้นะครับ ต้องซื้อต่างหาก … 555


 
เรือที่ใช้เดินทางจากสนามบินไปโกเบ

     ลุยทะเลมาหละผมพาไปขึ้นภูเขากันต่อดีกว่า ... ใช่แล้ว โคยะซัง (Koya-san) นั่นเอง การเดินทางเริ่มจากสถานี Namba ชั้น 3 ขึ้นสาย Koya ได้เลย ถ้าจะขึ้นแบบ Express ก็ชำระเงินเพิ่มได้ที่เคาท์เตอร์ด้านหน้า (ประมาณคนละ 710 เยน) ใช้เวลาประมาณ 90 นาที (หลับกันไปได้เลย) ไปลงที่สถานี Gokurakubashi ซึ่งเป็นสถานีสุดท้าย หลังจากนั้นขึ้นรถรางไปบนเขาอีกประมาณ 5 นาที แล้วเดินทางด้วยรถเมล์ต่อไปยังจุดท่องเที่ยวต่าง ๆ ทั้งหมดนี้ใช้ KTP ได้หมดครับ
 


บางมุมบนโคยะซัง

     สถานีต่อไป เกียวโต ... เมืองนี้คุยกันยาวไปมา 4-5 ครั้ง ... ไม่เหมือนกันสักครั้ง ... 555 ...เอาเป็นว่าเราแบ่งที่เที่ยวเมืองนี้เป็น 2 ฝั่งคือ ตะวันตกกับตะวันออก จากโอซากะมาสายตะวันออกนี่จะไปทางวัดน้ำใสและไปสุดที่ Gion การเดินทางก็เริ่มจากสถานี Shinsaibashi ขึ้นสาย Midosuji (สีแดง) ไปลงสถานี Yodoyabashi ใช้ทางออก 1 ไปต่อสาย Keihan ขึ้น Limited Express ไปลง Tambabashi แล้วต่อรถไฟ Local ไปลงสถานี Fushimi-inari เพื่อไปสักการะ Fushimi Inari Taisha Shrine ศาลเจ้าที่มีประตูสีส้ม ๆ ตลอกทางเดินในเรื่องเกอิชานั่นเอง

 
สิ่งที่ต้องถ่ายเมื่อมาที่นี่

     ไปเที่ยวต่อกันที่ Kiyomizu-dera หรือ ที่คนไทยเรียกกันจนคุ้นว่า วัดน้ำใส การเดินทางก็เดินกลับมายังสถานีแล้วนั่งต่อไปอีกประมาณ 4 สถานี ไปลงสถานี Kiyomizu-gojo ซึ่งเอาเข้าจริงก็ห่างจากวัดพอสมควร เดินแบบชิว ๆ ก็ใช้เวลาเกือบ 30 นาที นี่ยังต้องเดินขึ้นเขาอีก ถ้ามีผู้ใหญ่ก็แนะนำให้นั่งรถประจำทางหรือรถแท็กซี่จะดีกว่า ขากลับก็เดินเล่นไปเรื่อย ๆ ลงไปตามถนนสายกาน้ำชาไปขึ้นรถไฟที่สถานี Gion-shijo ตรง Gion ซึ่งก็เดินอีกไกลพอสมควร


 
Kiyomizu-dera  หรือ วัดน้ำใส

     ส่วนฝั่งตะวันตกคือไปเที่ยวทางวัด Kinkakugi หรือ วัดทอง นั่นเอง การเดินทางก็คล้าย ๆ กัน ขึ้นรถไฟใต้ดินสายสีแดงไปลงที่สถานี Yodoyabashi ใช้ทางออก 1-5 เพื่อไปต่อ Keihan Line ให้ไปลงสถานี Sanjo แล้วต่อสาย Tozai Line ไปลงสถานี Nishioji Oike ออกทางออก 3 แล้วข้ามถนนไปต่อรถประจำทางสาย 205 (ขึ้นฝั่งเดียวกับสถานี) ไปลงที่ป้าย Kinkakuji-michi (ประมาณ 9-10 สถานี) แล้วเดินเข้าซอยไป เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่ 09.00 – 17.00 น. ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 400 เยน เด็ก 300 เยน

 
มุมมหาชนที่วัด Kinkakugi หรือ วัดทอง

     การเดินทางจากฝั่งตะวันตกมาตะวันออก หรือ ตะวันออกไปตะวันตก สามารถทำได้ครับแต่ใช้เวลาเดินทางค่อนข้างนาน เพราะอีกหนึ่งสมญาของเมืองเกียวโต คือ มหานครร้อยไฟแดง เนื่องจากเมืองนี้มีสี่แยกไฟแดงเยอะมาก (จริง ๆ นะ) โดยเฉพาะถ้าเดินทางในวันหยุดที่มีนักท่องเที่ยวเยอะ ๆ นี่ต้องทำใจกันเลย เรามาดูวิธีเดินทางกันหละกัน ผมเดินทางตามปกติไปเที่ยววัดทองก่อน เที่ยวเสร็จตอนเดินออก ... จากประตูหน้าวัดทองให้เดินเลี้ยวขวามาเลย ... ไม่ต้องเดินออกไปถนนใหญ่ ไม่ต้องข้ามถนน ขึ้นฝั่งเดียวกับวัด ... เดินไปที่ป้าย Kinkakuji-mae เพื่อขึ้นรถเมล์สาย 12 มาลงที่ป้าย Gion แล้วต่อรถเมล์สาย 100, 200, 206 หรือ 207 ไปลงที่ป้าย Kiyomizu-michi  


ศาลเจ้าใหญ่ตรง Gion

     อีกหนึ่งวิธีคือเดินออกมาตรงป้าย Kinkakuji-michi ตรงที่เราลงรถครั้งแรก แล้วนั่งสาย 101, 102, 204, 205 มาลงที่สถานี Kitaoji bus terminal หมายเหตุ :  นั่งสาย 101,102 จะนั่งประมาณ 4 ป้าย /  สาย 204 ,205 จะนั่งประมาณ 7 ป้าย ต่อด้วยรถไฟใต้ดินสาย Karusuma line (สีเขียว) จากสถานี Kitaoji (K04) มาลงที่สถานี Shijo (K09) แล้วนั่งรถเมล์สาย 207 ที่สถานี Shijo Karasuma ไปประมาณ 6 ป้าย มาลงที่สถานี Kiyomizu-michi ...

     วิธีหลังนี่จะเป็นการผสมผสานเพื่อเลี่ยงรถติด ส่วนตัวผมเลือกวิธีแรกครับ เนื่องจากเอาคุณลูกชายไปด้วย ยอมเสียเวลารถติดดีกว่าขึ้นลงหลาย ๆ ต่อ เอาเข้าจริง ๆ วันที่ไปเป็นวันธรรมดาก็ใช้เวลาแค่ประมาณ 1 ชั่วโมง ... ยังพอรับได้อยู่ ถ้าวันหยุดคงต้องบวกเวลาเพิ่มนะครับ

     ส่วนขากลับเราเดินลงมาทาง Gion แล้วเดินไปขึ้นรถไฟสาย Hankyu Kyoto main line ที่สถานี Kawaramachi ซึ่งจะไปสุดสายที่ Umeda เลย

 

 
มุมหนึ่งในนารา

     อีกหนึ่งเมืองที่น่าไปคือ นารา (Nara) เมืองที่พูดแล้วจะต้องนึกถึงกวางเดินไปเดินมา เคยไปเมื่อนานมาแล้วด้วย JR ส่วนการเดินทางด้วย KTP ให้ไปขึ้นที่สถานี Namba แล้วเพื่อขึ้นสาย Kintetsu Nara ไปลงสถานี Kintetsunara ใช้เวลาเดินทางประมาณ 35 นาที แล้วจะเดินหรือนั่งรถประจำททางต่อก็ได้ การเดินทางหมื่นลี้เริ่มต้นด้วยก้าวแรกเสมอ ... ขอให้มีความสุขและสนุกกับการเดินทางครับ

 

๐๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๗




Create Date : 05 พฤศจิกายน 2557
Last Update : 30 กันยายน 2559 8:59:11 น. 0 comments
Counter : 36929 Pageviews.  
 
Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

iamnoname
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]





[Add iamnoname's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com