ห้องพักที่ Eaton Hong Kong
เบา ๆ ที่วัดกังหัน
ท่านแชกง ... วัดกังหัน
วัดหวังต้าเซียน
วันรุ่งขึ้นเราออกเดินทางไปมาเก๊ากัน โดยเราจะเดินทางกันด้วยเรือจากท่าเรือที่ฝั่งเกาลูนนี่เอง ท่าเรือก็ไปไม่ยากอยู่ในห้าง China Hong Kong City ถ้าเริ่มจากสถานี Tsim Sha Tsui ก็เดินออกมาทางออก A1 เดินเลี้ยวเข้าถนน Haiphong เดินไปจนสุดจะเจอห้าง Harbour City อยู่ตรงข้าม มีร้าน Brand name มากมายตั้งอยู่ ให้ข้ามถนนไปแล้วเดินเข้าร้านไปซื้อของ ... ไม่ใช่หละ ... ข้ามแล้วให้เดินไปทางขวาจนสุด ข้ามถนนไปอีกนิดห้างจะอยู่ซ้ายมือ แต่ถ้าใครพักอยู่ฝั่งฮ่องกง ก็สามารถขึ้นเรือจากท่าเรือฝั่งฮ่องกงได้เลยไม่ต้องข้ามมาเกาลูนนะครับ
ที่ตั้งของ China Hong Kong City
ภาพด้านหน้าห้าง
ผมไม่แน่ใจว่ามีการเปลี่ยนแปลงอะไรหรือเปล่า เพราะจากข้อมูลที่หามาบอกว่าให้ขึ้นไปที่ชั้น 4 แต่ที่ไปเจอจริง ๆ นี่อยู่ชั้น 1F คือพอเดินเข้าไปในห้างแล้วให้ขึ้นบันไดเลื่อนตัวที่เห็นในรูป แล้วเลี้ยวขวาไปใช้บันไดเลื่อนด้านนั้น ขึ้นไปแค่ชั้นเดียวก็เจอหละ ที่เห็นนี่มีหลายบริษัทให้บริการอยู่แต่ที่ใหญ่ ๆ ก็มี Turbo Jet (สีแดง)กับ Cotai (สีน้ำเงิน) แต่ดูจากตารางให้บริการแล้ว Turbo Jet ดูจะสะดวกกว่าเพราะมีให้บริการทุกครึ่งชั่วโมง สนนราคาขาไปก็ 177HKD ในขณะที่ขากลับอยู่ที่ 168 HKD ส่วนเด็กก็ถูกกว่านิดหน่อย
บันไดเลื่อนที่ขึ้นไปซื้อตั๋วเรือ
ซื้อตั๋วกัน...ซื้อตั๋วกัน
แต่ขนาดมีบริการขนาดนี้ตอนไปถึงเพิ่ง 10 โมงกว่าแต่ได้ไปรอบเที่ยงกันเลย อาจจะเป็นเพราะวันอาทิตย์ที่มีคนเดินทางเยอะหรือเปล่าไม่แน่ใจ แต่ยังไงก็ควรเผื่อเวลาในการจองตั๋วไว้สักหน่อยก็ดีครับ ดีที่มี Starbucks เปิดให้บริการ (ชั้นเดียวกันเลย) เลยได้ใช้เป็นที่พักใจนิดนึง
ตั๋วเรือและราคาโดยสาร
ประตูเปิดให้เช็คอินก่อนเวลาออกเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมง ที่นั่งมาระบุกันที่หน้าประตูนี่เลย ไม่มีอะไรมากพนักงานก็มีผังที่นั่งมา และแกะสติ๊กเกอร์ที่นั่งมาติดที่บัตรที่เราซื้อมา พอได้ที่นั่งก็เดินผ่านเข้าไปยังส่วนของ ตม. ฮ่องกง ถึงแม้จะเป็นประเทศจีนเหมือนกัน แต่ทั้งมาเก๊าและฮ่องกงถือเป็นเขตบริหารพิเศษทั้งคู่ จึงเหมือนเป็นการเดินทางออกนอกประเทศ เราเลยต้องผ่าน ตม. ของฮ่องกงก่อนแล้วไปผ่าน ตม. ของมาเก๊าอีกครั้งเพื่อเข้าเมือง ด้านในก่อนลงเรือก็ไม่มีอะไร มีเพียงร้านขายของอยู่แค่ร้านเดียวเท่านั้น
ระยะทางจากฮ่องกงไปมาเก๊า
บริเวณ Gate รอขึ้นเรือ
มาเก๊าอยู่ห่างจากฮ่องกงมาทางตะวันตกประมาณ 60 กิโลเมตร การเดินทางบนเรือใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้นหลับยังไม่ทันอิ่มก็ถึงหละ การบริการบนเรือก็มีคล้าย ๆ กับบนเครื่องบิน คือมี Super Class ที่จ่ายแพงกว่า Economy Class แต่ได้บริการและที่นั่งที่ดีกว่า มีร้านขายน้ำ ขายขนมบนเรือ ที่นั่งชั้นธรรมดาก็เป็นแบบ 2-4-2 คือติดหน้าต่าง 2 ฝั่งมี 2 ที่นั่ง ที่นั่งตรงกลางมี 4 ที่นั่ง ถามว่าจะเวียนหัวไหม ผมได้นั่งตรงกลางส่วนหลังของเรือทั้งไปและกลับก็ไม่รู้สึกว่ามีอาการเวียนหัวอะไร ส่วนคุณลูกชายและภรรยาก็หลับสนิทดีทั้งสองคน ... 555
บรรยากาศในเรือ
1 ชั่วโมงบนเรือ ไม่นานก็ถึง...มาเก๊า
มาเก๊าประกอบด้วยคาบสมุทรมาเก๊า (Macau) เกาะไทปา (Taipa) และเกาะโคโลเอน (Coloane) มีสะพานข้ามจากมาเก๊ามาเกาะไทปา ส่วนระหว่างเกาะไทปาและเกาะโคโลเอนปัจจุบันมีการถมทะเลจนรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน โดยพื้นที่ส่วนที่เชื่อมต่อกันนี้ถูกใช้เป็นเขตพัฒนาใหม่ที่เรียกว่าโคไท (Cotai) ท่าเรือที่มาเก๋าก็มี 2 ท่าคือท่าเรือ Macau และท่าเรือ Taipa จริง ๆ โรงแรมที่เราพักคราวนี้คือ The Venetian Macau ตั้งอยู่บนเกาะไทปาใกล้ท่าเรือไทปามากกว่า แต่มีเรือมาจอดน้อยกว่า ดังนั้นเราเลยเลือกที่จะไปลงที่ท่าเรือ Macau แล้วนั่งรถบริการของโรงแรมข้ามกลับมาซึ่งก็ใช้เวลาแค่ 15 นาทีเท่านั้น
พื้นที่ของประเทศมาเก๊า
ระหว่างทางมาโรงแรมเราจะเห็นสถานที่ท่องเที่ยวของมาเก๊าหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมที่ริมทะเล Macau Tower ท่าเรือไทปา สนามบินมาเก๊า ฯลฯ รวมทั้งโรงแรมใหญ่ ๆ หลาย ๆ แห่ง ทั้งที่สร้างเสร็จแล้วและกำลังสร้างอยู่ ดูคร่าว ๆ ผมเห็นว่าโรงแรมที่นี่เขาจะสร้างรวม ๆ กัน และเรียกเป็นหนึ่งเดียว เช่น City of Dreams จะมี 3 โรงแรมอยู่รวมกันคือ Hard Rock, Crown และ Grand Hyatt ทำให้แต่ละที่ดูใหญ่โตมาก ๆ ความรู้สึกแรกที่เห็นโรงแรมแต่ละแห่งจากภายนอกคือจะสร้างใหญ่โตไปไหน
รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมริมทะเล
Macau Tower
ที่นี่ก็มีหอไอเฟล...สร้างกันเข้าไป
ใหญ่ ๆ โต ๆ กันทั้งนั้น (วิวจากห้องพัก)
พอได้เดินดูด้านในแล้วยิ่งรู้สึกใหญ่โตขึ้นไปอีก ถามว่าชอบไหม...ผมกลับไม่ชอบนะ ผมชอบที่ลาสเวกัสมากกว่า ที่นั่นก็ดูใหญ่แต่ไม่ขนาดนี้ ยังรู้สึกถึงความน่ารักของแต่ละโรงแรมได้ สามารถเดินถึงกันได้ทั้งถนน แต่ที่นี่จะไปแต่ละที่นี่เรียกได้ว่าเหนื่อย เพราะแค่เดินภายในโรงแรมเองก็แย่หละ ถ้าต้องข้ามถนนและเดินต่อในอีกโรงแรมนี่ต้องออกกำลังกายเตรียมความพร้อมมาเลย ถ้าไม่เดินก็ต้องใช้รถบริการของโรงแรมหรือไม่ก็แท็กซี่ ซึ่งก็ยังให้ความรู้สึกไกลอยู่ดี
ภายใน Venetian
นั่นคือส่วนของโรงแรมที่ดูเว่อร์ วัง อลังกาล่ามาก แต่ในส่วนของตัวมาเก๊าเอง ผมกลับรู้สึกถึงการผสมผสานระหว่างโลกตะวันตกกับตะวันออกได้อย่างลงตัว มีความน่ารักทางวัฒนธรรม ความเชื่อ ความศรัทธา ร่ำรวยทางสถาปัตยกรรมและอิ่มอร่อยในอาหารการกิน
เช็คอินและพักผ่อนเล็กน้อย เราก็ออกไปเที่ยวกันดีกว่า ใจจริงอยากอยู่โรงแรมให้คุ้ม แต่ก็นะ...มาถึงแล้วไม่ออกไปเที่ยวแล้วจะมาทำไม ด้วยผู้สูงวัยและผู้อ่อนวัยที่เดินทางด้วยกัน เป็นไปได้ยากที่จะเก็บครบทุกอย่าง เราเลยเลือกเก็บเฉพาะที่อยากไปจริง ๆ นั่นคือวัดอาม่า Senado Square และ ซากวิหารเซนต์พอล (Ruins of St. Pauls) การเดินทางไปวัดอาม่านี่เราจะนั่งรถประจำทางหรือแท็กซี่ไปเลยก็ได้ แต่เราอยากไปดูโรงแรมอื่น ๆ ด้วย เลยหาข้อมูลเพิ่มเติมก็พบว่าไปได้ โดยที่สุดแล้วจะไปลงที่ Macau Tower ซึ่งจากตรงนั้นนั่งแท็กซี่ไปไม่ไกล แถมเรายังได้เดินดูโรงแรมอื่นอีกด้วย ก็ไปแบบนี้กันเลยสิครับจะรออะไร
จุดขึ้นรถบริการของ Venetian ตรง West Gate
ผมนั่งรถของ Galaxy ไปลงที่ Galaxy Macau ขึ้นจาก West Gate ของโรงแรม ก็ตรงที่รถจากท่าเรือมาส่งนั่นเอง แต่ต้องเดินหานิดนึงว่าช่องไหน เนื่องจากคนค่อนข้างเยอะและต่อแถวกันจนมองไม่ค่อยเห็นอะไรพอไปลงที่ Galaxy ก็เดินเล่นสักพักแล้วนั่งรถของ COD (City of Dreams) ไปลงที่ COD กันเดินเล่น ตามหานางเงือกที่นี่สักพักก็นั่งรถต่อไปลงที่ Macau Tower
Macau Tower
เดินเล่นสักพักก็ต่อแท็กซี่ไปวัดอาม่า สนนราคา 21 MOP แต่เราจ่ายกันไปเป็น HKD เพราะไม่อยากแลกไปหลายสกุล ที่นี่รับเงิน HKD ซึ่งแข็งกว่า แต่ถ้าที่ฮ่องกงจะไม่รับ MOP นะครับ ผมเอาง่าย ๆ ก็จ่ายเป็น HKD เลยก็โอเค ขาดทุนนิดหน่อยแต่ไม่วุ่นวายดี
ลานด้านหน้าวัดอาม่า
หินรูปเรือ สัญลักษณ์ของที่นี่
รักคุณแม่มากกกกก
เราอยู่ที่วัดอาม่าไม่นานนักเพราะไปถึงก็เย็นแล้ว แต่ข้อดีของการมาเย็น ๆ ก็คือไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ เดินไหว้กันแบบสบาย ๆ ไหว้เสร็จก็มาเรียกรถแท็กซี่ที่หน้าวัดอาม่าเพื่อไป Senado Square ถ้าแท็กซี่ทำหน้างงก็ให้บอกว่า ซานหม่าโหลว ก็จะเข้าใจและไปถูก สนนราคาก็ 31 MOP ขึ้นแท็กซี่ที่นี่แนะนำให้เอาแผนที่ที่มีภาษาจีนหรือรูปภาพกำกับจะช่วยได้เยอะ เพราะแท็กซี่ที่นี่พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ครับ
Senado Square
เดินเล่นชมเมืองกันไปเรื่อย ๆ
ซากวิหารเซนต์พอล (Ruins of St. Pauls)
มุมมหาชน ... คนเยอะจริง ๆ
เดินเล่นดูร้านรวงและสถานที่สำคัญ ๆ ต่าง ๆ กันตั้งแต่ต้นจัตุรัสไปจนถึงซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล Landmark ที่สำคัญของมาเก๊า เสร็จแล้วก็ไปดูน้ำพุเต้นระบำกันที่โรงแรม Wynn แล้วนั่งรถฟรีของโรงแรมไปลงที่ท่าเรือแล้วต่อรถของเวเนเซียนกลับไปโรงแรมเพื่อจัดงานวันเกิดเล็ก ๆ ให้คุณลูกชาย วันรุ่งขึ้นก็ตื่นสายหน่อย ไปเดินเล่นพร้อมหาอะไรทานกันใน Shopping mall ของโรงแรม แล้วก็เช็คเอาท์เพื่อไปขึ้นเรือกลับไปยังฮ่องกง เอากระเป๋าที่ฝากไว้แล้วไปขึ้นเครื่องกลับเมืองไทย
น้ำพุเต้นระบำที่ Wynn Hotel
วันเกิดเล็ก ๆ ในห้องพัก
มาที่นี่ต้องทานทาร์ดไข่ Lord stows Bakery
มาเก๊ายังมีอีกหลายที่ให้มาดู มาชม ไม่ว่าจะเป็นหมีแพนด้าที่โคโลเอน หมู่บ้านโคโลเอน หมู่บ้านไทปา การแสดงตามโรงแรมต่าง ๆ อีกมากมาย เพียงแต่คราวนี้เราไปกันตามภาษาของผู้สูงวัยที่เดินทางกับผู้อ่อนวัยเลยไปกันแบบเนิบ ๆ ไปได้ก็ไป ไปไม่ไหวก็ไม่ไป เลยเก็บมาได้เพียงเล็กน้อย ถ้ามีโอกาสอีกคงต้องไปเก็บที่นี่ใหม่อีกครั้ง
การเดินทางหมื่นลี้เริ่มต้นด้วยก้าวแรกเสมอ ขอให้มีความสุขและสนุกกับการเดินทางนะครับ
27-29FEB16
ภาพแผนที่จาก Google