สนนราคาตามป้ายหน้าที่ขายบัตร

แบบ Crystal จะได้สายข้อมือแบบนี้มา

    ปัญหาอีกอย่างของการไม่ไปเช็คอินที่โรงแรมก็คือกระเป๋าเดินทางของเรานั่นเอง บนรถ S1 มีที่วางกระเป๋าอย่างดี ไม่ต้องห่วง แต่ตอนขึ้นกระเช้านี่สิ ... ผมแก้โดยจะเอาไปฝากไว้ที่ตู้ฝากกระเป๋าที่ชั้น B2 ในห้าง City Gate ซึ่งก็อยู่ตรงจุดที่เราต้องลงรถสาย S1 นั่นแหละ แต่แล้วตู้ฝากเจ้ากรรมที่คิดไว้กลับเต็ม เนื่องจากจำนวนตู้ที่มีไม่มากนัก เราเลยต้องลากกระเป๋าไปที่กระเช้าแล้วถามเจ้าหน้าที่เพื่อหาจุดฝากกระเป๋า เจ้าหน้าที่ก็น่ารักเดินพาไป จุดฝากก็อยู่ตรงจุดจอดรถแท็กซี่ของสถานีกระเช้านั่นเอง ไม่มีตู้หยอดเหรียญนะครับ พนักงานเอาเข้าไปเก็บในห้องให้ สนนราคาก็อยู่ที่ใบละ 70 เหรียญมารับได้ถึง 6 โมงเย็น ถ้าฝากตั้งแต่เช้าก็น่าจะถูกกว่าตู้หยอดเหรียญที่คิดเป็นชั่วโมง

    หลังจากฝากกระเป๋าเสร็จก็ไปขึ้นกระเช้า ราคาค่ากระเช้าไป-กลับสำหรับผู้ใหญ่คือ 225 เหรียญ เด็ก 145 เหรียญ อันนี้เป็นแบบธรรมดา แต่ถ้าเป็นแบบ Crystal คือพื้นใสมองเห็นทิวทัศน์ด้านล่างด้วยก็อยู่ที่ 310 เหรียญสำหรับผู้ใหญ่ส่วนเด็กอยู่ที่ 230 เหรียญ แต่เราจองผ่านทางเว็บไซด์ไปราคาแบบ Crystal เหลือเพียง 750 บาทเอง ถ้ารู้วัน รู้เวลาเดินทางแน่นอนการจองไปล่วงหน้าก็ช่วยประหยัดไปได้เยอะ อากาศวันนี้มีหมอกเยอะ นี่ขนาดเที่ยงแล้วนะเนี่ย ถึงจะได้รูปแบบขมุกขมัวแต่อากาศก็เย็นสบายไปอีกแบบ ไหว้พระเสร็จเราก็ขึ้นรถไฟตรงสถานี Tung Chung เข้าเมืองเลย

บรรยากาศบนกระเช้า

     เช็คอินเสร็จก็ออกมาหาอาหารเย็นทาน ร้านอาหารเยอะมาก เดินข้ามถนนหน้าโรงแรมมานิดเดียวก็มีหละ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นบะหมี่เกี๊ยวกุ้ง ข้าวหมูแดง หมูกรอบ หน้าเป็ด ฯลฯ เติมพลังเรียบร้อยก็ไปชม Symphony of lights กันที่ Avenue of star ไปไม่ยากขึ้นรถไฟไปลงสถานี Tsim Sha Shui แล้วออกมาตรงทางออก F หรือ E แล้วเดินข้ามถนนไปทางฝั่งทะเล ... บังเอิญโรงแรมผมอยู่ใกล้เลยใช้วิธีเดินชมชีวิตคนฮ่องกงไปเรื่อย ๆ ช่วงการแสดงมีฝนตกลงมาเป็นของแถมอีกต่างหาก วันนี้เลยได้ชมแสง สี เสียง พร้อมเปียกด้วย 4 D จริง ๆ

วันนั้นฟ้าเน่าเลยเอารูปเก่ามาเล่าใหม่

ภารกิจของคุณแม่ลูกอ่อน

     วันรุ่งขึ้นเก็บกระเป๋า เช็คเอาท์แต่เช้าแล้วฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรม วันนี้เราจะเดินทางไปทำบุญกันหลายวัดทีเดียว วัดแรกที่จะไปคือ วัดแชกุง หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อ วัดกังหัน สัญลักษณ์ของที่นี่ก็คงจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก กังหัน 4 ใบ ที่เชื่อว่าจะปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกไป และ พัดสิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิต โดยใบพัดแต่ละใบก็จะมีความหมายต่างกัน ใบที่ 1 สุขภาพร่างกายแข็งแรง ใบที่ 2 เดินทางปลอดภัย ใบที่ 3 โชคลาภ เงินทอง ไหลมาเทมา และใบที่ 4 คิดสิ่งใดสมปรารถนา

บริเวณด้านหน้าวัด ลานกลางแจ้งและท่านแชกุง

     การเดินทางโดยรถไฟก็ให้ไปขึ้นสายสีฟ้าเพื่อไปลงที่สถานี Tai Wai ทีนี้ก็มี 2 ทางเลือกคือ ต่อรถไฟสายสีน้ำตาลไปลงสถานี Che Kung Temple หรือ ถ้าจะ “เดิน” ก็ให้ออกทางออก B ออกจากตัวอาคารโดยผ่านจุดจอดรถประจำทางไป ออกมาแล้วเลี้ยวซ้าย ข้ามแยกไฟแดงเล็ก ๆ ไป แล้วเดินลอดอุโมงค์เพื่อไปยังฝั่งตรงข้าม เดินไปอีกนิดก็จะเห็นกำแพงสูง ๆ สีแดง ๆ นั่นแหละครับวัดแชงกุง วิธีการไหว้ขอพรให้เริ่มจากลานด้านหน้า โดยหันหน้าออกจากวัดเพื่อไหว้ฟ้าดิน หันหลังมาไหว้ด้านใน นำธูปไปปักกระถางละ 3 ดอก เก็บไว้ 3 ดอกเพื่อไปปักด้านใน ที่เหลือปักด้านนอกให้หมด เข้าไปขอพรกับท่านแชกุงที่ภายในตัวอาคาร หมุนกังหันที่อยู่ด้านข้าง 3 รอบ (หมุนตามเข็มนาฬิกา) ตีกลอง 3 ครั้งเพื่อให้เป็นที่รับรู้ทั่วกันทั้งฟ้าดิน นอกจากไหว้พระขอพรแล้ว เราสามารถแก้ชงได้ที่วัดนี้ การแก้ชงของที่นี่จะทำให้สำหรับคนที่ชงเต็ม ๆ อย่างเดียว ส่วนคนที่ชงน้อย ชงหาง ๆ อะไรแบบนี้ เขาบอกว่าไม่ต้องครับ เปิดให้บริการตั้งแต่ 7 โมงเช้าถึง 6 โมงเย็น

เข้าไปทำพิธีกันครับ

ขั้นตอน วิธีการ รวมทั้งบทสวดสมัยใหม่

     วัดต่อมาคือวัด หวังต้าเซียน (Sik Sik Yuen Wong Tai Sin Temple) เราเดินกลับมาขึ้นรถที่สถานี Tai Wai เหมือนเดิมแล้วมาลงที่สถานี Kowloon Tong เพื่อต่อสายสีเขียวมาลงสถานี Wong Tai Sin เดินออกทางออก B ก็เจอวัดเลย วัดนี้เปิดให้บริการตั้งแต่ 7 โมงเช้าถึง 5 โมงครึ่ง หวังต้าเซียนมีชื่อเสียงในด้านการรักษาโรค ดังนั้นคนที่มากราบไหว้ส่วนใหญ่ก็จะขอพรในเรื่องสุขภาพ นอกจากนี้คนฮ่องกงยังนิยมมาเสี่ยงเซียมซีที่นี่อีกด้วย เขาว่าแม่นมาก ๆ

วัดหวังต้าเซียน

     หลังจากกราบไหว้ขอพรเสร็จก็พักหาอะไรทานสักนิด ก่อนจะเดินทางไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมที่ Repulse Bay กันต่อ เรากลับมาที่สถานี Wong Tai Sin นั่งสายสีเขียวมาต่อสายสีแดงเพื่อไปลงสถานี Central ออกทางออก A เพื่อไปตึก Exchange Square ใช้สะพานลอยข้ามฝั่งไปแล้วต่อรถประจำทางสาย 6, 6A, 6X (เขาว่า 6X ใช้เวลาน้อยสุด) เพื่อไปลงที่ Repulse Bay นั่งไปไกลพอสมควร พอเห็นตึกหน้าตาแปลก ๆ มีรูตรงกลางเหมือนโดนัทก็ลงได้เลย เดิมตึกหลังนี้ก็สร้างแบบธรรมดาคือไม่มีรู แต่ทำกิจการแล้วประสบปัญหาต่าง ๆ จึงเชิญซินแสมาดู ท่านก็บอกว่าตัวตึกไปบังทางมังกรที่จะลงมาเล่นน้ำ จึงให้แก้โดยการเจาะเป็นรูให้มังกรสามารถรอดลงมาเล่นน้ำที่ทะเลได้ เดินลงไปที่ชายหาดแล้วเดินต่อไปทางซ้ายมือก็จะเจอศาลเจ้าแม่กวนอิมและเจ้าแม่ทับทิม เทพเจ้าแห่งโชคลาภ สะพานต่ออายุ และเทพเจ้าอีกมากมายตั้งอยู่

เจ้าแม่กวนอิมที่ Repulse Bay

     ไหน ๆ ก็ข้ามฝั่งมาแล้ว ถ้าใครมีเวลาก็สามารถไปชมวิวฮ่องกงได้ที่ The Peak หรือจะไปช๊อปต่อที่ Stanley Market ก็ไปต่อได้จากจุดนี้ แต่ผมคงไม่สามารถไปได้เพราะต้องขึ้นเครื่องกลับเย็นนี้ ขากลับก็เดินกลับมาทางเก่า มารอรถเมล์ที่ป้ายรถตรงข้ามกับป้ายที่ลง กลับไปเอากระเป๋าที่โรงแรมพร้อมหาอะไรทานก่อนขึ้นเครื่องกลับ การเดินทางไปสนามบิน เรากลับได้หลายวิธีเช่นเดียวกับขามา ส่วนผมกลับด้วยวิธีเดิม คือ นั่งรถ MRT ไปลงสถานี Tung Chung แล้วต่อสาย S1 กลับไปยังสนามบิน เท่าที่ลองคำนวณคร่าว ๆ เป็นวิธีนี้ประหยัดที่สุดครับ ... การเดินทางหมื่นลี้เริ่มต้นด้วยก้าวแรกเสมอ ... ขอให้มีความสุขและสนุกกับการเดินทาง ...