เพราะไม่เคยอ่านมติชนสุดสัปดาห์มาก่อน จึงหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา ด้วยความรู้สึกที่เหมือนถูกล่อลวง ด้วยชื่อเรื่องที่ฟังดูแสนโรแมนติก "ปริมณฑลแห่งรัก" ชื่อตัวละครที่แปลกหูและเก๋ไก๋.."สุดคะเน..หวลคะนึง"
คำโปรยปกหน้าที่อ่านทบทวนหลายครั้งก็ยังไม่เข้าใจ "กับผู้หญิง..ฉันไม่อยากใช้คำว่าเล่น มันลึกซึ้งกว่านั้น"
เปิดเรื่องมาที่สาวน้อยวัยสดใสดวงตาเป็นประกายด้วยความหวัง และคำพูดประโยคนั้น อยู่ดูโลกมาสิบเจ็ดปีแล้ว ต่อจากนี้ไปหวังว่าจะโชคดี
...โชคดีนะ สุดคะเน...เสียเรียกขานอย่างนุ่มนวลของพี่แพ็ท..ที่ฉันแอบคิดในใจว่าต้องเป็นชายหนุ่มรูปหล่อตามแบบฉบับพระเอกนิยายไทยแน่ แต่เมื่อพี่แพ็ท กลับกลายเป็นสาวสวยรวยเสน่ห์ อ๊าก..ก..ก..อะไรกันนี่...สุดคะเนกับพี่แพ็ท กำลังนำฉันลองลอยไปสู่อีกโลก ที่ฉันไม่คุ้นเคย
รักหลากสี..รักที่ซ่อนเร้น..รักที่ผิดแผก..รักมุมมืด..รักแท้หรือรักลวงตา..รักด้วยเซ็กส์ หรือรักด้วยหัวใจ..ก็สุดแล้วแต่คนอ่าน...จะนิยามเป็นคำคำนั้น
ในความอึ้งและในความแปลกใจ ต้องขอบอกว่าหนังสือเล่มนี้ คือหนังสือที่เปิดเปลือยหัวใจ ความรู้สึกนึกคิด และความเป็นมนุษย์ ให้เห็นในแง่มุมของความรักที่ซับซ้อน หัวใจสับสน ได้ดีทีเดียว
อ่านไปด้วยใจแอบระทึก และหดหู่ไปกับตัวละครเป็นระยะๆ ในคำนำบางส่วนบอกไว้ว่า "ความรักและเซ็กส์นั้นไม่มีพรมแดน เป็นสิ่งที่ควบคู่และสอดแทรกแยกจากกันไม่ขาด" (หรือคนอ่านอย่างฉันเข้าใจผิด) แต่ความรู้สึกเมื่อได้อ่านไปเรื่อยๆ จนถึงขณะที่รีวิวนี้ ก็ยังอ่านอยู่ ฉันมองเห็นแต่เซ็กส์ ยังมองไม่เห็นความรัก ไม่ว่าจะความรักของใครๆ ของพี่แพ็ท พี่เอ๋ ลม ต้นอ้อ..สุดคะเน หวลคะนึง..ฯลฯ อย่าว่าแต่ความรักต่อคนอื่นเลย..แม้แต่ความรักต่อตัวเอง..ฉันก็มองไม่เห็น
...เอ...
หรือความคาดหวังในเรื่องของความรัก ในความคิด หรือแม้แต่ในภาพฝันของฉัน มันจะสวยงามมากเกินไป..จนหนังสือเล่มนี้ ตอบสนองความคาดหวังนั้นไม่ได้
ฉันอยากให้คำนิยามของปริมณฑลแห่งรัก..เป็น"นิยายที่ทำลายความงดงาม
แห่งเซ็กส์และความรัก"..(นิยามของฉัน..แต่เพียงผู้เดียว)...สิ่งที่ได้เห็น คือเซ็กส์นั้นไม่ได้งดงามเหมือนภาพฝัน หากเซ็กส์นั้นไม่ได้รับความยินยอมพร้อมใจ บางครั้งมันน่าขยะแขยงและน่าสะอิดสะเอียนเป็นที่สุด
ว่ากันว่า..ไม่ว่าการแสดงความรักอย่างนุ่มนวล การแสดงความรักอย่างกักฬระ นั่นแล้วแต่กรรมวิธีแสดงความรักของแต่ละคนที่แตกต่างกันไป อ่านแล้ว..ขอเถอะ..อย่าให้เป็นฉันเลย..ที่ต้องพบพานความรักเช่นนั้น
ในความรักมันยากนักหรือ? นี่คือคำถามของฉัน..หลากหลายตอนที่ผ่านเข้ามาในสายตา ผ่านส่วนน้อยๆที่เรียกว่าสมองและผ่านเข้าไปในสายหัวใจ ตัวละครหลายตัว เฝ้าเอ่ยประโยคคล้ายๆกัน หลายๆครั้งทำนองว่า "มีเซ็กส์กับฉัน..แต่อย่ารักฉัน"
...อย่ารักฉัน อย่ารักฉัน...ความรักจะทำให้คนเจ็บปวด...สุดคะเน หวลคะนึง...ตัวละครที่เอาตัวเองเข้าไปทดลองเพื่อค้นหารักและตัวตนที่แท้จริงของเธอ
หลายฉากหลายตอนที่ฉันอ่าน แล้วแอบพยักหน้าเห็นด้วย เมื่อนึกถึงคำนำจากผู้เขียนที่ว่า...ความรักเป็นสิ่งสวยงาม แต่ความรักก็ทารุณและเยียบเย็นใครก็ตามที่บอกว่า มีแสงดาวในหยาดน้ำตาถ้าไม่โกหกก็เพราะเป็นน้ำตาของคนอื่น...
อีกประโยคจากคำนำของผู้ขียน..อ่านแล้วถ้าร้องไห้ เล่าให้ฉันฟังด้วย
อ่านแล้วถ้าเสียใจ เล่าให้ฉันฟังที แต่ถ้าอ่านแล้วมีความสุขมีรอยยิ้ม ขอบคุณ...
ฉันค้นหาทางเนท ไม่ค่อยมีคนกล่าวถึงหนังสือเล่มนี้เท่าไหร่ ฉันไม่รู้ว่าหลายคนที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว มีความรู้สึกอย่างไร มีน้ำตาหรือรอยยิ้มมีความสุขหรือเสียใจ สำหรับฉันแล้ว มันคือความหดหู่
สุดคะเน..หวลคะนึง..ถ้าเธอจะเจ็บปวด ก็เพราะเป็นสิ่งที่เธอเลือกเอง
ฉันเคยอ่านโรมานซ์ที่เปิดเปลือยการมีเซ็กส์มากกว่านี้หลายเท่า แต่ไม่รู้ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าปริมณฑลแห่งรักเล่มนี้โป๊มากในความรู้สึกของฉัน อาจเป็นเพราะ มันเป็นนิยายไทยกระมัง ตัวฉันยังไม่เคยอ่านนิยายไทยเล่มใด ที่เปิดเปลือยเรื่องเซ็กส์ ควบคู่ไปกับความรัก(หรือเปล่า?)..มากเท่านี้มาก่อน
หรือว่า..มันเป็นเซ็กส์ที่ไม่สื่อให้มองเห็นความงดงามของความรัก..ก็ไม่รู้ได้
เอ..หรือเป็นตัวฉันเอง ที่กำลังมีสองมาตรฐาน..ในมุมมองของการมอง เซ็กส์ มองความรัก..ค่านิยมโรมานซ์ไทย โรมานซ์ฝาหรั่งแตกต่างออกไป
หนังสือเล่มหนามากๆ..ฉันแทบไม่รู้ตัวเลยว่า เปิดอ่านไปด้วยรู้สึกเช่นไร ไม่ใช่การลุ้นความรักของพระเอกนางเอก ไม่มีปมขัดแยงให้ครุ่นคิด ยังไม่รู้ว่าจุดหักมุมอยู่ตรงไหน(เพราะฉันกำลังอ่านอยู่..ยังอ่านไม่จบ) รู้แต่ว่า..ฉันชอบ..ชอบเพราะอะไร ไม่มีคำตอบ เป็นความชอบที่ไม่เหตุผล เดี๋ยวจะเก็บหนังสือเล่มนี้ขึ้นชั้นวางให้เป็นหนังสือเล่มโปรดอีกเล่มค่ะ
หลายประโยคที่ชอบใจ โดนใจ สะดุดใจ ความรักที่แท้จริงคือความอ่อนแอ
เราจะรู้ตัวว่าอ่อนแอและรักใครอย่างแท้จริงก็ต่อเมื่อแหงนหน้าขึ้นมองดาว
"ถ้าเห็นดาวและคิดถึงใครบางคนจนร้องไห้...จะรู้"..อืม..มันก็จริงแฮะ ความรู้สึกนั้น ฉันก็เคยพบพานมาบ้างเวลาที่คิดถึงใครมากๆ...บางครั้งแค่มองดาว หรือลมพัดสะกิดหัวใจไหว แค่นี้ก็ทำให้ร้องไห้ได้เหมือนกัน
"ใครก็ตาม..ที่บอกว่ามีแสงดาวในหยาดน้ำตา..ถ้าไม่โกหก ก็เพราะว่าเป็นน้ำตาของคนอื่น"อืม..ม..ก็โดนใจอีก..ก็จริงแฮะ..เป็นความเศร้าของตัวเราเอง เราจะยังมองเห็น"แสงดาวในหยาดน้ำตา"อยู่ไหม?
"ผมรู้ผมเป็นใคร..คนอื่นต่างหาก ที่ไม่ยอมให้ผมเป็น"..นี่ก็ใช่โดนใจอีก แม้บางครั้งเราจะรู้ว่าตัวเราเองเป็นใคร หากสังคมไม่ยอมรับ เราก็เป็นได้แค่ "ตัวเราเอง..ที่ซ่อนเร้น"
ตอนเด็กๆ..ฉันคิดว่า
เมื่อโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่..ฉันจะมีอิสระ
เมื่อวันนี้..เป็นผู้ใหญ่ที่แท้จริง..ฉันถึงได้รู้ว่า
ไม่มีหรอก..อิสระที่แท้จริง
ทุกอย่างบนโลกใบนี้..มีขอบเขตเสมอ
แต่ไม่เป็นไรหรอกนะ..ฉันจะเรียนรู้การใช้ชีวิต
อย่างอิสระ..ภายใต้ขอบเขตที่พึงมี
ยังไม่มีเวลาอ่านรวดเดียวเลย