เดือนนี้เป็นเดือนที่การอ่านค่อนข้างแผ่วมากๆ สำหรับตอนต้นเดือน เพราะหยิบอะไรมาอ่าน ก็อ่านๆ ไปอย่างนั้น ไม่ค่อยเข้าไปในสมองเท่าไหร่ แต่พอปลายเดือน สี่ห้าวันที่ผ่านมา หยิบนิยายชุดธิโมส์ของดวงตะวันมาอ่าน แล้วกก็วางไม่ลง จนต้องอ่านต่อเนื่องจนครบชุด(เท่าที่มีในมือ)
ไปดูกันดีกว่าค่ะ ว่าเดือนนี้อ่านอะไรไปบ้าง...
1.Once Opon Sometime (ทรงศีล ทิวสมบุญ)
เล่มนี้เป็นหนังสือคล้ายๆ นิทาน ที่มีภาพประกอยสวยงามและมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร เป็นหนังสืออ่านง่าย แต่บางบทคมบาดใจ
2.แม่ผมอยากกินสับปะรด (เฉินสู่กวง)
เล่มนี้เป็นหนังสือแนววรรณกรรมเด็ก (เรียกอย่างนี้ถูกไหมหนอ) แต่สำหรับเรา คิดว่าเป็นวรรณกรรมที่เหมาะกับผู้ใหญ่มากกว่า คือสารที่หนังสือต้องการ (หรืออาจจะไม่ต้องการ)จะสื่อ(ก็ตาม) ผู้ใหญ่น่าจะเข้าใจได้มากกว่าเด็กนะ
3.ดื่มดินกินแดด (จักกาย ศิริบุตร)
เล่มนี้เป็นหนังสือแนวความเรียง(ได้ไหม?)กึ่งท่องเที่ยว เป็นการเล่าประการณ์ชีวิต ความสุข สวนเสเฮฮา สถานที่ท่องเที่ยว อาหารการกิน ในประเทศในแถบยุโรป...ผสมผสานกับรูปภาพประกอบ ที่สวยแปลกตาดี
4.คิดเป็น ชีวิตเปลี่ยน (ปราย โสภาศิริ)
เล่มนี้เป็นหนังสือแนวฮาวทู แบ่งออกเป็นบทๆ อ่านง่าย ใกล้เคียงชีวิตประจำวัน อ่านได้เพลิน ได้ข้อคิดเล็กๆ น้อยๆ และทำให้ความคิดหรือมุมมองในเรื่องต่างๆ เป็นเรื่องสบายๆ สวยงาม
5.Temt Me At Twilight มนต์เสน่ห์เล่ห์รัก (ลิซ่า เคลย์พาส)
เล่มนี้เป็นหนังสือเล่มที่สาม ของชุดแฮทธาเวย์ ที่ลิซ่ายังคงขยันเข็นออกมาเรียก (เงิน) รอยยิ้มและความสุขของแฟนๆ หนังสือของเธอค่ะ ยังคงความหวานและความโรแมนติกเต็มเปี่ยม ใครขาดน้ำตาลในชีวิต ก็หยิบมาอ่านเติมน้ำตาลในเส้นเลือดกันได้เลย มีมากมายเหลือล้น
6.Darkling I Listen รักร้ายในราตรี (แคทเทอรีน ซัตคลิฟฟ์)
เล่มนี้เป็นหนังสือนิยายโรมานซ์กึ่งสืบสวน ที่เข้มข้น ลึกลับซับซ้อนซ่อนเงื่อน พอให้คนอ่านตามลุ้น สงสัยใคร่รู้ไปด้วย ผสมผสานกับความรักเข้มข้นของนักข่าวสาวผู้เข้มแข็ง และอดีตพระเอกแห่งฮอลลิวูดที่แกร่ง ร้าย ก้าวร้าว แต่ลึกๆ ลงไป โหยหาความรัก และต้องพยายามบิดบังอดีตอันเลวร้ายที่เคยพบเจอในช่วงที่ดิ้นรนและถูกมารดาผลักดันให้เป็นคนดัง
7.บัลลังก์บุหลัน (ดวงตะวัน)
นวนิยายเล่มที่ห้าในชุดธิโมส์ คือผีเสื้อลายตะวัน เล่มนั้นเป็นเล่มที่เปิดเผยความจริง เกี่ยวกับประวัติศาสต์อันบิดเบือนไปจากความจริง กับเรื่องราวชีวิตในสงครามและความรักของคนเถื่อนแห่งอลันจา...กาย กามาเนซ
เล่มนี้เป็นภาคต่อของเล่มด้านบน เป็นเรื่องราวของเรทัต หลังจากสิ้นกายไปแล้ว ลูกหลานของพวกเขา คือผู้ที่กอบกู้แผ่นดินแสงดาวให้การเป็นปึกแผ่นอีกครั้ง...โดยการรวมตัวกันของ คิงเรทัต ครีราโมส์และน้องชายของเขาคืออินทัต ครีราโมส์ ...(และญีลา คนที่ทั้งสองคนรัก ดั่งน้องชายอีกคนหนึ่ง)
8.ณ ที่ดาว พราวพร่างรัก (ดวงตะวัน)
เป็นเรื่องราวของลูกหลานในตระกูลครีราโมส์ ในสายของเอลันตรา (ผู้สืบทอดสายเลือดมาจากฝั่งของอินทัต ครีราโมส์) เรื่องนี้จะเป็นเรื่องราวของการสืบหาคนร้าย โดยการวางแผนของเจ้าชายคู่แฝดในยุคปัจจุบัน นั่นคือ อินทัตและมาริศ ครีราโมส์ ...และจบด้วยการหายไปอย่างไร้ร่องรอยของ เอลัน ครีราโมส์ น้องสาวคนสุดท้องของตระกูล
พร้อมๆ กับความสงสัยของชาวธิโมส์ทั้งประเทศ ว่าในบันทึกประวัติศาสตร์ เหตุใดเมื่อสามพันปีที่แล้ว พี่น้องที่รักและสามารถตายแทนกันได้อย่าง เรทัตและอินทัต จึงบาดหมางจนต้องทำสงครามและแบ่งแยกครีราโมส์ให้ออกเป็นสองสาย คือสายบุหลันและสายเอลันตรา
9.เอลันตรา (ดวงตะวัน)
เล่มนี้เป็นเรื่องราวต่อเนื่องมาจากเล่มบน เป็นเรื่องราวของเอลัน ครีลาโมส์ ที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย แต่กลับมาโผล่ในดินแดนแผ่นดินแสงดาวเมื่อสามพันปีก่อน และเปิดเผยเรื่องราวทั้งหมดแก่คนอ่าน ว่าใคร และเพราะเหตุใด จึงทำให้ครีราโมส์ต้องแบ่งแยกออกเป็นสองสาย...โดยดำเนินเรื่องนี้ในช่วงต้นเรื่อง คู่ขนานไปกับช่วงเวลาของ บัลลังก์บุหลัน และ ณ ที่ดาวพราวพร่างรัก
10.รุ้งในลมหนาว (ดวงตะวัน)
เป็นเรื่องราวของญีลา (ผู้ที่เรทัตและอินทัตรักประดุจน้องชายคนหนึ่ง)...กับความรักของเขา และเป็นต้นกำเนิดเรื่องราวใหม่ ในบันทึกหน้าประวัติศาสตร์อีกเรื่อง คือเรื่องราวของนิทานปรัมปรา ว่าด้วยเรื่องรูปปั้นหญิงสาวเมื่อสามพันปีก่อน ที่ถูกสาปแช่งไว้ใต้ฐานว่า "จงเป็นของกูตูร์ชั่วนิรันดร์"...และตำนานคนบ้าเฝ้าตีนถ้ำเคเชรี และที่ไปที่มาของเพชรวาโญ
11.สดับเสียงรัก (ดวงตะวัน) ...กำลังอ่านอยู่ค่ะ ...คาดว่าจะจบลงในคืนนี้...
ปล. ทุกเรื่องทั้งหมดในชุดธิโมส์ (ถ้าไม่ขี้เกียจเสียก่อน) เราคิดว่าจะนำมารีวิวใหม่ทั้งชุด ในรายละเอียดปีกย่อย (ที่ดวงตะวันอัดใส่เข้ามาอย่างมากมายเหลือเกิน) ในทุกเล่ม เรื่องราวเหมือนจะจบ แต่มันก็เหมือนไม่จบ ถ้ามองให้ลึกเข้าไป และพยายามจับประเด็น ยังมีเรื่องราวของอีกมาย ที่ยังไม่ได้เฉลย และผู้เขียนสามารถนำมาแตกย่อยได้อีกเยอะ ดังนั้นคงต้องรอผลงานชิ้นต่อไปของดวงตะวันอย่างใจจดใจจ่ออีกแล้วค่ะ