จงวางใจในรักแรกพบ
แต่งงานกับคนที่คุณรักจะพูดคุยด้วย
เพราะเมื่อแก่ตัวลง สติปัญญาและไหวพริบ
ในการสนทนา...จะสำคัญกว่าอย่างอื่น
เมื่อมีคนถามในสิ่งที่คุณไม่อยากตอบ...จงยิ้มให้เขา
แล้วถามกลับว่า "จะอยากรู้ไปทำไมกัน"
จงจำไว้ บางครั้งความเงียบคือคำตอบที่ดีที่สุด
ทุกครั้งที่รับโทรศัทพ์ จงยิ้มไปด้วย
คนที่โทรมา จะได้รู้สึกสดใส
อ่านหนังสือให้มากขึ้น ดูทีวีให้น้อยลง
เมื่อสูญเสียอะไรไป จำไว้ว่า...
มันไม่ได้สูญเสียบทเรียนไปด้วย
เมื่อขอโทษใคร จงมองตาคนที่เราขอโทษด้วย
เมื่อบอกกับใครว่า...ฉันรักคุณ
โปรดจงหมายความตามนั้นจริงๆ
...สิ่งๆเล็กๆ ดีๆ ในชีวิต...ปราย พันแสง...
เมื่อรักใครคนหนึ่ง...
จึงไม่สำคัญเลยว่าเราจะได้กอดกันหรือไม่
ความรักบางอย่างในชีวิต
คนเราเอื้อมไม่ถึง สัมผัสไม่ได้
เหมาะสำหรับเอาไว้มองดู...
ไว้ชื่นชมอยู่ไกลๆ
ดวงไฟประภาคารสวยล้ำค่า
ยามที่เราล่องเรืออยู่ในทะเลจนหาทางกลับไม่ได้
แต่เราจ้องดูดวงไฟ
เพียงให้รู้ว่าควรเดินหน้าไปในทิศทางใด
ใช่ว่าเราจะต้องเบนหัวเรือ
เพื่อมุ่งไปจอดเทียบท่าหน้าประภาคารเสียเมื่อไหร่
ได้รักเธอ...ประภาคารก็ดูสวยดี
คนที่ฉันกอดได้ ทำให้โลกนี้สดชื่นสว่างไสว
อย่าสนใจเลยนะคนดีว่ารักเธอแล้วฉันคนนี้จะกอดใคร
แค่เชื่อว่าฉันรักเธอตลอดไป...เพียงพอแล้ว
...รักเธอ กอดคนอื่น...ปราย พันแสง
ใครอ่านเจอบทความด้านบนนั้น ก็คงร้องอ๋อเป็นเป็นทิวแถว เพราะว่าคงจะคุ้นหู คุ้นตา คุ้นใจกันเป็นอย่างดี เพราะมันช่างโดน โด๊น โดนใจกันสุดๆ ไปเลย...ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน ไม่ว่าคนเขียน จะตั้งใจเขียนสื่อความนัยใดๆ แบบไหน ก็ตาม แต่คนอ่าน (อย่างเรา) อ่านแล้วรู้สึกแบบนี้
ฝ่ายประภาคารที่ยืนหยัดอยู่กับที่ก็คงมีความสุข แม้จะโดดเดี่ยวแต่ก็รับรู้แต่โดยดีว่ายังมีคนรัก มีคนเฝ้ามองอยู่ห่างๆ อีกด้านฝ่ายคนกอดนั้น ก็คงมีสุขอยู่ลึกๆเช่นกัน เพราะรู้ดีแก่ใจ ว่าจุดมุ่งหมายของสายตาอยู่ที่ตรงไหน...แต่อีคนถูกกอดนี่สิ คงเศร้าพิลึก เพราะขณะที่ถูกโอบกอดไว้ในอ้อมแขนนั้น คงได้แต่สังสัยในใจว่า "เธอกอดฉัน แต่หัวใจเธอกอดใคร"
...ฉันมีประภาคารของฉัน เขาจะมีประภาคารของเขาไหม แล้วฉันเล่าเป็นประภาคารของใคร ช่วยตอบที...
...หนังสือเล่มนี้ เป็นหนังสือเล่มแรกๆ ที่ทำให้ฉันหันมาเริ่มอ่านหนังสือแนวนี้ สั้นๆ คมๆ แต่ว่ากินใจ...
อย่างที่เคยเล่าให้ฟังในบล็อกก่อนๆ ว่าได้มีโอกาสได้คุยกับเพื่อนคนหนึ่ง ซึ่งเธอบอกว่าหนังสือของปราย พันแสง (เล่มนี้) ไม่ค่อยคุ้มค่ากับราคาเท่าไหร่นัก เพราะตัวหนังสือน้อยมาก หน้ากระดาษว่างเปล่าเยอะเกินไป (ซึ่งก็จริงของเธอ)
...แต่ตัวฉันเองกลับหลงเสน่ห์หนังสือที่จัดเรียงตัวอักษรแบบนี้ เช่นเดียวกับที่ฉันหลงเสน่ห์ภาษาฟุ้งๆ ฝันๆ หวานๆ ของปราย...
และเพื่อนคนเดิมคนเดียวกันนั้น ได้แสดงความคิดเห็นต่าง...ว่าหนังสือเล่มนี้เป็นการใช้ภาษาเขียนที่ฟังดูฟุ้งๆ ฝันๆ และเว่อร์กว่าความเป็นจริง เหมือนกับว่านักเขียนกำลังล่องลอยอยู่ในโลกคนละใบกับหมู่เราชาวมนุษย์ทั่วๆ ไป...ฟังคำวิจารณ์ของเพื่อนแล้วก็ขำๆ ดี
...แต่แม้ว่าเราจะคิดต่างกันสุดขั้วกับความรู้สึกหลังอ่าน ฉันเกลียดเธอ ฉันรักเธอ...ชีวิต เล่มนี้ แต่วงสนทนาย่อมๆ ของเราในวันนั้น มีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ
อย่างน้อยมีสิ่งหนึ่งที่เราเข้าใจตรงกันว่า ถ้าเราจะเป็นเพื่อนกัน จงเข้าใจกันและกัน ยอมรับความชอบของกันและกันก็พอ...
บางครั้ง จำนวนตัวหนังสือก็เหมือนคำพูด
คือ ไม่ต้องมาก แต่ว่ายิงโดนประเด็นและได้อารมณ์
พอแล้วล่ะค่ะ ... เพราะมันก็เหมือนคน ที่ไม่ต้อง
อ้อมค้อมให้ดูดี เพราะมันเสียเวลา ... โดนเป๊ะๆ
เอาให้ ณ เวลานี้หรือว่าเวลาหน้ามันก็ยังเป็นอะไร
ที่โดนเสมอค่ะ ...